Nevermind : 4
องศา (Part. 2)
เวลา 20.20 น.
Rrr
สมาร์ทโฟนของผมดังครืดบนลิ้นชักหัวเตียง จำต้องควานหากว่าจะเจอผมก็กดรับสายทั้งที่หลับตาอยู่ “ใคร”
(“คุณองศาคะ แพรเองนะ”)
“...” ชื่อนี้ทำให้เปลือกตาเปิดขึ้นทันทีโดยอัตโนมัติ พลิกตัวมองไปยังผนังปลายเตียงเหนือทีวีจอยักษ์เวลาก็ปาไปเกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว “ไหนบอกว่าเลิกเย็นๆ ไง”
(“คือว่าเลิกติวตั้งแต่หกโมงแล้วค่ะ”)
“ทำไมเพิ่งโทรมา” ผมเอ่ยเสียงแข็งพลางลุกขึ้นนั่งยีเส้นผมตัวเอง “เหลวไหลใหญ่แล้วนะแพรวา”
(“เปล่านะคะ แพรโทรคุณองศาแล้วค่ะ โทรหาหลายสาย... แต่คุณองศาไม่รับ”) คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จำต้องเอาสมาร์ทโฟนออกจากหูมองข้อความที่แพรวาโทรเข้ามาเกือบยี่สิบสาย ผมก็ถอนหายใจออกมา (“แพรขอโทษค่ะ”)
“รอฉันยี่สิบนาที”
(“ถ้าคุณองศาไม่สะดวก ไม่เป็นไรนะคะ นิวบอกว่าจะมาส่งแพรเองค่ะ”)
“บอกว่าไม่ต้องไง” เค้นเสียงใส่ปลายสายจนเงียบ “ให้รอก็ต้องรอ”
(“ค่ะ”)
วางสายผมก็ลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้ตื่นเต็มที่ หยิบเสื้อเชิ้ตสีดำปลายเตียงมาสวมแบบลวกๆ หยิบกุญแจรถพร้อมสมาร์ทโฟนยัดลงกระเป๋ากางเกง เปิดประตูห้องออกมาก็ต้องตกใจเล็กน้อยที่มีถุงแบรนด์เนมมากมายกองอยู่หน้าห้อง
“อะไรวะ?”
“ทางร้าน xx บอกว่าคุณองศาให้ส่งของมาที่ห้องนี่ครับ” มองคนของตัวเองที่เลิกคิ้วทำหน้ามึนงง
“อ๋อ” เสื้อผ้า รองเท้าแล้วก็ของจิปาถะของแพรวา “กูลืมอีกละ”
ช่วงนี้เป็นไรลืมบ่อยเกิน ผมเพิ่งจะอายุสามสิบสองนะ ยังไม่แก่จนสมองจำเรื่องราวที่เพิ่งเกิดไม่ได้ปะ ผมสั่งให้ลูกน้องเอาของไปกองไว้ในห้อง มากองอยู่หน้าประตูคือเดินแทบไม่ได้อะ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมซื้อของให้แพรวาเยอะขนาดนี้ แค่รูดเงินจ่ายไปเกือบแสนเองนะ
ขับรถออกจากลานจอดรถในตัวคอนโดของวีไอพีซึ่งมีรถของผมจอดอยู่หลายคัน แต่เลือกใช้คันโปรดมากกว่า ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีตามที่บอกแพรวา รถของผมก็มาจอดที่หน้าบ้านของเพื่อนเธอ แน่นอนว่าสายตาของผมเหลือบไปมองแพรวาที่นั่งรอผมที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้าน มีนิวเพื่อนชายและเอมเพื่อนสาวนั่งด้วย พวกเขาหันมามองรถของผมที่ไม่ได้ลงไปหรอกนะ พอแพรวาเห็นเธอก็โบกมือลาเพื่อนเปิดประตูรถขึ้นมานั่ง
“เพิ่งตื่นเหรอคะ?”
“ใช่” ตอบแพรวาผมก็จดจ้องมองนิวหมอนั้นมองมาทางรถของผมตาเขม็งเลย “เพื่อนเธอ ทำไมมองแบบนั้น”
“คงจะเพราะว่านิวอยากให้แพรย้ายออกมามั้งคะ”
“เป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนกันแน่” แพรวาส่ายหน้าไปมาทันที “ทำไมต้องเจ้ากี้เจ้าการชีวิตเธอด้วย”
“นิวคงเป็นห่วงแพรน่ะค่ะ”
“...”
“แต่ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” แพรวาคิดแบบนั้น สำหรับผมคิดว่าหมอนั้นไม่ได้คิดแค่เพื่อนกับแพรวาแน่นอน พอเธอบอกแบบนี้ผมก็ขับรถออกจากซอยบ้านเพื่อนเธอ ตอนแรกว่าจะพาแพรวาไปกินข้าวก่อน แต่นนท์โทรมาหาให้เข้าคาสิโนด่วน ผมก็เลยจำต้องพาแพรวาไปด้วย มาถึงคาสิโนผมก็เดินนำเธอเข้ามาข้างใน ถึงได้เห็นว่าดวงตาของคนตัวเล็กเบิกกว้างแค่ไหน “ที่นี่... ของคุณองศาเหรอคะ?”
“ใช่” ผมตอบเธอพลางกวาดสายตาไปรอบๆ “อาณาจักรของฉัน และที่ทำเงินของฉัน”
“ไม่ผิดกฎหมายใช่ไหมคะ” แพรวาเอ่ยถามน้ำเสียงแผ่วเบา “แพรพอรู้กฎหมายมาบ้างน่ะค่ะ”
“มึงพาแพรวาไปรอกูที่ห้องข้างบนที”
“ได้ครับคุณองศา” นนท์ที่เดินมาหาผมได้รับคำสั่งก็นำแพรวาขึ้นไปชั้นสอง เธอยังคงหันมามองผมด้วยสีหน้าสงสัย ทำไมเธอถึงถามแบบนี้ด้วยล่ะ แต่ถึงเธอถามผมไม่ให้คำตอบซะอย่าง จะอยากรู้แค่ไหนก็คงไม่ได้คำตอบแน่ๆ
ที่ต้องมาที่นี่ด้วยเหตุผลสองสิ่งคือนนท์มันบอกว่าเรื่องส่งของนั่นแหละที่จะคุยด้วย ผมก็เลยเดินมานั่งรอที่เคาน์เตอร์บาร์มองผู้คนที่กำลังเล่นพนันกันอย่างสนุกสนานหนำซ้ำยังมีอีกหนึ่งที่หัวเราะชอบใจกินได้เยอะ อีกหนึ่งก็หน้าบูดบึ้งเพราะโดนกินจนเหรียญหมดตูด ผมสั่งวิสกี้มากระดกดื่มจนหมดแก้วก็ให้พนักงานเทให้อีก อ่อ ลืมบอกไปอย่าง ไม่กี่วันน่าจะช่วงอาทิตย์หน้า จะมีเล่นพนันบนเรือยอร์ชด้วย มีผู้หญิง เครื่องดื่มมึนเมาครบครัน ที่จองก็มีคนใหญ่คนโตที่ไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าตัวเองอยู่ในคาสิโนนั่นแหละ ล่องเรือกลางทะเลต่อให้หน้าต่างมีหูประตูมีช่องก็คงไม่มีใครรู้ใครเห็นหรอก
“วันนี้กูไม่มาคาสิโนนะ” นนท์ที่พาแพรวาไปอยู่บนห้องผมเดินมานั่งเคียงข้างกัน “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ครับ” สีหน้าของนนท์แลดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด “ของส่งเรียบร้อยดีครับ”
“เรื่องแค่นี้ แจ้งกูพรุ่งนี้ก็ได้ปะ”
“มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้ครับ คุณองศา” ผมที่กำลังยกแก้ววิสกี้กรอกผ่านลำคอ จำต้องหยุดชะงักหันไปสบตากับนนท์ “ทางนั้นบอกว่าถ้าหากเราส่งของให้ในแบบที่ไม่ดี เขาจะไม่สั่งต่อ”
“เหตุผล?” นี่คือสิ่งที่ผมถามนนท์ ไม่ใช่เพราะว่าตกใจหรอกนะ มันเรื่องปกติผมไม่ซีหรอก
“ดูเหมือนทางนั้นจะเจอคู่ค้ารายใหม่ครับ”
“...”
“รายนั้นส่งของให้ดีกว่า แถมยังมีของพิเศษแถมให้ด้วย แต่ผมก็บอกนะครับว่าเราร่วมงานกันมานาน อย่าให้ต้องผิดใจกันเพียงเพราะเขาเจอคู่ค้ารายใหม่”
“หรือว่า?”
“ใครเหรอครับ คุณองศารู้แล้วเหรอ” นนท์เอ่ยถาม
“เปล่าๆ กูแค่นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้”
ใครคนนั้นมันกำลังจะเอาคืนผมอยู่เหรอ? เอาคืนกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับมันสินะ แต่ใช่ว่าผมจะยอมให้มันทำอะไรตามใจตัวเองหรอกนะ ถ้าหากจะแก้แค้นก็ขอให้มาซึ่งๆ หน้า อย่ามาลักไก่ลอบกัดข้างหลัง แบบนั้นผมไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่ ผมไม่สนหรอกนะว่ามันกำลังคิดหรือทำอะไรอยู่ แต่หลังจากนี้ผมจะต้องทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม จะไม่ยอมให้มันมาทำให้ทุกอย่างที่ผมสร้างกับมือต้องพังลงเด็ดขาด
ผมกับแพรวามาถึงห้องเกือบสี่ทุ่มแล้ว แน่นอนว่าระหว่างทางผมไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว อาจด้วยเพราะคิดเรื่องของไอ้ธามอยู่ ต้องเป็นมันแน่ๆ ถ้าคนอื่นไม่มีทางมาเหยียบจมูกเสือได้ เป็นไอ้ธามไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ทว่าผมยังไม่มีหลักฐานอะไรที่จะต้องไปปรักปรำมัน คงต้องส่งนกต่อไปสืบเรื่องนี้ซะแล้วมั้ง ผมยืนอยู่ตรงริมระเบียงพลางสูบบุหรี่เป็นมวนที่สาม หันไปมองแพรวาที่กำลังขนของเข้าไปในโซนที่เป็นห้องแต่งตัวแบบกว้างใหญ่ เวลานี้มีเสื้อผ้าของแพรวาด้วยคนละฝั่งกันนะ ผมถอนหายใจพลางจิ้มก้นบุหรี่ลงที่เขี่ยคริสตัลสีน้ำเงินสะท้อนแสง
“หิวไหมคะ?” แพรวาเห็นหน้าผมที่ยืนกอดอกพิงกับขอบประตูทางเข้าแต่ไม่มีประตูนะ เป็นแบบเปิดโล่ง เธอนั่งพับเพียบเอาเสื้อผ้าลงตะกร้าเพื่อเอาไปซักก่อนใส่ รองเท้าถูกวางเรียงด้านบนเสื้อผ้าของแพรวาที่ติดตัวมามีน้อยกว่าผมพันเท่า เพราะแบบนี้จำต้องซื้อเสื้อผ้าให้เธอ มันถูกแล้ว “แพรเห็นคุณองศาสีหน้าไม่ดีเลย”
“สังเกตด้วยเหรอ”
“ค่ะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ แพรจะทำให้”
“อะไรก็ได้” ผมไม่เรื่องมากหรอก แพรวาทำอะไรให้กินผมก็กินได้หมด เดินไปนั่งยองๆ ข้างแพรวาผมก็หยิบชุดนอนสีดำที่เลือกเองกับมือ เป็นเดรสนอนสายเดี่ยว มีแผงลูกไม้ผ้าซาตินส่งให้แพรวาซึ่งเธอก็รับไปอย่างมึนงง “ซักตัวนี้แล้วก็ใส่คืนนี้”
“คะ?”
“จะได้ดูให้ ว่ามันโป๊หรือเปล่า” ใบหน้าสวยตื่นตระหนกพร้อมแก้มนวลแดงระเรื่อ พอเห็นแบบนี้ความเครียดที่มีก่อนหน้านั้นก็หายวับไปกับตา ผมเอื้อมมือไปผลักศีรษะเธอเบาๆ “มันก็แค่ชุดนอนเอง ฉันไม่ได้ให้เธอใส่ไปข้างนอกซะหน่อย”
“ได้ค่ะ” ถึงจะเขินไม่น้อยแต่แพรวาก็ตอบตกลง เธอลุกขึ้นหยิบตะกร้าเดินสวนผมไปยังห้องซักผ้า ก่อนจะเดินออกมาทำอาหารให้ผม แพรวาบอกว่าจะทำข้าวผัดง่ายๆ และต้มจืดให้ เนื่องจากวัตถุดิบในตู้เย็นหดหายไปเยอะ พรุ่งนี้คงต้องไปซื้อแล้วล่ะ เป็นวันหยุดอีกหนึ่งวันของแพรวา เห็นบอกว่าเรียนอีกแค่สองวันก็จะสอบปิดเทอมแล้ว เธอบอกผมขณะกินข้าวว่าจะทำงานที่ร้านเค้กช่วงเช้าจนถึงค่ำเลย ผมก็อนุญาตนะ ยังไงก็ส่งคนของตัวเองไปคอยคุ้มครองเธอ ครั้งนี้ถ้าป้าของเธอมารบกวนอีก ผมคงต้องอุ้มสั่งสอนสักทีจะได้หายเข็ด
เข้าห้องน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยผมก็นุ่งเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียว ทิ้งตัวนั่งบนเตียงและดูสมาร์ทโฟนเรื่องงานที่บริษัทรถด้วยล่ะ ที่คาสิโนมีนนท์ดูแลให้ผมไม่ห่วงมาก
“น้ำขิงร้อนๆ ค่ะ” แก้วเซรามิคสีขาวยื่นมาตรงหน้า ผละสายตาจากสมาร์ทโฟนมองแพรวาที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ “แพรชงมาให้ค่ะ ไม่เผ็ด รสชาติกล่มกล่อม”
“ทำมาให้ฉันทำไม?”
“แพรเห็นคุณองศาดูเครียดๆ น้ำขิงช่วยได้นะคะ”
“...”
“ช่วยลดระดับความเครียด วิตกกังวลค่ะ” บอกตามตรงผมไม่เคยดื่มอะไรพวกนี้มาก่อนเลยนะ ปกติจะดื่มแต่เหล้าอย่างเดียว พอแพรวาเข้ามาในชีวิตบอกตามตรงว่าผมได้กินของที่ไม่เคยได้สัมผัส หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพแบบนี้ เอื้อมือไปรับแก้วน้ำขิงผมก็สูดดมเอาเข้าหอมเข้าปอด ก่อนจะจิบเล็กน้อยซึ่งรสชาติโคตรห่วยแตก “ดื่มให้หมดเลยนะคะ”
“อือ” ถึงรสชาติจะไม่ถูกปาก แพรวาตั้งใจชงมาให้ผมก็ดื่มน้ำขิงและดูงานไปด้วย พอจิบไปก็เพลินดีนะทำเป็นเล่นไป วางแก้วน้ำขิงไว้บนลิ้นชักหัวเตียงพร้อมสมาร์ทโฟน ผมลุกขึ้นเดินไปห้องแต่งตัวหยิบกางเกงบ็อกเซอร์รัดรูปสีดำมาสวมใส่ เวลานอนมันสบายตัวดีไง มาถึงเตียงนอนผมก็ต้องตกใจที่เห็นร่างบอบบางปล่อยผมสยายกลางแผ่นหลัง เธอสวมชุดนอนที่ผมเลือกให้ เนื้อตัวของแพรวาขาวเนียนมากแม้จะซีดเซียวก็ตามที สายตาของผมเลื่อนมาถึงหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตไม่ได้สวมบราเซีย ปกติของเธอผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ยอดอกที่เต่งตึงนูนเด่นนี่สิ ไหนจะเรียวขายาวนี่อีก แพรวาหน้าแดงเถือกที่ผมมองโดยไม่พูดอะไรออกไป
“โป๊ไหมคะ?” โป๊มาก... ผมได้แต่คิดในใจ ไม่คิดว่าพอมาอยู่บนเรือนร่างของแพรวามันจะเซ็กซี่ขนาดนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่แบบยืนเฉยๆ ก็ดูเซ็กซี่น่ามอง ทั้งที่ไม่ได้แต่งตัวโป๊ด้วยนะเป็นผู้หญิงที่มี Sex appeal สูงมากๆ แค่ยืนนิ่ง ไม่ได้แต่งตัวดีมากนัก แต่ก็ดึงดูดเพศตรงข้ามหรือแม้แต่เพศเดียวกันก็ได้ แพรวามีตรงนี้ทว่าเธอกลับไม่รู้ตัวเลย
“มันก็แค่ชุดนอน” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “อย่าคิดอะไรเยอะสิ”
“ค่ะ”
“พรุ่งนี้มีไปไหนหรือเปล่า?” รีบเลี่ยงประเด็นก่อนที่จะคิดอะไรเลยเถิด ทั้งที่ผมไม่เคยคิดอะไรกับแพรวาเลย ใช่ คนอย่างองศาไม่เคยคิดเกินเลยก็ผู้หญิงที่มานอนค้างอ้างแรมด้วย อาจเป็นเพราะผมไม่อยากทำให้แพรวาต้องเจ็บปวดมากกว่า เวลาเห็นเธอยิ้มและมีความสุขที่ได้อยู่กับผม ราวกับว่าเธอมีชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องจมอยู่ในนรกนั้น
“ไม่มีค่ะ”
“อยากไปไหน”
“ไม่ค่ะ แพรขออ่านหนังสือที่ห้องนะคะ”
“ได้” มองเธอที่ขึ้นเตียงมานอนดึงผ้าห่มมิดคอ “ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยสิ”
“เรื่องอะไรคะ?” ปิดไฟในห้องจนมืดมิด แต่ก็มีแสงจากด้านนอกเล็ดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา
“ฉันจำได้ว่าป้าเธอเคยพูดถึงแหวนของแม่เธอ มันหายไปไหนล่ะ ถ้าเป็นของสำคัญของเธอ”
“แพรไม่ได้ทำหายหรอกค่ะ” เธอหันมามองผมที่มองเธออยู่ก่อนหน้านั้น “แต่แพรให้คนอื่นไปค่ะ”
“ให้ของสำคัญกับคนอื่นเนี่ยนะ”
“ค่ะ มันผ่านมานานมาก แพรจำไม่ได้ว่าเคยให้ใครไป”
“บ้าหรือเปล่า ของดูต่างหน้าแม่เธอเลยนะแพรวา” ผมเอ็ดเธอ แต่มีเหรอว่าแพรวาจะสลด ไม่เลยสักนิด เธอหัวเราะใส่ผมอีกต่างหาก “ไม่ตลกนะ”
“แพรก็เสียดายค่ะ ก็จำไม่ได้อยู่ดีว่าให้คนแปลกหน้าคนไหนไป”
“เฮ้อ” ไม่เข้าใจความคิดของเด็กพวกนี้จริงๆ เลย กล้าให้ของสำคัญกับคนอื่นไปได้ยังไงกัน
“แพรขอถามคุณองศาบ้างจะได้ไหมคะ?” เอี้ยวใบหน้ามองแพรวาที่นอนตะแคงข้างมาทางผม อนุญาตด้วยการพยักหน้า แพรวาถึงได้เอ่ยถาม “คุณองศาไม่มีแฟนเหรอคะ”
“มีก็เห็นแล้วสิ” ถามแบบนี้ตั้งแต่ไปซื้อเสื้อผ้าให้แล้วนะ “งานของฉันมันอันตราย อีกอย่างฉันก็ยังไม่พร้อม”
“แต่คุณองศาอายุสามสิบสองแล้วนะคะ”
“สามสิบสองแล้วไง... ไม่มีก็คือไม่มีสิ” ผมเอ็ดแพรวาเสียงแข็ง จะให้เธอสลดแต่เปล่าเลย แพรวาเอื้อมมือมาทาบทับบนฝ่ามือผมที่วางไว้แผงอก
“ถ้างั้นระหว่างที่คุณองศายังไม่มีใคร ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ให้แพรดูแลคุณองศานะคะ”
“...” คิ้วของผมขมวดเข้าหากันทันทีกับคำพูดของเธอ
“ให้แพรได้ตอบแทนในสิ่งที่คุณองศามอบให้ แค่ตอนนี้นะคะ” เธอยิ้มหวานดึงมือตัวเองกลับ “หลังจากที่คุณองศาเจอใครสักคน แพรจะหยุดค่ะ”
“คงไม่มีวันนั้นมั้ง” ตัดบททันทีก่อนที่แพรวาจะทำหน้ามึนงง ผมเลื่อนฝ่ามือไปวางบนแก้มนุ่มนิ่ม
“คุณองศาทั้งหล่อ รวยแล้วก็ใจดี ใครๆ ก็อยากเคียงข้างค่ะ”
“ตอนนี้ก็คือตอนนี้” แพรวาหยุดพูดทันทีที่นิ้วโป้งของผมปาดบนริมฝีปากชมพูเล็กบาง “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด”
“แพรจะทำค่ะ”
“ดีมาก”
ไม่รู้ว่าตัวเองพูดคำว่า ‘ดีมาก’ มากี่รอบแล้ว แต่นั้นทำให้แพรวารู้สึกดีที่ผมเอ่ยชม เปลือกตาของแพรวาค่อยๆ หลับลงพร้อมมือของเธอที่ทาบทับบนหลังมือผม นานกี่นาทีผมไม่มั่นใจ รู้แค่ว่าผมเอาแต่จ้องมองใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้ม แถมยังกรนออกมาอีกต่างหาก แต่ไม่ได้ดังมากนะ... กลับทำให้ผมยิ้มได้
:: Ongsa Talk End ::
*----------------------------------------*
“รักมากที่สุด” ในที่สุดคำที่ฉันอยากฟังก็ออกมากจากริมฝีปากแดงคล้ำ ดวงตาของฉันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันที“แพรก็รักเฮียองศาค่ะ”====================เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเมื่อฉันยืนกอดอกมองสายน้ำและทรายที่เหยียบอยู่ บ้านพักริมทะเลของเฮียองศาเวลานี้เราได้มาพักผ่อนหลังจากที่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เคยบอกว่าคงจะไม่ได้ที่นี่อีกสุดท้ายฉันกลับยืนมองมันอยู่ตรงนี้ ขณะที่ยืนลูบแขนตัวเองเพราะลมทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ผ้าแพรสีน้ำเงินก็ถูกคลุมจากด้านหลัง หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้อายุจะนับไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับว่าสตาฟมันเอาไว้“เข้าไปข้างในดีไหม หนาวตัวเย็นเลย”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลูกเผลอวิ่งลงทะเล” ฉันกับเฮียองศามองเด็กผู้ชาหนึ่งคนที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายเป็นรูปปราสาท ‘เด็กชายพายุ โยคินวาณิชย์สกุล’ อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนแรกของเราสองคนที่หน้าตาเหมือนฉันแต่นิสัยคล้ายพ่อ คิดดูว่าพายุเป็นเด็กฉลาดมากและก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันฉันแค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ“งั้นเดี๋ยวเฮียไปดูลูกก่อน” พูดจบก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาลูกชายที่พอเห็นพ่อก
พูดจบก็จูงมือฉันขึ้นรถขับออกจากคาสิโน ไม่สิ ผับของเฮียก็ตรงมายังเส้นทางที่ไปบริษัทรถของเขานี่นา ฉันจำได้ดีเลยว่าเราเจอกันวันนั้นที่ฉันเก็บกระเป๋าเงินให้เฮียได้และหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ รถของเฮียจอดลงที่หน้าบริษัทของเขาที่มีรถหรูราคาแพงโชว์เรียกลูกค้าระดับสูงๆ กันทั้งนั้น ฉันเดินตามเฮียองศามายังด้านข้างบริษัทมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งมึนงงหนักไปอีกก็แค่ร้านกาแฟกับเค้กไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้มีร้านกาแฟด้วย ตอนเจอกับเฮียยังเห็นเป็นร้านขายของที่ระลึกอยู่เลยมาตอนนี้กลับกลายเป็นร้านกาแฟและเค้กไปด้วย มีคนเข้าไปในร้านค่อนข้างเยอะอาจเพราะตรงนี้เป็นย่านติดกับการค้าหลากหลายไหนจะมหาลัยอีก ไหนจะบริษัทอีกทำเลตรงนี้คือดีมากเลยนะ“มองไปข้างบนสิ” เฮียองศาให้ฉันมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่มองป้ายผับของเฮียองศา ฉันหันไปมองเฮียที่จูงมือพาฉันเข้ามาในตัวร้านและมีพนักงานสองคนเห็นเฮียก็รีบมาต้อนรับ “นี่แพรวา เมียฉัน”“ค่ะคุณองศา”“เมียฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟนี้”“ฮะ เฮียคะ มันไม่มากไปเหรอคะ?” ฉันบีบฝ่ามือหนาแน่นจนเฮียองศาหันมายิ้ม“ชื่อร้า
พูดจบก็โน้มมาบดขยี้จูบบนกลีบปากฉันราวกับห่างหายมานานจนมันทับถมกลายเป็นความต้องการอย่างมากล้น เฮียผละจูบออกให้ฉันได้หายใจอารมณ์เวลานี้พลุ่งพล่านจนฉันไปไม่เป็นได้แต่หอบหายใจหนัก ขณะที่มือของฉันก็เลื่อนไปกอบกุมความเป็นชายของเฮียองศาเวลานี้มันอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแต่เฮียก็ยังคงไม่ได้ยอมให้มันออกมาสักที ไล่จูบมาถึงทรวงอกพลางครอบครองยอดอกฉันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุ นั่นทำให้ฉันเสียวจนจิกนิ้วเท้าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบแน่น ริมฝีปากร้อนไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบจากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งของฉันพาดบ่าสิ่งที่เฮียกำลังทำฉันรู้ดีถึงได้จิกเส้นผมหนานุ่ม ณ เวลานี้เฮียกำลังตักตวงความหอมหวานจากกลางกายสาวอย่างมูมมาม พอทำจนพาฉันไปถึงสวรรค์ชั้นที่เท่าไหร่ฉันไม่อาจรู้ได้ ฉันก็มองสบตากับเขาพลางย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาพลางรูดกางเกงยีนส์ของเฮียลงมาพลางกางเกงในซึ่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ตีโดนแก้มฉันเบาๆ“แพรกินเฮียบ้างนะคะ” ฉันมองสบตากับเฮียองศาที่กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฉันใช้มือประคองความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาซึ่งเวลานี้กำลังแข็งและดิ้นไปมาในมือของฉัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปสูดเอากลิ่นสาบเข้ามาในปดให้ได้มากที่สุ
ตอนพิเศษขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ ====================“เรามาแต่งงานกัน แพร”“...”“ฉันพูดจริงนะ” คุณองศาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับมือฉันที่วางอยู่ไปกุมไว้ กระทั่งพลุไฟเย็นหมดลงคุณองศาก็ดึงก้านมันออกวางไว้บนโต๊ะ บีบมือฉันแน่นพลางโน้มลงมากดจูบอย่างแนบแน่น “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเธออยู่ข้างๆ กันไปตลอดชีวิต”“ตะ แต่ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วแพรคิดว่าคุณองศาอาจจะเจอใครที่ดีกว่า...”“ไม่มีใครดีมากกว่าเธอ” เขาส่ายหน้าไปมาราวกับบอกว่าไม่มีใครดีเท่าฉัน “ฉันเลือกแล้ว”“แพรยังไม่พร้อมนี่คะ” ตอบคุณองศาซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ เขายังยิ้มเอ็นดูฉันอีกต่างหาก “แพรเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่แพรไม่เคยได้ใช้ แล้วแพรกลัวว่าถ้าแต่งงานไปแพรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”“สองปีที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ?” มันก็พอนั่นแหละ “หรือเธอไม่อยากแต่งกับฉัน”“ไม่ใช่นะคะ! แพรอยากแต่งกับคุณองศาค่ะ แต่ว่า...”“แต่อะไรอีกล่ะ เธอเนี่ยแต่ๆ บ่อยมาก”“แพรขอเวลาคิดได้ไหมคะ?” เอาจริงไม่ได้อยากปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณองศา ถึงตกใจพอตั้งสติได้ก็ดีใจเป็นบ้าเลยล
เช้าของวันที่ 31 ธค. คุณองศาขับรถมาส่งฉันที่ร้านกาแฟซึ่งปานก็รออยู่พร้อมพี่วิทย์ พอให้หลังคุณองศาฉันก็ให้ปานกับแฟนหนุ่มกลับไป แค่ฝากซื้อของก็เกรงใจจะแย่ คุณองศามาส่งฉันบอกว่าจะแวะไปทำธุระให้พ่อของเขา เขาน่ะจำวันเกิดตัวเองได้จริงปะเนี่ย? วันเกิดคุณองศาจำง่ายสุดเลยนะดูเขาแบบไม่ได้สนใจเลย เหมือนลืมว่าเที่ยงคืนของวันที่ 1 มค. ฉันจะเซอร์ไพร์สวันเกิดเขา จะมาทำหน้างงไม่ได้นะขอบอก ฉันขอให้คุณองศาแวะซื้อพลุไฟเย็นมาด้วยทางบ้านพักอนุญาตให้จุดแบบไม่มีเสียงเพราะงั้นก็เลยต้องใช้พลุไฟเย็นแทน เอาจริงฉันอยากจุดตอนที่วันปีใหม่ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ แต่เริ่มใหม่กับคนดีคนเดิมอะนะ ฉันเข้ามาในห้องครัวร้านพี่รันที่ตอนนี้ปิดวันหยุด ก็จัดการทำคัพเค้กเจ็ดชิ้นตกแต่งด้วยมาการองโยเกิร์ตสตอร์วเบอรี มีน้ำตาลแบบวงกลมสีทองและสีเงิน ส่วนตกแต่งหน้าคัพเค้กฉันก็จะทำเป็นครีมสีชมพูทำเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งทำคัพเค้กใช้เวลาก็ประมาณบ่ายนิดๆ ก็คงเสร็จ“ปานซื้อเทียนเป่าไม่ดับมาด้วยเหรอเนี่ย?” ขืนให้คุณองศาเป่าไม่ดับบอกเลยว่าคัพเค้กคงไม่ได้กินแต่ถูกโยนทิ้งและกระทืบมากกว่า เขาน่ะคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ดีนะที่สั่งซื้อเทียนแท่งยาวเรียวคล้ายเทียนเ
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new year II Part 2“ส้มเต็มต้นเลยแหะ” คุณองศาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับลูกส้มที่สุกกำลังน่ากิน ฉันหยิบตะกร้าขึ้นมาเพื่อเลือกส้มกลับบ้านพักได้โดยชั่งตามน้ำหนัก ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางสวนที่มีผ้าปูสำหรับไว้ปิกนิก คุณองศาสั่งเครื่องดื่มและเค้กส้มซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กส้มเลยล่ะ “เปรี้ยวหรือเปล่า?”“เดี๋ยวแพรเก็บเอาไปชั่งจ่ายเงินแล้วค่อยลองชิมดูค่ะ” ตอบโดยไม่มองหน้าเขาฉันก็เลือกส้มเต็มตะกร้าก็เอาไปชั่งที่เขามีไว้สำหรับแพคส้มกลับบ้านซึ่งเป็นแพคเกจที่น่ารักมากๆ เมื่อได้ถุงกระดาษที่ติดโล้โก้ของสวนฉันก็เดินกลับมาที่ปิกนิกเห็นคุณองศามองผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของที่สวนเอาเครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขาและเอียงอายแถมยังคุยอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันไม่ได้ยินหรอกนะ “มาแล้วค่ะ”“เค้กมาพอดี” พนักงานผู้หญิงมองฉันพลางเดินออกจากตรงนี้ ฉันมองเค้กส้มที่น่ากินกับชาเขียวเย็นที่คุณองศาสั่งให้ราวกับรู้ว่าเป็นของโปรดของฉัน “เสียค่าส้มไปเท่าไหร่ เอาเงินฉันไป”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมีเงิน” ตอบคุณองศาโดยไม่มองหน้าเขาตักเค้กส้มกินซึ่งอร่อยขึ้นชื่อจริงๆ“อยากถ
“อื้ม พะ พอแล้วค่ะ” ดันใบหน้าหล่อเหลาให้ถอนจูบออก ให้ตายสิแพร! จะขาดใจจริงๆ นะ“คิดถึงเธอแทบบ้าแล้วแพร” คุณองศาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากล้น ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเล่นจูบจนเกือบจะพรากวิญญาณฉันมันก็ไม่ไหวนะ “ฉันจะตายจริงๆ นะถ้าเธอไม่ยอมให้สักที”“งั้นก็ตายไปเลยค่ะ” เค้นเสียงแข็งใส่เขาพลางเดินไปปิดแก๊สที่น้ำเดือดจนควันขึ้นแล้ว “ถ้าแพรอยาก แพรจะทำ”“...”“แต่ถ้าแพรไม่ แพรก็จะไม่ให้คุณองศาทำค่ะ”บอกเขาเด็ดขาดถึงจะมีเสี้ยวหนึ่งที่ดันอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาคลั่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะบอกไว้ก่อน คุณองศาน่ะต้องโดนฉันทรมานเรื่องนี้ไปอีกสักพักจนกว่าฉันจะใจอ่อน อย่างน้อยก็ให้สมกับที่เขาเคยเผลอใช้คำพูดไม่ดีกับฉันมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงจะมาง้อก็ใช่ว่าจะใจอ่อนเรื่องที่เขาอยากทำมันใจจะขาดตอนนี้ฉันเดินนำเขาอยู่นะ... หลังจากที่เดินตามเขามาตลอด ถึงเวลาที่คุณองศาต้องเดินตามกันบ้างเช้านี้ฉันนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองกับคุณองศาที่มีแค่ไม่กี่ชุด เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาค้างที่นี่เกือบครึ่งเดือนล่ะมั้งคงคิดว่าถ้าหากเจอฉันและฉันจะกลับไปกับเขามันก็ไม่
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new yearหลังจากที่คุณองศาเข้ามาในไร่กับฉันเพราะต้องการมาเป็นแมวเฝ้าเจ้าของ แถมเป็นแมวที่ดุเอามากๆ จนพี่รันเห็นยังขำเลยกระทั่งคุณองศาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นรูปแต่งงานของพี่รันจากที่หน้าตาบูดบึ้งก็ยิ้มหน้าบาน แถมคุยกับพี่รันเรื่องไร่สตอร์วเบอรีอีกต่างหาก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นคุณองศาหลายร้อยหน้าเลิกงานฉันกับคุณองศาก็มาที่ตลาดนัดคนเดิน เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานคุณองศาบอกว่าเช้าก็เก็บเสื้อผ้าไปที่บ้านพักรีสอร์ทบนเขาได้เลย เขาจองเรียบร้อยเห็นบอกว่าคืนหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบคืนจะสามหมื่นอะ คิดดูว่าต้องอยู่ที่นั้นอีกสามวันจนถึงวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่และวันเกิดคุณองศาเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดตัวเองหรือรู้ก็ไม่แน่ใจ คุณองศาดูไม่ได้สนใจว่ามันเป็นวันเกิดตัวเอง รู้แค่ว่าจะไปพักผ่อนกับฉัน ไหนจะพาไปเที่ยวอีกซึ่งฉันอยู่ที่นี่มาสองปียังไม่เคยไปเที่ยวทั่วจังหวัดเลยด้วยซ้ำ“อืม อันนี้อร่อยอะแพร” หันไปคุณองศาที่กำลังใช้ไม้จิ้มจิ้มไส้อั่วกินซึ่งเขาให้ชิม ไม่ได้ให้กินจนหมดถ้วยนะดูหน้าแม่ค้าสิทำหน้าจะร้องไห้แล้ว “ชิมจนอิ่มเล
“เฮ้อ อยากจะบ้าตาย” คุณองศาเดินไปนอนบนเตียงต่อตามเดิม ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนบ้างแต่ยังไม่ได้นอนหรอกนะเอาแต่จ้องตากันนั่นแหละ “ไม่อยากจะคิดว่าสองปีที่เธอหนีฉันมาจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน”“แพรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรน่ะป้องกันตัวเองเสมอ” ตั้งแต่คุณองศามาอยู่ด้วยกันมีดที่เคยใช้ป้องกันตัวก็ไม่ได้อยู่ใต้หมอนอีกต่อไป ราวกับว่าเขาคือที่พักพิงและคอยปกป้องฉันจากเรื่องที่มันไม่ดี สบายใจมากเลยล่ะ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”“...”“จะอยู่กับเธอ ดูแลเธอไปจนวันตาย” คำพูดของคุณองศาทำให้ฉันเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ “เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันอีก”หลายวันผ่านไปเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีที่คุณองศาหาที่พักเพื่อพาฉันไปพักผ่อน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตบอกเลยว่าฉันกลับมามีความสุขอีกครั้งและเป็นความสุขที่เขาเป็นคนทำให้ด้วยนะ คุณองศาช่วงนี้เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการแทนคุณพ่อของเขาที่โทรมาหาบอกว่าให้ทำธุระคือการไปดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าพ่อของคุณองศามีหุ้นส่วนอยู่เห็นว่ากำลังจะซื้อขาดเลย เขาก็เลยไม่ได้มานั่งเฝ้าฉันที่ร้านบ่อยๆ ซึ่งมันดีม