Nevermind : 2
ผู้มีพระคุณ
เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาก่อนคุณองศาที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงโดยเปลือยท่อนบนและสวมเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ผู้ชายรัดรูปสีดำ เมื่อคืนฉันรอคุณองศาถึงสามทุ่มกว่าเขาจะมาก็ต้องเอาอาหารที่ทำเข้าเวฟ นั่งกินด้วยกันคุณองศาเป็นพวกที่แบบว่าถ้าพูดก็คือพูดยาวมาก แต่พอไม่พูดก็เงียบแบบฉันต้องเป็นฝ่ายพูดนั่นแหละเขาถึงถามไถ่เรื่องส่วนตัวฉันเช่น ‘มีแฟนหรือยัง’ ‘เรียนเป็นไงบ้าง คณะอะไร’ เถือกๆ นี้
“ทำอะไรแต่เช้า?” หันไปมองร่างสูงเดินงัวเงียมาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่ม มองแผงอกแกร่งมีแต่รอยสักไหนจะกางเกงบ็อกเซอร์รัดรูปนี่อีก รู้ไหมว่าไอ้นั้นนูนเด่นหราอยู่ภายใน “แพรวา”
“อะ อ๋อ ทำข้าวต้มกุ้งค่ะ วันนี้ฉันจะไปเรียนแล้ว”
“แทนตัวเองว่าแพรสิ”
“คะ?” ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นมองร่างสูงใหญ่กำยำเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารทั้งที่ล้างหน้าแปรงฟันแต่ยังสะลึมสะลืออยู่เลย “คุณองศาว่าอะไรนะคะ”
ฟังไม่ผิดใช่ปะแพรวา...
“แทนตัวเองว่าแพร แทนคำว่าฉัน”
“...” คุณองศาจิบกาแฟที่ฉันชงแบบกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลให้เขาใส่เอง แต่ก็ไม่ใส่นะ ใบหน้าหล่อเหลาผละจากแก้วกาแฟมองฉันที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ
“เร็วสิแพรวา” เออ คือแทนตัวเองด้วยชื่อน่ะไม่แปลก แต่มันแปลกๆ ก็อีตรงที่ต้องแทนชื่อกับคุณองศา “เธอไม่คิดว่ามันตะขิดตะขวงใจหน่อยเหรอ? ฉันช่วยเธอไว้ แต่มาแทนตัวเองว่าฉันเนี่ยนะ”
แปลกสิ... แปลกตรงที่ต้องแทนชื่อเนี่ยล่ะ
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง? จะทำอะไรหลังเลิกเรียน”
“แพรเลิกเรียนบ่ายสามค่ะ แล้วก็แพรต้องไปทำงานที่ร้านเค้ก” แทนชื่อจนได้สินะ รู้สึกกระดากปากเป็นบ้า ทว่าพอได้เห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากแดงคล้ำของคุณองศา ฉันก็ได้แต่เม้มริมฝีปากตัวเองอย่างแรง
“ไปหยิบเงินที่อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง”
“คะ?”
“ก็เงินไปมหาลัยไง” ให้ไปหยิบเลยเนี่ยนะ “จะเอาเท่าไหร่ก็หยิบเอาเลย”
“งั้นแพรไปก่อนนะคะ”
“ฉันสั่งลูกน้องให้ตามเธอไปสองคน เขาน่าจะรออยู่ที่ด้านล่าง รถบีเอ็มสี่ประตูสีดำเงา” คุณองศาสั่งพร้อมตักข้าวต้มกุ้งกิน เดินเลี้ยวจากห้องครัวตรงมาที่เตียงนอน เปิดลิ้นชักหัวเตียงฝั่งที่คุณองศานอนมีกระเป๋าเงินและสมาร์ทโฟนสุดหรูวางไว้ด้านบนมีกุญแจรถ ไม่ได้สนใจของตรงนี้เปิดลิ้นชักดวงตาก็เบิกกว้างทันที
ธนบัตรสีเทาในนี้กระจัดกระจายจนเกือบจะพูนออกจากลิ้นชักแล้ว ทำไมถึงยัดเงินทิ้งไว้ส่งเดชแบบนี้ล่ะ ถอนหายใจออกมาหยิบธนบัตรสีเทามาแค่ใบเดียวเท่านั้นฉันก็ดันมันปิดไว้ตามเดิม ฉันไม่ใช่คนโลภและเห็นแก่เงินขนาดนั้นหรอกนะ การที่คุณองศาไว้ใจใช่ว่าฉันจะเอาเงินเขามาเท่าไหร่ก็ได้นะ ออกจากห้องหันไปมองคุณองศาเห็นว่าเขากำลังกินข้าวต้มกุ้งคุยสายกับใครสักคนฉันก็เลยเดินออกจากห้อง เห็นคนของคุณองศาเดินไปมาฉันก็เลยปะทะเข้ากับร่างสูงที่เดินออกจากลิฟต์
“แพรวา จะไปเรียนแล้วเหรอครับ?”
“ค่ะคุณนนท์ แพรไปก่อนนะคะ” ส่งยิ้มอ่อนให้กับคุณนนท์ ฉันก็เข้าลิฟต์เพื่อลงมาชั้นล่างพลางยกมือปิดปากตัวเองเพราะหาวออกมา เนื่องจากเมื่อคืนคล้ายกับว่าแปลกที่ไปสักหน่อย ไหนจะเตียงของคุณองศาที่นุ่มกว่าเตียงฉัน ไหนจะเขาที่นอนอยู่ข้างกัน ไม่ใช่ว่าคุณองศานอนดิ้นหรือนอนกรนนะ เขานอนหลับแบบเงียบมาก มีแค่ฉันที่นอนไม่หลับเวลาหันไปมองคุณองศาอยู่ตลอดเวลา เคลิ้มหลับก็อีตอนเกือบตีสาม
ยังคงสงสัยในตัวเองว่าทำไมถึงไว้ใจคุณองศาได้มากขนาดนี้... ทำไมถึงได้ยอมมาอยู่กับเขา นอนเตียงเดียวกัน ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง รู้แค่ว่าฉันต้องการที่พึ่งอย่างมากและคุณองศาเขาก็ให้ฉันได้
“ผมจะรอคุณแพรวาที่หน้ามหาวิทยาลัยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
“คิดว่าถ้าไปรอคุณแพรวาที่คณะ กลัวจะแตกตื่นกันน่ะครับ” เป็นความคิดที่ดีมากเลยล่ะ
“ฉันเลิกเรียนจะรีบมานะคะ รบกวนไปส่งที่ร้านเค้กที่ฉันทำงานด้วยนะคะ”
“ยินดีเลยครับ”
ลงจากรถฉันก็เดินเข้ามหาลัยซึ่งสายตาหลายคู่มองฉันกับคนของคุณองศาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าฉันกลับไม่เคยสนใจสายตาของคนพวกนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะข่าวเกี่ยวกับตัวฉันที่แพร่กระจายเรื่องที่มีคนปล่อยว่าฉันขายตัวนั่นแหละ อาจจะมีใครตาดีเห็นฉันโดนป้าพาเร่ไปขายตาซ่องก็เลยเอามาปล่อยนั่นทำให้ตำแหน่งดาวคณะของฉันถูกปลดลงทันที ถึงจะไม่ได้โชคดีเสมอไป ฉันก็ยังมีนิวกับเอมที่อยู่เคียงข้างกันมาเสมอ
“แพร!” เอมตะโกนเรียกฉันให้ไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ เนื่องจากใกล้จะถึงวันสอบเข้ามาแล้วฉันก็ขึ้นปี 2 ถึงแม้ว่าจะทำงานหนักและโดนที่บ้านกระทำเยี่ยงสัตว์ ฉันก็อยากที่จะตั้งใจเรียนเพื่อที่ว่าเรียนจบจะได้หางานดีๆ ทำ เพิ่มคุณภาพชีวิตของฉันให้ดีมากกว่านี้ “เล่ามาเลยนะ อะไรยังไง”
“ใจเย็นดิเอม ให้แพรนั่งหายใจหายคอก่อน”
“แหม ทำเหมือนไม่อยากรู้ ที่จริงก็อยากรู้ใจจะขาด” นิวหยิบขนมเขวี้ยงใส่เอมที่หัวเราะชอบใจ “ตกลงว่ายังไง ไม่ได้อยู่บ้านป้า แล้วเธอไปอยู่ไหนกันแน่อะแพร”
“คือว่า...” มองสบตากับเพื่อนทั้งสองคนที่จ้องฉันเพื่อฟังเรื่องจริงจากปากของฉัน “ตอนนี้ฉันอยู่กับคุณองศาน่ะ”
“ใครคือองศา?” คำถามนี้เป็นของนิวที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เขาช่วยฉันไว้ตอนที่โดนขัง” เอ่ยปากเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนฟังทั้งหมดไม่มีเรื่องไหนที่เก็บเอาไว้ รวมไปถึงเรื่องที่คุณองศาให้ฉันไปอยู่กับเขาด้วย “แค่นี้ล่ะ”
“แค่นี้? เธอจะไปอยู่กับผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกันวันเดียวได้ไงอะแพร”
“นั่นสิ เขาดีหรือเปล่า เป็นพวกตาแก่โรคจิตหรือมีเหตุผลอะไรถึงให้เธอไปอยู่ด้วย มันไม่มีหรอกนะแพรของฟรีน่ะ” เอมปิดท้ายด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่ต่างจากนิว
“องศา โยคินวาณิชย์สกุล”
“...”
“ชื่อของเขา ลองเสิร์ชดูสิ” เอมได้ฟังก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดค้นหาประวัติของคุณองศา แน่นอนว่าฉันหันไปสบตากับนิวที่มองฉันพลางถอนหายใจ นิวกับเอมเป็นเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายด้วยกันแล้ว พอเรียนมหาลัยก็เลยเป็นเพื่อนกันอีกไปนานๆ
“โห ประวัติเขาโคตรดี โปรไฟล์เริ่ดมาก ถึงจะหล่อมากแบบมากๆ แต่ฉันคิดว่าเขาดูอันตรายยังไงบอกไม่ถูกอะ”
“ไหนเอม เอามาดูดิ” นิวดึงสมาร์ทโฟนของเอมไปดูประวัติและหน้าตาของคุณองศา “เธอย้ายมาอยู่กับฉันกับเอมก็ได้นะแพร ผู้ชายคนนี้ดูอันตรายจริงนั่นแหละ”
“ฉันเกรงใจพวกเธอสองคนนะ”
“เกรงใจทำไม เราเพื่อนกันนะส่วนเขาก็แค่คนอื่น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องการอะไรจากเธอ ถึงได้ช่วยได้อย่างง่ายดายขนาดนี้” ฉันมองนิวที่พูดยาวเหยียดแบบไม่หายใจหายคอ “ย้ายออกมาเถอะแพร”
“ถ้าฉันย้ายออก ไม่มีใครปกป้องฉันได้จากป้ากับลุงนะ”
“ก็จริงนะ ฟังจากที่แพรเล่า เขาดูอันตรายและมีอิทธิพลมากๆ น่าจะปกป้องแพรให้รอดเงื้อมือป้าเธอได้”
“นี่เธอเห็นดีเห็นงามกับเพื่อนที่จะไปอยู่กับผู้ชายที่ไม่รู้จักเนี่ยนะเอม?!” มองนิวที่ตะคอกเอมจนเพื่อนตกใจ พลางรวบรวมหนังสือไว้ในอกและเดินสะบัดหน้าหนีไป
“อะไรวะ? ฉันแค่คิดว่าเธอควรมีคนปกป้อง พวกฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ ถ้าเป็นคุณองศาเขาทำได้แน่”
“อืม”
“เอาเป็นว่าถ้าไม่มีอะไรชอบมาพากล รีบโทรหาฉันเลยนะ”
“ได้สิ แต่คุณองศาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” ใช่ ฉันเชื่อใจเขามาก เขาไม่มีทางทำร้ายฉันเหมือนที่ครอบครัวฉันทำ เพราะเป็นเขาฉันถึงคิดว่าตัวเองควรหาที่พึ่งสักทีและเขาก็อนุญาตให้ฉันอยู่ที่นั้นได้เสมอ
“แพร” ผละสายตาจากเอมหันไปมองรุ่นพี่คนหนึ่งที่เดินยิ้มมาหา
“คะ?”
“พี่ได้ข่าวว่าน้องขายเหรอ”
“เฮ้ย! ขายบ้าขายบออะไรวะ” เอมตะคอกรุ่นพี่คนนี้ที่หน้าเสียไม่ต่างจากฉันสักนิด “ไปให้ห่างจากเพื่อนฉันเลยนะ”
“จะตวาดใส่พี่ทำไมครับ พี่ก็แค่ถามว่าแพรขายหรือเปล่า”
“แล้วที่พี่ถามขายอะไรไม่ทราบ”
“ก็ขายตัวไง”
“!”
“หรือไม่ได้ขายเหรอ?”
“ไอ้เวรเอ๋ย” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดนมาถามแบบนี้ ฉันโดนบ่อยมาก จนมันกลายเป็นความเคยชินแต่คนที่ไม่อยู่เฉยก็คือเอมเพื่อนฉันที่มักจะไล่คนพวกนี้ออกไปจากชีวิตฉัน “ไปหาซื้อกินแถวอื่น แพรไม่ได้ขายจำไว้!”
“โอเค เห็นเขาบอกกันมานี่หว่า”
“ไปเลยไอ้ห่าจิก!” เอมตะโกนไล่รุ่นพี่คนนี้ตามหลัง ก่อนจะทำท่าฟึดฟัดราวกับโดนซะเอง ทั้งที่ฉันเอามือจิกลงบนผิวเนื้อเพราะมันจุกจนพูดไม่ออกแล้วจริงๆ “ต้องเป็นยัยหมีแน่เลยที่ปล่อยข่าวเธอ”
“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ผิดที่ยัยหมีไง ปากมากฉิบ!”
หมีคือเพื่อนรุ่นเดียวกันในคณะ หล่อนมักที่จะแซะฉันอยู่เสมอก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้ แต่จริงๆ แล้วแฟนของหล่อนเคยมาชอบฉันก่อน และหล่อนก็ชอบคิดว่าแฟนหล่อนยังอาลัยอาวรณ์ฉันอยู่ เรื่องข่าวที่ฉันขายตัวหมีเห็นตอนนั้นก็เลยเอามาปล่อย เพียงเพราะอยากให้แฟนตัวเองรังเกียจฉัน ความจริงแล้วเขาไม่เคยรังเกียจฉันด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่สุภาพ จริงใจแต่ไม่น่าไปคบกับยัยหมีเลยเอาจริง ซึ่งฉันเองก็เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขา แต่เรื่องมันก็ผ่านมาห้าเดือนแล้ว ฉันเลยไม่อยากจำ... ถึงอยากจำมันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
เลิกเรียนช่วงบ่ายแก่ฉันก็มาถึงร้านเค้กที่ฉันทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทำงานที่นี่มาได้สักพักแล้วล่ะ เพราะว่าได้เงินดีเลิกงานก็ตอนปิดห้างช่วงสองทุ่มกว่า ฉันทำงานเป็นแบบกะช่วงเลิกเรียนทั้งหมดเวลาห้าโมงเย็น แต่วันไหนเลิกเร็วก็จะมาทำงานเร็วแบบนั้นจึงได้เงินค่าชั่วโมงเพิ่มขึ้น เวลานี้ฉันกำลังตกแต่งคัพเค้กที่มีคนสั่งห้าสิบชิ้นเอาไปงานเลี้ยง
“พี่เห็นมีผู้ชายสองคนนั่งในร้าน พวกเขามากับแพรเหรอ?” พี่วันที่เป็นเจ้าของร้านเอ่ยถามและเธอก็ทำหน้าที่อบเค้ก ตกแต่งหน้าเค้กด้วยล่ะ
“ค่ะ” ตอบพี่วันแค่นั้นเธอก็ไม่ซักไซ้อะไร เพราะฉันกำลังตกแต่งหน้าคัพเค้กจำต้องใช้สมาธิอย่างมาก คัพเค้กมีทั้งหมดห้าสิบห้าชิ้นและห้าชิ้นที่ทำเพิ่มขึ้นมา ฉันขอพี่วันไว้เธอก็อนุญาตให้ฉันเอากลับไปด้วยซึ่งฉันจะเอาไปฝากให้คุณองศาผู้มีพระคุณ เมื่อใช้เวลาตกแต่งคัพเค้กเรียบร้อยก็นำจัดส่ง อีกห้าชิ้นฉันก็เอาใส่กล่องเป็นแบบหิ้วไว้บนโต๊ะแปะชื่อเรียบร้อย กลัวว่าพนักงานคนอื่นจะมาหยิบมันไป ฉันเดินออกมายืนหน้าร้านเห็นคนของคุณองศากำลังนั่งจิบกาแฟกันอยู่พลางหันมามองฉันที่ค้อมศีรษะให้
“ผู้ชายสองคนนั้นน่ากลัวจังแพร” หันไปมองมุกเพื่อนที่ทำงานสนิทกันมาได้สักพัก เธอเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งคนละมหาลัยกับฉันนะ “ตกลงเขาเป็นใครอะ?”
“ก็...”
“เอาน่า ไม่อยากเล่าไม่เป็นไร รับอะไรดีคะคุณลูกค้า” กำลังจะเอ่ยปากมุกก็เดินไปรับลูกค้าที่เลือกดูเค้ก อันที่จริงฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้กับมุกฟังหรอกนะ มีเพียงเอมกับนิวเท่านั้น พอนึกไปถึงนิวหมอนั้นก็ไม่เข้าเรียนด้วย รู้นะว่าเพื่อนโกรธแต่จะให้ทำยังไง พวกเขาปกป้องฉันไม่ได้มากฉันเข้าใจความหวังดี ทว่าคุณองศาเขามีอำนาจและอิทธิพลมากกว่า สำคัญคือแม้จะดูเหมือนผู้หญิงใจง่ายที่จู่ๆ ก็ไปอยู่กับผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกัน แต่ฉันคิดว่าชีวิตของฉันต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับคุณองศา
ให้ชีวิตกับเขา ให้เขาดูแลยังดีซะกว่าให้ป้าดูแล... และพร้อมจะทำลายฉันได้ทุกเมื่อ
สองทุ่มครึ่งมาถึงฉันกับมุกก็ช่วยกันเก็บกวาดภายในร้านเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้มาทำงานกันต่อ เนื่องจากพี่วันกลับไปแล้ว หน้าร้านตอนนี้ก็ปิดลง ออกหลังร้านเพื่อหิ้วขยะไปทิ้งด้านหลัง ร้านเค้กของพี่วันอยู่ชั้นล่างของห้างนะ ตรงนี้ค่อนข้างมืดฉันเปิดถังขยะและเอาถุงขยะสามถุงทิ้งลงไป เสร็จก็เอามือป้ายไปที่ผ้ากันเปื้อนผูกแค่ครึ่งเอว
“นังแพร”
“!” สะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นหู ฉันหันไปมองป้า ลุงและเอ็มที่ยืนกระตุกยิ้มมุมปาก
“แกกล้ามากเลยนะที่หนีฉันไป วันนี้ล่ะ ฉันจะขังแกไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย”
“พอสักทีเถอะค่ะ” ฉันตะคอกป้าอย่างเหลืออด “อย่ามารบกวนแพรอีก ไม่อย่างนั้น... แพรจะบอกคุณองศา”
“หึ เชิญบอกมันไปเลยนะ แค่พวกฉันพาตัวแกกลับบ้าน มีเหรอว่ามันจะตามหาแก”
“...”
“มันก็แค่หลอกใช้แกนะแพร กลับมาอยู่กับลุงดีกว่า” ขยะแขยงชะมัด เห็นสีหน้าและรอยยิ้มของลุงกับเอ็ม ฉันก็หวังจะเปิดประตูหลังร้านเพื่อหลีกหนีพวกเขา ทว่าก็ช้าไปตอนนี้ลุงก็คว้าข้อมือฉันไว้พลางบีบอย่างแรงจนเจ็บถึงกระดูก
“ปล่อยนะ!” พยายามเอามือดันสิ่งสกปรกนี้ออก “แพรไม่มีวันกลับไปอยู่ในนรกนั่นอีกแน่”
“ลากมันมา” ป้าสั่งลุงให้ลากฉันที่ขืนตัวไม่ยอมไป กระทั่งสายตาของฉันเหลือบไปมองร่างสูงใหญ่สองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของป้ากับเอ็ม พร้อมปลายกระบอกปืนที่จดจ่ออยู่ตรงศีรษะด้านหลัง จนลุงรีบปล่อยมือฉันทันทีรีบวิ่งไปหลบหลังคนของคุณองศาด้วยความสั่นกลัว
“พวกคุณยังไม่จบสินะครับ”
“...”
“คุณองศาสั่งผมไม่ให้ยิงพวกคุณ แต่ใช่ว่าพวกคุณจะมารบกวนคุณแพรวาแบบนี้” น้ำเสียงเย็นยะเยือกบอกทั้งสามคนที่หันมามองจนกระบอกปืนถูกยัดเข้าในปาก “หรืออยากให้ผมยิงกรอกปากพวกคุณดี”
“อือๆ” ป้าส่ายหน้าไปมาพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น เข้าใจความรู้สึกของฉันหรือยัง... เข้าใจหรือยังล่ะ ความหวาดกลัวที่ฉันต้องประสบพบเจอมาตลอดสิบปีเต็มน่ะ
“ครั้งหน้าถ้ายังมารบกวนคุณแพรวาอีก พวกผมอาจต้องอุ้มพวกคุณไปฆ่าทิ้งที่ไหนสักที”
“!”
“หรือหั่นเนื้อพวกคุณโยนให้จระเข้กินดี ช่วยคิดหน่อยนะครับ” คำขู่ของเขาทำให้สามคนนั้นรีบวิ่งหางจุกตูดไปทันที ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกยกมือไหว้ขอบคุณคนของคุณองศา ซึ่งพวกเขาก็มองสำรวจว่าฉันเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าจะเป็นก็คงเป็นข้อมือที่ลุงบีบจนเกิดรอยแดงนั่นแหละ “ไปเก็บของ กลับกันเถอะครับ”
“ค่ะ”
คนของคุณองศาเดินตามเข้ามาด้วย เมื่อฉันเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็กลับมาทั้งชุดพนักงานสีดำทั้งชุด ฉันหิ้วกล่องคัพเค้กเปิดประตูเข้ามาในห้อง เอากล่องคัพเค้กวางไว้บนโต๊ะอาหาร ได้ยินเสียงน้ำไหลก็เลยเดินไปตามเสียงถึงได้เห็นว่าตอนนี้ร่างสูงใหญ่กำลังแช่ตัวในอ่างกุชชี่ พร้อมจุดเทียนหอมไว้รอบๆ จิบไวน์พลางดูหนังที่เอาจอโปรเจคเตอร์ดึงจากด้านบนตรงระเบียงกระจกลงมาบดบังวิวทิวทัศน์ก่อนหน้านั้น คุณองศาเหมือนรู้ว่ามีคนจ้องเขาก็หันมามองฉันที่สะดุ้งเล็กน้อย
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ คุณองศากินอะไรหรือยังคะ?”
“ยัง ว่าจะไปกินที่...” คุณองศากลืนคำพูดท้ายลงคอ “เดี๋ยวฉันหากินเอง”
“ได้ค่ะ”
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันรีบส่ายหน้าไปมาพลางปั้นหน้ายิ้ม คุณองศายังไม่ทันได้ถามอะไรต่อคนของเขาก็เข้ามาซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ติดตามฉันไปด้วยนั่นแหละ “ออกไปก่อน”
“ค่ะ” ตอบแค่นั้นฉันก็หมุนตัวเดินตรงไปยังห้องนอนหยิบกล่องคัพเค้กติดมือมาด้วย ทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียงทีวีไม่ได้ถูกเปิดไว้ฉันก็เลยเลือกที่จะเบนสายตามองวิวที่อยู่รอบๆ ในห้อง ลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่านที่ถูกปิดไว้ครึ่งหนึ่งออก มองเสื้อผ้าของคุณองศาที่ทิ้งกระจัดกระจายเต็มห้องฉันก็คว้าตะกร้าใส่ผ้าของเขาและของฉันแยกกันนะ หยิบเสื้อผ้าลงตะกร้าจังหวะนั้นก็เห็นปลายเท้าที่เปียกไปด้วยน้ำ ไล่สายตามองขึ้นไปก็พบว่าคุณองศานุ่งเพียงผ้าขนหนูสีขาวเพียงตัวเดียวเท่านั้น ผมที่ก่อนหน้านั้นเซตอยู่ตลอด เวลานี้เปียกจนปกปิดใบหน้าหล่อเหลา
“ยังอยากทำงานที่นั้นอยู่ไหม?”
“ที่ร้านเค้กเหรอคะ” คุณองศาพยักหน้ารับจากนั้นก็เดินไปที่ลิ้นชักหัวเตียงฝั่งเขา หยิบบุหรี่คีบไว้ตรงมุมปาก จากนั้นก็จุดไฟแช็กจนปลายบุหรี่มอดไหม้เผยควันสีเทาออกจากริมฝีปากแดงคล้ำ “อยากทำค่ะ”
“ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ” ร่างสูงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ติดริมกระจก ตวัดขาไขว่ห้างเมื่อกี้... เห็นอะไรแวบๆ นะ? “ถ้าพวกป้าเธอมายุ่มย่ามกับเธออีก ฉันไม่ปล่อยไว้แน่”
“...”
“มานี่สิ” กวักมือให้ฉันเดินไปหา คุณองศาคว้าข้อมือฉันที่ถูกบีบเป็นรอยแดงดูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เฮ้อ”
“คุณองศา ทานคัพเค้กไหมคะ?” เพราะเขาถอนหายใจราวกับหงุดหงิด ฉันเลยเปลี่ยนเรื่องเขาก็เลิกคิ้วขึ้น
“ปกติฉันไม่ค่อยกินเค้ก”
คำตอบของคุณองศาทำให้ฉันเม้มริมฝีปากตัวเอง
“เอามาดูสิ”
“ค่ะ” พอเขาบอกจะดูฉันก็รีบวิ่งไปหยิบกล่องคัพเค้กยื่นให้คุณองศาเปิดดู
“ตกแต่งหน้าเองหรือไง”
“ใช่ค่ะ น่าทานใช่ไหมคะ” คนตรงหน้ายกยิ้มมุมปากพลางหยิบคัพเค้กชิ้นหนึ่งขึ้นมากัดเข้าปาก ฉันลอบมองใบหน้าของคุณองศาว่าเขาจะรู้สึกยังไง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะเขากินหมดก็จริงแต่ก็ไม่ได้บอกว่าอร่อยไหมนี่สิ
“เมื่อเช้าหยิบเงินไปเท่าไหร่?”
“หนึ่งพันบาทค่ะ” ตอบคุณองศาเขาก็ขมวดคิ้ว “พอดีที่ตัวแพรมีเงินเก็บอยู่เล็กน้อยน่ะค่ะ”
“เธอนี่นะ มักน้อยชะมัด”
“ก็เงินของคุณองศานี่คะ เงินกว่าจะหามาได้มันยากมากเลยนะคะ”
“สำหรับฉันมันง่าย แต่สำหรับเธอมันยากสินะ” ใช่สิ ฉันต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะได้เงิน เพราะแบบนี้ได้เงินมาฉันถึงใช้เงินอย่างประหยัดที่สุด กินให้น้อยเก็บให้มากสโลแกนของฉันไง คุณองศาลุกขึ้นมาหยุดตรงหน้าฉัน ซึ่งแน่นอนว่าความสูงของเราต่างกันลิบลับ “เพราะแบบนี้ประหยัดจนตัวผอม”
“มั้งคะ ปกติแพรกินไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ”
“ไปอาบน้ำแต่งตัว”
“คะ?”
“ฉันจะพาเธอไปกินข้าวข้างนอก”
“แต่ว่าในตู้เย็นของสดมีเพียบเลยนะคะ ไปกินข้างนอกเสียดายเงิน” ฉันบ่นพึมพำถึงจะเบาแต่คุณองศาคงจะได้ยินสินะ เขาถึงได้วางมือบนศีรษะฉันและโยกไปมา อบอุ่นจัง...
“เงินฉัน ไม่ใช่เงินเธอ”
“แพรทำให้คุณองศาทานได้นะคะ”
“อย่าพูดเยอะ ให้ทำอะไรก็ทำ”
ฉันทำหน้าบูดใส่คุณองศาที่ยีศีรษะฉันเบาๆ ก่อนจะเดินสวนเข้าไปในห้องน้ำ สายตาหันไปมองแผ่นหลังกว้างที่มีรอยสักลวดลายสวยงาม มือของฉันวางแตะบนหัวตัวเองมุมปากก็ผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความอบอุ่นยังคงแผ่ซ่านไม่จางหายไป
เมื่ออาบน้ำเรียบร้อยฉันก็หยิบเสื้อยืดสีขาวขอบสีตัดดำ สกรีนภาษาอังกฤษหน้าอกซ้ายพร้อมกางเกงยีนส์ขากระบอกขาดซีด อันที่จริงฉันมีแค่ไม่กี่ชุดเองนั่นแหละ ไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าสักเท่าไหร่ ผมสีดำยาวมัดเป็นมวยไว้ท้ายทอยเป็นอันเสร็จ ออกจากห้องน้ำมองร่างสูงของคุณองศากำลังยืนหันหลังคุยสายกับใครสักคน เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอกและกางเกงสแล็คสีดำ
“อะไรนะ... ให้ตายสิวะ!” ตกใจหมดเลย “ถ้ายังไม่ได้ตามที่ฉันสั่ง เธอรู้นะว่าต้องทำยังไง”
เธอเหรอ? คุยกับผู้หญิงสินะ
“เอามันมาให้ได้ ไม่งั้นเธอเจอดีแน่ จำไว้” เค้นเสียงลอดไรฟัน คุณองศายัดสมาร์ทโฟนลงกระเป๋ากางเกง ใบหน้าหล่อเหลาดูหงุดหงิดงุ่นง่าน ฉันเลยกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเดินไปไปหาเขา
“แพรเสร็จแล้วค่ะ” หันมามองฉันพลางปรับสีหน้าเป็นเรียบนิ่งทั้งที่เมื่อกี้ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เลย
“ไปกัน”
“เออ ถ้าคุณองศายุ่งงาน แพรว่าเราไม่ต้องไปก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” คุณองศาอมยิ้มพลางเอานิ้วจิ้มมาที่หน้าผากฉัน ก่อนจับมือฉันเดินพาออกจากห้องราวกับว่ากลัวฉันจะไม่ไปยังไงยังงั้นเลย รถของคุณองศาขับออกจากตัวคอนโดออกสู่ท้องถนน สมาร์ทโฟนของคุณองศาวางไว้ตรงหน้าคอนโซลรถมีเส้นทางสำหรับไปร้านอาหารที่จองเอาไว้เรียบร้อย สายตาของฉันเหลือบมองข้างกระจกเห็นข้างทางมีขายพวงมาลัย “มองอะไร?”
“แพรมองร้านพวงมาลัยน่ะค่ะ ตอนเด็กแพรเคยรับจ้างขายพวงมาลัยตามถนนด้วย เพราะป้าบังคับน่ะค่ะ”
“...”
“ตอนนั้นแพรทำอะไรไม่ได้ จำต้องก้มหน้าขายพวงมาลัยไม่หมดก็อดกินข้าวด้วยค่ะ หนำซ้ำขายไม่หมดก็กลับบ้านไม่ได้ด้วย” ฉันพูดไปก็ขำไป ขำไม่ใช่เพราะอะไรนะ แค่สมเพชกับชีวิตที่แสนรันทดของตัวเองต่างหาก
“บอกตามตรงนะฉันน่ะเบื่อฟังชีวิตนางเอกของเธอซะจริง” หันไปมองคุณองศาที่ลดกระจกรถพลางยืดแขนขวาที่ปลายนิ้วกำลังคีบบุหรี่สูบ
“แต่แพรก็โชคดีนะคะ ที่ได้มาเจอกับคุณองศา”
“โชคร้ายมากกว่า” ถึงคุณองศาจะบอกว่าตัวเองอันตรายก็เถอะนะ
“คุณองศาก็เป็นคนดีนี่คะ”
“ฉันไม่ดีหรอก” พูดปัดพลางคีบบุหรี่สูบเอานิโคตินเข้าปอดเฮือกใหญ่ สายตาคมตวัดมามองฉันที่จ้องเขาอยู่ “เธอยังไม่รู้จักฉันดีพอ”
“ก็รู้จักแล้วนี่คะ” เผยรอยยิ้มจนคนตรงหน้าส่ายหน้าพลางยิ้มขำ “คุณองศาหัวเราะด้วย”
“ฉันก็คนนะ หัวเราะ ร้องไห้เป็น”
“ปกติแพรไม่ค่อยเห็น” คุณองศาเลิกคิ้วขึ้นพลางเอาก้นบุหรี่จิ้มตรงล็อกสำหรับทิ้งก้นบุหรี่ที่กองพะเนินเยอะมาก รถของคุณองศาเคลื่อนตัวไปตามถนนยามนี้รถตามเส้นทางร้านอาหารไปเรื่อยๆ “แต่ถึงคุณองศาจะอันตรายแค่ไหน แพรก็จะทำตามที่คุณองศาสั่งทุกอย่างค่ะ”
“...”
“ตอบแทนผู้มีพระคุณ จะให้ทำอะไร แพรก็ยอมทำ”
“แล้วถ้าฉันสั่งให้เธอไปตายล่ะ?”
“ไปค่ะ”
“เธอยังตายไม่ได้ ฉันเคยบอกแล้วไง” น้ำเสียงหงุดหงิดบ่นพึมพำและนั่นทำให้ฉันขยับมานั่งพิงเบาะรถตามเดิม มันจริงนะ ถ้าหากคุณองศาต้องการให้ฉันทำอะไรให้เขา ไม่ว่าจะร้ายแรงหรือเป็นเรื่องดีๆ ฉันก็พร้อมทำ “แล้วก็ห้ามตายด้วย”
“แพรทราบค่ะ” ถึงตอนที่อยู่กับป้า ฉันเคยมีความคิดเรื่องจากโลกนี้ไปเพราะชีวิตมันเฮงซวย พอได้มาเจอกับคุณองศา เขาก็บอกว่าฉันยังตายไม่ได้นะและมาตอนนี้ก็สั่งฉันห้ามตายอีก ใช่ ฉันจะไม่คิดเรื่องนั้นอีกสัญญาด้วยชีวิตเลย
*---------------------------------------------------------*
“รักมากที่สุด” ในที่สุดคำที่ฉันอยากฟังก็ออกมากจากริมฝีปากแดงคล้ำ ดวงตาของฉันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันที“แพรก็รักเฮียองศาค่ะ”====================เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเมื่อฉันยืนกอดอกมองสายน้ำและทรายที่เหยียบอยู่ บ้านพักริมทะเลของเฮียองศาเวลานี้เราได้มาพักผ่อนหลังจากที่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เคยบอกว่าคงจะไม่ได้ที่นี่อีกสุดท้ายฉันกลับยืนมองมันอยู่ตรงนี้ ขณะที่ยืนลูบแขนตัวเองเพราะลมทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ผ้าแพรสีน้ำเงินก็ถูกคลุมจากด้านหลัง หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้อายุจะนับไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับว่าสตาฟมันเอาไว้“เข้าไปข้างในดีไหม หนาวตัวเย็นเลย”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลูกเผลอวิ่งลงทะเล” ฉันกับเฮียองศามองเด็กผู้ชาหนึ่งคนที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายเป็นรูปปราสาท ‘เด็กชายพายุ โยคินวาณิชย์สกุล’ อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนแรกของเราสองคนที่หน้าตาเหมือนฉันแต่นิสัยคล้ายพ่อ คิดดูว่าพายุเป็นเด็กฉลาดมากและก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันฉันแค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ“งั้นเดี๋ยวเฮียไปดูลูกก่อน” พูดจบก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาลูกชายที่พอเห็นพ่อก
พูดจบก็จูงมือฉันขึ้นรถขับออกจากคาสิโน ไม่สิ ผับของเฮียก็ตรงมายังเส้นทางที่ไปบริษัทรถของเขานี่นา ฉันจำได้ดีเลยว่าเราเจอกันวันนั้นที่ฉันเก็บกระเป๋าเงินให้เฮียได้และหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ รถของเฮียจอดลงที่หน้าบริษัทของเขาที่มีรถหรูราคาแพงโชว์เรียกลูกค้าระดับสูงๆ กันทั้งนั้น ฉันเดินตามเฮียองศามายังด้านข้างบริษัทมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งมึนงงหนักไปอีกก็แค่ร้านกาแฟกับเค้กไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้มีร้านกาแฟด้วย ตอนเจอกับเฮียยังเห็นเป็นร้านขายของที่ระลึกอยู่เลยมาตอนนี้กลับกลายเป็นร้านกาแฟและเค้กไปด้วย มีคนเข้าไปในร้านค่อนข้างเยอะอาจเพราะตรงนี้เป็นย่านติดกับการค้าหลากหลายไหนจะมหาลัยอีก ไหนจะบริษัทอีกทำเลตรงนี้คือดีมากเลยนะ“มองไปข้างบนสิ” เฮียองศาให้ฉันมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่มองป้ายผับของเฮียองศา ฉันหันไปมองเฮียที่จูงมือพาฉันเข้ามาในตัวร้านและมีพนักงานสองคนเห็นเฮียก็รีบมาต้อนรับ “นี่แพรวา เมียฉัน”“ค่ะคุณองศา”“เมียฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟนี้”“ฮะ เฮียคะ มันไม่มากไปเหรอคะ?” ฉันบีบฝ่ามือหนาแน่นจนเฮียองศาหันมายิ้ม“ชื่อร้า
พูดจบก็โน้มมาบดขยี้จูบบนกลีบปากฉันราวกับห่างหายมานานจนมันทับถมกลายเป็นความต้องการอย่างมากล้น เฮียผละจูบออกให้ฉันได้หายใจอารมณ์เวลานี้พลุ่งพล่านจนฉันไปไม่เป็นได้แต่หอบหายใจหนัก ขณะที่มือของฉันก็เลื่อนไปกอบกุมความเป็นชายของเฮียองศาเวลานี้มันอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแต่เฮียก็ยังคงไม่ได้ยอมให้มันออกมาสักที ไล่จูบมาถึงทรวงอกพลางครอบครองยอดอกฉันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุ นั่นทำให้ฉันเสียวจนจิกนิ้วเท้าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบแน่น ริมฝีปากร้อนไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบจากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งของฉันพาดบ่าสิ่งที่เฮียกำลังทำฉันรู้ดีถึงได้จิกเส้นผมหนานุ่ม ณ เวลานี้เฮียกำลังตักตวงความหอมหวานจากกลางกายสาวอย่างมูมมาม พอทำจนพาฉันไปถึงสวรรค์ชั้นที่เท่าไหร่ฉันไม่อาจรู้ได้ ฉันก็มองสบตากับเขาพลางย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาพลางรูดกางเกงยีนส์ของเฮียลงมาพลางกางเกงในซึ่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ตีโดนแก้มฉันเบาๆ“แพรกินเฮียบ้างนะคะ” ฉันมองสบตากับเฮียองศาที่กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฉันใช้มือประคองความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาซึ่งเวลานี้กำลังแข็งและดิ้นไปมาในมือของฉัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปสูดเอากลิ่นสาบเข้ามาในปดให้ได้มากที่สุ
ตอนพิเศษขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ ====================“เรามาแต่งงานกัน แพร”“...”“ฉันพูดจริงนะ” คุณองศาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับมือฉันที่วางอยู่ไปกุมไว้ กระทั่งพลุไฟเย็นหมดลงคุณองศาก็ดึงก้านมันออกวางไว้บนโต๊ะ บีบมือฉันแน่นพลางโน้มลงมากดจูบอย่างแนบแน่น “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเธออยู่ข้างๆ กันไปตลอดชีวิต”“ตะ แต่ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วแพรคิดว่าคุณองศาอาจจะเจอใครที่ดีกว่า...”“ไม่มีใครดีมากกว่าเธอ” เขาส่ายหน้าไปมาราวกับบอกว่าไม่มีใครดีเท่าฉัน “ฉันเลือกแล้ว”“แพรยังไม่พร้อมนี่คะ” ตอบคุณองศาซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ เขายังยิ้มเอ็นดูฉันอีกต่างหาก “แพรเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่แพรไม่เคยได้ใช้ แล้วแพรกลัวว่าถ้าแต่งงานไปแพรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”“สองปีที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ?” มันก็พอนั่นแหละ “หรือเธอไม่อยากแต่งกับฉัน”“ไม่ใช่นะคะ! แพรอยากแต่งกับคุณองศาค่ะ แต่ว่า...”“แต่อะไรอีกล่ะ เธอเนี่ยแต่ๆ บ่อยมาก”“แพรขอเวลาคิดได้ไหมคะ?” เอาจริงไม่ได้อยากปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณองศา ถึงตกใจพอตั้งสติได้ก็ดีใจเป็นบ้าเลยล
เช้าของวันที่ 31 ธค. คุณองศาขับรถมาส่งฉันที่ร้านกาแฟซึ่งปานก็รออยู่พร้อมพี่วิทย์ พอให้หลังคุณองศาฉันก็ให้ปานกับแฟนหนุ่มกลับไป แค่ฝากซื้อของก็เกรงใจจะแย่ คุณองศามาส่งฉันบอกว่าจะแวะไปทำธุระให้พ่อของเขา เขาน่ะจำวันเกิดตัวเองได้จริงปะเนี่ย? วันเกิดคุณองศาจำง่ายสุดเลยนะดูเขาแบบไม่ได้สนใจเลย เหมือนลืมว่าเที่ยงคืนของวันที่ 1 มค. ฉันจะเซอร์ไพร์สวันเกิดเขา จะมาทำหน้างงไม่ได้นะขอบอก ฉันขอให้คุณองศาแวะซื้อพลุไฟเย็นมาด้วยทางบ้านพักอนุญาตให้จุดแบบไม่มีเสียงเพราะงั้นก็เลยต้องใช้พลุไฟเย็นแทน เอาจริงฉันอยากจุดตอนที่วันปีใหม่ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ แต่เริ่มใหม่กับคนดีคนเดิมอะนะ ฉันเข้ามาในห้องครัวร้านพี่รันที่ตอนนี้ปิดวันหยุด ก็จัดการทำคัพเค้กเจ็ดชิ้นตกแต่งด้วยมาการองโยเกิร์ตสตอร์วเบอรี มีน้ำตาลแบบวงกลมสีทองและสีเงิน ส่วนตกแต่งหน้าคัพเค้กฉันก็จะทำเป็นครีมสีชมพูทำเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งทำคัพเค้กใช้เวลาก็ประมาณบ่ายนิดๆ ก็คงเสร็จ“ปานซื้อเทียนเป่าไม่ดับมาด้วยเหรอเนี่ย?” ขืนให้คุณองศาเป่าไม่ดับบอกเลยว่าคัพเค้กคงไม่ได้กินแต่ถูกโยนทิ้งและกระทืบมากกว่า เขาน่ะคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ดีนะที่สั่งซื้อเทียนแท่งยาวเรียวคล้ายเทียนเ
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new year II Part 2“ส้มเต็มต้นเลยแหะ” คุณองศาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับลูกส้มที่สุกกำลังน่ากิน ฉันหยิบตะกร้าขึ้นมาเพื่อเลือกส้มกลับบ้านพักได้โดยชั่งตามน้ำหนัก ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางสวนที่มีผ้าปูสำหรับไว้ปิกนิก คุณองศาสั่งเครื่องดื่มและเค้กส้มซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กส้มเลยล่ะ “เปรี้ยวหรือเปล่า?”“เดี๋ยวแพรเก็บเอาไปชั่งจ่ายเงินแล้วค่อยลองชิมดูค่ะ” ตอบโดยไม่มองหน้าเขาฉันก็เลือกส้มเต็มตะกร้าก็เอาไปชั่งที่เขามีไว้สำหรับแพคส้มกลับบ้านซึ่งเป็นแพคเกจที่น่ารักมากๆ เมื่อได้ถุงกระดาษที่ติดโล้โก้ของสวนฉันก็เดินกลับมาที่ปิกนิกเห็นคุณองศามองผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของที่สวนเอาเครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขาและเอียงอายแถมยังคุยอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันไม่ได้ยินหรอกนะ “มาแล้วค่ะ”“เค้กมาพอดี” พนักงานผู้หญิงมองฉันพลางเดินออกจากตรงนี้ ฉันมองเค้กส้มที่น่ากินกับชาเขียวเย็นที่คุณองศาสั่งให้ราวกับรู้ว่าเป็นของโปรดของฉัน “เสียค่าส้มไปเท่าไหร่ เอาเงินฉันไป”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมีเงิน” ตอบคุณองศาโดยไม่มองหน้าเขาตักเค้กส้มกินซึ่งอร่อยขึ้นชื่อจริงๆ“อยากถ
“อื้ม พะ พอแล้วค่ะ” ดันใบหน้าหล่อเหลาให้ถอนจูบออก ให้ตายสิแพร! จะขาดใจจริงๆ นะ“คิดถึงเธอแทบบ้าแล้วแพร” คุณองศาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากล้น ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเล่นจูบจนเกือบจะพรากวิญญาณฉันมันก็ไม่ไหวนะ “ฉันจะตายจริงๆ นะถ้าเธอไม่ยอมให้สักที”“งั้นก็ตายไปเลยค่ะ” เค้นเสียงแข็งใส่เขาพลางเดินไปปิดแก๊สที่น้ำเดือดจนควันขึ้นแล้ว “ถ้าแพรอยาก แพรจะทำ”“...”“แต่ถ้าแพรไม่ แพรก็จะไม่ให้คุณองศาทำค่ะ”บอกเขาเด็ดขาดถึงจะมีเสี้ยวหนึ่งที่ดันอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาคลั่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะบอกไว้ก่อน คุณองศาน่ะต้องโดนฉันทรมานเรื่องนี้ไปอีกสักพักจนกว่าฉันจะใจอ่อน อย่างน้อยก็ให้สมกับที่เขาเคยเผลอใช้คำพูดไม่ดีกับฉันมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงจะมาง้อก็ใช่ว่าจะใจอ่อนเรื่องที่เขาอยากทำมันใจจะขาดตอนนี้ฉันเดินนำเขาอยู่นะ... หลังจากที่เดินตามเขามาตลอด ถึงเวลาที่คุณองศาต้องเดินตามกันบ้างเช้านี้ฉันนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองกับคุณองศาที่มีแค่ไม่กี่ชุด เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาค้างที่นี่เกือบครึ่งเดือนล่ะมั้งคงคิดว่าถ้าหากเจอฉันและฉันจะกลับไปกับเขามันก็ไม่
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new yearหลังจากที่คุณองศาเข้ามาในไร่กับฉันเพราะต้องการมาเป็นแมวเฝ้าเจ้าของ แถมเป็นแมวที่ดุเอามากๆ จนพี่รันเห็นยังขำเลยกระทั่งคุณองศาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นรูปแต่งงานของพี่รันจากที่หน้าตาบูดบึ้งก็ยิ้มหน้าบาน แถมคุยกับพี่รันเรื่องไร่สตอร์วเบอรีอีกต่างหาก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นคุณองศาหลายร้อยหน้าเลิกงานฉันกับคุณองศาก็มาที่ตลาดนัดคนเดิน เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานคุณองศาบอกว่าเช้าก็เก็บเสื้อผ้าไปที่บ้านพักรีสอร์ทบนเขาได้เลย เขาจองเรียบร้อยเห็นบอกว่าคืนหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบคืนจะสามหมื่นอะ คิดดูว่าต้องอยู่ที่นั้นอีกสามวันจนถึงวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่และวันเกิดคุณองศาเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดตัวเองหรือรู้ก็ไม่แน่ใจ คุณองศาดูไม่ได้สนใจว่ามันเป็นวันเกิดตัวเอง รู้แค่ว่าจะไปพักผ่อนกับฉัน ไหนจะพาไปเที่ยวอีกซึ่งฉันอยู่ที่นี่มาสองปียังไม่เคยไปเที่ยวทั่วจังหวัดเลยด้วยซ้ำ“อืม อันนี้อร่อยอะแพร” หันไปคุณองศาที่กำลังใช้ไม้จิ้มจิ้มไส้อั่วกินซึ่งเขาให้ชิม ไม่ได้ให้กินจนหมดถ้วยนะดูหน้าแม่ค้าสิทำหน้าจะร้องไห้แล้ว “ชิมจนอิ่มเล
“เฮ้อ อยากจะบ้าตาย” คุณองศาเดินไปนอนบนเตียงต่อตามเดิม ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนบ้างแต่ยังไม่ได้นอนหรอกนะเอาแต่จ้องตากันนั่นแหละ “ไม่อยากจะคิดว่าสองปีที่เธอหนีฉันมาจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน”“แพรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรน่ะป้องกันตัวเองเสมอ” ตั้งแต่คุณองศามาอยู่ด้วยกันมีดที่เคยใช้ป้องกันตัวก็ไม่ได้อยู่ใต้หมอนอีกต่อไป ราวกับว่าเขาคือที่พักพิงและคอยปกป้องฉันจากเรื่องที่มันไม่ดี สบายใจมากเลยล่ะ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”“...”“จะอยู่กับเธอ ดูแลเธอไปจนวันตาย” คำพูดของคุณองศาทำให้ฉันเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ “เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันอีก”หลายวันผ่านไปเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีที่คุณองศาหาที่พักเพื่อพาฉันไปพักผ่อน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตบอกเลยว่าฉันกลับมามีความสุขอีกครั้งและเป็นความสุขที่เขาเป็นคนทำให้ด้วยนะ คุณองศาช่วงนี้เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการแทนคุณพ่อของเขาที่โทรมาหาบอกว่าให้ทำธุระคือการไปดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าพ่อของคุณองศามีหุ้นส่วนอยู่เห็นว่ากำลังจะซื้อขาดเลย เขาก็เลยไม่ได้มานั่งเฝ้าฉันที่ร้านบ่อยๆ ซึ่งมันดีม