บททั้งหมดของ โคตรคนยอดปรมาจารย์: บทที่ 1251 - บทที่ 1260

1360

บทที่ 1251

เย่ซิวไม่ใช่คนอ่อนแอหรือใจดีอะไร ในเมื่อพวกนั้นกล้าลงมือกับเขา ก็ต้องเตรียมใจไว้ให้ดีว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนแสนสาหัสหลัวเวยเวยพูดด้วยความกังวล “พอเถอะ ขืนยังดึงดันต่อไปอาจจะเกิดอันตรายได้ ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา และระดับพลังยังสูงกว่านายอีก”“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้จะปะทะกับเขาตรง ๆ แค่เก็บพวกหัวกะทิของพวกเขาไปบ้าง เขาจะได้หลาบจำ”เฉินเยียนจือเหลือบตามองหลัวเวยเวยอย่างสงสัย “แม่คะ หนูรู้สึกว่าแม่ดูจะเป็นห่วงเย่ซิวนะ”หลัวเวยเวยเริ่มลนลานแต่ก็ยังรักษาท่าที “แน่นอนว่าแม่เป็นห่วง เขาจะเป็นลูกเขยแม่ในอนาคตนะ”คำพูดนี้ทำเอาเฉินเยียนจือยิ้มหน้าบาน ความสงสัยในใจหายวับไปในทันที“เอาล่ะ พวกคุณรีบไปได้แล้ว อยู่ตรงนี้ก็มีแต่จะเกะกะผม”ภายใต้คำสั่งย้ำแล้วย้ำเล่าของเย่ซิว พวกเธอถึงได้ยอมจากไป เย่ซิวยังไม่ลงมือในทันที แต่รอจนผ่านไปครึ่งชั่วโมงจนมั่นใจว่าพวกเธออยู่ห่างออกไปพอแล้วถึงเริ่มลงมือเขาเคลื่อนไหวดั่งเงาผี คอยดักจัดการพวกศิษย์ที่แยกตัวออกมา ลงมืออย่างเฉียบขาด แล้วถอยหายไปอย่างไร้ร่องรอย“หวังลี่ถูกฆ่าแล้ว!” “เจ้าสำนัก ศิษย์คนที่สามของท่านถูกลอบสังหารครับ” “เจ้าสำนัก บุตรชายค
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1252

ครั้งนี้ถือว่าพอได้ดอกเบี้ยคืนมานิดหน่อยตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือกลับไปยังสำนัก แล้วเตรียมตัวทะลวงเก้าวัจนะลึกลับชั้นที่สามก่อนหน้านี้ตอนกวาดล้างทรัพยากรจากสำนักวิญญาณเพลิง เย่ซิวก็ได้ประเมินคร่าว ๆ แล้ว แม้จะแบ่งให้หลัวเวยเวยกับอีกสองคนไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็ยังมีมูลค่ารวมเกินหมื่นล้านศิลาวิญญาณซึ่งก็มากพอให้เขาทำตามเป้าหมายได้สำเร็จแต่ไม่นานเย่ซิวก็เริ่มรู้สึกปวดหัวการทะลวงชั้นที่สามต้องใช้ถึงหมื่นล้านศิลาวิญญาณ แล้วพอถึงชั้นที่สี่ก็ต้องใช้ถึงแสนล้าน หรืออาจมากกว่านั้นต่อให้เขาไปกวาดล้างสำนักระดับเจ็ดทั้งหมดในละแวกนี้ก็คงยังไม่พอเลยด้วยซ้ำที่สำคัญ เย่ซิวเองก็ไม่ใช่ประเภทที่ไปหาเรื่องคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล แบบนั้นมันผิดศีลธรรมเกินไป และถ้าทำมากไปจะส่งผลร้ายแรงตอนเข้าสู่ช่วงระดับฝ่าด่านเคราะห์ครึ่งวันต่อมา เย่ซิวก็กลับมาถึงทางลับของสำนักอวิ๋นหลิงหลัวเวยเวยกับอีกสามคนรออยู่ด้านนอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล พอเห็นเย่ซิวกลับมาอย่างปลอดภัยก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอกจากนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีได้เวลาหารสมบัติที่กวาดมาแล้วพวกเขากลับไปยังที่พักของหลัวเวยเวย จากนั้นจึงล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1253

ทรัพยากรที่วางอยู่ตรงหน้าก็ลดลงอย่างรวดเร็วขณะเดียวกัน คลื่นพลังชีวิตในร่างของเย่ซิวก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดบนผิวหนังเริ่มปรากฏเกล็ดงูขึ้นทีละแผ่น ปลายกระดูกสันหลังรู้สึกเจ็บแปลบ ขาทั้งสองข้างหายไปกลายเป็นหางงูแทนศีรษะเป็นมนุษย์ ร่างเป็นงู!แต่มันไม่ใช่ลักษณะของนาคาแบบฉีฉูฉู่ แต่เป็นรูปลักษณ์ของบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์ในตำนาน ฝูซี!ว่ากันว่าฝูซีสืบเชื้อสายมาจากเผ่าวู และเมื่อเย่ซิวฝึกวิชาเก้าวัจนะลึกลับของเผ่าวูจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะเริ่มมีรูปลักษณ์คล้ายฝูซีมากขึ้นเรื่อย ๆแต่ยังคงเป็นสายเลือดของเผ่ามนุษย์อยู่ ต้องเรียกว่าเป็นมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ในสภาพแบบนี้ เย่ซิวรู้สึกได้ว่าเขาสามารถชกภูเขาสูงนับพันเมตรให้ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยหมัดเดียวยังได้เลย!พลังร่างกายพุ่งทะยานขึ้นสู่ระดับน่าสะพรึง กลายเป็นแปดล้าน!ทั้งที่ยังฝึกวิชาเก้าวัจนะลึกลับชั้นที่สามยังไม่สมบูรณ์ ก็มีพลังถึงเพียงนี้แล้วหากทะลวงสำเร็จอย่างเต็มที่ เกรงว่าพลังจะทะลุสิบล้านเลยทีเดียว!ในโลกของผู้ฝึกตนตอนนี้ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครบรรลุถึงระดับนี้มาก่อนขณะนี้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1254

นี่เป็นตัวเลขที่แค่ได้ยินก็ทำเอาเข่าทรุดแม้แต่สำนักระดับหกที่เก็บสะสมมาร้อยปีก็อาจจะมีไม่ถึงขนาดนี้เลยหนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ยิ่งไปต่อก็ยิ่งยากขึ้นทุกทีไม่แปลกที่คนจำนวนไม่น้อยจะหันไปทำการปล้นชิงแม้แต่เย่ซิวเองก็ยังเริ่มรู้สึกอยากจะลองบ้างแน่นอนว่าเขาไม่มีทางทำแบบนั้นจริง ๆ หรอกเพราะเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว เขายังมีข้อได้เปรียบที่ใหญ่หลวง หรือจะเรียกว่าความสามารถพิเศษก็ได้นั่นก็คือวิชาโลกีย์หลอมเซียนต่อให้ไม่มีทรัพยากรเลย เขาก็ยังสามารถล่อลวง ไม่สิ ใช้ความจริงใจเข้าหาเหล่าสาวงาม จนสามารถทำให้พวกเธอยินดีช่วยเขาบำเพ็ญตนได้สรุปสั้น ๆ คำเดียว ก็คืออนาคตเขาสดใสแน่นอนและเมื่อทะลวงวิชาเก้าวัจนะลึกลับชั้นที่สามสำเร็จ ก็ยังมีอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดคืออายุขัยของเขาพุ่งขึ้นไปถึงแปดพันปี!ระดับปฐมญาณส่วนใหญ่ยังมีอายุแค่สองถึงสามพันปีเท่านั้นเมื่อมีอายุยืนขนาดนี้ รอให้เย่ซิวจัดการยึดโยงสำนักอวิ้นหลิงได้แล้วก็ค่อย ๆ พัฒนาไปอย่างช้า ๆทางหนึ่งก็กลั่นโอสถไปขายเพื่อแลกศิลาวิญญาณ อีกทางก็หาสาว ๆ ผู้มีพรสวรรค์มาร่วมบำเพ็ญกับเขาใช้ชีวิตสบาย ๆ ไม่ต้องเสี่ยงอันตราย นี่แหล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1255

สามสาวสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายอยู่หน้าถ้ำของเย่ซิว บรรยากาศความกระอักกระอ่วนที่ลอยอบอวลในอากาศนั้นช่างชัดเจนจนแทบจับต้องได้สีหน้าของแต่ละคนช่างน่ามอง ได้แต่แลกเปลี่ยนสายตากันไปมาโดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดผ่านไปครู่หนึ่ง หลัวเวยเวยก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นก่อน“เอ่อ…ฉันมาหาเขาให้ช่วยกลั่นโอสถพวกนี้ให้หน่อยน่ะ”เฉินเยียนจือรีบพยักหน้ารัว ๆ “ใช่เลย ๆ ฉันก็เหมือนกัน”รั่วอวิ๋นกระแอมเบา ๆ “ฉันมาดูว่าฝีมือการหลอมโอสถของหมอนั่นพัฒนาไปถึงไหนแล้ว”หลัวเวยเวยมองพวกเธอสองคนด้วยสายตาหยั่งเชิง “แล้วใครจะเคาะประตูล่ะ”เฉินเยียนจือก้าวออกไปหนึ่งก้าว “หนูเองค่ะ”จากนั้นเธอก็เคาะประตูเบา ๆไม่นาน เย่ซิวก็เปิดประตูออกมา พอเห็นทั้งสามยืนอยู่ด้วยกันก็ตกใจ “ทำไมพวกคุณสามคนมาเวลาพร้อมกันแบบนี้ นัดกันมาเหรอ?”คำพูดของเขาทำให้ความอึดอัดกลับมาอีกครั้งรั่วอวิ๋นเตะเย่ซิวเข้าให้หนึ่งที ใช้ความโกรธกลบเกลื่อนความอึดอัด “มัวพูดอะไรอยู่ล่ะ? รีบพาพวกฉันเข้าไปสิ น้ำชาขนมอะไรก็จัดมาให้ครบ”เย่ซิวเหลือบตามองเธออย่างไม่พอใจ ยายคนนี้เริ่มได้ใจเกินไปแล้ว ดูท่าคงต้องหาจังหวะสั่งสอนสักที จะได้รู้ว่าใครเป็นใหญ่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1256

เมื่อสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้รวมกัน ทำให้เย่ซิวยิ่งเอ็นดูเสี่ยวโหรวมากกว่าผู้หญิงอีกสามคนเสียอีกเย่ซิวตบเบาะข้างตัวเบา ๆ “เอาล่ะ มานั่งนี่มา ไม่ต้องยืนหรอก”“แบบนี้ไม่ดีกระมังเจ้าคะนายท่าน ข้าเป็นแค่สาวรับใช้นะเจ้าคะ” เสี่ยวโหรวดูเกร็ง ๆ ไม่ค่อยสบายใจเย่ซิวสีหน้าขรึมลง “ก็บอกแล้วไงว่าเธอไม่ใช่ทาส ต่อไปก็อย่าเรียกฉันว่านายท่าน เรียกว่าคุณชายก็พอ”เสี่ยวโหรวดีใจจนน้ำตาซึม ก่อนจะรีบพยักหน้ารัว ๆ “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชาย เสี่ยวโหรวจะรับใช้คุณชายให้ดีที่สุดตลอดไปเลยเจ้าค่ะ”ผู้หญิงอีกสามคนเห็นภาพนี้เข้าเต็มตา ในหัวของพวกเธอมีคำหนึ่งลอยขึ้นมาพร้อมกันว่ายายตัวแสบ!พวกเธอรู้สึกว่าเสี่ยวโหรวช่างเสแสร้งสิ้นดี ถ้าไม่ติดว่าเย่ซิวอยู่ตรงนี้ละก็ ทั้งสามคนจะลากเสี่ยวโหรวมากดกับพื้นแล้วรุมตบให้หายแค้นใจเลยทีเดียวเย่ซิวเห็นท่าทางกัดฟันกรอด ๆ ของผู้หญิงสามคนแล้วก็รู้สึกงงอยู่หน่อย ๆ “พวกคุณสามคนมาทำอะไรกันที่นี่เหรอครับ”คำถามนี้เองที่ทำให้ทั้งสามได้สติกลับมา โดยเฉพาะหลัวเวยเวยสถานะของเธอในตอนนี้ไม่ได้แน่นแฟ้นกับเย่ซิวเหมือนรั่วอวิ๋นหรือเฉินเยียนจือ อย่างมากก็แค่แม่ยายในอนาคตถ้าดันแสดงไปออ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1257

รั่วอวิ๋นเริ่มออกอาการลนลานอย่างเห็นได้ชัดภายใต้สายตาของเย่ซิว เธอไม่มีทางพูดความคิดลึก ๆ ในใจออกไปได้อยู่แล้ว ได้แต่ปากแข็งเอ่ยไปว่า “ฉันแค่มาดูว่าฝีมือกลั่นโอสถของนายพัฒนาขึ้นบ้างหรือเปล่า ถ้ายังแย่อยู่ นายก็ทำให้ฉันเสียหน้าพอดีสิ”ปากไม่ตรงกับใจขนาดนี้ เย่ซิวยังรู้สึกได้เลย แต่เขาไม่ได้แฉออกมาตรง ๆ “งั้นก็สบายใจได้เลยครับ ตอนนี้ผมกลั่นโอสถระดับสูงได้แล้วนะ”“อะไรนะ?!”สิ้นเสียงพูดนั้น ผู้หญิงทั้งสี่คนในที่นั้นก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกตะลึง จนเสียงดังสะเทือนไปทั่วเสี่ยวโหรวทำหน้าตาเลื่อมใสสุดขีด “คุณชายเก่งเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”ในตาของหลัวเวยเวยสะท้อนแสงบางอย่างออกมา เธอไม่พูดอะไร เพียงจ้องเขานิ่ง ๆ ตาไม่กะพริบเฉินเยียนจือเองก็มีสีหน้าแบบเดียวกับเสี่ยวโหรวส่วนรั่วอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ที่พูดออกมานั่นแน่ใจเหรอ อย่าโม้น่า แม้แต่ฉันตอนนี้ยังกลั่นได้แค่โอสถกลางระดับเท่านั้นเองนะ”“แน่นอนว่าเรื่องจริง ก็เพราะท่านอาจารย์สอนเก่งไง ลูกศิษย์ก็เลยเก่งกว่าอาจารย์แล้ว”เย่ซิวประจบไปเบา ๆ คำหนึ่ง ก็ทำเอารั่วอวิ๋นยิ้มแก้มแทบปริ หางแทบชี้ขึ้นฟ้า รู้สึกปลื้มปริ่มเ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1258

หลัวเวยเวยเป็นคนตอบคำถามนั้นให้เขา “ก็แค่เรื่องแย่งชิงแหล่งทรัพยากรกับพื้นที่อยู่อาศัยนั่นแหละ เผ่าปีศาจก็ต้องใช้ทรัพยากรในการพัฒนาเหมือนกันแถมพวกเราที่เป็นผู้บำเพ็ญตน สำหรับพวกมันแล้วก็คือวัตถุดิบชั้นเลิศ เป็นโอสถวิเศษสำหรับการฝึกฝนของพวกมันเลยล่ะ”“แล้วตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” เย่ซิวเริ่มรู้สึกกังวลตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือสภาพแวดล้อมที่มั่นคง เพื่อให้ตัวเองสามารถพัฒนาและเติบโตได้หากรอบตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่สงบ มันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาของเขา“ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็สู้กันแบบกินกันไม่ลง ไม่มีใครเหนือกว่าใครหรอก”เย่ซิวค่อยเบาใจลงมาหน่อยขอแค่มีช่วงเวลาแห่งความสงบประมาณสิบปี เขาก็มั่นใจว่าจะฝึกถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ แล้วไร้เทียมทานในโลกมนุษย์ได้แน่สุดท้าย เย่ซิวก็หันไปมองเฉินเยียนจือ “แล้วเธอล่ะ? มาหาฉันทำไม”เฉินเยียนจือตอบแบบไม่คิดอะไรเลย “ก็คิดถึงนายน่ะสิ”เย่ซิวยิ้มบางหลังจากนั้น เย่ซิวก็คุยเรื่องสัพเพเหระกับพวกเธอไปเรื่อยหลัวเวยเวยกับรั่วอวิ๋นนั่งคุยกันอีกสักพัก พอดูเวลาแล้วก็ต้องลุกขึ้นเตรียมตัวกลับก่อนกลับ หลัวเวยเวยยังไม่ลืมลากเฉินเยียน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1259

“ไม่ต้องหรอก เธอไปพักผ่อนเถอะ” เย่ซิวส่ายหน้าปฏิเสธเสี่ยวโหรวสีหน้าหม่นลงทันที “เพราะข้าเป็นเผ่าปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ คุณชายจึงไม่สนใจข้า...”“ไม่ใช่แน่นอน” เย่ซิวหยิกจมูกเธอเบา ๆ “เธอมีเสน่ห์มาก ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบหรอกแต่ก็นะ ฉันอยากให้เธอมาเป็นผู้จัดการใหญ่ของฉัน ความสัมพันธ์ของเราจะได้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน”ความเศร้าในใจเสี่ยวโหรวหายวับไปกับตา เธอรีบตอบตกลงอย่างดีใจสุด ๆ “เข้าใจแล้ว ข้าจะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”เทียบกับการเป็นแค่ของสวยงามไว้โชว์ เธออยากเป็นคนที่เย่ซิวสามารถพึ่งพาได้มากกว่าส่วนเรื่องของแม่ เธอก็เลือกที่จะลืมมันไปแววตาเธอฉายแววลังเลวูบหนึ่ง แล้วพึมพำเบา ๆ “หลายปีที่ผ่านมา ข้าทำตามคำสั่งของท่านแม่มาตลอด ก็ถือว่าตอบแทนบุญคุณหมดแล้วขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ข้าจะทำเพื่อตัวเอง ตามหาความสุขของตัวเองบ้าง”เย่ซิวเดินเข้าไปในห้องที่วางเตียงน้ำแข็งไว้เสี่ยวไป๋ยังคงหลับลึกอยู่ขนนกของเสี่ยวอวี่ยิ่งขาวสะอาดมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ปล่อยพลังปีศาจออกมา ยังอยู่ในช่วงสะสมพลังพอเห็นเย่ซิว เสี่ยวอวี่ก็พุ่งเข้ามากระโดดเกาะบนอกเขาทันทีเย่ซิวลูบขนที่นุ่มเหมือนผ้าไหมของเสี่ยวอวี่เ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1260

อาจเป็นเรื่องการล้างแค้น หรือไม่ก็…ที่นี่มีบางสิ่งที่เธอต้องการ หรือให้ความสำคัญอยู่?สารพัดความคิดแล่นผ่านหัวเย่ซิวในพริบตา ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีสุดท้ายเย่ซิวก็ตอบตกลงที่ผ่านมาเขาได้ประโยชน์จากผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย ถ้าว่ากันตามเหตุและผล เขาก็ควรจะตอบแทนบุญคุณเธอบ้างยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่จุดธูปวันละสามครั้งเองจากนั้นเขาก็รีบออกไปด้วยตัวเอง ไปซื้อธูปจันทน์คุณภาพดีที่สุด พร้อมทั้งโต๊ะบูชาและกระถางธูปมาชุดหนึ่งเมื่อกลับมาถึงห้องก็จัดวางโต๊ะและกระถางธูปไว้ตรงหน้าเตียงน้ำแข็งเย่ซิวหยิบธูปขึ้นมาสามดอกแล้วจุดไฟจากนั้นก็เห็นสายควันบาง ๆ ลอยวนเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ถูกดูดเข้าสู่จมูกของผู้หญิงคนนั้นเย่ซิวนั่งดูอยู่พักหนึ่ง ก็ยังไม่เข้าใจกลไกเบื้องหลัง สุดท้ายเขาก็พาเสี่ยวไป๋ที่กำลังฟักตัวกับเสี่ยวอวี่ออกไปจากห้องหญิงสาวคนนี้มีภูมิหลังลึกล้ำเกินหยั่งรู้หลังจากตอบแทนบุญคุณเธอเสร็จแล้ว เย่ซิวคิดว่าคงต้องตัดขาดความเกี่ยวข้องกับเธอจะดีกว่าใครจะรู้ว่าในอนาคต ผู้หญิงคนนี้จะนำหายนะแบบไหนมาสู่ตัวเขาบ้างยังไงตอนนี้เย่ซิวก็สามารถหาศิลาวิญญาณได้ด้วยตัวเองแล้ว ความจำเป็นที่ต้องพึ่งพ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
124125126127128
...
136
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status