ทันทีที่จางเทาพูดกระซิบเบาๆ แต่เขาจงใจพูดเสียงดังแบบกะทันหัน และตะโกนว่า "แกไม่น่าจะมาบริษัทเพื่อประหยัดเงินอาหารกลางวัน ใกล้ถึงเวลาแล้วจะมาบริษัทขอกินฟรีป่ะ แกยอดเยี่ยมจริงๆ แกยุ่งทุกวันกับการส่งสินค้าเพื่อหาเงินแล้ว ทำไมยังต้องมาขอกินมื้ฟรีล่ะ แกจะร่ำรวยได้เมื่อไหร่อ่ะ "เสียงของจางเทาทำให้เพื่อนร่วมงานรอบตัวเขาหัวเราะดัง ๆในบริษัทนี้มีเพียงไม่กี่คนยอมเคารพหลินเซียว เพราะทุกคนรู้สึกละอายที่จะอยู่กับพนักงานส่งของพนักงานอื่นๆ ในอาคารนี้มักจะมาที่นี้ถามในเวลาพัก "ทางคุณเป็นบริษัทขนส่งหรอ ทำไมยังรับพนักงานจัดส่งอ่ะ"เนื่องจากเรื่องนี้ ทุกคนรู้สึกว่าน่าละอายมากที่ทำงานกับหลินเซียวในบริษัทเดียวกันพวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นพนักงานออฟฟิศที่มีฐานะสูง ก็จะไม่เต็มใจจะอยู่กับหลินเซียวที่เป็นคนจนผู้น่าสงสารในสายตาของทุกคน การจัดส่งสินค้าที่เป็นตัวตนของหลินเซียวนั้นจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เพื่อนร่วมงานเห็นหลินเซียวในบริษัท ต่างก็จงใจเยาะเย้ยเขาสองสามคำเพื่อบีบบังคับเขาให้ลาออก วันนี้ความฝันของเพื่อนร่วมงานพวกนี้จะเป็นจริงในที่สุดหลินเซียวเริ่มจัดเก็บสิ่งต
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ในสำนักงานและด่าว่าทุกคน เธอชื่อซูหวั่นเอ๋อร์ อายุเพียง 25 ปีในปีนี้เธอดูสวยงามและเซ็กซี่มากในขณะนี้เธอสวมสวมชุดเดรสทำงานสีดำเรียบง่ายอยู่แต่เธอสวมเหมือนเป็นนางแบบเซ็กซี่บริษัทมีผู้ชายหลายคนมักพูดถึงร่างกายเธอในเวลาว่างทุกคนก็อยากมีแฟนสาวที่มีรูปร่างแซ่บๆ แบบนี้แต่ผู้ชายเหล่านี้ ก็ทำได้แค่พูดเท่านั้นเพราะว่าซูหวั่นเอ๋อร์ไม่เพียงแต่จะสวยงามและเซ็กซี่ แต่เธอยังเป็นประธานสาวของบริษัทนี้ด้วยภายใต้การดุว่าของซูหวั่นเอ๋อร์ พนักงานทุกคนก้มหน้าด้วยความอับอายในสำนักงานแท้จริงแล้ว พวกเขากำลังจะสาปแช่งหลินเซียวอย่างลับ ๆ ในใจไปด้วยหากหลินเซียวไม่ได้กลับที่บริษัทในเวลานี้ ที่ทุกคนทำเมื่อเช้านี้คงไม่เปล่าประโยชน์หรอกซูหวั่นเอ๋อร์กวาดสายตาไปทั่วสำนักงาน ในที่สุดก็มองไปที่ตัวหลินเซียว ซึ่งยังเก็บของส่วนตัวของเขาเองอยู่"หลินเซียว คุณตามฉันสำนักงานค่ะ" ซูหวั่นเอ๋อร์พูดกับหลินเซียวอย่างจริงจังพอดีที่หลินเซียวก็จะไปหาซูหวั่นเอ๋อร์เพื่อลาออกดังนั้นเขาจึงวางสิ่งต่างๆ ไว้ และเข้าไปที่สำนักงานประธานตามซูหวั่นเอ๋อร์หลังจากหลินเซียวมาถึงสำนักงานประธานที่เต็มไปด้วย
อย่างไรก็ตาม คำพูดง่ายๆ ของหลินเซียวทำให้ความมั่นใจของซูหว่านเอ๋อร์หายไป"ขอบคุณที่ประธานซูสละเวลา วันนี้ผมมาบริษัทเพื่อขอลาออกครับ"ซูหว่านเอ๋อร์ตะลึงทันที เธอคิดว่าหลินเซียวไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเธอแต่เอาเข้าจริงแล้วก็คือหลินเซียวไม่ใช่แค่ปฏิเสธซูหว่านเอ๋อร์ แถมยังปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาด้วยเมื่อเธอกำลังจะถามเหตุผลของหลินเซียว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซูหว่านเอ๋อร์หยิบมือถือมาแล้วเดินออกไปรับสายที่ข้างนอกหลินเซียวไม่ได้ยินเสียงคนที่โทรมา แต่เขาได้ยินซูหว่านเอ๋อร์พูดเรื่องอะไร"เถ้าแก่จ้าวค่ะ อย่าตกใจฉันนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันถามคุณหลายครั้งแล้ว คุณบอกว่าตัดสินใจลงทุนโครงการนี้ ฉันได้ลงทุนหมดแล้ว ตอนนี้ โครงการไปได้แค่ครึ่งทาง แล้วคุณบอกว่าคุณไม่ลงทุนต่อแล้ว นี่คุณล้อเล่นใช่ไหมคะ?"“ฉันรู้ว่าเราไม่ได้เซ็นสัญญาโครงการนี้ นี่ไม่ใช่ความเชื่อใจเหรอคะ? ห่วงโซ่เงินทุนของฉันกำลังจะขาดแล้ว คุณยังไม่อยากลงทุนตอนนี้ แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ?" "เถ้าแก่จ้าวคะ คุณคิดว่า ... เฮ้ เถ้าแก่จ้าวคะ เฮ้ นังนี่หนิ!!!"หลังจากนั้น ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกเหมือนจะเป็นลม ถอยโซเซ มือถือก็จะหลุดจากมือ ม
หลินเซียวนั่งอยู่โต๊ะของตัวเองเพื่อรอให้ซูหว่านเอ๋อร์กลับมาและรอให้ตัวเองกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนี้ โดยไม่คิดว่า ซูไม่ได้กลับมา แต่หวังม่านนีและจ้าวเสี่ยวเลี่ยงกลับมาที่บริษัทแทนทันทีที่หวังม่านนีเดินเข้าประตูของบริษัทมา จางเทาพุ่งมาตรงหน้าเธอด้วยความโกรธและด่าทอเธอ "หวังม่านนี พวกเรารอคุณอยู่ รีบหน่อย! คืนเงินมาซะ! ให้ตายเถอะ! หลินเซียวเป็นบ้าอะไร? ผู้ชายเลวนั่นฟ้องกับประธานซูลับหลังเรา ทำให้พวกเราทุกคนถูกปรับเงินเดือนทั้งเช้าเพราะเขาคนเดียว ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องนี้ รีบจ่ายเงินคืนทุกคนซะ!"จางเทาแผดเสียงก้องกับหวังม่านนีที่เพิ่งเข้ามา มันทำให้หวังม่านนีได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่ที่ประตูหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินจากเสียงด่าของเพื่อนร่วมงานรอบเธอข้าง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัทเมื่อกี้นี้หวังม่านนีโกรธมาก เพราะเธอกับหลินเซียวหย่ากันแล้ว แต่ไอ้โง่คนนี้ยังทำให้เธอต้องอับอายเธอโกรธมากจนทนไม่ไหวว เลยเอาใบหย่าออกจากกระเป๋าและยกมันขึ้นมา พูดกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทว่า "ทุกคนดูดีๆ นะ ฉันกับหลินเซียวหย่ากันแล้ว นี่ยังไงล่ะใบหย่า ตั้งแต่เป็นต้นไป เราแยกย้ายกันแล้ว ไ
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวเสี่ยวเลี่ยงยกมือให้หยุดทำทุกอย่างเพื่อนร่วมงานที่ล้อมรอบและตำหนิหลินเซียวนั้นเงียบลงจ้าวเสี่ยวเลี่ยงเปิดตาเดียวของเขา ยิ้มอย่างมีเลศนัย และเดินไปข้างหน้าของหลินเซียวและกระซิบว่า "ถูกต้องเลย จางเทาก็คือหมารับใช้ของผม ทุกคนเจาะจงแกครั้งแล้วครั้งเล่า ก็คือผมให้เขายุยง ผมทำสิ่งเหล่านี้ ก็เพื่อได้หวังม่านนี และให้เธอหย่ากับแก แกมันไอ้โง่แค่คนส่งพัสดุ ""ทำไมแกไม่มองดูตัวเองบ้างล่ะ แกรู้สึกเหมาะกับหวังม่านนีไหมล่ะ แกมันไอ้คนจนไม่เหมาะสมเลยเข้าใจไหม""ตอนนี้แกโกรธ โมโหมากใช่ไหม อยากตีผมมากใช่ไหม มาเลย ตีเลยสิ "จ้าวเสี่ยวเลี่ยงพูดอย่างกำเริบเสิบสานในหูของหลินเซียวหลังจากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลัง ชี้จมูกของหลินเซียว ดุด่าอย่างไร้ความปราณี "หลินเซียว ผมบอกเลยว่า รถนั้นเป็นรถ BMW Z4 ระดับไฮเอนด์ใช้เงินหลายแสนบาทเลยนะ ผมไม่สนว่าคุณขายเลือด ขายไตหรือขายตัว รีบชดใช้รถใหม่มาให้ เรื่องนี้ก็จบ ไม่งั้นผมจะแจ้งความ มันจะแย่มากนะ ถ้าลงโทษจะถูกกักตัวเป็นสิบปี ดูสิว่าคุณจะออกมาได้ยังไงหลังจากจางเทาถามหวังม่านนีเกี่ยวกับรถสปอร์ตของจ้าวเสี่ยวเลี่ยง เพื่อนร่วมงานที่อยู่ล้อมรอบก็
ในบริษัทประธาน ซูหว่านเอ๋อร์พิงเก้าอี้ น้ำตาไหลด้วยความน้อยใจน้ำตาไหลจากดวงตาที่สดใสเธอโกรธมากสำหรับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตะกี้นี้เธอไปที่บริษัทของเถ้าแก่จ้าว เขาขอให้ซูหว่านเอ๋อร์ไปนอนที่เลานจ์กับเขาด้วย ไม่อย่างนั้น การลงทุนที่ตามมาของโครงการนั้นจะไม่ได้ดำเนินต่อซูหว่านเอ๋อร์วิ่งออกไปจากประตู เพราะเธอจะไม่ยอมทำแบบนี้ตลอดมา เธอพึ่งพาความสามารถของตัวเองในการสร้างอาชีพของเธอเองในเวลาเดียวกัน ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกเสียใจที่ได้ทำผิดไปเธอดุด่าว่าตัวเองในใจมีประสบการณ์ไม่พอ เมื่อเธอพูดคุยกับเถ้าแก่จ้าว เธอไม่ได้คิดว่าต้องทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับรายละเอียดของการร่วมธุรกิจตอนนี้มีทางสองทางอยู่ข้างหน้าเธอ ไม่ว่าจะนอนกับเถ้าแก่จ้าวหรือให้บริษัทของเธอจะล้มละลายเพราะปัญหาเกี่ยวกับการลงทุนที่ขาดไปสี่สิบล้านบาทด้วยทางแรกเธอจะไม่เลือกแน่นอนหรือว่าเธอแค่เฝ้าดูบริษัทที่เธอก่อสร้างมาล้มละลายไปกับตาเมื่อซูหว่านเอ๋อร์กลั้นน้ำตาเพราะคิดหาทางออกอะไรก็ไม่ออก ประตูของสำนักงานก็ถูกเคาะและมีคนเข้ามาด้วยซูหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาและพยายามจัดการอารมณ์ตัวเองเธอควบคุมอารมณ์ของเธอได้ดี หมุนเ
หุ้นส่วนหรอ?ซูหว่านเอ๋อร์ให้หลินเซียวเป็นผู้จัดการทั่วไปของแผนกการบริหารโครงการของบริษัท แต่ให้แค่ให้เงินเดือนเริ่มต้นและคอมมิชชั่นของโครงการ ไม่ได้ตั้งใจจะให้หุ้นของบริษัทหลินเซียวก้มหน้าลงและเล่นมือถือของเขาและพูดกับซูหว่านเอ๋อร์ได้อย่างง่ายๆ ว่า "ผมคิดไว้แล้วถ้าตอนนี้บริษัทได้เงินทุนสี่ร้อยล้านบาท โครงการนี้คงจะดำเนินตามแผนได้นะ ถ้ามีเงินโฆษณาอีกสิบล้านบาท ตามความสามารถของประธานซู โครงการนี้คงจะสมบูรณ์มากขึ้น "หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซียวแล้ว ซูหว่านเอ๋อร์ก็ตะลึงทันทีงบประมาณดังที่กล่าวของหลินเซียวเกือบจะเหมือนที่ซูหว่านเอ๋อร์ประเมินไว้เลยเธอไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับใคร ทำไมหลินเซียวรู้เมื่อซูหว่านเอ๋อร์สงสัย หลินเซียวก็เลยวางมือถือของเขาลงเขาจ้องมองตาของซูหว่านเอ๋อร์อย่างแน่ใจว่า "ผมจะลงทุนหกสิบล้านบาทให้บริษัทของคุณ และคุณโอนหุ้นของบริษัทห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ให้ผมด้วย คุณมีสัดส่วนสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ในบริษัท เงื่อนไขนี้ ประธานซูคิดว่ายังไงครับ"ซูหว่านเอ๋อร์ตาค้าง แล้วกระโดดขึ้นแล้วพูดว่า "ล้อเล่นอะไรของคุณเนี่ยหลินเซียว คุณมาที่นี่ก็เพื่อแกล้งฉันหรอ คุณคิดว่าหกสิ
หลินเซียวพูดขึ้นด้วยสีหน้าท้อแท้ “ประธานซู ผมก็ไม่ได้พูดเล่นกับคุณครับ ผมพูดจริงครับ!”“ได้ พูดจริง พูดจริงใช่ปะ?”ซูหว่านเอ๋อร์ถอดเสื้อโค้ตของชุดสาวออฟฟิศออก ด้านในสวมเสื้อซับในสีชมพูอ่อนแนบร่างสุดเร่าร้อนของเธอไว้เธอข่มโทสะในใจเอาไว้ เนินอกที่งดงามของเธอกระเพื่อมขึ้นลงอย่างไม่อาจควบคุมได้เธอเปิดคอมพิวเตอร์ และค้นเจอสัญญาความร่วมมือโครงการที่เตรียมไว้ให้เถ้าแก่จ้าวยื่นนิ้วมือขาวเรียวเนียนกดแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์อย่างความรวดเร็ว หลังแก้ไขเนื้อหาอยู่หลายข้อ ไม่นานนัก เครื่องปริ้นท์ที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มทำงานทันใดนั้น สัญญาโอนสิทธิ์ผู้ถือหุ้นบริษัทฉบับสมบูรณ์ก็ถูกปรินท์ออกมาจากเครื่องปรินท์ซูหว่านเอ๋อร์หยิบปากกาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเซ็นชื่อตนเองลงบนสัญญาอย่างคล่องแคล่วเธอเหวี่ยงสัญญามายังตรงหน้าของหลินเซียวในทันที “มา แค่คุณโอนเงินหกสิบล้านเข้าบัญชีของบริษัท สิทธิ์ผู้ถือหุ้นของบริษัทห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ก็จะกลายเป็นของคุณ”“นอกจากนี้ ฉันได้เพิ่มข้อตกลงให้คุณอีกหนึ่งข้อ ถ้าวันนี้คุณสามารถทำตามสัญญาได้ล่ะก็ นับตั้งแต่วันนี้ไปซูหว่านเอ๋อร์คนนี้จะเป็นผู้หญิงของคุณ!“เซ็นสิ ไม