ทว่าประตูกลับถูกเปิดออกเฉียวเนี่ยนยกถ้วยยาเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าอวี่เหวินฮ่าวฟื้นแล้ว นางก็ไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจแม้แต่น้อย เดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง"ฟื้นแล้วหรือเพคะ? ยานี้จำต้องดื่มอีกหนึ่งวันเพื่อปรับสมดุลร่างกายให้มั่นคง" นางยื่นถ้วยยาให้อวี่เหวินฮ่าวรับถ้วยยาและดื่มหมดในรวดเดียวรสยาขมฝาด แต่กลับทำให้ลำคอแห้งผากของเขารู้สึกชุ่มชื่นขึ้นมาเขาวางถ้วยยาลงแล้วมองไปยังเฉียวเนี่ยน เอ่ยขึ้น "ลำบากคุณหนูเฉียวแล้ว"เฉียวเนี่ยนมองอวี่เหวินฮ่าว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กล่าว "คืนวานทรงละเมอด้วยเพคะ"อวี่เหวินฮ่าวขมวดคิ้วเขามีความลับมากมายเกินไป หากว่าเมื่อคืนเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดล่ะก็...ในสายตาเขาฉายแววอำมหิตก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "แม้ข้าจะเพิ่งมาเมืองหลวงแห่งแคว้นถังได้ไม่นาน แต่เมื่อได้พูดคุยเที่ยวเล่นกับเมิ่งเสวี่ย ก็รู้สึกว่านางเป็นคุณหนูที่ไร้เดียงสานัก ในตระกูลมู่รุ่นนี้ มีเพียงนางที่เป็นสตรี คิดดูแล้วคงถูกเลี้ยงดูราวไข่ในหิน คงไม่รู้ว่าโลกใบนี้มีขวากหนามอันตรายเพียงใด และคงมิอาจทนฝ่าลมฝนพายุได้ องค์ชายเป็นผู้ที่เข้าใจจิตใจและความคิดผู้อื่น ย่อมรู้เรื่องนี้
Baca selengkapnya