บททั้งหมดของ พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี: บทที่ 1351 - บทที่ 1360

1436

บทที่ 1351

นางทอดสายตาลงต่ำ ขนตางอนยาวเป็นแพ บดบังความเยียบเย็นที่คลั่งพล่านอยู่ก้นบึ้งดวงตามู่คังเซิ่งเห็นความเงียบงันของเฉียวเนี่ยนอยู่ในสายตา เขารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉู่จืออี้และนางดี เพื่อปลอบประโลมนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “มิต้องร้อนใจ เดี๋ยวจะให้ท่านปู่เจ็ดของเจ้าไปตามหาสักหน่อย”ท่านปู่เจ็ดมู่เจิ้นหลิน คือผู้ที่รับผิดชอบด้านการสืบข่าวกรองของตระกูลมู่เฉียวเนี่ยนย่อมรู้ดีว่าที่มู่คังเซิ่งอ้างชื่อมู่เจิ้นหลินขึ้นมา ก็เพียงเพื่อให้ตนวางใจยอมพำนักอยู่ที่ตระกูลมู่ต่อไปเท่านั้นด้วยเหตุนี้ นางจึงแสร้งคล้อยตามความตั้งใจของมู่คังเซิ่ง พยักหน้ารับพลางแย้มยิ้ม “ขอบพระคุณท่านเจ้าตระกูลเจ้าค่ะ”มู่คังเซิ่งปั้นหน้าเป็นไม่ใส่ใจ “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ว่าแต่ สองสามวันนี้ที่เจ้าพำนักอยู่ที่ตำหนักองค์ชายรอง เกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้างหรือไม่? พระวรกายขององค์ชายรอง ยังสบายดีอยู่หรือ?”เฉียวเนี่ยนไม่แน่ใจว่าคนของมู่เจิ้นหลินได้แทรกซึมเข้าไปในจวนองค์ชายรองแล้วหรือไม่ด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้กล่าวความเท็จต่อมู่คังเซิ่งกระทั่งเรื่องของเซียวเหิง นางก็เล่าออกไปจนหมดสิ้นมู่คังเซ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1352

อิ๋งชีไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพียงขานรับเสียงเบา “ขอรับ” ร่างก็ไหววูบ กลืนหายไปในเงามืดอีกครา ราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนมิทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดอิ๋งชีก็ปรากฏตัว“เจ้าสำนัก ตรวจสอบชัดแจ้งแล้วขอรับ มู่เมิ่งเสวี่ยมิได้ออกจากจวน ทั้งมิได้ไปวัดผู่จี้” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ประหนึ่งกำลังชั่งใจว่าจะกล่าวความจริงอันโหดร้ายนั้นออกมาเช่นไร “นาง... ถูกกักบริเวณไว้ที่… “หอสงบจิต” ขอรับหอสงบจิต?เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว “นั่นคือสถานที่ใดกัน?”“ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ซึ่งตระกูลมู่ใช้กักขังสตรีในตระกูลที่กระทำความผิดร้ายแรง ตั้งอยู่มุมที่ห่างไกลที่สุดของเรือนหลัง คล้ายคลึงกับตำหนักเย็นในพระราชวังขอรับ”หัวใจของเฉียวเนี่ยนพลันดิ่งวูบลงสู่ก้นบึ้ง “คงเป็นเพราะมู่เมิ่งเสวี่ยเปิดโปงความลับของแดนต้องห้าม จึงได้ถูกกักขังเช่นนี้”อิ๋งชีเห็นด้วยกับคำพูดของเฉียวเนี่ยนยิ่งนักเพียงแต่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ราวมีบางอย่างอยากจะพูดเฉียวเนี่ยนเห็นท่าทีเช่นนั้นของเขาก็อดกังขาไม่ได้ “มีสิ่งใดก็จงพูดมาเถิด มิต้องปิดบังซ่อนเร้น”อิ๋งชีสูดลมหายใจเข้าลึก กดเสียงให้ต่ำลงยิ่งกว่าเดิม “ก่อ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1353

ณ ห้องหนังสือ มู่ซ่างเสวี่ยกำลังยืนประจันหน้าต่าง ตวัดพู่กันอย่างแช่มช้อย ท่วงท่าผ่อนคลาย กลิ่นหมึกหอมจาง ๆ ลอยอบอวลเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็มิได้เงยหน้าขึ้น: “เพียงเอ่ยเสียงเรียบว่า “เนี่ยนเนี่ยนมาแล้วหรือ? เชิญนั่ง”น้ำเสียงของเขาราบเรียบไร้ระลอกคลื่น ฟังไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึกใดแววตาของเฉียวเนี่ยนฉายความเย็นชา นางไม่คิดจะเสแสร้งเจรจากับเขา จึงเอ่ยถามอย่างตรงประเด็น: “ท่านพี่ พอจะทราบหรือไม่ว่าน้องเมิ่งเสวี่ยไปที่ใด?”มู่ซ่างเสวี่ยยังคงไม่หันกลับมา เพียงเอ่ยถามเสียงเรียบ: “ท่านเจ้าตระกูลบอกเจ้าว่าอย่างไร?”“ท่านเจ้าตระกูลบอกว่า น้องเมิ่งเสวี่ยไปแก้บนที่วัด” เฉียวเนี่ยนกล่าวเสียงเย็นชา: “แต่ข้าไม่เชื่อ”“ข้ารู้” ในที่สุดมู่ซ่างเสวี่ยก็วางพู่กันลง แล้วค่อย ๆ หันกายกลับมา”หว่างคิ้วและดวงตาของเขามีกลิ่นอายสูงส่งอันเป็นเอกลักษณ์ของคนตระกูลมู่ มุมปากประดับรอยยิ้ม ทว่าดวงตาคู่นั้นที่จับจ้องไปยังเฉียวเนี่ยน กลับเย็นเยียบดุจสระน้ำแข็งลึกสองแห่งอันหยั่งไม่ถึง ปราศจากความอบอุ่นแม้แต่น้อยเฉียวเนี่ยนถูกสายตาเย็นชาคู่นั้นมองจนหัวใจกระตุกวูบ “ท่านรู้?”“เมิ่งเสวี่ยถูกขังอยู่ที่หอส
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1354

มู่ซ่างเสวี่ยโน้มกายลงเล็กน้อย คล้อยเข้าใกล้ใบหูของเฉียวเนี่ยน ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดติ่งหูอันเย็นเยียบของนาง ทว่าถ้อยคำที่เอ่ยกลับทำให้นางราวกับร่วงหล่นสู่ห้วงน้ำแข็ง: “เจ้าไม่อยากรู้ที่อยู่ของฉู่จืออี้หรอกหรือ? ไม่อยากช่วยเซียวเหิง? หรือแม้แต่... ไม่อยากช่วยเมิ่งเสวี่ย?”ร่างของเฉียวเนี่ยนพลันเกร็งสะท้าน หัวใจเต้นระรัว นางจ้องเขม็งไปยังดวงตาที่อยู่ใกล้เพียงแค่คืบของเขามู่ซ่างเสวี่ยมองประกายแห่งความหวังและความหวาดระแวงที่ฉายวาบขึ้นในดวงตาของนาง รอยยิ้มที่มุมปากเหยียดยิ่งลึก พกพาความขบขันอันแสนอำมหิต: “เช่นนั้นก็... จง... รอ... คอย... อย่าง... สงบ”เขายืดกายขึ้น กลับคืนสู่ท่าทีคุณชายสูงศักดิ์สง่างามดังเดิม สายตาทอดมองลงมา ราวกับกำลังประกาศคำพิพากษา:“อีกสามวัน คืนจันทร์เต็มดวง” เสียงของเขาดังกังวานชัดเจนในห้องหนังสือ แฝงไว้ด้วยความรู้สึกถึงชะตากรรมที่มิอาจปฏิเสธ “เมื่อนั้น ทุกสิ่งย่อมประจักษ์แจ้ง”คืนจันทร์เต็มดวง! อีกสามวัน!ถ้อยคำเหล่านี้ประดุจโซ่ตรวนห้าเส้นอันหนักอึ้ง พลันพันธนาการเข้าที่ดวงใจของเฉียวเนี่ยนมู่ซ่างเสวี่ยไม่มองนางอีก หันกายกลับไปหยิบพู่กันขึ้นใหม่ เอ่ยปากไล่แข
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1355

เขาวางจอกชาลง ร่างโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงไว้ด้วยเจตนาชี้นำและกระตุ้นอย่างเย็นเยียบ: “เป็นอันใดไป? ดูท่าแม่ทัพเซียวจะอ่อนไหวกับคำว่า “แดนต้องห้าม” สองคำนี้ยิ่งนัก?”เขาเห็นได้ชัดเจนว่าร่างของเซียวเหิงสั่นสะท้านเฮือกหนึ่ง ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษในฉับพลัน เหงื่อเย็นเม็ดโป้งผุดซึมทั่วหน้าผากเศษเสี้ยวความทรงจำอันสับสนวุ่นวายคล้ายได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง โหมกระหน่ำเข้าใส่ปราการสติสัมปชัญญะของเขาอย่างบ้าคลั่ง นำพาความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับร่างจะแหลกสลาย“บอกข้ามา ในแดนต้องห้ามซ่อนสิ่งใดไว้กันแน่?” น้ำเสียงของอวี่เหวินฮ่าวเย็นเยียบดุจน้ำค้างแข็ง “มันคือสิ่งใดกัน ที่คุ้มค่าให้ตระกูลมู่ต้องไล่ล่าสังหารเจ้าอย่างไม่คิดชีวิต จนทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพเส้นลมปราณขาดสะบั้นเช่นนี้?”“อ๊าก!” ในที่สุดเซียวเหิงก็มิอาจอดกลั้นได้อีก เปล่งเสียงคำรามต่ำอย่างอัดอั้นออกมาคำหนึ่ง เขาเงยศีรษะขึ้นฉับพลัน ในดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นโลหิต ความสับสนอลหม่าน ความเจ็บปวดรวดร้าว และไอสังหารอำมหิตที่ถูกข่มไว้อย่างสุดกำลังบัดนี้ปะปนจนแยกไม่ออกเขาทะลึงตามองอวี่เหวินฮ่าวเขม็ง ราวกับต้องการค้นหา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1356

“ท่านเสิ่น?” อวี่เหวินฮ่าวเก็บงำแววตาเย็นเยียบ ยิ้มมุมปาก “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”“ย่อมต้องมาหาแม่ทัพเซียวอยู่แล้ว” เสิ่นเยว่ยิ้มบางเบา “ก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนจะจากไป นางกำชับฝากฝังข้าให้ดูแลแม่ทัพเซียว”กล่าวจบ เสิ่นเยว่ก็ใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนของเซียวเหิง ประคองเขาไว้ให้มั่น ก่อนจะเอ่ยว่า “ร่างกายของแม่ทัพเซียวยังอ่อนแอนัก สมควรพักผ่อนให้ดีจึงจะถูก”น้ำเสียงของเขาเรียบเรื่อย แต่กลับแฝงไว้ด้วยอำนาจกดดันที่มิอาจปฏิเสธได้พอเซียวเหิงได้ยินว่าเป็นเฉียวเนี่ยนที่ฝากฝังให้เสิ่นเยว่ดูแลตน สีหน้าก็พลันคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อยเขาชำเลืองมองอวี่เหวินฮ่าวทีหนึ่ง แล้วจึงหันไปมองเสิ่นเยว่เมื่อเทียบกันทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเยว่น่าไว้วางใจกว่าเขาจึงพยักหน้าช้า ๆเสิ่นเยว่จึงพยักหน้าให้อวี่เหวินฮ่าว พลางยิ้มบางเบา “เช่นนั้น ข้าน้อยขอตัวพยุงแม่ทัพเซียวกลับไปพักผ่อนก่อนแล้ว”กล่าวจบ มิทันรอให้อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยตอบ ก็ประคองเซียวเหิงจากไปทันทีครั้นกลับมาถึงที่พำนักของเซียวเหิง เสิ่นเยว่จึงปล่อยมือออก มองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่ทัพเซียวควรทราบดีว่าเส้นลมปราณในร่างท่านยังมิทันฟื
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1357

เสิ่นเยว่ยืนอยู่ด้านข้าง เอ่ยปากทัดทานขึ้น “แม่ทัพเซียวคิดดีแล้วหรือ? หากทนต่อไปไม่ไหว เกรงว่าแม้แต่หน้าของเนี่ยนเนี่ยนเป็นครั้งสุดท้าย ก็อาจจะไม่ได้เห็น”เซียวเหิงกัดฟันกรอด มิได้ตอบคำ เขาก้าวลงไปในถังยาที่ไอร้อนคละคลุ้งด้วยความรู้สึกเด็ดเดี่ยวอย่างยอมพลีชีพ!ฤทธิ์ยาอันรุนแรง นำพาความเจ็บปวดแสนสาหัสที่มากกว่าครั้งก่อนหน้ามิใช่เพียงสิบเท่า โหมกระหน่ำเข้าใส่ทั่วร่างของเซียวเหิงในพริบตา!น้ำยาที่ร้อนผ่าวดุจน้ำเดือดนั้น ราวกับมิใช่ยาวิเศษสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บอีกต่อไป หากแต่เป็นเหล็กเผาไฟจนแดงฉาน เป็นเข็มเหล็กกล้าอาบยาพิษร้ายแรงนับไม่ถ้วน ที่กำลังคลุ้มคลั่งชอนไชเข้าสู่ผิวหนัง ทะลวงผ่านกล้ามเนื้อ และกัดกินกระดูกของเขา!เขารู้สึกได้กระทั่งว่า มีพลังอันบ้าคลั่งสายหนึ่งกำลังวิ่งพล่านอยู่ในเส้นลมปราณที่แหลกสลายของเขา ทุกหนแห่งที่มันเคลื่อนผ่าน ราวกับถูกอาชาพยศนับหมื่นนับแสนตัวเหยียบย่ำ จนแทบจะฉีกขาดเป็นริ้ว ๆ!เส้นเลือดทั่วทั้งร่างของเขาปูดโปนขึ้นมา ผิวหนังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานในพริบตา ราวกับว่าโลหิตกำลังจะหยดทะลักออกมาในที่สุด เซียวเหิงก็เปล่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดและอัดอั้นราวกับสัตว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1358

“พี่เหิง ขนมหวานนี้ให้ท่าน ท่านย่าบอกว่ากินแล้วจะไม่เจ็บแล้ว”ในท่ามกลางความมืดมิด พลันมีเสียงใสกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู ราวกับเป็นแสงดาวที่ทะลวงผ่านราตรีอันมืดมิด ชี้นำทิศทางให้แก่ดวงวิญญาณที่กำลังจะกลับคืน“พี่เหิง ท่านต้องฟังคำของพ่อแม่นะ อย่าไปสั่งสอนเจ้าพวกสารเลวนั่นแทนข้าอีกเลย ข้าจะหาวิธีจัดการพวกมันเอง!”“พี่เหิง ท่านดูสิ นี่คือลายปักรูปนกยวนยางที่ข้าปักเอง!”“พี่เหิง ท่านแต่งข้าเป็นภรรยาดีหรือไม่?”ร่างเล็กบอบบางร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น เซียวเหิงเหยียดมือออกไปไขว่คว้าตามสัญชาตญาณ แต่กลับไม่คาดคิดว่าร่างนั้นจะพลันลอยห่างออกไปไกลแสนไกล“พี่เหิง... พี่เหิง…”นั่นคือผู้ใด?สติสัมปชัญญะของเซียวเหิงเปรียบดั่งเรือที่อับปาง ค่อย ๆ ดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นมาจากก้นบึ้งมหาสมุทรที่ทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บอย่างยากลำบากเปลือกตาอันหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงรั้งไว้ด้วยของหนักพันชั่ง ทุกครั้งที่พยายามจะลืมตาขึ้น ล้วนสูบสิ้นเรี่ยวแรงที่เขามีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดในที่สุด แสงสว่างริบหรี่สายหนึ่งก็แทรกทะลวงผ่านความมืดมิดเข้ามา ทัศนวิสัยที่เคยเป็นเพียงภาพสีเทาขาวอันพร่ามัวสับสน ค่อย ๆ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1359

ถ้อยคำสั้นๆ เพียงประโยคเดียวนี้ กลับดุจดั่งอสนีบาตฟาดผ่าลงกลางโสตประสาทของเสิ่นเยว่!สีเลือดบนใบหน้าของเขาพลันเลือนหายไปจนหมดสิ้น กลายเป็นซีดขาวราวกับกระดาษ!โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาก็ยื่นมือออกไปคว้าจับข้อมือของเซียวเหิงไว้มั่นอย่างรวดเร็ว สามนิ้วทาบลงบนตำแหน่งชีพจรอย่างแม่นยำ พลางเพ่งสมาธิตรวจจับอย่างละเอียดสัญญาณชีพจรที่สัมผัสได้จากปลายนิ้ว ทำให้สีหน้าของเขายิ่งมายิ่งย่ำแย่ ราวกับถูกชั้นน้ำแข็งเย็นเยียบปกคลุม—เส้นลมปราณภายในร่างของเซียวเหิงฟื้นฟูและเชื่อมต่อกันอย่างปาฏิหาริย์แล้วจริง ๆ กำลังภายในแม้จะยังอ่อนแอนัก แต่ก็เริ่มโคจรได้เองโดยอัตโนมัติ เพียงรอเวลาพักฟื้นก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมทว่า ภายในศีรษะ ลิ่มเลือดที่คั่งค้างอยู่นั้นมิเพียงไม่สลายไป กลับกันยังคล้ายกับอสูรร้ายที่ถูกปลุกให้พิโรธ ยิ่งจับตัวเป็นก้อนหนักอึ้งและอุดตันแน่นหนากว่าเดิม!ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือพิษ “พิษเถากัดกระดูก” ที่แฝงเร้นอยู่ คล้ายกับได้กลิ่นอายความอ่อนแอถึงขีดสุดของเจ้าของร่าง จึงฉวยโอกาสอันดีนี้โต้กลับอย่างบ้าคลั่ง! พิษร้ายแรงได้ชอนไชเข้าสู่เครื่องในราวกับหนอนที่เกาะกินกระดูก มันพันธนาการลึกเ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1360

พอได้ยินเช่นนั้น มู่ซ่างเสวี่ยก็พลันทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น เฉกเช่นเดียวกับมู่หงเสวี่ย นางก้มศีรษะต่ำ มิกล้าเอ่ยคำใดออกมาอีกแม้เพียงครึ่งคำโลหิตสดบริเวณขมับของมู่หงเสวี่ยยังคงไหลรินเป็นสายอย่างเงียบงัน หยาดโลหิตสีแดงฉานสองสามหยดร่วงหล่นกระทบพื้น แตกกระจายออกเป็นลวดลายคล้ำเล็ก ๆสายตาอันขุ่นมัวทว่าคมกริบดุจพญาเหยี่ยวของมู่คังเซิ่ง กวาดมองผ่านร่างทั้งสองที่หมอบคลานอย่างต่ำต้อยอย่างเชื่องช้าจากนั้น เขาจึงค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น ฝีเท้าอันหนักอึ้งที่ย่ำลงบนพื้น บังเกิดเสียงเชื่องช้าทว่าชัดเจน ราวกับเสียงระฆังมรณะที่ดังตอกย้ำในดวงใจเขาก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้าคนทั้งสอง ทอดสายตามองลงมาจากมุมสูง ยังยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้งคู่ของตระกูลมู่“เงยหน้าขึ้น” น้ำเสียงของมู่คังเซิ่งทุ้มต่ำ แฝงไว้ด้วยอำนาจเด็ดขาดที่มิอาจปฏิเสธ หากก็เจือความเหนื่อยล้าและความผิดหวังที่ยากจะอธิบายอยู่แวบหนึ่งมู่ซ่างเสวี่ยและมู่หงเสวี่ยทำตามคำสั่ง ฝืนเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ก็มิกล้าสบดวงตาคู่นั้นที่ลุ่มลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง“พวกเจ้า” สายตาของมู่คังเซิ่งกวาดสำรวจใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์แต่กลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นของ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
134135136137138
...
144
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status