Home / วัยรุ่น / ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก / Nevermind :: CHAPTER 11 อดีตที่ไม่อาจลืมเลือน [100%]

Share

Nevermind :: CHAPTER 11 อดีตที่ไม่อาจลืมเลือน [100%]

Author: Sweet_Moon
last update Last Updated: 2025-05-12 17:42:47

Nevermind : 11

อดีตที่ไม่อาจลืมเลือน

:: Tham Talk ::

ย้อนกลับไปเมื่อสมัยเรียนมหาลัยปีสี่คณะบริหารธุรกิจเอกชนแห่งหนึ่ง

พลั่ก

“!”

“พวกมึงว่าไอ้ธามมันจะกลายเป็นบ้าปะวะ?”

“ไม่รู้ดิ แต่กูว่าคงอีกไม่นานหรอก มันอ่อนปวกเปียกขนาดนี้” ผมมอง ‘องศา’ เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันและแน่นอนว่ามันเป็นคนที่มีอิทธิพลมากๆ คนหนึ่ง ครอบครัวของมันร่ำรวยและเป็นมาเฟียที่ไม่มีใครกล้ากับมัน แม้แต่ผมเองที่มักจะโดนรังแกอยู่บ่อยครั้ง เช่นวันนี้ก็โดนผลักจนหลังกระแทกกับขอบโต๊ะเก่าๆ ด้านหลังคณะ สายตาของผมมององศามันหยิบไม้หน้าสามขึ้นมาดูพลางเอาตรงปลายไม้แตะตรงปลายคางผมจนกลัวจนตัวสั่น “บ้านมันก็รวยนี่หว่า ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้วะมึง”

เพื่อนอีกคนเท้าเอวถามองศาที่ยักไหล่ไหวมัน ผมมักจะเป็นคนที่โดนกระทำอย่างรุนแรง ไหนจะต้องคอยรองรับอารมณ์ขององศา หมอนี้มันชอบแกล้งผมเพราะเห็นว่าผมอ่อนแอและอ่อนปวกเปียก เพียงเพราะว่าผมเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้มักเก็บตัวอยู่เสมอ ผมไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่พวกขององศาก็ชอบที่จะมากลั่นแกล้งผม ทั้งที่ผมมักจะห่างพวกมันหรือไม่มองหน้า แต่พวกมันก็มักจะลากผมเข้ามาด้านหลังคณะเสมอๆ เพื่อที่จะ...

ผัวะ

“โอ๊ย!” ผมยกมือกุมศีรษะตัวเองที่ตอนนี้ฝ่ามือมีเลือดสีแดงสดๆ ไหลอาบหน้าจนมาถึงดวงตาที่จำต้องปาดมันออกด้วยความคับแค้นใจ

“สมองมึงโดนกระทบกระเทือนบ้างก็ดีนะไอ้ธาม เผื่อว่าโรคบ้าของมึงจะหาย”

“นั่นสิ เลือดบ้าๆ ของมันจะได้ออกมาบ้างก็ดีนะไอ้องศา” มองเพื่อนผู้ชายที่อยู่กับองศาสองคนหันไปมองหมอนั้นที่ยกยิ้มมุมปาก พลางเดินมาหาผมและใช้ปลายเท้าเหยียบมาที่ไหล่ผมจนเซล้มลงไปนอนกับพื้น

“มึงต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของกู เข้าใจปะไอ้ธาม”

“ทำไมต้องทำกับกูแบบนี้ด้วยวะ! กูไปทำอะไรให้พวกมึง” ผมตะคอกใส่มันอย่างเหลืออด องศาก็กระชากคอเสื้อผมขึ้นจนใบหน้าของเราสองคนแทบจะชนกันอยู่แล้ว ผมถึงได้เห็นสีหน้าที่โหดร้ายของมันและนั่นคือไฟที่สุ่มอกผมรอเพียงวันที่จะระเบิดออกมา “กูเป็นยังไงมันก็เรื่องของกู หนักหัวพ่อมึงหรือไง”

“ไอ้เหี้ยธาม!”

ตุ้บ

“อึก” หมัดหนักๆ ซัดมาที่แก้มของผมทันทีอย่างแรงจนหน้าหัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในโพรงปากจนผมบ้วนมันออกมา ตวัดสายตามององศาพลางกัดฟันกรอด แต่มันไม่ได้มีท่าทีจะกลัวผมเลยสักนิด

“มองกูทำไม”

“...”

“กูถามว่ามองกูทำไมห๊ะ!” องศาตวาดใส่หน้าผม “มึงมันโคตรน่าสมเพชเลยว่ะ”

“มึงมากกว่าที่น่าสมเพช”

“มึงนี่แม่งโดนขนาดนี้ยังปากดีอีกนะ ถึงว่าทำไมพ่อมึงถึงฆ่าตัวตาย”

“!”

“เพราะกลัวเสียหน้าที่มีลูกบ้าๆ แบบมึงล่ะมั้ง ฮ่าๆ”

มือของผมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคาบเลือดแห้งกรังกำหมัดอย่างแนบแน่นจนรู้ว่าเล็บนั้นจิกลงบนผิวเนื้อ และมันคงทำให้เลือดของผมไหลออกมาอีกครั้ง หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบจะกระโจนไปบีบคอมันให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องตอกย้ำเรื่องนี้ด้วย ทำไมต้องตอกย้ำเรื่องพ่อของผมด้วย... เพราะแบบนี้ในหัวของผมถึงได้มีแต่ภาพของพ่อที่เอาปืนจ่อหัวและยิงตัวตายไปต่อหน้าต่อตา กลับมาฉายภาพนั้นซ้ำๆ ตัวของผมสั่นเหมือนลูกนก เหงื่อไหลท่วมตัว

“เฮ้ย มึงดูมันดิ ทำไมตัวสั่นแบบนั้นล่ะ” องศานั่งยองตรงหน้าผมพลางยกยิ้มมุมปากที่เห็นผมเกิดอาการวิตกกังวลและเห็นภาพซ้อนที่บังเอิญเข้าไปเห็นพ่อกำลังเอาปืนจ่อหัวตัวเอง “หรือที่พ่อมึงตาย เป็นแบบที่กูพูดจริงๆ”

“พอสักที!” ผมยกมือปิดหูตัวเองทั้งสองข้าง ส่ายหน้าไปมาด้วยความหวาดกลัวกับภาพเหล่านั้น

“ไอ้ศา นี่พวกมึงยังไม่เลิกแกล้งไอ้ธามอีกเหรอวะ?” ทันใดนั้นสายตาของผมเหลือบไปมองร่างสูงที่ยืนเท้าเอวต่อว่าองศาและเพื่อนของมันอีกสองคน “มึงเลิกเอาปมด้อยไอ้ธามมาเล่นแบบนี้สักทีเถอะ”

“มันไม่ใช่เรื่องของมึงนะไอ้โซ่” องศาต่อว่าโซ่เพื่อนสนิทของมัน แน่นอนว่าโซ่มักจะห้ามปรามไม่ให้องศาแกล้งผมเสมอ แต่สุดท้ายมันก็ไม่เคยได้ผลเลยสักนิด “กูชอบแกล้งมันนี่หว่า สนุกจะตาย”

“ไอ้ธามมันเจออะไรมาเยอะมากๆ เลยนะไอ้ศา”

“...”

“มึงไม่เป็นมัน มึงไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนหรอก” ผมมองโซ่ที่มองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง องศาถอนหายใจพลางโยนไม้หน้าสามทิ้งไป “สักวันหนึ่ง มึงจะเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด”

“เหอะ”

“มึงจะรู้สึกผิดไปจนตายที่ตอกย้ำความเจ็บปวดของไอ้ธาม” องศาเอานิ้วแหย่เข้าไปในหู ราวกับว่าคำพูดของโซ่มันไม่ได้เข้าหูแม้แต่นิด “ที่กูมา กูจะบอกว่าจะบินไปฝรั่งเศส”

“ไปทำไมวะ?”

“ไปทำงาน” เนื่องจากเราใกล้จะจบการศึกษาแล้ว ผมเคยได้ยินว่าโซ่จะไปทำงานที่ฝรั่งเศสบริษัทน้ำหอมของครอบครัวอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ ผมไม่ได้ใส่ใจมากนัก “มึงปล่อยไอ้ธามไปเถอะ ถือว่ากูขอก่อนจะไป”

“...”

“มึงแกล้งมันมาตั้งแต่ปีสอง สองปีเต็มๆ เลยนะ มึงควรพอสักที”

โซ่พูดจบก็มองผมแวบหนึ่งมันก็เดินจากไปพร้อมองศาที่หันมามองผมพลางกระตุกยิ้มมุมปาก กระทั่งพวกมันทั้งหมดหายไปจากตรงนี้ เหลือแค่ผมที่พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด ก่อนจะพาตัวเองที่เสื้อเชิ้ตสีขาวอาบไปด้วยเลือดกลับมาถึงบ้าน ใช่ บ้านที่มีแค่ผมคนเดียวที่เหลืออยู่

“คุณธาม ทำไมเลือดออกแบบนี้ล่ะครับ”

“ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบคนดูแลบ้านที่ดูแลพ่อของผมจนมาถึงผม พ่อบ้านที่ชื่อว่าคุณชาญ

“ไม่มีอะไรได้ยังไงกันครับ เลือดไหลอาบศีรษะขนาดนี้”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิครับ อาบน้ำเสร็จผมจะทำแผลให้”

ไม่ได้ตอบตกลงกับคุณชาญ ผมก็เดินขึ้นบันไดมาถึงห้องนอนของตัวเองอันดับแรกผมเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยช้ำจากการโดนองศาทำร้าย เวลานี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรด้วยซ้ำ เอาจริงตั้งแต่เกิดเรื่องที่บ้านหลังนี้ ผมไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติเลย ชีวิตของผมเหมือนจมดิ่งอยู่ในก้นมหาสมุทรที่ลึกจนไม่มีใครดึงผมขึ้นโผล่บนผิวน้ำได้ นั่งอยู่ปลายเตียงหันไปมองบานหน้าต่างที่เวลานี้เสียงฟ้าร้องเพื่อบอกว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฝนคงจะเทกระหน่ำลงมา

ก๊อก ก๊อก

“ผมเข้าไปนะครับคุณธาม” บานประตูห้องสีดำเปิดขึ้นพร้อมคุณชาญที่ถือกล่องอุปกรณ์ทำแผลมาด้วย ผมไม่พูดอะไรเลยจนคุณชาญทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย ถึงจะเจ็บที่โดนตีและโดนทำร้าย ทว่าผมกลับรู้สึกชินชาไปกับมันแล้วล่ะ “คุณธามครับ ถ้าผมแนะนำอะไรคุณธามสักอย่าง คุณธามจะรับฟังไหมครับ?”

“ว่ามาสิครับ”

“ผมคิดว่าคุณธามควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการนะครับ”

“หมายถึงรักษาอาการทางจิตน่ะเหรอ?” คุณชาญพยักหน้ารับ นับตั้งแต่พ่อตายไปตอนผมสิบขวบ ตอนนี้ผมอายุยี่สิบสอง ผ่านมาสิบสองปีผมก็ไม่เคยพบแพทย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าคุณชาญจะบอกให้ผมยอมไปรักษาอาการที่เกิดขึ้น เผื่อว่าบางทีผมจะได้ไม่มีชีวิตที่ซังกะตายแบบทุกวันนี้ ผมจะได้ลุกขึ้นมายืนหยัดและผมจะได้สานต่องานที่พ่อทิ้งไว้ให้ ซึ่งผมไม่เคยต้องการมันด้วยซ้ำไป “ผมควรไปใช่หรือเปล่า”

“ครับ” สบตากับคุณชาญที่วางมือบนบ่าผม จากนั้นผมก็โถมตัวเข้าไปกอดร่างสูงที่อายุห้าสิบกว่าแล้ว “ไม่เป็นไรนะครับ ผมจะอยู่ข้างๆ คุณธาม ไม่ต้องกลัวครับ”

“ฮึก”

ในที่สุดผมก็ร้องไห้ออกมาจนได้สินะ ผมร้องไห้ออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วล่ะ รู้แค่ว่าเวลาเสียใจและหดหู่ผมคิดว่าน้ำตามันช่วยไม่ให้ผมทรมานไปมากกว่านี้ คิดว่ามันจะได้ผลสุดท้ายมันก็ใช้ไม่ได้เลย

“คุณมีอะไรอยากบอกหมอไหม?”

“...”

“อยากเล่าเรื่องที่ทำให้วิตกกังวลไหมคะ?”

ผมไม่ตอบคำถามของหมอสาวที่นั่งมองผมอยู่ในห้องที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แผนกที่ผมมาคือแผนกจิตเวช แน่นอนว่าคุณชาญบอกว่าผมควรมาเข้ารับการรักษาอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ อย่างน้อยการได้คุยกับใครสักคนอาจจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น แล้วยิ่งเป็นหมอที่รักษาอาการทางด้านนี้ด้วยแล้วนะ

“งั้นอะไรที่ทำให้คุณธิปก กลัวความมืดคะ?” หมอยังคงถามผมอยู่แบบนั้นโดยไร้ซึ่งคำตอบจากปากผม “คุณคุยกับหมอได้นะคะ ระบายมันออกมาค่ะ หมอจะได้ช่วยรักษาอาการที่คุณธิปกเป็นอยู่ตอนนี้นะคะ”

“ผม...” ต่อให้เป็นคุณชาญผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังมากขนาดนั้นหรอกนะ พอมองใบหน้าของคุณหมอสาวที่อายุคงจะสามสิบสี่สิบได้ ความผ่อนคลายก็ทำให้ผมเอ่ยปากเล่าเรื่องที่ทำให้ผมวิตกังวลจนถึงทุกวันนี้ “โดนแม่จับไปขังไว้ในห้องใต้ดินในที่ที่มันมืด อับชื้นและมีสัตว์เล็กๆ ไต่ยั้วเยี้ยตามตัวผม”

“ค่ะ”

“แม่กับพ่อทะเลาะกันครับ ตอนนั้นผมสิบขวบ” ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอ่ยปากเล่าให้หมอฟังได้แค่นี้ผมก็เงียบ “ผมไม่กล้าเล่าต่อ ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก”

“ไม่เป็นไรนะคะคุณธิปก สูดลมหายใจเข้าออกค่ะ ทำใจให้สบายแล้วค่อยเล่าให้หมอฟังก็ได้ค่ะ” ผมพยักหน้ารับลอบกลืนน้ำลายตามด้วยมือที่จิกเข้าหากันอย่างแรงจนเนื้อแทบจะหลุด

“แม่มีผู้ชายใหม่ แม่จะไปจากผมกับพ่อ ผมกอดขาไม่ให้แม่ไปแต่แม่ก็พาผมไปขังไว้”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?” หมอเขียนอะไรบางอย่างลงกระดาษผมไม่เห็นหรอกนะ ได้แต่กัดผนังในปากตัวเองแน่น

“แม่ไปแล้วครับ ผมออกจากห้องใต้ดินได้เพราะคุณชาญมาช่วย แต่ตอนนั้นผมรู้สึกกลัวร้องไห้จนตาบวม ผมขึ้นไปหาพ่อบนห้องทำงาน...” ผมเม้มริมฝีปากพ่นลมหายใจออกทางปาก ตามด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น พอนึกไปถึงภาพนั้นและคำพูดของพ่อ “พ่อบอกว่าอยู่ไม่ได้ที่แม่ต้องไป แล้วพ่อก็เอาปืนจ่อหัวตัวเอง ฮึก ผะ ผมหายใจไม่ออก”

“คุณธิปก ใจเย็นค่ะ ใจเย็นๆ นะคะ” หมอดึงมือของผมออกจากการดึงทึ้งศีรษะ เธอปลอบใจผมให้เย็นลง ราวกับว่าภาพนั้นมันวนเวียนเข้ามาในหัวตลอดที่ผมนึกไปถึงมัน

“ผมฝันร้ายและเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาตลอดเลยครับ ผมกลัวจนตัวสั่น หัวใจของผมมันเหมือนจะระเบิดออกมาตลอดเลย” อาการในตอนนี้ของผมคือมือสั่น ใจสั่นและเหงื่อออกจนตัวชุ่ม “ผมไม่อยากเห็นมันแล้วครับหมอ”

“หมอจะช่วยคุณเองนะคะ”

“ได้โปรดช่วยให้ผมหายทุกข์ทรมานทีเถอะครับ เวลาไฟดับผมจะเห็นภาพของพ่อกับแม่ตลอดเลย ฮึก”

“ตามญาติคนไข้เข้ามาทีค่ะ”

“ผมโดนเพื่อนที่คณะทำร้ายทุบตีด้วย ผมไม่ไหวแล้ว!”

หมอได้ยินแบบนี้ก็ต้องรีบให้ผมสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่เคยคิดจะตายตามพ่อไปด้วยซ้ำ พอคุณชาญเข้ามาช่วยปลอบใจผมสักพักหมอก็วินิจฉัยเกี่ยวกับอาการที่ผมเป็นในเวลานี้ และใช่ ผมกลายเป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘PTSD’ โรคนี้เป็นโรคจิตเภทที่เกิดจากสภาวะจิตใจของผมที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้าย ซึ่งไม่ต้องเดาอะไรให้มากเหตุการณ์นั้นก็คือการได้เห็นพ่อตายไปต่อหน้าต่อตา การที่แม่เอาผมไปขังไว้ในห้องใต้ดินจะกลายเป็นโรคกลัวความมืด หนำซ้ำไอ้องศายังตอกย้ำบาดแผลของผมให้มันลงลึกไปถึงกระดูกอีกครั้ง จากที่ผมเคยเป็นคนร่าเริงและสิ่งที่ชอบอย่างเช่นการวาดภาพ ผมก็ไม่เคยกลับไปทำแบบเดิมอีก ผมมักจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้ายและชินชากับความเจ็บปวด ผมไม่มีความสุขและชีวิตมันหม่นหมองเหมือนผมจมอยู่ในก้นบึ้งของมหาสมุทรที่ผมเคยคิดมาตลอด สิ่งที่ผมเคยชอบตอนนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบไปแล้ว

หมอนัดตรวจอาการของผมทุกอาทิตย์ ผมจะต้องมาพบหมอเพื่อดูว่าผมจะหายจากอาการ PTSD ไหม? ผมคิดเสมอว่าผมคงไม่หายจากโรคจิตเภทนี้แน่ แต่กลับกันหมอให้ยาคลายเครียดมาให้ผมกินจนกว่าจะถึงวันนัด ผมนอนหลับดีมาตลอดและไม่ได้คิดเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้สักพัก ดูเหมือนอาการจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ ผมมีอาการ flash back เหมือนผมกลับไปอยู่ในอดีตที่ไม่อาจก้าวข้ามมันไปได้ เช่นเดียวกับเรื่องที่ไอ้องศามันทำร้ายร่างกายผมทั้งร่างกายและจิตใจ

จากที่เคยคิดว่าต้องนอนซมเป็นผัก จากที่ต้องอ่อนแอและอ่อนปวกเปียก... ผมกลับลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่ผมจะอยู่เพื่อ ‘แก้แค้น’ คนที่มันทำร้ายผม โดยเฉพาะไอ้องศาที่จะเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะทำลายชีวิตที่มีแต่ความสุขของมันให้ราบคาบ ไม่ให้เหลือชิ้นดีและยิ่งผมรู้ว่าผมต้องอยู่เพื่อเอาคืนไอ้องศา ผมก็ลุกขึ้นมาสานงานต่อจากพ่อ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมหรือแม้แต่ธุรกิจสีเทาของพ่ออย่างคาสิโน

ผมที่ไม่เคยอยากจะทำอะไรและซังกะตายกับชีวิต ผมต้องแบกรับพนักงานและลูกน้องของพ่ออีกนับร้อยคน พวกเขาทำให้ผมต้องลุกขึ้นสู้ แม้จะต้องเรียนรู้การทำงานเกือบห้าปีกว่าจะเป็นที่ยอมรับของคนในบริษัท มันยากมากสำหรับผมและนั่นคือการแก้แค้นของผมเริ่มต้นขึ้น เพื่อนที่ผมไม่อาจเรียกว่าเพื่อนได้เต็มปาก ผมจัดการทุกคนจนไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่เสื้อผ้า พอพวกมันรู้ว่าผมเป็นคนทำให้ชีวิตของพวกมันพัง ก็หวาดกลัวเหมือนกับที่ผมเคยเป็นเหมือนที่พวกมันกลั่นแกล้ง พวกมันก็ยังคงโยนความผิดให้ไอ้องศา แน่นอนว่าผมต้องจัดการมันเป็นคนสุดท้ายและต้องจัดการให้แนบเนียนที่สุด

แต่ถึงแบบนั้นชีวิตของผมอยู่ด้วยการแก้แค้น ผมก็ต้องเข้ารับการบำบัดอยู่เรื่อยจนเหมือนมันจะดีขึ้นมาก หมอเองก็เอ่ยปากถามว่าอะไรทำให้ผมดูดีขึ้นและไม่ดูแย่เหมือนที่ผ่านมา ผมก็บอกไปตามตรงว่าผมอยู่เพื่อแก้แค้นคนที่มันทำลายชีวิตของผม หมอที่ฟังก็นิ่งไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าจริงๆ เหมือนที่ไอ้องศามันด่าหรือเปล่า? แต่ผมรู้ ผมไม่ได้เป็นบ้า ผมแค่อยากเอาคืนมัน... และมันต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำไว้กับผม

“ของทุกอย่างที่อยู่ในห้องทำงานของพ่อ ห้องนอนของพ่อ ของของผู้หญิงคนนั้นเอาไปเผาทิ้งให้หมด”

“ได้ครับคุณธาม”

“ห้องใต้ดินก็เอาไฟไปใส่ให้มันสว่าง เก็บกวาดให้สะอาดอย่าให้มีแม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ ทำเป็นที่เก็บของไปเลยก็ดี”

ผมเอ่ยปากสั่งคุณชาญที่ให้แม่บ้านและคนสวนหรือแม้แต่คนของพ่อเข้าไปจัดการเรื่องพวกนี้แทนผม หมอบอกว่าให้ผมหลีกเลี่ยงความทรงจำที่ทำให้ผมมักหวนนึกถึงไปให้หมดพวกสถานที่หรือสิ่งของ หมอบอกเสมอว่าโรคที่ผมเป็นจะหายได้ต้องได้รับการรักษาทำจิตบำบัด เรื่องนี้ผมคุยกับหมอเสมอไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องส่วนตัว มันทำให้ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้เล่าเรื่องที่เก็บไว้ในหัวทำให้สมองของผมจำแต่เรื่องดีๆ สำคัญหมอบอกว่าให้ผมรู้จักจัดการอารมณ์ที่เกิดจากความทรงจำอันเลวร้ายออกไปให้หมด แม้จะยากแต่ผมก็สัญญาว่าจะทำมันให้ได้ ผมต้องกินยาคลายเครียดเสมอจนจากที่หมอนัดอาทิตย์ละครั้งตอนนี้หมอนัดผมหนึ่งเดือนครั้งแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่ยาที่ทำให้ผมดีขึ้นแต่กำลังใจจากคุณชาญหรือรอบข้างอาจทำให้ผมก้าวผ่านโรค PTSD ไปได้

“ผมดีใจนะครับที่เห็นคุณธาม ดูสดใสและดูแข็งแรงมากขึ้น”

“อดีตมันสอนผมครับ” สอนให้ผมเติบโตเพื่อจะได้แก้แค้นไอ้องศาให้สาสมกับที่มันทำผมเอาไว้ “ผมขอบคุณคุณชาญมากๆ เลยนะครับที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด”

“เป็นหน้าที่ของผมครับ ผมจะต้องดูแลคุณธามตราบเท่าที่ผมยังมีลมหายใจ”

หลังจากนั้นผ่านมาหลายปีจนผมอายุครบยี่สิบเจ็ดปี ระหว่างที่ทำงานไปด้วยผมก็มีผู้หญิงมากมายที่พร้อมมาศิโรราบแทบเท้าของผม ซึ่งเซ็กซ์เองก็ช่วยผมได้ส่วนหนึ่งนะ อย่างน้อยก็ทำให้ลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมาได้บ้าง เพียงแค่ว่าผมไม่ได้นึกถึงมันมาก สิ่งที่จะทำให้ผมนึกถึงมาตลอดเวลาไฟดับนั่นแหละที่เรื่องราวทั้งหมดจะก่อเกิดขึ้นมากลายเป็นความกลัวอีกครั้ง

กลับมาปัจจุบัน

ผมมองใบหน้าสวยหวานตรงหน้า เธอจับจ้องมองผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับรู้ว่าผมเป็นยังไงรู้สึกยังไง เพราะน้ำตาที่ไหลรินออกมานั่นแหละทำให้ผมรู้ว่าเธอ... เข้าใจในสิ่งที่ผมเล่าทุกอย่าง

“ถึงจะหายดี ฉันก็เคยเกือบจะฆ่าตัวตายเหมือนกัน”

“ดีแล้วค่ะ”

“อาจเพราะมีคนเคยบอกฉันไว้ อย่าเพิ่งตายนะ ชีวิตของฉันมีค่า ทำนองนี้มั้ง” ผมพูดพร้อมยิ้มไปด้วย

“เจ็บปวดมากเลยใช่ไหมคะ?” แพรวาเอ่ยถามผมน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณเก่งมากเลยนะคะที่ผ่านมันมาได้”

“...”

“ฉันเองก็เคยเจ็บปวด ทุกข์ทรมานจากสิ่งที่ครอบครัวทำกับฉันเหมือนกันค่ะ” และเพราะเราสองคนคล้ายกันมากเหลือเกิน มากจนผมเองก็เห็นใจที่เธอเคยโดนป้าทำร้ายร่างกาย เกือบโดนผัวป้าขืนใจ สิ่งที่เธอต้องเจอมันหนักหนาเท่าๆ กับผม แต่เธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะไปสู้คนพวกนั้นได้ยังไงกันล่ะ ผมเองก็ดีใจนะที่เธอผ่านมันมาได้

“เธอเองก็เก่งเหมือนกันนะแพรวา” ผมส่งยิ้มที่น้อยครั้งจะส่งยิ้มให้กับใครสักคนหนึ่ง “บอกตามตรง ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง ยกเว้นหมอกับพ่อบ้านคนสนิท เธอคนแรกเลยนะ”

“แล้วตอนนี้คุณธามยังแค้นเขาอยู่ไหมคะ?” 

จู่ๆ แพรวาก็ถามถึงเรื่องที่ผมจะเอาคืนไอ้องศา

“ใช่” ตอบคำถามเธอถึงได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “ฉันมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ยอมถอยหลังกลับไปแน่”

“...”

“มันจะต้องได้ลิ้มลองรสชาติของความทุกข์และอดีตที่มันทำไว้กับฉัน” ผมกระตุกยิ้มมุมปากพลางมองจานเค้กที่แพรวาแถมคัพเค้กมาให้ เวลานี้มันถูกผมใช้ช้อนสับจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี “ชีวิตของฉันอยู่ได้เพราะต้องการแก้แค้นมันล้วนๆ”

“แล้วถ้าแก้แค้นได้ คุณธามจะมีความสุขใช่ไหมคะ?”

“ทำไมถามแบบนี้”

“เพราะแพรอยากรู้ค่ะ” คิ้วของผมขมวดเข้าหากันทันทีที่แพรวาแทนตัวเองด้วยชื่อ และนั้นทำให้ผมยิ้มเล็กน้อย น่ารักชะมัดเลยแพรวา... เธอเนี่ยทำให้ฉันคิดถึงใครบางคนขึ้นมาเสียดื้อๆ

“ฉันไม่มีความสุขมานานแล้วแพรวา” ความสุขของผมถูกพรากไปและถูกซ้ำเติมจากไอ้องศาไง “การเห็นมันดิ้นเหมือนปลาสำลักน้ำ การแก้แค้นที่ฉันรอมานาน มันจะทำให้ฉันมีความสุขมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”

“แพรเข้าใจนะคะกับสิ่งที่เขาคนนั้นทำกับคุณ ตอนนี้คุณธามมีความสุขดีกับการได้ทำงานและได้เจอผู้คน”

“เธอจะพูดอะไรกันแน่แพรวา?”

“ตอนนี้คุณธามมีความสุข มีชีวิตที่กลับมาดีมากขึ้น แพรคิดว่าการแก้แค้นมันไม่จำเป็น...”

“มันจำเป็น!” ผมตวาดคนตรงหน้าจนเธอสะดุ้งตกใจเล็กน้อย พอรู้ว่าตัวเองเผลอใส่อารมณ์ร้ายๆ ใส่เธอ ผมก็หลับตาลงยกมือเสยเส้นผมสีดำสนิทขึ้นไป “ฉันมาถึงจุดนี้ได้เพราะต้องการเอาคืนไอ้องศาให้สาสม”

“แต่คุณธามคะ”

“เธออย่ายุ่งเรื่องของฉัน!” กำหมัดแน่น... ทำไมถึงอยากกระโจนไปบีบคอเล็กๆ นั้นด้วยก็ไม่รู้ “ไม่มีใครหยุดฉันได้”

“แพรก็แค่อยากเห็นคุณธามมีความสุขกว่านี้” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวกับการกระทำของผม

“ความสุขของฉันคือการเห็นมันคลานมากราบตีนฉัน”

“...”

“และขอโทษในสิ่งที่มันทำกับฉันไว้” ลุกขึ้นยืนพลางควักธนบัตรสีเทาวางบนโต๊ะอย่างแรงจนเธอสะดุ้ง “เธอไม่เข้าใจว่าสิ่งที่มันทำกับฉัน มันเป็นแผลเป็นที่ฉันไม่สามารถลบมันออกไปได้”

“แพรเข้าใจคุณธามนะคะ”

“ไม่ เธอไม่มีวันเข้าใจฉันแพรวา” ผมส่ายหน้าไปมาพลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาเทลงบนโต๊ะจนแพรวาตกใจลุกขึ้นยืน เธอมองหน้าผมดวงตากลมโตมีน้ำใสๆ เอ่อล้นพร้อมจะพังลงมาทุกเมื่อ “มันกลับมาอยู่ในแก้วเมื่อเดิมได้หรือเปล่า?”

“...”

“ตอบไม่ได้สินะ” กระตุกยิ้มมุมปากผมก็กระแทกแก้วเซรามิคลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเกือบจะแตก “แค่เธอเช็ด มันก็ดูสะอาดแต่ภายนอก แต่เธอไม่มีวันรู้หรอกว่าจริงๆ แล้วคราบมันจะติดอยู่ตามโต๊ะ ไม่มีวันจางหายไป”

“คุณธามคะ”

เธอเรียกรั้งผมที่เดินออกจากร้านและคุยกับลูกน้องให้จัดการเรื่องส่งของตัดหน้าไอ้องศา เรื่องนี้ทำให้มันหัวเสียเป็นบ้า แค่เห็นมันคลั่งผมก็มีความสุขแล้วล่ะ ความสุขของผมนับจากนี้คือการแก้แค้นและเอาคืนมันให้มากกว่าที่มันทำผมล้านเท่า ผมเดินนำลูกน้องเพื่อไปทำงานต่อ จังหวะนั้นผมหยุดเดินและหันกลับไปมองในร้าน ร่างบอบบางกำลังยืนเอาผ้าเช็ดบนโต๊ะ พร้อมน้ำตาที่เธอใช้หลังมือปาดมันออกไป

ภาพของแพรวา... ทำเอาผมกัดผนังในปากตัวเองแน่น กำหมัดจนเจ็บหนึบที่ฝ่ามือ ผมเลือกที่จะหันหน้ากลับมามองข้างหน้าและผมไม่วันหันกลับไปมองอีก ก่อนที่หัวใจของผมมันจะรู้สึกปวดหนึบไปมากกว่านี้ ทั้งที่ผมคิดว่าเธอจะเข้าใจแต่ไม่เลย เธอไม่เข้าใจผมสักนิด แถมยังมาห้ามเรื่องที่ผมจะทำอีกต่างหาก

เหมือนจะเข้าใจผม สุดท้ายเธอก็คิดว่าการแก้แค้นไม่ใช่ความสุข ใช่สิ มันคือความสุของผม จำไว้แพรวา!

:: Tham Talk END ::

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Special episode :: ขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ Part.4 [จบบริบูรณ์]

    “รักมากที่สุด” ในที่สุดคำที่ฉันอยากฟังก็ออกมากจากริมฝีปากแดงคล้ำ ดวงตาของฉันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันที“แพรก็รักเฮียองศาค่ะ”====================เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเมื่อฉันยืนกอดอกมองสายน้ำและทรายที่เหยียบอยู่ บ้านพักริมทะเลของเฮียองศาเวลานี้เราได้มาพักผ่อนหลังจากที่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เคยบอกว่าคงจะไม่ได้ที่นี่อีกสุดท้ายฉันกลับยืนมองมันอยู่ตรงนี้ ขณะที่ยืนลูบแขนตัวเองเพราะลมทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ผ้าแพรสีน้ำเงินก็ถูกคลุมจากด้านหลัง หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้อายุจะนับไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับว่าสตาฟมันเอาไว้“เข้าไปข้างในดีไหม หนาวตัวเย็นเลย”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลูกเผลอวิ่งลงทะเล” ฉันกับเฮียองศามองเด็กผู้ชาหนึ่งคนที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายเป็นรูปปราสาท ‘เด็กชายพายุ โยคินวาณิชย์สกุล’ อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนแรกของเราสองคนที่หน้าตาเหมือนฉันแต่นิสัยคล้ายพ่อ คิดดูว่าพายุเป็นเด็กฉลาดมากและก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันฉันแค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ“งั้นเดี๋ยวเฮียไปดูลูกก่อน” พูดจบก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาลูกชายที่พอเห็นพ่อก

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Special episode :: ขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ Part.3

    พูดจบก็จูงมือฉันขึ้นรถขับออกจากคาสิโน ไม่สิ ผับของเฮียก็ตรงมายังเส้นทางที่ไปบริษัทรถของเขานี่นา ฉันจำได้ดีเลยว่าเราเจอกันวันนั้นที่ฉันเก็บกระเป๋าเงินให้เฮียได้และหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ รถของเฮียจอดลงที่หน้าบริษัทของเขาที่มีรถหรูราคาแพงโชว์เรียกลูกค้าระดับสูงๆ กันทั้งนั้น ฉันเดินตามเฮียองศามายังด้านข้างบริษัทมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งมึนงงหนักไปอีกก็แค่ร้านกาแฟกับเค้กไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้มีร้านกาแฟด้วย ตอนเจอกับเฮียยังเห็นเป็นร้านขายของที่ระลึกอยู่เลยมาตอนนี้กลับกลายเป็นร้านกาแฟและเค้กไปด้วย มีคนเข้าไปในร้านค่อนข้างเยอะอาจเพราะตรงนี้เป็นย่านติดกับการค้าหลากหลายไหนจะมหาลัยอีก ไหนจะบริษัทอีกทำเลตรงนี้คือดีมากเลยนะ“มองไปข้างบนสิ” เฮียองศาให้ฉันมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่มองป้ายผับของเฮียองศา ฉันหันไปมองเฮียที่จูงมือพาฉันเข้ามาในตัวร้านและมีพนักงานสองคนเห็นเฮียก็รีบมาต้อนรับ “นี่แพรวา เมียฉัน”“ค่ะคุณองศา”“เมียฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟนี้”“ฮะ เฮียคะ มันไม่มากไปเหรอคะ?” ฉันบีบฝ่ามือหนาแน่นจนเฮียองศาหันมายิ้ม“ชื่อร้า

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Special episode :: ขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ Part.2 [NC+]

    พูดจบก็โน้มมาบดขยี้จูบบนกลีบปากฉันราวกับห่างหายมานานจนมันทับถมกลายเป็นความต้องการอย่างมากล้น เฮียผละจูบออกให้ฉันได้หายใจอารมณ์เวลานี้พลุ่งพล่านจนฉันไปไม่เป็นได้แต่หอบหายใจหนัก ขณะที่มือของฉันก็เลื่อนไปกอบกุมความเป็นชายของเฮียองศาเวลานี้มันอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแต่เฮียก็ยังคงไม่ได้ยอมให้มันออกมาสักที ไล่จูบมาถึงทรวงอกพลางครอบครองยอดอกฉันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุ นั่นทำให้ฉันเสียวจนจิกนิ้วเท้าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบแน่น ริมฝีปากร้อนไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบจากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งของฉันพาดบ่าสิ่งที่เฮียกำลังทำฉันรู้ดีถึงได้จิกเส้นผมหนานุ่ม ณ เวลานี้เฮียกำลังตักตวงความหอมหวานจากกลางกายสาวอย่างมูมมาม พอทำจนพาฉันไปถึงสวรรค์ชั้นที่เท่าไหร่ฉันไม่อาจรู้ได้ ฉันก็มองสบตากับเขาพลางย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาพลางรูดกางเกงยีนส์ของเฮียลงมาพลางกางเกงในซึ่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ตีโดนแก้มฉันเบาๆ“แพรกินเฮียบ้างนะคะ” ฉันมองสบตากับเฮียองศาที่กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฉันใช้มือประคองความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาซึ่งเวลานี้กำลังแข็งและดิ้นไปมาในมือของฉัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปสูดเอากลิ่นสาบเข้ามาในปดให้ได้มากที่สุ

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Special episode :: ขอบคุณที่เธอเข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ [Part.1]

    ตอนพิเศษขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ ====================“เรามาแต่งงานกัน แพร”“...”“ฉันพูดจริงนะ” คุณองศาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับมือฉันที่วางอยู่ไปกุมไว้ กระทั่งพลุไฟเย็นหมดลงคุณองศาก็ดึงก้านมันออกวางไว้บนโต๊ะ บีบมือฉันแน่นพลางโน้มลงมากดจูบอย่างแนบแน่น “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเธออยู่ข้างๆ กันไปตลอดชีวิต”“ตะ แต่ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วแพรคิดว่าคุณองศาอาจจะเจอใครที่ดีกว่า...”“ไม่มีใครดีมากกว่าเธอ” เขาส่ายหน้าไปมาราวกับบอกว่าไม่มีใครดีเท่าฉัน “ฉันเลือกแล้ว”“แพรยังไม่พร้อมนี่คะ” ตอบคุณองศาซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ เขายังยิ้มเอ็นดูฉันอีกต่างหาก “แพรเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่แพรไม่เคยได้ใช้ แล้วแพรกลัวว่าถ้าแต่งงานไปแพรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”“สองปีที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ?” มันก็พอนั่นแหละ “หรือเธอไม่อยากแต่งกับฉัน”“ไม่ใช่นะคะ! แพรอยากแต่งกับคุณองศาค่ะ แต่ว่า...”“แต่อะไรอีกล่ะ เธอเนี่ยแต่ๆ บ่อยมาก”“แพรขอเวลาคิดได้ไหมคะ?” เอาจริงไม่ได้อยากปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณองศา ถึงตกใจพอตั้งสติได้ก็ดีใจเป็นบ้าเลยล

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Nevermind :: CHAPTER 38 Happy birthday & Happy new year ll Part.2 [100%] THE EHD

    เช้าของวันที่ 31 ธค. คุณองศาขับรถมาส่งฉันที่ร้านกาแฟซึ่งปานก็รออยู่พร้อมพี่วิทย์ พอให้หลังคุณองศาฉันก็ให้ปานกับแฟนหนุ่มกลับไป แค่ฝากซื้อของก็เกรงใจจะแย่ คุณองศามาส่งฉันบอกว่าจะแวะไปทำธุระให้พ่อของเขา เขาน่ะจำวันเกิดตัวเองได้จริงปะเนี่ย? วันเกิดคุณองศาจำง่ายสุดเลยนะดูเขาแบบไม่ได้สนใจเลย เหมือนลืมว่าเที่ยงคืนของวันที่ 1 มค. ฉันจะเซอร์ไพร์สวันเกิดเขา จะมาทำหน้างงไม่ได้นะขอบอก ฉันขอให้คุณองศาแวะซื้อพลุไฟเย็นมาด้วยทางบ้านพักอนุญาตให้จุดแบบไม่มีเสียงเพราะงั้นก็เลยต้องใช้พลุไฟเย็นแทน เอาจริงฉันอยากจุดตอนที่วันปีใหม่ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ แต่เริ่มใหม่กับคนดีคนเดิมอะนะ ฉันเข้ามาในห้องครัวร้านพี่รันที่ตอนนี้ปิดวันหยุด ก็จัดการทำคัพเค้กเจ็ดชิ้นตกแต่งด้วยมาการองโยเกิร์ตสตอร์วเบอรี มีน้ำตาลแบบวงกลมสีทองและสีเงิน ส่วนตกแต่งหน้าคัพเค้กฉันก็จะทำเป็นครีมสีชมพูทำเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งทำคัพเค้กใช้เวลาก็ประมาณบ่ายนิดๆ ก็คงเสร็จ“ปานซื้อเทียนเป่าไม่ดับมาด้วยเหรอเนี่ย?” ขืนให้คุณองศาเป่าไม่ดับบอกเลยว่าคัพเค้กคงไม่ได้กินแต่ถูกโยนทิ้งและกระทืบมากกว่า เขาน่ะคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ดีนะที่สั่งซื้อเทียนแท่งยาวเรียวคล้ายเทียนเ

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Nevermind :: CHAPTER 38 Happy birthday & Happy new year II Part.2 [50%]

    Nevermind : 38Happy birthday & Happy new year II Part 2“ส้มเต็มต้นเลยแหะ” คุณองศาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับลูกส้มที่สุกกำลังน่ากิน ฉันหยิบตะกร้าขึ้นมาเพื่อเลือกส้มกลับบ้านพักได้โดยชั่งตามน้ำหนัก ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางสวนที่มีผ้าปูสำหรับไว้ปิกนิก คุณองศาสั่งเครื่องดื่มและเค้กส้มซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กส้มเลยล่ะ “เปรี้ยวหรือเปล่า?”“เดี๋ยวแพรเก็บเอาไปชั่งจ่ายเงินแล้วค่อยลองชิมดูค่ะ” ตอบโดยไม่มองหน้าเขาฉันก็เลือกส้มเต็มตะกร้าก็เอาไปชั่งที่เขามีไว้สำหรับแพคส้มกลับบ้านซึ่งเป็นแพคเกจที่น่ารักมากๆ เมื่อได้ถุงกระดาษที่ติดโล้โก้ของสวนฉันก็เดินกลับมาที่ปิกนิกเห็นคุณองศามองผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของที่สวนเอาเครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขาและเอียงอายแถมยังคุยอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันไม่ได้ยินหรอกนะ “มาแล้วค่ะ”“เค้กมาพอดี” พนักงานผู้หญิงมองฉันพลางเดินออกจากตรงนี้ ฉันมองเค้กส้มที่น่ากินกับชาเขียวเย็นที่คุณองศาสั่งให้ราวกับรู้ว่าเป็นของโปรดของฉัน “เสียค่าส้มไปเท่าไหร่ เอาเงินฉันไป”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมีเงิน” ตอบคุณองศาโดยไม่มองหน้าเขาตักเค้กส้มกินซึ่งอร่อยขึ้นชื่อจริงๆ“อยากถ

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Nevermind :: CHAPTER 38 Happy birthday & Happy new year [100%]

    “อื้ม พะ พอแล้วค่ะ” ดันใบหน้าหล่อเหลาให้ถอนจูบออก ให้ตายสิแพร! จะขาดใจจริงๆ นะ“คิดถึงเธอแทบบ้าแล้วแพร” คุณองศาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากล้น ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเล่นจูบจนเกือบจะพรากวิญญาณฉันมันก็ไม่ไหวนะ “ฉันจะตายจริงๆ นะถ้าเธอไม่ยอมให้สักที”“งั้นก็ตายไปเลยค่ะ” เค้นเสียงแข็งใส่เขาพลางเดินไปปิดแก๊สที่น้ำเดือดจนควันขึ้นแล้ว “ถ้าแพรอยาก แพรจะทำ”“...”“แต่ถ้าแพรไม่ แพรก็จะไม่ให้คุณองศาทำค่ะ”บอกเขาเด็ดขาดถึงจะมีเสี้ยวหนึ่งที่ดันอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาคลั่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะบอกไว้ก่อน คุณองศาน่ะต้องโดนฉันทรมานเรื่องนี้ไปอีกสักพักจนกว่าฉันจะใจอ่อน อย่างน้อยก็ให้สมกับที่เขาเคยเผลอใช้คำพูดไม่ดีกับฉันมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงจะมาง้อก็ใช่ว่าจะใจอ่อนเรื่องที่เขาอยากทำมันใจจะขาดตอนนี้ฉันเดินนำเขาอยู่นะ... หลังจากที่เดินตามเขามาตลอด ถึงเวลาที่คุณองศาต้องเดินตามกันบ้างเช้านี้ฉันนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองกับคุณองศาที่มีแค่ไม่กี่ชุด เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาค้างที่นี่เกือบครึ่งเดือนล่ะมั้งคงคิดว่าถ้าหากเจอฉันและฉันจะกลับไปกับเขามันก็ไม่

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Nevermind :: CHAPTER 38 Happy birthday & Happy new year [50%]

    Nevermind : 38Happy birthday & Happy new yearหลังจากที่คุณองศาเข้ามาในไร่กับฉันเพราะต้องการมาเป็นแมวเฝ้าเจ้าของ แถมเป็นแมวที่ดุเอามากๆ จนพี่รันเห็นยังขำเลยกระทั่งคุณองศาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นรูปแต่งงานของพี่รันจากที่หน้าตาบูดบึ้งก็ยิ้มหน้าบาน แถมคุยกับพี่รันเรื่องไร่สตอร์วเบอรีอีกต่างหาก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นคุณองศาหลายร้อยหน้าเลิกงานฉันกับคุณองศาก็มาที่ตลาดนัดคนเดิน เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานคุณองศาบอกว่าเช้าก็เก็บเสื้อผ้าไปที่บ้านพักรีสอร์ทบนเขาได้เลย เขาจองเรียบร้อยเห็นบอกว่าคืนหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบคืนจะสามหมื่นอะ คิดดูว่าต้องอยู่ที่นั้นอีกสามวันจนถึงวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่และวันเกิดคุณองศาเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดตัวเองหรือรู้ก็ไม่แน่ใจ คุณองศาดูไม่ได้สนใจว่ามันเป็นวันเกิดตัวเอง รู้แค่ว่าจะไปพักผ่อนกับฉัน ไหนจะพาไปเที่ยวอีกซึ่งฉันอยู่ที่นี่มาสองปียังไม่เคยไปเที่ยวทั่วจังหวัดเลยด้วยซ้ำ“อืม อันนี้อร่อยอะแพร” หันไปคุณองศาที่กำลังใช้ไม้จิ้มจิ้มไส้อั่วกินซึ่งเขาให้ชิม ไม่ได้ให้กินจนหมดถ้วยนะดูหน้าแม่ค้าสิทำหน้าจะร้องไห้แล้ว “ชิมจนอิ่มเล

  • ์Nevermind ไม่เหลือทางที่จะรัก   Nevermind :: CHAPTER 37 เราสองคน [100%]

    “เฮ้อ อยากจะบ้าตาย” คุณองศาเดินไปนอนบนเตียงต่อตามเดิม ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนบ้างแต่ยังไม่ได้นอนหรอกนะเอาแต่จ้องตากันนั่นแหละ “ไม่อยากจะคิดว่าสองปีที่เธอหนีฉันมาจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน”“แพรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรน่ะป้องกันตัวเองเสมอ” ตั้งแต่คุณองศามาอยู่ด้วยกันมีดที่เคยใช้ป้องกันตัวก็ไม่ได้อยู่ใต้หมอนอีกต่อไป ราวกับว่าเขาคือที่พักพิงและคอยปกป้องฉันจากเรื่องที่มันไม่ดี สบายใจมากเลยล่ะ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”“...”“จะอยู่กับเธอ ดูแลเธอไปจนวันตาย” คำพูดของคุณองศาทำให้ฉันเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ “เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันอีก”หลายวันผ่านไปเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีที่คุณองศาหาที่พักเพื่อพาฉันไปพักผ่อน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตบอกเลยว่าฉันกลับมามีความสุขอีกครั้งและเป็นความสุขที่เขาเป็นคนทำให้ด้วยนะ คุณองศาช่วงนี้เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการแทนคุณพ่อของเขาที่โทรมาหาบอกว่าให้ทำธุระคือการไปดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าพ่อของคุณองศามีหุ้นส่วนอยู่เห็นว่ากำลังจะซื้อขาดเลย เขาก็เลยไม่ได้มานั่งเฝ้าฉันที่ร้านบ่อยๆ ซึ่งมันดีม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status