บททั้งหมดของ โคตรคนยอดปรมาจารย์: บทที่ 1241 - บทที่ 1250

1360

บทที่ 1241

เย่ซิวเดินมาหยุดอยู่ข้างหลัวเวยเวย เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็หัวเราะฮิ ๆ “ผมฆ่าลูกชายคุณไปแล้ว แถมยังฆ่าผู้อาวุโสกับศิษย์ระดับแนวหน้าของพวกคุณไปอีกตั้งมากมาย คุณจะปล่อยผมไปจริง ๆ เหรอ?”ตอนนี้จางซู่โกรธแทบอยากฉีกเย่ซิวเป็นชิ้น ๆแต่เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป เขาก็ทำได้แค่กลืนความอัปยศตรงหน้าเท่านั้น“ฉันยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่รู้จักแพ้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าตัวเองผิดตรงไหน”เย่ซิวส่ายหน้า “คำพูดหลอกเด็กแบบนี้ผมไม่เชื่อหรอก มีแค่คุณต้องตาย ทุกคนถึงจะวางใจได้ เพราะงั้นก็ตายไปซะเถอะ”จางซู่โกรธจัดจนแรงอาฆาตปะทุ “ไอ้สารเลว จิตใจของแกมันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะพูดอะไรก็ได้นะ!”เขาหันไปมองหลัวเวยเวย อารมณ์พลุ่งพล่านจนควบคุมไม่อยู่เย่ซิวทำท่า ‘ตกใจ’ ก่อนจะรีบหลบไปด้านหลังหลัวเวยเวยแล้วโอบเอวเธอไว้แน่น “เขาขู่ผมครับ ผมกลัวจะตายอยู่แล้ว”ใบหน้าหลัวเวยเวยขึ้นสีแดงจัดหมอนี่ใจกล้าเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าโอบเอวเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ร่างของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดจนมือของเย่ซิวกระเด็นออก“ไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย ฆ่าเขาซะ แล้วเอาศพไปสร้างหุ่นเชิด จะได้เพิ่มพลังให้สำนักอวิ้นหล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1242

จู่ ๆ ปฐมญาณของเขาก็เปล่งแสงเจิดจ้า ทำให้หลัวเวยเวยถูกตรึงอยู่กับที่ ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อยจากนั้นก็เห็นปฐมญาณของเขาพุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของหลัวเวยเวยใบหน้าหลัวเวยเวยเต็มไปด้วยความตกใจ มือไม้เย็นเฉียบ สิ้นหวังจนหมดหนทางขณะที่เธอคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ ๆ เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธออย่างกะทันหันแม้บ่าของเขาจะไม่ได้กว้างใหญ่ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกเย่ซิวแบมือขวาออก เผยให้เห็นถึงพลังระดับถอดจิตขั้นกลางกลางฝ่ามือของเขาปรากฏเป็นวังวนสีเลือดจางซู่ที่กำลังพุ่งเข้าใส่ถึงกับใจสั่นอย่างรุนแรง “เป็นไปไม่ได้ แกเป็น…อ๊ากกก!!!”ปฐมญาณของเขาถูกวิชามารโลหิตดูดกลืนจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวเพียงแต่ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นฉับพลัน เย่ซิวจึงยังไม่อาจเก็บปฐมญาณไว้ได้ทันจากนั้นเขาก็หันกลับมามองหลัวเวยเวยที่ยังตกใจไม่หาย “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”หลัวเวยเวยส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ครั้งนี้โชคดีที่นายช่วยไว้ ไม่งั้นฉันคงแย่แล้วจริง ๆ”เย่ซิวเลิกคิ้วขึ้น “แล้วจะตอบแทนผมยังไงดีล่ะ”“จะตอบแทนอะไรล่ะ ฉันเป็นผู้อาวุโสนะ นายช่วยฉันก็เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”จู่ ๆ เย่ซิวก็ยื
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1243

“ฉันว่าความเป็นไปได้ที่เราจะสำเร็จมีสูงมาก” แววตาของเย่ซิวเปล่งประกายความมั่นใจที่ทำให้ใจของหลัวเวยเวยสั่นไหวและเผลอหลงใหลไปชั่วครู่ “ตอนนี้กำลังรบของพวกมันน่าจะหายไปอย่างน้อยหนึ่งในสาม แถมเรายังมีศพระดับปฐมญาณอยู่ฝั่งเราอีก ถ้าเอาไปสร้างเป็นหุ่นเชิดได้ แล้วบวกกับพลังที่ผมมีอยู่ในมือ การจะจัดการพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้คุณลองคิดดูให้ดีนะ รากฐานของสำนักหนึ่งมันทรงพลังขนาดไหน ถ้าเรากลืนมันเข้าไปได้ เราจะเปลี่ยนจากปลาตัวเล็กเป็นปลาวาฬทันที”หลัวเวยเวยได้ฟังก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แต่ยังคงส่ายหน้า “มีอยู่สองปัญหาที่ต้องจัดการ อย่างแรกคือการสร้างหุ่นเชิดจากศพไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างน้อยต้องใช้เวลาเป็นเดือน โดยเฉพาะคนอย่างจางซู่น่าจะมีแผ่นวิญญาณแน่นอน ตอนนี้พวกมันคงรู้เรื่องที่เขาตายไปแล้ว และน่าจะเริ่มตั้งรับกันไว้เรียบร้อย แถมยังเปิดค่ายกลป้องกันสำนักอีกด้วย พอเราไปถึงก็คงเสียเปรียบอยู่ดี”“ไม่ ๆ ๆ” เย่ซิวปฏิเสธความคิดเธอทันที “ข้อแรก การสร้างหุ่นเชิดไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น คุณแค่เตรียมวัตถุดิบให้ผมก็พอ เดี๋ยวผมจัดการเอง ครึ่งวันก็น่าจะเสร็จแล้ว ข้อสอง ผมมีวิธีทำ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1244

ทั้งสองคนหยอกล้อกันไปพลางรีบกลับไปยังสำนักอวิ้นหลิงด้วยความรวดเร็วหลัวเวยเวยรู้สึกใจลอยเล็กน้อย การได้อยู่กับเย่ซิวทำให้เธอเหมือนย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นอีกครั้ง‘เจ้านี่มันน่าหมั่นไส้ แต่ก็เกลียดไม่ลงเลยจริง ๆ…’ หลัวเวยเวยคิดในใจเมื่อทั้งสองกลับถึงสำนักก็เริ่มลงมือทันทีอย่างแรก หลัวเวยเวยนำวัตถุดิบที่ในการใช้สร้างหุ่นเชิดมามากมายจากนั้นก็ส่งศพของจางซู่ไปยังถ้ำของเย่ซิวเย่ซิวแจ้งเรื่องนี้ให้รั่วอวิ๋นรู้เธอใช้เวลาคิดเพียงเล็กน้อยก็ยอมตกลงเย่ซิวเข้าสู่การปิดด่านในช่วงระยะเวลาสั้น ๆเพียงครึ่งวัน เขาก็สร้างหุ่นเชิดเสร็จเรียบร้อยหลังจากกลายเป็นหุ่นเชิดแล้ว พลังก็ลดลงเหลือเพียงระดับปฐมญาณขั้นต้นและเพราะไม่มีปฐมญาณเหลืออยู่ พลังต่อสู้โดยรวมจึงด้อยกว่าระดับปฐมญาณขั้นต้นทั่วไปประมาณว่าเทียบเท่าผู้บำเพ็ญตนระดับถอดจิตขั้นสมบูรณ์สามคนรวมกันแต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วเย่ซิวหันไปมองเสี่ยวโหรวอีกครั้งเธอยังไม่ฟื้น เขาจึงไม่ได้ไปรบกวนเขาเก็บของเล็กน้อยแล้วก็เดินออกจากถ้ำตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว แต่ทั้งสำนักยังคงอยู่ในสถานะเฝ้าระวังเพราะเกรงว่าสำนักวิญญาณเพลิงจะกลับมาแก้แค้นโดย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1245

สายตาเย่ซิวกวาดไปด้านหน้าอย่างเฉียบคมราวกับสายฟ้าเขาพบว่าการเฝ้าระวังของอีกฝ่ายแน่นหนาเป็นอย่างมากรอบนอกมีศิษย์ชั้นยอดเดินลาดตระเวนเป็นชุด ๆอีกทั้งยังสามารถรู้สึกได้ถึงพลังจิตของผู้อาวุโสระดับวิญญาณก่อกำเนิดและถอดจิตที่สลับกันกวาดผ่านไปมาเป็นระยะท่าทีทั้งหมดนี้เหมือนกับกำลังเตรียมตัวจะสู้ตายกันไปข้างจริง ๆหญิงสาวทั้งสามข้างกายต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลแต่เย่ซิวกลับยิ้มออกมาอย่างเฉยชา“ยิ้มอะไรของนาย?” หลัวเวยเวยถลึงตาใส่เขา “สถานการณ์แบบนี้ ถ้าบุกเข้าไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง มีหวังได้เกิดเรื่องใหญ่แน่”“เวลาที่ไม่มีความมั่นใจในการรับมือศัตรู บางทีมันก็จะแกล้งทำเป็นแข็งกร้าว เพื่อขู่ให้อีกฝ่ายกลัวแล้วถอยไป เหมือนหมาที่เห่าเสียงดัง มันอาจจะเห่าแรงแต่ไม่กล้ากัดใครแต่หมาที่ไม่เห่าเลยต่างหากที่ต้องระวัง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะกระโจนเข้ามากัด”รั่วอวิ๋นก็เข้าใจทันที “นายหมายความว่ายิ่งพวกเขาแสดงออกว่าแข็งแกร่งแค่ไหน ก็แสดงว่าข้างในอาจจะว่างเปล่าสินะ?”เย่ซิวพยักหน้า “ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ ก็แค่ต้องการแสด
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1246

พลังโจมตีส่วนใหญ่ถูกเย่ซิวดึงดูดเอาไว้ ทำให้แรงกดดันของฝั่งผู้หญิงทั้งสามแทบไม่มีแต่ความเสียหายที่พวกเธอทำได้นั้นกลับรุนแรงมาก จนสำนักวิญญาณเพลิงกลายเป็นความโกลาหลโดยสมบูรณ์โครม!เสียงระเบิดดังสนั่น ร่างจำแลงของเย่ซิวถูกพลังโจมตีจนแตกละเอียดเลือดแทบพุ่งออกจากปาก แต่เขาฝืนกลืนมันกลับลงไปทันทีที่ยกมือขึ้น กระบี่บินสายฟ้าสามสิบหกเล่มก็พุ่งออกไปยังไม่พอ เขายังปล่อยวิญญาณนักรบทั้งหมดที่มีออกมาทุกกลยุทธ์ถูกระดมใช้ในพริบตาเดียว สร้างความปั่นป่วนไปทั่วสนามรบสำนักวิญญาณเพลิงกลายเป็นทะเลเพลิงอย่างแท้จริงอาคมหลากสีพวยพุ่งสว่างไสว แต่แฝงไปด้วยอันตรายถึงชีวิต“ฉัวะ!”เฉินเยียนจือฟันศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งล้มไปในดาบเดียว จากนั้นก็หันไปมองสนามรบฝั่งของเย่ซิวดวงตาของเธอฉายแววหลงใหลและชื่นชม “แข็งแกร่งเหลือเกิน ต่อสู้อยู่คนเดียวกับผู้อาวุโสตั้งมากมายแต่ยังไม่เสียเปรียบเลย สมแล้วที่เป็นผู้ชายของฉัน”เธอรู้สึกดีใจมาก คิดว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอกับเย่ซิวอีกสองฝั่ง รั่วอวิ๋นกับหลัวเวยเวยรุกคืบเข้าไปอย่างรวดเร็วส่วนหนึ่งเพราะพวกเธอแข็งแกร่ง อีกส่วนเป็นเพราะมีประสบการณ์รบมาก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1247

สนามรบที่เคยอึกทึกพลันเงียบงันลงในพริบตาเหล่าศิษย์ของสำนักวิญญาณเพลิงต่างมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาหวาดหวั่นสุดขีดแต่ละคนรู้สึกมือเท้าเย็นเฉียบ“ผู้อาวุโสตายแล้ว”“ขนาดผู้อาวุโสระดับปฐมญาณยังถูกฆ่า”“แบบนี้พวกเราจะชนะได้ยังไง?”……ศิษย์จำนวนไม่น้อยสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแทบทั้งหมดในทันทีแต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง เย่ซิวก็เอ่ยปากขึ้นมาอีกเสียงอันดังกึกก้องของเขาดังไปทั่วทั้งสนาม “เป้าหมายของฉันในครั้งนี้มีแค่ทรัพยากรของสำนักวิญญาณเพลิงเท่านั้น ไม่มีความสนใจในชีวิตของพวกนายแม้แต่น้อย ถ้าพวกนายออกไปตอนนี้ ก็ยังมีโอกาสรอดตาย”ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น ก็มีคนจำนวนมากยอมวางอาวุธแล้วแตกกระเจิงหนีไปบรรดาผู้อาวุโสต่างพากันด่าทอเสียงดัง“พวกแกบ้าไปแล้วเหรอ ทรยศสำนักได้ลงคอ”“อย่าไปหลงเชื่อคำโกหกของมัน ข้างนอกอาจจะมีคนรอซุ่มโจมตีอยู่ก็ได้ ออกไปตอนนี้ก็มีแต่จะถูกฆ่าทีละคน”“กลับมาเดี๋ยวนี้”“พวกแก...”“ฉึก!”กระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุผู้อาวุโสที่บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งเข้าอย่างจังเย่ซิวประสานมือ ร่ายอาคมให้กระบี่ดาวตกกับกระบี่หงส์โบยบินกลายเป็นกระบี่มังกรคู่ และพุ่งเข้าสังหารอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1248

ศิษย์สายข่าวของสำนักเงาอาฆาตคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเจ้าสำนัก ดวงตาเต็มไปด้วยความโลภระยิบระยับ“ส่งคำสั่งของฉันไป รวบรวมศิษย์ชั้นยอดที่เข้าสำนักมาเกินสิบปีทั้งหมด ภายในครึ่งชั่วโมงให้มารวมกันที่ลานกลาง”เจ้าสำนักเงาอาฆาตไม่มีทางปล่อยโอกาสดีแบบนี้หลุดมือไปหรอกเขาคาดเดาว่าเย่ซิวกับพวกต้องใช้พลังไปมหาศาลในการถล่มสำนักวิญญาณเพลิง ตอนนี้น่าจะอ่อนแรงสุดขีดกำลังรบแทบไม่เหลือ เท่ากับว่าสามารถเก็บพวกนั้นได้ง่าย ๆในเวลาไม่นาน ศิษย์ชั้นยอดของสำนักเงาอาฆาตกว่าหนึ่งในสามก็ถูกระดมมารวมตัวเจ้าสำนักถือธงสีขาวไว้แน่น แล้วสะบัดลงเต็มแรงทันใดนั้น พลังสีดำจำนวนมหาศาลก็พุ่งออกมาจากธงนั้น ปกคลุมเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหมดไว้กลายเป็นหัวกะโหลกขนาดยักษ์ที่หน้าตาน่าสยดสยอง พุ่งตรงไปยังทิศทางของสำนักวิญญาณเพลิงอย่างรวดเร็วสำนักวิญญาณเพลิงกว้างใหญ่เกินไป การกวาดเก็บทรัพยากรใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้นจากนั้นทั้งสี่คนก็กลับมารวมตัวกันที่จุดนัดหมายหลัวเวยเวยมองใบหน้าซีดเซียวของเย่ซิวด้วยความเป็นห่วง “นายเป็นไงบ้าง? ไหวไหม”“ยังพอฝืนไหว รีบออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน”พูดจบ เย่ซิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1249

“เย่ซิว นายไหวไหม ไม่เป็นไรใช่รึเปล่า?”เฉินเยียนจือเห็นสภาพของเย่ซิวตอนนี้ น้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว“ฝึกกับฉันเร็ว!”เย่ซิวใช้แรงแทบทั้งตัวเพื่อพูดประโยคนี้ออกมา ตอนนี้ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพหมดแรงสุดขีดโอสถทั่วไปไม่มีผลอะไรแล้วมีเพียงการฝึกแบบหลอมรวมหยินหยางเท่านั้นที่จะช่วยประคองอาการบาดเจ็บของเขาได้เฉินเยียนจือปาดน้ำตา ก่อนจะรีบลงมือทันทีโดยไม่ลังเลอีกต่อไป ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจอะไรแล้วสีหน้าหลัวเวยเวยกับรั่วอวิ๋นดูแปลก ๆ อย่างเห็นได้ชัดประสบการณ์แบบนี้มันแปลกประหลาดเกินไปคนหนึ่งอยู่ต่อหน้าแม่ของตัวเอง อีกคนอยู่ต่อหน้าอาจารย์…แม้แต่ในละครก็ยังไม่กล้าเขียนแบบนี้เลยแต่ด้วยความร่วมมือของเฉินเยียนจือ เปลวชีวิตที่ริบหรี่ของเย่ซิวจึงเริ่มกลับมาติดอีกครั้งแต่เฉินเยียนจือเองก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว ใช้พลังไปจนถึงขีดจำกัดเธอพูดเสียงร้อนรน “ทำยังไงดี? นี่ยังไม่พอ ต้องมีคนทำต่อจากฉัน ผู้อาวุโสรั่วอวิ๋น แม่ พวกท่านคนใดคนหนึ่ง…”สีหน้าของหลัวเวยเวยกับรั่วอวิ๋นเปลี่ยนไปทันทีพอเห็นท่าทางลังเลของทั้งคู่ เฉินเยียนจือก็พูดด้วยเสียงสะอื้น “ขอร้องล่ะ ถ้าช้าคนหนึ่งอยู่ต่อหน้าแ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1250

เมื่อครู่ยังพอได้อยู่ แต่ตอนนี้เย่ซิวฟื้นตัวกลับมาเต็มที่แล้วพอคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ที่ตัวเองดันเผลอทำแบบนั้นต่อหน้าคนแปลกหน้าสองคน…น่าอายจนอยากจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อเห็นสีหน้าแดงจัดปนโกรธของรั่วอวิ๋น เย่ซิวยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักมากจนอดไม่ได้ที่จะหยอก “อาจารย์ เมื่อกี้คุณสุดยอดมากเลยครับ”รั่วอวิ๋นชักกระบี่ออกมาทันทีด้วยสายตาดุสุดขีด “นายลองพูดอีกทีสิ!”เย่ซิวหัวเราะลั่นและไม่ได้ยั่วโมโหต่อพอหันไปมองหลัวเวยเวย สีหน้าของเธอก็ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเช่นกันเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มันเป็นประสบการณ์ที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนเลยในชีวิตเย่ซิวแผ่พลังจิตออกไปอย่างเงียบ ๆ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนทันที “เจ้าพวกนี้ตามไม่เลิกเลยจริง ๆ คิดจะฆ่าให้หมดเลยสินะ”เฉินเยียนจือแววตาเต็มไปด้วยโทสะ “งั้นจะให้ยอมเฉย ๆ เหรอ ฉันไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน”“แน่นอนว่าต้องสู้กลับ” เย่ซิวตอบทันควัน “ฉันตรวจดูแล้ว ทางเหนือของบริเวณนี้กำลังลาดตระเวนหละหลวมที่สุดพวกเธอสามคนมุ่งไปทางนั้น ฉันจะจัดการฝั่งตะวันตกที่มีระดับวิญญาณก่อกำเนิดห้าคน กับระดับถอดจิตอีกหนึ่งคนเอง จัดการเสร็จจะรีบตามพวกเธอไป”“น
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
123124125126127
...
136
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status