ราตรีมืดมิดดุจน้ำหมึกข้น ย้อมผืนฟ้าและแผ่นดินให้ชุ่มโชกไปทั่วสารทิศอีกคราณ ปากทางเข้าแดนต้องห้าม ประตูหินบานมหึมาค่อย ๆ เคลื่อนเปิดออกท่ามกลางเสียงเสียดสีของกลไกที่บาดหู ราวกับสัตว์ร้ายที่จำศีลอยู่นาน ในที่สุดก็อ้าปากกว้างหมายจะกลืนกินสรรพสิ่งมู่ซ่างเสวี่ยกวาดตามองมู่หงเสวี่ยคนข้างกายด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเฉียวเนี่ยน พยายามกดเสียงให้ราบเรียบ “แม้เหล่าผู้อาวุโสจะอนุญาตให้พวกเจ้ากลับเข้าไปในแดนต้องห้ามได้ แต่พวกท่านก็ยังวางใจไม่ลง จึงให้หงเสวี่ยติดตามไปด้วย วางใจเถิด แม้ภายนอกเขาจะดูทีเล่นทีจริง แต่ภายในนั้นรู้ความหนักเบา ย่อมไม่ทำเสียเรื่องเป็นแน่”มู่หงเสวี่ยยืนพิงกรอบประตู ปลายนิ้วเขี่ยด้ามพัดจีบลงลายทองเล่นอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าประดับรอยยิ้มไม่ยี่หระอันเป็นเอกลักษณ์ เอ่ยแทรกขึ้นว่า “เจ้าตระกูลจะพูดมากความไปไย? เนี่ยนเนี่ยนฉลาดเฉลียวปานนี้ มีหรือจะไม่เข้าใจความนัยเหล่านั้น?”ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา ซ้ำยังแฝงแววประเมินค่าบางอย่างที่ดูเลือนรางราวกับมีราวกับไม่มีการมีอยู่ของเขา ก็เป็นเพียงหลักประกันชั้นหนึ่งของตระกูลมู่ เพื่อให้มั่นใจว่ายามที่เฉียวเนี่ยนเปิด
Read more