บททั้งหมดของ ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา: บทที่ 651 - บทที่ 660

696

บทที่ 651

“ใต้เท้าเฉิน ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านอยากให้ข้าน้อยให้ชี้ตัวฉู่อ๋องหรือ?”ในโถงกรมคลัง หลิวโส่วเริ่นที่ตั้งสติได้ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเฉินกั๋วเวยแสยะยิ้ม “ใต้เท้าหลิวดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองติ้งเซียงมาช้านาน อีกทั้งอยู่ใกล้ชิดฉู่อ๋องมาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมทราบชัดเจนถึงการกระทำของฉู่อ๋อง”“หากเจ้ากล้าลุกขึ้นมาชี้ตัวเขาในเวลานี้ เชื่อเถิดว่าเมืองปิงโจวคงจะเป็นเช่นแต่ก่อน”“บัดนี้เป็นคราวบ้านเมืองปั่นป่วน แคว้นต้าฉู่มิอาจทนต่อการปั่นป่วนจากฉู่อ๋องเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นย่อมเป็นโอกาสแก่แคว้นอื่น”“ใต้เท้าหลิว หากเจ้ากลับใจละทิ้งความชั่ว วันหน้าพวกเราย่อมไม่ทำให้เจ้าต้องเสียเปรียบ มิเช่นนั้น...”หลิวโส่วเริ่นไม่รอให้เขาพูดจบก็ยิ้มเยาะ “มิเช่นนั้น เจ้าจะปลิดชีวิตข้าในวันนี้ ใช่หรือไม่?”เฉินกั๋วเวยหรี่ตาไม่ตอบคำ แต่สีหน้ากลับค่อย ๆ เผยจิตสังหารออกมาในขณะนั้น เซี่ยซาน รองเสนาบดีกรมคลังซึ่งเงียบมาตลอดก็ลุกขึ้น จ้องหลิวโส่วเริ่นแล้วกล่าวอย่างเฉยชาว่า“ใต้เท้าหลิว ใต้เท้าก็เป็นคนฉลาด เหตุใดต้องพูดวกวน วันนี้ถ้าท่านอยากมีชีวิต มีทางเดียวคือซัดทอดฉู่อ๋อง!”ขณะที่พูด ขุนนางกรมคลัง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 652

เจ้าหน้าที่กรมอาญารีบกรูเข้ามาเซี่ยซานสะดุ้งในใจ รีบหันไปมองเฉินกั๋วเวย “เขาเตรียมตัวมาพร้อม จะให้เขาทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!”เฉินกั๋วเวยได้สติ ตัดสินใจเอ่ยทันที “ที่นี่คือที่ทำการกรมคลัง ผู้ใดกล้าก่อความวุ่นวาย?”สิ้นคำพูด เจ้าหน้าที่กรมคลังก็กรูกันเข้ามา สองฝ่ายยืนประจันหน้ากันฉู่หนิงหรี่ตาแสยะยิ้มเย็นชา “ดีมาก ถึงกับกล้าขัดรับสั่งหรือนี่ ดูท่ากรมคลังคงจะกลายเป็นที่ที่ใต้เท้าเฉินมีสิทธิ์ขาดเพียงผู้เดียวไปเสียแล้ว!”“หร่านหมิง!”“พ่ะย่ะค่ะ!”หร่านหมิงผู้มีร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาจากนอกโถง ร่างใหญ่ยักษ์บังประตูทั้งบาน เงาทาบลงบนร่างเฉินกั๋วเวย ทำเอาเขาใจสั่นวาบขณะนั้นเอง ฉู่หนิงออกคำสั่ง “ให้องครักษ์จวนอ๋องเข้ามา ผู้ใดกล้าขัดขวางการสอบสวนของกรมอาญา ไม่ว่ามียศตำแหน่งใด ฆ่าได้ทันที หากเกิดเรื่องขึ้น ข้ารับผิดแต่เพียงผู้เดียว!”หร่านหมิงแสยะยิ้ม “ข้าน้อยรับคำสั่ง!”แล้วตะโกนออกไปนอกโถงว่า “ทุกคน ล้อมพวกมันไว้ให้หมด!”องครักษ์จวนอ๋องในชุดเกราะถือหอกยาว ทั้งร่างแผ่ไอสังหาร วิ่งกรูเข้ามาราวหมาป่าเสือร้ายขุนนางกรมคลังไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ต่างขวัญหนีดีฝ่อ ท่าวางอำนาจลดฮ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 653

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”ตำหนักอิงอู่ ภายในพระราชวังฮ่องเต้เพิ่งส่งตัวหวงฝู่เกาออกไป กำลังนวดขมับ พลางครุ่นคิดว่าจะรับมือกับสถานการณ์ต่อไปอย่างไรดีใครจะรู้ในตอนนี้เอง เสียงร้องดังลั่นของเฉินกั๋วเวยก็ดังขึ้นจากนอกตำหนักฮ่องเต้ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่สบอารมณ์ “ไยจึงเอะอะโวยวายนอกตำหนักเช่นนั้น?”จ้าวหมิงทำหน้าลำบากใจ เดินเข้าตำหนักมากราบทูล “ฝ่าบาท ใต้เท้าเฉินจากกรมคลังมายืนร้องไห้คร่ำครวญอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”ร้องไห้คร่ำครวญหรือ?เป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง ถึงกับมาร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าตำหนักเช่นนี้?หากแพร่ออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราลงมือทำอันใดกับเขาแน่ก็แค่ให้ฉู่หนิงตรวจสอบกรมคลังเท่านั้นเอง ตอนนี้มีตระกูลสูงศักดิ์เข้ามาขัดขวาง คาดว่าเจ้าเด็กฉู่หนิงคงยั้งมืออยู่บ้าง เฉินกั๋วเวยจะมาร้องหาพระแสงอะไรนักหนา!เป็นชายชาตรีแท้ ๆ กลับมานั่งร้องไห้ปานคนไม่รู้ความเช่นนี้ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์ “ให้เขาเข้ามาเถิด”เมื่อเฉินกั๋วเวยได้รับอนุญาตก็รีบก้าวเข้ามาในตำหนัก ก่อนทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นดังสนั่น“ฝ่าบาท โปรดให้ความเป็นธรรมแก่กระหม่อมด้วยเถิด มิฉะนั้นตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังนี้ กระหม่อมคงไม่อ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 654

“บังอาจนัก พวกเจ้ากล้าถึงขั้นจับขุนนางกรมคลัง อยากตายหรืออย่างไร!”“รอดูเถิด พอข้าออกไปได้ ต่อไปเงินของกรมอาญา พวกข้าจะไม่อนุมัติให้แม้แต่อีแปะเดียว!”เหล่าขุนนางกรมคลังบ้างข่มขู่ บ้างขอร้อง เสียงเอะอะดังไม่ขาดสายแต่ทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะกังวานชัดเจนก็ดังขึ้น ขัดจังหวะเสียงความวุ่นวายเหล่านั้น“มาถึงที่นี่แล้ว ทุกท่านยังเลิกนิสัยวางอำนาจขุนนางไม่ได้อีกหรือ!”ทุกคนจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของฉู่อ๋อง คุกจึงเงียบลงในพริบตาฉู่หนิงมือไพล่หลัง เดินมาถึงนอกห้องขังอย่างสงบเยือกเย็น โดยมีหลิงเฮ่าหราน เสนาบดีกรมอาญาเดินตามมาด้วยเหล่าขุนนางกรมคลังมองหน้ากันไปมา แต่กลับไม่มีผู้ใดคำนับให้แม้แต่คนเดียวพวกเขารู้ดีว่าตอนนี้สองฝ่ายต่างเป็นศัตรู และที่ต้องมาตกเป็นนักโทษก็เพราะฉู่หนิงทั้งสิ้นสำหรับศัตรู พวกเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจหลิงเฮ่าหรานขมวดคิ้ว ตวาดเสียงดัง “เข้าเฝ้าฉู่อ๋อง ไยไม่คำนับ!”เซี่ยซานที่โดนซัดจนเกือบสิ้นใจ ตอนนี้เริ่มตั้งตัวได้บ้าง ถูกขุนนางสองคนพยุงไว้ เขาจ้องฉู่หนิงเขม็ง เอ่ยอย่างเคียดแค้น“พวกข้าเป็นเพียงนักโทษ แล้วจะให้คำนับไปทำไม?”หลิงเฮ่าหรานสีหน้าเคร่งขรึม กำลังจ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 655

ในคุกอันมืดมิด กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกชวนให้คนคลื่นเหียนอีกทั้งการตายของเซี่ยซาน ขุนนางกรมคลังก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปหลังขุนนางเฒ่าผู้นั้นคุกเข่าลง ขุนนางอีกหลายคนสบตากันชั่วครู่ จากนั้นคนอื่นก็คุกเข่าลงกว่าครึ่งหนึ่ง“ข้าก็จะพูด ขอเพียงฉู่อ๋องไว้ชีวิต”“ข้าน้อยก็ไม่มีทางเลือก ฉู่อ๋องโปรดเมตตาด้วยเถิด”“ฉู่อ๋อง ข้าน้อยรู้ว่าเฉินกั๋วเวยยักยอกเงินคลังหลวง ยินดีจะชี้เบาะแสแฉตัวเขา”ได้เห็นรองเสนาบดีกรมคลังถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา ทุกคนหวาดผวาจนขวัญหนีฉู่อ๋องกล้าฆ่าแม้แต่รองเสนาบดีกรมคลัง แล้วพวกตนจะเหลืออะไร?ฉู่หนิงกวาดตามองคนที่ทรุดคุกเข่าลงด้วยสีหน้าล้อเลียน ใบหน้าเผยแววพึงพอใจ“พวกเจ้าตัดสินใจถูกแล้ว วางใจเถิด หากเบาะแสของพวกเจ้าเป็นประโยชน์ ข้าจะให้พวกเจ้ารอดชีวิตแน่นอน”ฉู่หนิงหยุดชั่วครู่ แววตาแปรเปลี่ยนโดยพลัน จิตสังหารแวบผ่าน สายตาจับจ้องไปยังขุนนางที่ไม่ได้คุกเข่าหคนกลุ่มนั้นบ้างหน้าตาเย็นชา บ้างไม่สนใจ บ้างแน่วแน่ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกหัวแข็งในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมบอก เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์!ฉู่หนิงหรี่ตา ยกมือขวาชี้ไปยังคนกลุ่มนั้น พลางเอ่ยเสียงเฉยชาว่า “ใต้เท้าหลิง คนพวกนี้ดื้อ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 656

“วางใจเถิด หากเกิดเรื่องใดขึ้น ข้ารับไว้แต่ผู้เดียว”มีคำรับรองจากฉู่หนิง หลิงเฮ่าหรานก็ฮึดสู้ กล่าวเสียงขรึม “ทหาร ขุนนางพวกนี้คดโกงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง มีโทษมหันต์ ตามรับสั่งของฉู่อ๋อง ประหารทันทีไม่ละเว้น!”สิ้นคำ เจ้าหน้าที่กรมอาญาถือดาบคมกริบพุ่งเข้าไปในห้องขังขุนนางกรมคลังที่ไม่ยอมศิโรราบต่างหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ“ใต้เท้าหลิง เจ้าบังอาจ หากฆ่าพวกข้า เจ้าก็หนีความผิดไม่พ้น!”“อวดดีนัก ข้าเป็นคนตระกูลหวงฝู่ เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ?”“ข้าเป็นคนตระกูลหลิว หากเจ้าฆ่าข้า ตระกูลหลิวจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไว้แน่!”แต่ไม่ว่าพวกเขาจะข่มขู่อย่างไร เจ้าหน้าที่กรมอาญาก็ยังพุ่งเข้าหา พวกเขาถือดาบในมือ กดร่างทุกคนคว่ำหน้าลงกับพื้นชิ้ง ฉับ~ ชิ้ง ฉับ~ยกดาบขึ้นแล้วฟาดลง หลายศีรษะถูกตัดหล่น เลือดพุ่งกระเซ็น แดงฉานไปทั่วคุกกลิ่นคาวเลือดฉุนแสบจมูกกระจายไปทั่ว ทำให้ขุนนางอีกกลุ่มที่คุกเข่ายอมอ่อนข้ออยู่รอบข้างลอบคิดในใจว่า เกือบไปแล้วโชคดีที่ตนรีบเปลี่ยนใจ ไม่เช่นนั้น หัวที่กลิ้งอยู่บนพื้นคงเป็นหัวของตนระหว่างที่คิด ฉู่หนิงมองดูห้องขังที่เต็มไปด้วยหัวมนุษย์กลิ้งเกลื่อนกลาดด้วยสีหน้าเย็นชา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 657

“อะไรนะ ฉู่หนิงฆ่าขุนนางกรมคลังไปกว่าครึ่งหรือ?”ภายในตำหนักอิงอู่ฮ่องเต้ที่กำลังเสวยอาหารกลางวันร่วมกับเสนาบดีกรมคลัง เฉินกั๋วเวย ถึงกับอึ้งตะลึงที่รั้งให้เฉินกั๋วเวยอยู่ร่วมโต๊ะนั้น ก็เพราะอยากให้เขาได้เห็นผลลัพธ์กับตาตนเอง และยุติเรื่องนี้เสียทีไม่คาดคิดว่า จ้าวหมิงจะนำผลลัพธ์เช่นนี้กลับมายามนี้เฉินกั๋วเวยเองก็ชะงักงันฉู่หนิงจับขุนนางไปหลายคน อย่างน้อยก็ราวสามสิบกว่าคน ถ้าฆ่าไปครึ่งหนึ่ง ก็คงเกินสิบชีวิตเข้าไปแล้วคนเหล่านี้ล้วนมีอำนาจหนุนหลัง หากเกิดการเอาผิดขึ้นมา ตนในฐานะเสนาบดีกรมคลังคงหนีไม่พ้นเฉินกั๋วเวยยิ่งคิดยิ่งใจสั่น ยิ่งคิดยิ่งโกรธ เขาลุกพรวดขึ้น ก้าวยาว ๆ ไปหยุดตรงหน้าจ้าวหมิง จ้องเขม็งแล้วถามว่า“เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?”“บ่าว... บ่าวเห็นกับตา ศพในคุกกรมอาญานอนเกลื่อนทั่ว!” จ้าวหมิงหน้าขาวซีด ยังคงหวาดผวาในใจพอนึกถึงภาพศพในคุกที่เห็นเมื่อครู่ อาการคลื่นเหียนก็ตีตื้นขึ้นมาอีกแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ เขาไม่กล้าเสียกิริยา จึงกลั้นความคลื่นไส้ไว้ แล้วเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังโดยสังเขปท้ายที่สุด จ้าวหมิงเสริมขึ้นอีกประโยค “ฉู่อ๋องกับ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 658

เฉินกั๋วเวยหน้าถอดสี ร้องขึ้นทันทีว่า “ฝ่าบาท นี่ต้องเป็นคำให้การที่ฉู่อ๋องบังคับด้วยการทรมานแน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ ไม่อาจเชื่อถือได้!”คำพูดนั้นทำให้หลิงเฮ่าหรานที่เงียบอยู่นานถึงกับหน้าเปลี่ยนสี “ใต้เท้าเฉิน คำให้การเหล่านี้ ขุนนางกรมคลังเขียนขึ้นด้วยความสมัครใจเองทั้งหมด และตอนนี้พวกเขายังอยู่ในคุก หากท่านสงสัยว่าพวกเขาถูกทรมาน ก็ไปตรวจดูร่างพวกเขาได้ ว่ามีร่องรอยบาดเจ็บหรือไม่!”เฉินกั๋วเวยถึงกับชะงักไปแท้จริงพวกเขาเตรียมการมาอย่างดี คงให้พวกขุนนางหัวอ่อนเขียนคำให้การ ส่วนผู้ที่ขัดขืนคงถูกฉู่หนิงฆ่าทิ้งไปแล้วครานี้แย่แล้วสิ!ระหว่างที่เฉินกั๋วเวยกลอกตาคิดหาทางออก ฮ่องเต้ก็ฮึดฮัดหนึ่งเสียง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยื่นพระหัตถ์ไปรับคำให้การมาแม้จะไม่พอพระทัยที่ฉู่หนิงกล้าสังหารขุนนางกรมคลังโดยพลการในวันนี้ แต่เมื่อยังคิดหนทางแก้ไขไม่ได้ จึงอ่านคำให้การเพื่อประวิงเวลาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทว่าคำให้การฉบับแรกก็ทำให้สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เปลี่ยนทันควัน ดวงเนตรฉายแววเย็นเยียบรีบเปิดดูคำให้การฉบับที่สอง สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ยิ่งหม่นมืดยิ่งกว่าเดิม มืดหม่นจนไม่น่ามองอย่างยิ่งจนเมื่อทอดพระเ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 659

“ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ร้าย ถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ!”ท่ามกลางเสียงร้องขอความเป็นธรรมของเฉินกั๋วเวย ทหารรักษาพระองค์สองนายลากตัวเขาออกไปจากท้องพระโรงสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ดำทะมึนยิ่งนักไม่คาดคิดเลยว่า ผู้ที่เป็นตัวการทำให้แคว้นต้าฉู่ขาดเงินคลัง จะเป็นเสนาบดีกรมคลังเสียเองฮ่องเต้เดือดดาลถึงขีดสุด ชี้พระหัตถ์ไปทางเฉินกั๋วเวยที่ถูกลากออกไป พลางตวาดลั่น “กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา!”หลิงเฮ่าหรานกับจ้าวหมิงต่างไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด เกรงจะทำให้ฮ่องเต้กริ้วหนักกว่าเดิมแต่ในตอนนี้เอง ฉู่หนิงกลับเอ่ยเสียงเรียบ “เสด็จพ่อ เฉินกั๋วเวยเพียงคนเดียวไม่อาจยักยอกเงินไปได้ คำให้การของขุนนางกรมคลังเองก็ระบุชัด ว่าเฉินกั๋วเวยสมคบกับพวกขุนนางกรมคลังจึงทำได้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ซึ่งยังเดือดดาล สายตาพลันเย็นชา “จัดการ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียดที่สุด ต้องทวงเงินทุกตำลึงที่ถูกยักยอกออกไปจากคลังหลวงกลับคืนมาให้ครบ!”เมื่อหันมามองฉู่หนิง ฮ่องเต้ตรัสเสียงเย็นชา “เรื่องนี้มอบให้เจ้าจัดการ เราไม่สนว่าเจ้าจะทำอย่างไร เราต้องการเพียงเงินเท่านั้น!”เงินที่สูญไปตลอดหลายปีนี้ รวมกันแล้วนับเป็นจำนวนมหาศาล ต้องมอบให้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 660

ต้องทำเช่นนี้เท่านั้น จึงจะแสดงเกียรติให้สมกับตำแหน่งของเราได้ส่วนเหตุที่ต้องยกหลิวโส่วเริ่นขึ้นมา ก็แน่นอนว่าเพราะเขาเป็นคนของฉู่หนิงยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ขุนนางกรมคลังถูกกวาดล้างไปเกือบหมด ผู้ที่ยังใช้งานได้เหลือน้อยเต็มที หลิวโส่วเริ่นในฐานะรองเสนาบดีกรมคลัง ย่อมคุ้นเคยในกิจธุระของกรมคลังดี ย่อมต้องยกฐานะเขาขึ้นมาก่อนแน่นอน หากฉู่หนิงไม่สามารถทวงเงินกลับคืนมาได้ ตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังก็ต้องหาคนอื่นมาแทนอีกทั้งหลิวโส่วเริ่นก็เป็นคนซื่อสัตย์พอสมควร ไม่น่าจะขัดประสงค์ของเรา ให้คนผู้นี้ดูแลการสร้างสุสานย่อมไม่มีปัญหาใหญ่โตนักในขณะที่ฮ่องเต้จินตนาการถึงภาพหลิวโส่วเริ่นคอยควบคุมการก่อสร้างสุสานให้ตนเองนั้น ฉู่หนิงกับหลิงเฮ่าหรานก็ออกไปถึงนอกพระราชวังแล้ว“ฉู่อ๋อง ไม่ทราบว่าท่านมีแผนจะทวงเงินคืนอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลิงเฮ่าหรานรู้ดีถึงนิสัยของเหล่าตระกูลผู้สูงศักดิ์ พวกนั้นรับเงินง่าย แต่จะให้พวกเขาคืนออกมานั้น ยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลผู้สูงศักดิ์ทั้งหมด หลิงเฮ่าหรานไม่อยากขัดใจคนพวกนี้ การดำเนินงานย่อมต้องฟังฉู่หนิงเป็นหลักฉู่หนิง
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
6465666768
...
70
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status