43- ความเจ็บปวด –“ฮ่า....ฮ่า....คุณเอ็ดเวิร์ดคุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า คุณฟ้าน่ะ คู่หมั้นผมนะครับ” คุณเรืองฤทธิ์พูดออกมาอย่างไม่อายปาก ทำให้คุณเอ็ดเวิร์ดจ้องตามาที่ฉัน ฉันจึงส่ายหัวไปมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่แล้วคนที่จับตัวฉันก็จับคางฉันแน่นต่อหน้าพี่เขา จนเขาตกใจ“มึงจะทำอะไรฟ้า ปล่อยฟ้ามาแล้วพวกกูจะไม่เอาเรื่องพวกมึง”“จะเชื่อคุณเอ็ดเวิร์ดได้ยังไงกันครับ” สส.เรืองฤทธิ์พูดพลางยกยิ้มมุมปาก“กูจะไม่พกอาวุธเข้าไป” พี่เขาไม่พูดเปล่าหันไปมองคุณมาตินกับคุณเจเดน ก่อนจะให้ทุกคนเก็บอาวุธ และเขาก็วางอาวุธไว้กับพื้นพร้อมยกมือค่อย ๆ เดินเข้ามา“ไม่นะ พี่อย่าเข้ามาปล่อยให้ฟ้าไปกับเขาเถอะ ฉันไม่อยากให้พี่เดือดร้อน ฮืออออ.....” ฉันร้องไห้โฮออกมาสะอื้นร่ำไห้เสียงดังจนตอนนี้ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำใส ๆ แต่เขาก็ยังเดินเข้ามาแบบนั้น“พวกมึงเตรียมตัว กูจะยิงมัน” เสียงกระซิบของคุณเรืองฤทธิ์ ที่เอ่ยต่อลูกน้องของตน และฉันก็ได้ยินเต็มสองรูหู“หนีไป..................พี่เอ็ดหนีไปเดี๋ยวนี้.....” เพียงฉันตะโกนออกไป‘ปัง!!!!!!’ เสียงปืนจากมือของ สส.เรืองฤทธิ์ดังลั่นจนหูฉันวิ้ง ทำให้ฉันเบิกตาโตค้างไปทั้งแบบนั้นภา
42- คู่หมั้นเก่า??? ที่แสนเลว –ฉันเบิกตาโตอ้าปากค้าง เมื่อได้รับฟังสิ่งที่ สส.เรืองฤทธิ์พูดออกมา ความจำอันแสนเลือนรางนั้นค่อย ๆ ทำให้ฉันนึกมันออกฉันจำได้ในช่วงห้าปีก่อนที่ฉันยังเรียนมหาลัย และในวันหนึ่งขณะที่ครอบครัวฉันรวมตัวกันทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างเคย พ่อกับแม่ก็เอ่ยบางสิ่งให้ฉันรับรู้ถึงการมีตัวตนของคู่หมั้น (ที่ฉันไม่เคยรู้จักเลย)พ่อเคยบอกว่าเพราะธุรกิจกำลังเติบโตได้ดี จึงมีแผนที่จะขยับขยายท่าเรือในการรับส่งสินค้าได้มากขึ้น จึงได้คิดจะทำสัญญาร่วมกับบุคคลหนึ่ง ตอนแรกนั้นดูเหมือนจะเป็นการร่วมธุรกิจทั่วไป ฉันน่าจะเคยเจอพวกเขาสักครั้งเนี่ยแหละมั้งก่อนวันที่พ่อจะมาพูดเรื่องหมั้นแต่จำหน้าเขาไม่ได้หรอก ไม่คิดเลยว่าคน ๆ นั้นคือเขาที่อายุดูจะมากกว่าฉันตั้งเกือบ 10 ปีด้วยซ้ำฉันไม่ยอมรับหรอกคู่หมั้นก็แค่ลมปาก แล้วฉันนั้นก็เถียงพ่อกับแม่หัวชนฝาด้วยว่าไม่มงไม่หมั้นเด็ดขาด ดังนั้นฉันไม่นับว่าเขาเป็นคู่หมั้นของฉัน“ฉันไม่เคยมีคู่หมั้น...” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฉายแววตาเด็ดเดี่ยวที่จะตอบออกไป ใครจะไปสนใจคำว่าคู่หมั้นลมปากกัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นเหมือนฉัน เขาจับคางฉันแรงแน่นมากจนรู้
41- ลักพาตัว –ฉันเดินตรงดิ่งมายังห้องนอนตัวเอง หยิบโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าที่เก็บซ่อนไว้ไม่เคยเปิดออกมาใช้งาน จึงได้แต่ภาวนาว่ามันจะยังใช้ได้อยู่“โอ้...ขอบคุณพระเจ้า ยังเปิดได้อยู่แหะ..” ฉันแชร์ Wifi จากมือถือก่อนจะโอนข้อมูลของบริษัทที่อยู่ในเครื่องพ่อไปยัง GDrive ของฉันและสำรองไปยังของคุณเอ็ดเวิร์ดด้วย มันใช้เวลาไม่นานนักเพราะส่วนใหญ่เป็นไฟล์เอกสาร จากนั้นก็ทำการลบข้อมูลให้หมดและเก็บโน๊ตบุ๊คไว้ที่เดิม‘ตื้ด......ตื้ด.....’ เสียงมือถึงของฉันดังขึ้น เมื่อหยิบมาดูก็พบว่าเป็นเขาที่โทรเข้ามา“ฮัลโหล...ว่าไงคะ”(ฟ้า....อยู่ไหน ผมกลับมาที่ห้องไม่เห็นคุณ)“เอ๊ะ...พี่ถามแปลก ๆ ก็พี่ส่งลูกน้องคนสนิทที่ใส่แว่นมารับฟ้าให้ไปหาพี่ไม่ใช่เหรอคะ”(หืม...ว่าไงนะ) เสียงของปลายสายมีท่าทีตกใจ“พี่เอ็ดเวิร์ด งงอะไรรึเปล่า แกล้งฟ้ารึเปล่านา.....” ฉันพูดหยอกแหย่เขาไป เขาจะไม่รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ไหนส่งลูกน้องมาตามขนาดนี้ มองทอดสายตาผ่านหน้าต่างที่สามารถมองเห็นรถเก๋งหน้าบ้านซึ่งก็ยังจอดอยู่(ฟ้าครับ ฟังพี่ดี ๆ นะ รับ พี่ไม่ได้สั่งใครให้ไปรับฟ้า คนที่ไปอาจเป็นพวกหนอนของสส.เรืองฤทธิ์ ฟ้ารีบหนีไปจากมันเดี๋ยวนี้ เด
40- หมูกระทะ(2) –พวกเราสามคน ยืนอยู่หน้าร้านมองดูผู้คนเดินกันขวักไขว่กันเนื่องแน่น จนคนล้นออกมานั่งรอกันนอกร้าน“กรีน แน่ใจนะว่าพวกเราจะได้กินอะ ดูคนดิ” เมย์หันไปมองกรีน“ได้กินแน่นอนดิ ฉันจองโต๊ะที่ดีสุด ๆ นั่งติดริมแม่น้ำเลยนะ จ่ายไปก่อนแล้วด้วย เมย์ ฟ้า ไม่ต้องห่วงมื้อนี้ฉันตั้งใจเลี้ยงพวกเธอจริง ๆ นะ” กรีนแทรกกลางระหว่างเราสองก่อนจะตบบ่าเบา ๆ แล้วลากพวกเราเข้าไปในนั้นเสียงผู้คนเซ็งแซ่ตลอดทาง ร้านนี้ออกจะกว้างขวางแต่จำนวนคนมาใช้บริการมันมากมายจนทำให้มันดูคับแคบไปทันที แค่เห็นก็เดาได้ว่าต้องอร่อยมากแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่มีคนมารอทานมากจนล้นร้านขนาดนี้“นี่คือโต๊ะที่พวกคุณจองไว้ครับ” เสียงบริกรเดินนำทางพวกเรามายังโต๊ะที่จองไว้ กรีนเลือกโต๊ะได้ดีจริง ๆ นอกจากจะอยู่ห่างจากจุดแออัดแล้ว ตรงนี้ยังวิวสวยเห็นแม่น้ำสายหลักของเมืองที่สวยงามรับกับแสงไฟนีออนจริง ๆ อากาศก็โปร่งเพราะเป็นโซนระเบียงที่ถูกยื่นออกมาคาบเกี่ยวกับแม่น้ำสายนี้“เป็นไงพวกแกชอบมั้ย ฮี่...” กรีนกอดอกราวกับภูมิใจนำเสนอ ซึ่งฉันกับเมย์ก็ต้องยอมรับว่าเธอเลือกร้านได้ดีสุด ๆ จนต้องยกนิ้วโป้งบอกว่าเยี่ยมยอดพวกเราไม่รู้อดอยากมาจากไห
39- หมูกระทะ(1) –เช้าวันใหม่ดวงตาฉันเปิดออกรับแสงอรุณที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอน เปลือกตาที่ยังยากที่จะลืมตาตื่นขึ้นค่อย ๆ อ้าเปิดรับแสงเอาจริงฉันแทบไม่ได้นอนเลย ตอนแรกก็เหมือนสลบไสลไปแล้วนะ แต่พี่เขาก็สะกิดตื่นมาต่ออีกยก แล้วพอเสร็จกามารมณ์สักพักก็ถามว่าฉันยังไหวมั้ยอยู่นั่น ฉันเองก็ดื้อดึงอวดเก่งไม่ยอมแพ้บอกว่ายังไหวไปสุดท้ายเป็นยังไงนะเหรอ ก็นอนเกือบตีสี่ แล้วตื่นมาอีกทีก็ตอนเจ็ดโมงเช้าเนี่ยแหละ ถ้าไม่ได้ตั้งนาฬิกามือถือไว้ปลุก อย่าได้หวังเลยว่าฉันจะตื่นได้ฉันที่กำลังจะยกมือมาขยี้ตา แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เพราะแขนหนาสองข้างของเขากอดฉันไว้แน่นไม่ยอมคลายเลยตั้งแต่นอนกันมา พี่เขาก็เว่อร์รัดตัวฉันอย่างกับฉันจะหนีไปไหนงั้นแหละตอนนี้เนื้อตัวก็เหนียวสุด ๆ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าเหนียวอะไร พวกเรายังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ผ่านมากี่น้ำต่อกี่น้ำโอ๊ยอยากอาบน้ำแล้วฉันค่อย ๆ ใช้มือข้างหนึ่งที่พอขยับได้ แงะมือเขาที่กอดร่างฉันอยู่อย่างเบามือที่สุด เพราะไม่อยากรบกวนการนอนของเขาแต่ไม่ทันที่ฉันจะลุกออกจากเตียง ฉันก็โดนคว้าเอวล้มลงไปนอนตามเดิมแถมยังโดนประโคมรอยจูบไปทั่วหน้าอย่างออดอ้อนจ
38- รักกันปานจะกลืนกิน –คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายรุกจูบเขาบ้าง ฉันอยากทำมานานแล้ว เรียวปากบางของฉันพยายามที่จะประกบจูบเขาอย่างเคอะเขิน ก็นะฉันไม่เคยจูบใครจริงจังเลยนินา (ไม่นับตอนเมาเพราะมันจำความรู้สึกไม่ได้ด้วยซ้ำ)แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าก็ปล่อยให้ฉันจูบเงอะงะแบบนั้นพลางใช้ริมฝีปากตัวเองคอยชี้นำบ้างเป็นครั้งคราว สายตาของเขาที่ก้มมองมานั้นกรุ้มกริ่มด้วยความพอใจกับการกระทำของฉัน“อ่ะ..พี่คะทำอะไรน่ะ” จู่ๆ เขาก็ยกตัวฉันขึ้น จนฉันต้องใช้มือคล้องคอเขาสองขาเกี่ยวกับเอวเขาไม่ให้ร่วง ฉันเกาะเขาแน่นเพราะรู้สึกเหมือนจะร่วงอยู่ตลอดเวลา สองมือแกร่งของเขาก็กอบกุมแก้มก้นทั้งสองของฉันไว้ก่อนจะพาร่างของฉันเดินเข้าไปในห้องนอนที่เปิดไว้รออยู่แล้วเขาวางตัวฉันนอนราบกับเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยัดแขนทั้งสองข้างคร่อมฉันอยู่ สายตาที่เขาก้มมองมาเจ้าเล่ห์ใบหน้าเขาแดงก่ำจนทำให้ฉันรู้สึกร้อนผ่าวไปด้วย“สวยจังครับ” เขาไม่พูดเปล่าแต่กลับเลื่อนสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนั้น ในขณะที่ฉันสติดีครบถ้วน ฉันอายมากอายจนมือไปคว้าหมอนมาปิดหน้าอย่างรวดเร็วฉันรู้สึกว่าร่างกายแกร่งที่อยู่ด้านบนลงมาทับอยู่บนตัวฉันจนรู้สึกอึดอ