Todos os capítulos de ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว: Capítulo 381 - Capítulo 390

428 Capítulos

บทที่ 381

คนที่ก้าวออกมา คืออัครเสนาบดีเฉินซื่อเม่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินหมิงนั้นไม่ต้องพูดอะไรมากนักในตอนนั้นเขาก็คืออาจารย์ของฉินหมิง ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเขาเป็นอย่างยิ่งแม้แต่ตอนที่ฉินหมิงออกจากเมืองหลวง ไปยังหลิ่งหนาน เฉินซื่อเม่าก็เคยช่วยพูดให้เขาในราชสำนักอยู่หลายครั้งหลายหน“เฉินซื่อเม่า เจ้าจะพูดอะไรหรือ?”ฮ่องเต้เฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเฉินซื่อเม่าเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก มีรากฐานที่มั่นคง บวกกับเขาที่มีประสบการณ์มากพอ และมีความสามารถล้นเหลือหากคนคนนี้ก้าวออกมา ฮ่องเต้เฉียนก็มิอาจตรัสปฏิเสธโดยตรงเหมือนที่ทำกับขุนนางทั่วไปได้ไม่ว่าอย่างไร ก็จะต้องแสร้งทำท่าที ฟังเขาพูดให้จบก่อน“ฝ่าบาท ถึงแม้ฉินอ๋องจะกระทำผิด แต่โทษมิควรหนักถึงเพียงนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของเฉินซื่อเม่าจริงจังเป็นอย่างยิ่ง และเอ่ยปากอย่างเด็ดเดี่ยวหนักแน่น“เรื่องนี้ข้าก็เข้าใจดี อันที่จริงแล้วตระกูลเซียวเป็นคนผิดก่อน ฉินอ๋องจึงทำการตอบโต้ ซึ่งตามหลักเหตุผลแล้วก็สามารถเข้าใจได้”เพียงตรัสคำนี้ออกมา เหล่าขุนนางจำนวนไม่น้อยที่รู้เหตุการณ์ต่างก็พากันพยักหน้าพวกเขาต่างก็รู้สึกว่าที่เ
Ler mais

บทที่ 382

ฉินเยว่ผู้นี้ ช่างแตกต่างจากฉินอ๋องยิ่งนักถึงแม้ว่าฉินหมิงจะขึ้นครองตำแหน่งองค์รัชทายาทตั้งแต่วัยเยาว์ แต่การจัดการทุกอย่างตลอดหลายปีมานี้เป็นไปด้วยความรอบคอบและรัดกุมเสมอมาเป็นไปตามคาด เฉียนไฉหัวเราะลั่นออกมาแล้วกล่าวว่า“องค์ชาย ท่านช่างเลี่ยงประเด็นเก่งเสียจริงนะขอรับ!”“หากครั้งนี้ฉินอ๋องมิตอบโต้กลับอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด แล้วจะปล่อยให้ตระกูลเซียวทำลายโรงทอผ้า จนชาวบ้านหลายหมื่นคนต้องอดอยากอย่างนั้นหรือ?”“เมื่อถึงตอนนั้นท่านยังจะพูดว่า นี่เป็นเพียงแค่การตักเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่หรือไม่ขอรับ?”พอพ่ายแพ้ก็พูดว่าเป็นแค่การตักเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆพอสำเร็จ ฉินหมิงก็จะต้องถูกพวกเขาสร้างหายนะจนมิอาจแก้ไขได้อีกมาตรฐานของฉินเยว่ช่างเปลี่ยนไปมาได้อย่างว่องไวเสียจริง ๆเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ฉินเยว่ก็เงียบไม่พูดจาเขามิอาจตอบคำถามนี้ได้จริง ๆส่วนพวกขุนนางที่อยู่ตรงนั้น ในเวลานี้ก็มิมีใครอยากจะก้าวออกมารับผิดแทนเช่นกันเฉินซื่อเม่ากล่าวต่อไปอย่างช้า ๆ ว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า นี่เป็นเพียงการแข่งขันทั่วไประหว่างพ่อค้าเท่านั้น ซึ่งมิใช่ปัญหาแต่อย่างใด”“หากราชสำนักเข้าแท
Ler mais

บทที่ 383

เมื่อเผชิญหน้ากับความเงียบของทุกคน ฮ่องเต้เฉียนก็เริ่มทำการแสดงเดี่ยวกันขึ้นมาเพียงแต่เขาเป็นคนที่เหลี่ยมจัด ซึ่งมิยอมเสียเกียรติในฐานะจักรพรรดิของตนเอง เพื่อไปมุ่งเล่นงานฉินหมิงโดยตรงฮ่องเต้เฉียนกวาดสายตามองขุนนางในท้องพระโรง แล้วจึงตรัสขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า“เรื่องนี้จะให้กรมกิจการราชวงศ์และกรมพิธีการร่วมกันจัดการลงโทษ ผู้ใดที่กระทำผิดก็ให้ลงโทษโดยมิต้องปรานี!”ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็พากันขมวดคิ้วเฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉก็ค่อนข้างมิพอใจนักกรมกิจการราชวงศ์ขึ้นตรงกับราชวงศ์ หรือเรียกได้ว่าเป็นคนของฮ่องเต้เฉียนนั่นเองส่วนในกรมพิธีการก็ผู้สนับสนุนของเซียวซูเฟยการนำเรื่องนี้ไปมอบให้พวกเขาในเวลาเช่นนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่าต้องการที่จะพิพากษาโทษเบาให้เป็นหนัก!ในเวลานี้ขุนนางของกรมพิธีการและกรมกิจการราชวงศ์จึงรีบก้าวเข้ามาแล้วกล่าวว่า“กระหม่อมรับพระราชโองการขอรับ!”“กระหม่อมรับพระราชโองการขอรับ!”……เดิมทีพวกเขาก็อยากจะช่วยฉินเยว่แต่อนิจจาเจ้าหนุ่มคนนี้มิฉลาดเอาตัวรอดเสียเลยกระทั่งบทสนทนาก็มิอาจโน้มน้าวพวกขุนนางได้ อีกทั้งยังแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเกินควรอีกด้วยนี่จึงทำให้ทุก
Ler mais

บทที่ 384

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขา ได้นำเอกสารของราชสำนักออกมาทันที สืออวี้จิ้นชี้นิ้วไปที่รอยประทับตราสีแดงด้านบนด้วยท่าทีจองหอง นี่เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเขาคือตัวแทนขุนนางชั้นสูงผู้ส่งตรงจากราชสำนัก!ไม่ว่าจะไปแห่งหนใด จำเป็นจะต้องได้รับการยกย่อง! แต่ครานี้เขากลับคิดผิดอีกครั้ง หลังจากที่ฟังคำพูดของเขาจบ องครักษ์หนุ่มเหล่านั้นก็แค่ชำเลืองมองสิ่งที่อยู่ในมือเขาและเพียงร้องอ๋ออย่างเย็นชาเท่านั้น “คารวะใต้เท้าสือ ท่านอ๋องของพวกเราออกไปแล้ว ท่านยืนรอทางด้านนั้นก่อนก็แล้วกัน”เมื่อจบประโยคนี้ พวกเขาก็ชี้ไปที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งที่ไกลออกไป สื่อความหมายว่าให้สืออวี้จิ้นไปพักรอด้วยตนเองทางด้านนั้นสักครู่ เมื่อฟังประโยคนี้จบ สืออวี้จิ่นก็โกรธจนแทบบ้าคลั่ง“พวกเจ้าปฏิบัติต่อขุนนางที่ราชสำนักส่งมาเช่นนี้หรือ?” เขาโกรธจนปวดตับ แต่ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความโกรธ และเอ่ยถามด้วยความโมโหเท่านั้นเมื่อเห็นท่าทีที่โอหังมากโขนี้ของเขา องครักษ์เหล่านั้นก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ทำไม? ท่านหวังให้เราเชิญท่านเข้าไปและต้อนรับอย่างดีงั้นหรือ?”“ท่านอ๋องมิได้เอาเงินของสำนักมาสักแดงเดียว
Ler mais

บทที่ 385

เมื่อกลับมาในห้อง ว่านซูก็กระซิบถามฉินหมิง “คนของราชสำนักมาแล้วหรือ?”“อืม แต่ไม่สำคัญอะไรหรอก ก็แค่การลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เท่านั้น”ฉินหมิงเคยติดต่อเฉินซื่อเม่ากับเฉียนไฉ และทราบถึงการลงโทษของราชสำนักต่อตนเองมาก่อนแล้ว ก็แค่ชดใช้ค่าเสียหาย และปรับเงินเป็นเวลาสามปีเท่านั้นการปรับเงินเช่นนี้ ฉินหมิงแทบมิได้เอามาใส่ใจ แต่การชดเชยค่าเสียหายนั้น กลับมีปัญหาอยู่เล็กน้อย เพราะครั้งนี้คนของราชสำนักฉลาดขึ้น จึงมิได้ให้เจาจ่ายเงินชดเชยให้ตระกูลเซียวโดยตรง และใช้โทษฐานการก่อกวนหอการค้าถิ่น โดยให้เขาชดเชยให้ราชสำนักโดยตรง และต้องจ่ายชดเชยสามแสนตำลึงภายในรวดเดียว “ท่านเตรียมจะจัดการอย่างไรเล่า? ข้าได้ยินมาว่าราชสำนักเรียกเงินสามแสนตำลึงจากท่าน”ข่าวของว่านซูว่องไวอย่างยิ่ง นับตั้งแต่การลงโทษฉินหมิงจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เดิมทีนางห่วงใยต่อฉินหมิงอย่างมาก แน่นอนว่าย่อมรู้เรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว “สามแสนตำลึง มิใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ”ฉินหมิงร่วมสังสรรค์กับพ่อค้าเหล่านั้นไปพลาง และพูดคุบกับว่านซูไปด้วย“ใช่สิ การซื้อขายของเจียงหนานยังมิทันเริ่ม ในมือท่านก็มิเงินไม่มากนัก ต
Ler mais

บทที่ 386

ในสายตาของเขา ไม่ว่าฉินหมิงจะเอาตัวรอดเก่งสักแค่ไหน แต่มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นสิ่งนี้มิได้เป็นประโยชน์แต่อย่างใด และมันมิอาจขัดขวางการที่ราชสำนักจะลงโทษเขาได้ฉะนั้นในท้ายที่สุดแล้วคนที่เสียเปรียบก็ยังเป็นฉินหมิงเอง!เพียงแต่หลังจากที่สืออวี้จิ้นวางเอกสารลงตรงหน้าฉินหมิงอย่างสบายใจแล้วก็รออยู่นานแต่กลับไม่พบปฏิกิริยาใด ๆ ของฉินหมิงเลย“ท่านจะลองอ่านสักหน่อยไหมขอรับ?”สืออวี้จิ้นเคาะเอกสารที่อยู่ด้านหน้าเล็กน้อยทว่าฉินหมิงก็ดันมันไปไว้ด้านข้าง“ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว มิต้องเสียเวลาอ่านหรอก”โทษในขั้นตอนนี้ของราชสำนัก มิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด เขาจึงมิสนใจที่จะอ่านเพราะหลังจากนี้ ยังมีข่าวที่หนักกว่านี้อีกข่าวหนึ่งถูกเผยแพร่ออกไปเขาได้สั่งให้ฉางไป๋ซานไปสังหารคนแล้วเมื่อคำนวณจากเวลาแล้ว พี่น้องตระกูลเซียวก็น่าจะตายภายในสองวันนี้และเวลานั้นต่างหากที่จะทำให้ราชสำนักเกิดความสั่นสะเทือนอย่างแท้จริง“เงินสามแสนตำลึง ข้าจะจ่ายให้ เพียงแต่ตอนนี้ข้ามิมีเงินอยู่ในมือ ก็หวังว่าราชสำนักจะหักจากบำเหน็จของข้าก่อนได้ เมื่อจ้ามีเงินพร้อมแล้ว ข้าจะไปชำระคืนให้โดยเร็วอย่างแ
Ler mais

บทที่ 387

เขาสังเกตได้ว่า ฉินหมิงกำลังค่อย ๆ หลุดพ้นจากการควบคุมของราชสำนักเหมือนกับที่พวกขุนนางในราชสำนักคิดเอาไว้ การที่ฉินหมิงเข้ามาในหลิ่งหนานมิได้เหมือนกับคนที่หายสาบสูญไปเฉย ๆตรงกันข้าม เขากลับเหมือนผู้ที่มีความสามารถสูงที่ได้เหยียบเข้าสู้พื้นที่ใหม่เพียงระยะเวลาสองปีสั้น ๆ เขาได้เติบโตถึงขั้นนี้กระทั่งทำให้เวลาที่ราชสำนักจะจัดการกับเขา ล้วนจะต้องยั้งมือ และลังเลใจความสามารถระดับนี้ หากจะพูดอย่างไม่ถ่อมตัว ไหนเลยจิ้นอ๋องจะเทียบชั้นได้?“กลับไปกราบทูลเสด็จพ่อแทนข้าทีว่า เงินสามแสนตำลึงยังไม่พอ ในฐานะที่ข้าเป็นลูก ข้าจะจ่ายเพิ่มให้เขาอีกในภายหลัง ถือเสียว่าเป็นดอกเบี้ย”ฉินหมิงบ้าระห่ำเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้!ก็แค่เงิน ข้ามีอยู่แล้ว!แต่มิใช่ว่าราชสำนักจะมาขู่เอาจากข้าได้!แต่ข้าอยากจะให้เมื่อไร พวกเขาถึงจะเอาไปได้ต่างหาก!“เชิญขอรับ”องครักษ์สองสามคนเดินมาถึงตรงหน้าสืออวี้จิ้น แล้วทำสัญญาณมือเชิญเขาดูเหมือนกำลังจะส่งเขาออกไปแต่ในความเป็นจริงแล้วนี่คือฉินหมิงต้องการจะไล่แขกเมื่อเผชิญหน้ากับฉินหมิงที่อวดอำนาจ และมีศักยภาพเหนือผู้อื่นเช่นนี้สืออวี้จิ้นก็รู้สึกเย็
Ler mais

บทที่ 388

ตอนนี้ภายในใจของสืออวี้จิ้นสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่งมิน่าล่ะฉินหมิงถึงมิได้เอาบทลงโทษเหล่านั้นของตนเองและราชสำนักมาใส่ใจที่แท้เขาก็เล่นใหญ่ถึงเพียงนี้นี่เอง!คาดไม่ถึงว่าจะลอบสังหารหารคนตระกูลเซียวสองคนนั้น“แล้วหลักฐานล่ะ ข้าจะให้ฝ่าบาทส่งกองทัพไป กวาดล้างหลิ่งหนานของเขาให้สิ้นซาก! !”หลังจากที่แผดคำรามอยู่ครู่หนึ่ง เซียวซูเฟยก็มิได้สนใจความโศกเศร้าของการสูญเสียญาติอีกดวงตาทั้งคู่ที่แดงฉานของนาง จับจ้องไปที่หวังเป่าแล้วเอ่ยปากทันทีหวังเป่าจึงรีบกล่าวว่า“พระสนม ฉินอ๋องทำทุกเรื่องอย่างหมดจด มือสังหารโจมตีเสร็จแล้วก็ถอยไปทันที มิได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลยขอรับ”ฉินหมิงเป็นคนให้ฉางไป๋ซานไปลอบสังหารแน่นอนว่ามิมีทางทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เห็นแต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เพียงแค่ได้ฟังข่าวนี้ก็ย่อมเข้าใจ ว่าฉินหมิงจะต้องเป็นคนสั่งการอย่างแน่นอนทั่วทั้งเจียงหนาน ตอนนี้ผู้ที่มีศักยภาพสามารถจู่โจมอย่างฉับพลันโดยที่มิมีใครสังเกตเห็น และมีกำลังที่สามารถสังหารคนแล้วจากไปได้นั้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและที่สำคัญก็คือคนอื่น ๆ มิได้มีความเคียดแค้นกับตระกูลเซียว และมิอาจแบกรักความเดือดดาลของเ
Ler mais

บทที่ 389

ในพระราชวังชั้นใน หวังเป่าพาชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบางผู้หนึ่ง ซึ่งสวมเครื่องแต่งกายขันทีค่อย ๆ เดินออกมา ชายผู้นี้มีใบหน้าที่แสนจะธรรมดา ผิวพรรณซีดเผือด มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่ามิได้สัมผัสแสงแดดมานานหลายปี พวกเขาสองคนเดิน ๆ หยุด ๆ เพื่อหลบเลี่ยงองครักษ์ในพระราชวังตลอดทาง จนกระทั่งยามเที่ยงคืน จึงมาถึงพระตำหนักอวี้ชิง เซียวซูเฟยที่ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเหมือนยามบ่ายไม่กระดิกไปไหน เมื่อเห็นหวังเป่ากลับมา ดวงตาที่ล่องลอยของนางจึงมีแววเปลี่ยนไปเล็กน้อย “พระสนม คนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ตามเสียงของหวังเป่า เซียวซูเฟยก็เลื่อนสายตามองไปยังชายผู้มีใบหน้าซีดขาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขา “หวงฉี รู้จักข้าหรือไม่?” อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ ในน้ำเสียงไม่มีความเคารพเลยแม้แต่น้อย “ใครจะไม่รู้จักเล่า ว่าในพระราชวังต้นเฉียนของเรามีนางสนมปีศาจผู้ปั่นป่วนการปกครองอยู่คนหนึ่ง?” “หวงฉี เจ้าถูกกักขังมาสิบห้าปี ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ออกไป ว่าอย่างไรเล่า?” เซียวซูเฟยมิได้ใส่ใจคำพูดหยาบคายของเขา เมื่อเทียบระหว่างความแค้นของนางกับฉินหมิงแล้ว สิ่งนี้ไม่ถือว่าเป็นเ
Ler mais

บทที่ 390

ใต้หล้านี้มีไม่กี่คนที่หยุดยั้งการสังหารของเขาได้ เว้นแต่ว่าจะมีกองทัพนับหมื่นอยู่ตรงนั้น เขาอาจจะกังวลอยู่บ้าง เสียงกล่องถูกเปิดดังแกรก หวงฉีมองยาสีเหลืองอ่อนด้านในและกล่าวว่า “นี่คืออะไร?” “กู่พิษกลืนหทัย สังหารฉินหมิงเสร็จแล้ว ข้าจะให้ยาถอนพิษแก่เจ้า!” ชื่อนี้ทำให้เปลือกตาของหวงฉีกระตุกขึ้นมาทันที กู่พิษกลืนหทัยจัดเป็นหนึ่งในกู่พิษร้ายกาจที่สุดของดินแดนเหมียว เล่าลือกันว่าเมื่อพิษกำเริบความเจ็บปวดนั้นราวกับมีแมลงนับพันกัดกินเลือดเนื้อ บางคนถึงเจ็บปวดทรมานจนตายทั้งเป็น! “กระหม่อมมิเชื่อท่านหรอก” หวงฉีโบกมือทันที เขามิยอมเอาชีวิตของตนเองไปมอบให้ผู้หญิงที่โหดเหี้ยมดุร้ายเช่นนี้เป็นอันขาด นั่นไม่ต่างอะไรกับการเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือหรอก “ด้วยศักยภาพของเจ้า ออกไปฟื้นฟูจนเองสักพัก ก็สามารถกลับมาฆ่าข้าได้ทุกเมื่อ” เซียวซูเฟยร้อนรนใจเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าการปล่อยหวงฉีออกมาทุกอย่างจะราบรื่น แต่ใครจะคิดว่า คนผู้นี้จะจัดการได้ยากเช่นนี้ กระทั่งต่อรองเงื่อนไขกับตนเองอยู่ตลอด “ก็จริงอยู่” ฉับพลันหวงฉีก็นึกอะไรขึ้นมาได้ มุมปากยกยิ้มขึ้นมา และนำ
Ler mais
ANTERIOR
1
...
3738394041
...
43
ESCANEIE O CÓDIGO PARA LER NO APP
DMCA.com Protection Status