All Chapters of โดนเมินมาสามปี พอฉันขอหย่าเขากลับร้องไห้: Chapter 11 - Chapter 20

100 Chapters

บทที่ 11

จี้อวิ๋นโจวเป็นคนโทรหาคุณหลิวเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเขาบอกว่าไปเลือกชุดสัมภาษณ์ให้ฉันจากดีไซเนอร์ระดับสูง แต่ตัวเขาติดธุระกะทันหันที่โรงพยาบาลเลยออกมาไม่ได้ จึงติดต่อแม่ของฉัน ซึ่งก็คือแม่ยายของเขา หนึ่งในคนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์การแต่งงานครั้งนี้จี้อวิ๋นโจวเล่นบทสามีแสนดีที่ห่วงใยภรรยาอีกแล้วตรรกะก็ฟังดูเข้าท่าดีแต่มีเพียงฉันคนเดียวที่รู้ดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับจี้อวิ๋นโจว ยังห่างไกลจากการที่เราจะมอบของขวัญให้กันได้“ลูกเขยตามใจแกได้ แต่แกก็ต้องรู้ขอบเขตบ้าง” คุณหลิวยังคงพูดด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนแปลง “กลับไปแล้วก็ไปสำนึกผิดกับเขาซะ ถ้าคนตระกูลจี้ถามขึ้นมา ก็บอกว่าอยากลองสัมผัสชีวิตทำงานดูบ้าง บอกว่าจะตั้งใจเตรียมตัวมีลูก จะพยายามให้ตระกูลจี้ได้หลานชายตัวอ้วน ๆ สักคน เข้าใจไหม?”นี่แม่ฉันอยากให้ฉันฝากฝังชีวิตไว้กับตระกูลจี้เต็มตัวเลยสินะกลวิธีแบบนี้ของคุณหลิวน่ะ อาจใช้ได้ผลกับผู้ชายทั่วไป แต่ถ้าตกไปถึงหูของจี้อวิ๋นโจว ก็มีแต่จะได้ผลตรงกันข้ามเมื่อเห็นเวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป ฉันจึงพูดรวบรัดว่า “ในเมื่อจะสร้างภาพลักษณ์ภรรยาแสนดี งั้นก็เอาให้สุดไปเลยแล้วกัน”เมื่อเทียบก
Read more

บทที่ 12

เหมือนถูกฟาดเข้าที่หัวโดยไม่ทันตั้งตัว ฉันเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์สัญชาตญาณบอกฉันว่า ฉันอาจทำให้การสอบสัมภาษณ์ครั้งนี้พังไม่เป็นท่าแล้วฉันลากขาที่หนักอึ้งราวกับถูกหล่อด้วยตะกั่วก้าวไปข้างหน้า เพิ่งเดินถึงมุมทางเดิน เสียงหวานนุ่มคุ้นหูก็ดังเข้ามาในโสตประสาท“โดยรวมก็ถือว่าราบรื่นดีนะ” ในมือของเจิ้งซินหรานมีโทรศัพท์อยู่ เหมือนกำลังรายงานให้ใครสักคนที่สำคัญฟัง “ต้องขอบคุณบันทึกการสอบสัมภาษณ์ของรุ่นพี่อวิ๋นโจวจริง ๆ เลย”เราสบสายตากัน สาวน้อยรีบวางสายทันที แล้วค่อย ๆ ก้าวเท้าเล็ก ๆ วิ่งกระโดดดึ๋งเข้ามาหาฉัน“รุ่นพี่” เธออุ้มแฟ้มเอกสารในมือราวกับของล้ำค่า ยิ้มตาหยีพลางถามว่า “สอบสัมภาษณ์เป็นยังไงบ้างคะ?”ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบา “พลาดไปจุดหนึ่ง”“ไม่เป็นไรนะคะรุ่นพี่” เจิ้งซินหรานพูดด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยน ใช้ถ้อยคำปลอบใจ “ยังไงก็ตาม คณะกรรมการสัมภาษณ์ล้วนเป็นคนระดับสูง คงยากที่เราจะทำได้เป๊ะทุกอย่าง”ระหว่างที่พูด สาวน้อยยื่นแขนเรียวเล็กออกมาเหมือนจะปลอบฉัน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแฟ้มเอกสารที่เธอกอดไว้ตกลงพื้นดัง “ปัง” ตกอยู่ตรงปลายเท้าของฉันอย่างแม่นยำฉันก้มหน้าลง เห
Read more

บทที่ 13

หลังจากได้ยินฉันไล่บี้ถามออกไป สีหน้าของจี้อวิ๋นโจวก็พลันเคร่งขรึมขึ้นทันทีดวงตาล้ำลึกของเขาจ้องมาที่ใบหน้าฉัน ในนั้นมีเพียงความมืดหม่นที่ยากจะสลายฉันสบตาเขาตรง ๆ ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียวหลังจากแข็งข้อกันอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน แล้วเอ่ยเย้ยหยันว่า “แล้วคุณเสิ่นคิดว่า ทำไมผมถึงทำแบบนั้นล่ะ?”เขาเข้าใจความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดของฉันคำคาดเดาของฉันติดอยู่ที่ลำคอ ยังไม่ทันได้เอ่ยออกมา ก็ได้ยินจี้อวิ๋นโจวถามขึ้นอีกว่า “คุณเสิ่นคงไม่ได้คิดว่า หมอที่ดีต้องอยู่แต่ในห้องแล็บกับอุปกรณ์ทดลองเย็นเฉียบพวกนั้นใช่ไหม?”“หมอจี้อยากพูดอะไร?”จี้อวิ๋นโจวพูดพลางหยิบกุญแจรถ “ถ้าหมอคนหนึ่งยังจัดการเรื่องความสัมพันธ์ทางสังคมรอบตัวไม่ได้ แล้วจะรับผิดชอบสุขภาพของคนไข้ได้ยังไง?”เขากำลังพูดเสียดสีว่าฉันจัดการความสัมพันธ์กับคุณหลิวได้ไม่ดี จึงทำให้การสอบสัมภาษณ์เช้าวันนี้ล้มเหลวคำพูดนั้นแม้จะไม่น่าฟัง แต่กลับทำให้ฉันยากจะเถียงได้และยังเป็นการตอบการคาดเดาของฉันทางอ้อมด้วยส่วนเรื่องชุดสำหรับสอบสัมภาษณ์ ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่จี้อวิ๋นโจวบอก ก็แค่ทำตามมารยาทพื้นฐานในฐานะที่เป็น ‘คุณนา
Read more

บทที่ 14

มีคนที่เลือกไว้แล้วเหมือนมีน้ำเย็นหนึ่งถังสาดลงมา ฉันรู้สึกหนาววาบตั้งแต่หัวจรดเท้าขาทั้งสองข้างหนักเหมือนตะกั่ว ขยับไม่ได้เลยในวินาทีนั้นเอง ภาพใบหน้าของเจิ้งซินหรานก็พลันผุดขึ้นมาในหัวฉันอย่างไม่อาจควบคุมได้“หือ? ใคร?” เสียงถามของคุณพ่อจี้ดังขึ้นอีกครั้ง“นักศึกษาจบใหม่จากสาขาประสาทศัลยศาสตร์ครับ” จี้อวิ๋นโจวตอบอย่างคล่องแคล่ว แล้วเสริมอีกว่า “เด็กคนนั้นฉลาดมาก”ภายในห้องหนังสือเกิดความเงียบสงัดขึ้นชั่วขณะใจของฉันก็ค่อย ๆ ดิ่งลึกลงไปเหมือนจมลงสู่ก้นทะเลทีละน้อย ๆเด็ก?ช่างเป็นคำเรียกที่สนิทสนมจริง ๆ เลยนะจี้อวิ๋นโจวที่เป็นคนระมัดระวังขนาดนี้ กลับพูดถึงเจิ้งซินหรานอย่างเปิดเผยต่อหน้าคุณพ่อจี้แบบนี้ ความลำเอียงนั้นชัดเจนเกินไปจริง ๆเขาดีปฏิบัติต่อเธอต่างจากคนอื่นจริง ๆ ด้วย“ได้ พ่อเชื่อในการพิจารณาของลูก”คุณพ่อจี้ตัดสินใจเด็ดขาด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไว้วางใจและสนับสนุนลูกชาย ราวกับว่าเขาลืมไปแล้วว่าเมื่อหนึ่งนาทีก่อนหน้านี้ เขายังชื่นชมฉันมากอยู่เลยแต่คำชื่นชมแบบนี้ ก็ยังสู้การเลือกของจี้อวิ๋นโจวไม่ได้เลยฉันเดินลงบันไดเงียบ ๆ แล้วแอบเข้าไปในห้องน้ำของห้องรับ
Read more

บทที่ 15

จี้อวิ๋นโจวรับสายโทรศัพท์ต่อหน้าฉันเสียงนุ่มนวลหวาน ๆ ดังผ่านโทรศัพท์ เป็นเสียงของสาวน้อยที่ตื่นเต้นพูดว่า “พี่อวิ๋นโจว เพื่อนฉันบอกว่าเห็นพี่ที่ลานจอดรถ จริงเหรอคะ?”นิ้วมือของเขาที่จับพวงมาลัยแตะลงเบา ๆ สองครั้ง ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “อืม ฉันเอง”“จริงเหรอ? เซอร์ไพรส์กะทันหันเกินไปหรือเปล่า?”เมื่อได้ยินเสียงนั้น จี้อวิ๋นโจวยื่นหน้าเข้าใกล้โทรศัพท์ ราวกับกลัวว่าจะพลาดคำพูดสักคำจากปลายสายไป มุมปากของเขายังแฝงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่แทบสังเกตไม่เห็น“โธ่ ฉันพูดผิดไปหรือเปล่าเนี่ย” เจิ้งซินหรานถามเองตอบเอง น้ำเสียงแฝงความกล้า ๆ กลัว ๆ “พี่อวิ๋นโจวอาจจะมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยก็ได้”สาวน้อยก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี ความในใจนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เก็บไม่มิด แม้แต่ลองเชิงยังทำกันอย่างเปิดเผยขนาดนี้จี้อวิ๋นโจวดูเหมือนไม่รู้สึกโกรธเคืองแม้แต่น้อย กลับเปลี่ยนเรื่องถามว่า “กินข้าวหรือยัง?”ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ ดวงตาเรียวยาวดุจนกฟีนิกซ์ก็วาดผ่านแก้มฉัน ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเล็กน้อยและเอนตัวไปทางประตูรถฉันคาดว่าเขาคงลืมไปแล้วว่ามีฉันนั่งอยู่ในรถด้วยหลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันสั้น ๆ อีกสองสามประโยค จี้
Read more

บทที่ 16

ใช่ ฉันได้งานแล้ว แต่ไม่ใช่แผนกศัลยกรรมประสาทของโรงพยาบาลจิงเสีย แต่เป็นแผนกวิสัญญีแทนเซอร์ไพรส์มากะทันหัน จนฉันไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียดายดีใครจะไปคิดล่ะว่า คนอย่างฉันที่ได้ที่หนึ่งของสาขาประสาทศัลยศาสตร์ทุกปี สุดท้ายกลับได้เข้าทำงานที่โรงพยาบาลจิงเสียเพราะวิชาเลือกวิสัญญีวิทยาส่วนชื่อของเจิ้งซินหรานกลับปรากฏเด่นชัดอยู่ใต้รายชื่อของแผนกศัลยกรรมประสาทและคนที่ได้รับเข้าพร้อมกับเธอ ยังมีนักศึกษาปริญญาโทจากวิทยาลัยแพทย์อีกคนหนึ่งด้วยในสองโควตานั้นไม่มีฉันอยู่“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ” ที่ปลายสาย คุณหลิวก็ยังคงพูดไม่หยุด “ละครฉากเด็ดขนาดนี้ คนดูต้องนั่งเต็มทุกที่ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”ฉันรู้ดีว่าคุณหลิวไม่ได้พูดเล่น เลยรีบห้ามไว้ทันทีว่า “ไม่ต้องรีบค่ะ ขอหนู...คิดดูก่อน”คุณหลิวจับความลังเลในน้ำเสียงของฉันได้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ไม่สิ เสิ่นเสียนเยว่ แกคงไม่ได้กำลังหาข้ออ้างมาบ่ายเบี่ยงฉันอยู่หรอกนะ?”ฉันนวดหว่างคิ้วเบา ๆ แล้วพูดอย่างจนปัญญา “วันจันทร์หน้าเพิ่งจะเริ่มรายงานตัวอย่างเป็นทางการ แม่ยังมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวัน ขอเวลาหนูหน่อยได้ไหม?”ฉันพูดด้วยความจริงใจ พอค
Read more

บทที่ 17

เป็นจี้อวิ๋นโจวจริง ๆ ฉันไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ไปชั่วขณะฉันเข้าใจนิสัยสามีคนนี้ของฉันดีมาก เขาชอบความสงบ และถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะไม่ไปร่วมงานสังสรรค์ใด ๆ เลย ฉันแต่งงานเข้าตระกูลจี้มาได้สามปีแล้ว สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแค่หนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น แต่ในเวลาแค่ครึ่งเดือนที่ผ่านมา จี้อวิ๋นโจวก็ได้แหกกฎนี้ไปถึงสองครั้งแล้วเพื่อสาวน้อยที่สดใสไร้เดียงสาที่อยู่ตรงหน้าฉันคนนี้ฉลอง? เลี้ยง? แล้วฉันล่ะ? ฉันเหมาะแค่เป็นคนคอยเสิร์ฟน้ำชาให้เขาอย่างเดียวเหรอ?ใจฉันถูกฉีกออกเป็นสองส่วนโดยไม่รู้ตัว ครึ่งหนึ่งคือความผิดหวัง อีกครึ่งหนึ่งคือความอิจฉา“ไม่ละ” น้ำเสียงฉันแผ่วเบา “ฉันมีนัดแล้ว”ได้ยินดังนั้น เจิ้งซินหรานก็ถอนหายใจเบา ๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “งั้นถ้ามีโอกาส เราค่อยนัดกันใหม่นะคะรุ่นพี่”มองผมหางม้าที่กระดิกไปมาอย่างขี้เล่นจนลับตาไป ฉันก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูตารางเวรบนหน้าจอล็อกฉันไม่ได้จำผิด คืนนี้จี้อวิ๋นโจวน่าจะเป็นเข้าเวรดังนั้น ผู้ชายคนนี้ทำการเปลี่ยนเวรกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อที่จะได้ฉลองให้กับเจิ้งซินหรานเหรอ?ความรู้สึกทั้งตกใจและหวาดกลัวผสมปนเปกันจนล้นออกมาจากอก
Read more

บทที่ 18

หลังกลับถึงที่พักแล้ว ฉันก็เริ่มเก็บของทันทีฉันคิดว่า แทนที่จะรอให้จี้อวิ๋นโจวไล่ฉันออกไปเอง ไม่สู้รู้ตัวเองหน่อยดีกว่าตอนที่กระเป๋าลากใกล้จะเต็มแล้ว ห้องนั่งเล่นกลับมีเสียงการเคลื่อนไหวดังมากะทันหัน ไม่นาน ร่างสูงใหญ่สง่างามของเขาก็ปรากฏขึ้นที่ประตูห้องนอนอย่างรวดเร็วจี้อวิ๋นโจวกลับมาแล้วไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยตามปกติของเขา ในตอนนี้ปกเสื้อเชิ้ตของเขาเปิดออก เน็กไทห้อยหลวม ๆ อยู่รอบคอ แสงไฟดาวน์ไลท์ที่ส่องกระจายลงมา ทำให้เขาดูเหมือนกำลังจะพังทลายด้วยความเปราะบางดูผิดจากปกติมากหลังจากสบตากันเพียงชั่วครู่ ฉันก็ปิดกระเป๋าลากอย่างใจเย็น แต่กลับได้ยินเสียงชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “โวยวายอะไร?”โวยวาย?ฉันทวนคำนี้ และหัวเราะเงียบ ๆ ในใจเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขายังจะเล่นละครกับฉันต่อไปอีกเหรอ?มือฉันกำกระเป๋าลากแน่น ฝืนเก็บความรู้สึกไม่สบายใจไว้ในอก แล้วแสร้งทำเป็นพูดสงบว่า “เปล่า ยังไงสัญญาก็เหลือแค่สองเดือนสุดท้ายแล้ว ไม่สู้รีบ...”“แสดงต่อไม่ไหวแล้ว?” จี้อวิ๋นโจวขัดคำพูดของฉัน หัวเราะเยาะเบา ๆ “ยังไม่ทันได้เข้าไปในโรงพยาบาลจิงเสียเลย ก็จะรีบตัดความสัมพันธ์ก
Read more

บทที่ 19

ฉันกับคุณหลิวนั่งตรงข้ามกับแม่สามีเพิ่งนั่งลง ฉันก็ส่งสายตาถามทันทีคุณหลิวดื่มแก้เมาค้างพลางตอบว่า “ไม่ใช่ว่าแกถูกโรงพยาบาลจิงเสียจ้างแล้วเหรอ? ข่าวดีขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมาแบ่งปันกับแม่สามีด้วยสิ”เธอพูดจบก็หันไปมองแม่สามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความภูมิใจและดีใจอย่างเปิดเผยฉันน่าจะเดาได้ ว่าด้วยนิสัยของคุณหลิวแล้ว จะยอมให้ฉันนิ่งดูดายได้อย่างไรเพียงแต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะนัดแม่สามีฉันออกมาพบโดยตรงแบบนี้แม่สามีผ่านโลกมาเยอะ จึงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ก็แค่เด็กฝึกงานในแผนกวิสัญญี มีอะไรให้ชมนักหนา?”ดูท่าแม่สามีก็รู้ข่าวแล้ว“อย่าพูดแบบนี้สิคะคุณสวี” คุณหลิวเปิดโหมดพูดไม่หยุด พูดพร่ำเพรื่อว่า “เยว่เยว่ของเราน่ะ เรียนควบสองปริญญานะ แผนกวิสัญญีเห็นว่าเธอมีความสามารถไม่ธรรมดา จึงรับเธอเป็นกรณีพิเศษ”แม่สามีหนังตากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าฉายแววไม่พอใจเล็ก ๆ “แล้วไง? เรียกฉันมาตั้งไกลเพื่อแค่นี้เองเหรอ? เธออย่าลืมสิ อาโจวของเราน่ะเป็นหน้าตาของโรงพยาบาลจิงเสียเลยนะ”น้ำเสียงถือตัวทำให้คุณหลิวพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่ไม่นานเธอจัดการอารมณ์ได้ พูดพลางยิ้มตาหยีว่า “คุณสวี ดูที่คุณพูดส
Read more

บทที่ 20

ขายได้...ราคาดี?ฉันมองจี้อวิ๋นโจวอย่างไม่อยากเชื่อ ในวินาทีนั้น ฉันถึงกับสงสัยอย่างรุนแรงว่าหูของตัวเองมีปัญหาแล้วเขาถึงกับใช้คำว่า ‘ขาย’คุณหลิวดูเหมือนจะถูกคำพูดนี้ของจี้อวิ๋นโจวทำให้ตกตะลึงเหมือนกัน เธออ้าปาก ก่อนจะอธิบายอย่างอึดอัดใจ “ไม่ใช่นะลูกเขย ลูกอย่าเข้าใจผิด แม่ก็คิดแทนพวกลูกอยู่นะ อีกอย่างเยว่เยว่ก็ทุ่มเทใจให้ลูกมาตลอด พูดแบบนี้มันทำร้ายจิตใจเธอมากนะ”สีหน้าจี้อวิ๋นโจวกรุ่นโกรธ เหลือบมองใบรายการของขวัญอีกแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเข้มว่า “รายการของขวัญเตรียมไว้ละเอียดขนาดนี้ เสิ่นเสียนเยว่ พวกเธอคิดคำนวณกันมาอย่างดีเชียวนะ?”เข้าใช้คำว่า ‘พวกเธอ’หมายถึงฉันกับคุณหลิวในใจจี้อวิ๋นโจวคงคิดว่า ฉัน เสิ่นเสียนเยว่ทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อแต่งงานกับเขา และคนตระกูลเสิ่นของเราก็วางแผนกับเขาเต็มที่เหมือนกันก่อนหน้านี้อย่างน้อยเขายังพยายามรักษามารยาทอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับกล้าตำหนิคุณหลิวที่เป็นแม่แท้ ๆ ของฉันต่อหน้าฉันเขาเอาฉันไปไว้ตรงไหน?ความอึดอัดในอกกลายเป็นความเจ็บปวดที่ชาหนึบ ช่วงเวลาสามปีที่ใช้ร่วมกับจี้อวิ๋นโจวฉายซ้ำทีละเฟรมในหัวฉัน ใบหน้าของฉันก็ซีดเซียวลงทีละน้อยอย่
Read more
PREV
123456
...
10
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status