All Chapters of ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว: Chapter 1 - Chapter 10

100 Chapters

บทที่ 1

“เจ้าคอยช่วยงานราชการมาหลายปี แต่กลับผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างไร้ความสามารถเสียจริง!”“ปีนี้แม้แต่บัญชีของกรมคลังก็ยังขาดดุล ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!”“หากมอบแผ่นดินนี้ไว้ในมือเจ้า เราจะวางใจได้อย่างไร?”เสียงตำหนิติเตียนประโยคแล้วประโยคเล่า ดังก้องอยู่ในหูฉินหมิงยืนนิ่งอยู่กลางท้องพระโรงจินหลวนเหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องล่าง ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์บ้างก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น บ้างก็ก้มหน้าถอนหายใจความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาในหัว เขาทะลุมิติมาแล้วชาติที่แล้ว เขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาฟิสิกส์ อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจเขียนบทความลงในวารสารชั้นนำ แต่กลับถูกอาจารย์ที่ปรึกษาขโมยผลงานไปเปลี่ยนชื่อผู้เขียนยื่นเรื่องร้องเรียนก็ไม่เป็นผล แถมยังถูกกลั่นแกล้งสารพัด จนอายุสามสิบกว่าแล้วก็ยังเรียนไม่จบสุดท้ายก็เก็บความอัดอั้นตันใจไว้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนป่วยตายอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เมื่อมาถึงราชวงศ์ต้าเฉียน ในชาตินี้เขาคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ในฐานะผู้สืบทอดจักรวรรดิในอนาคต ชีวิตของเขาควรจะรุ่งโรจน์โชติช่วงและยิ่งใหญ่เ
Read more

บทที่ 2

“ทุกท่านอย่าได้ขัดขวางเลย ขุนเขาและสายน้ำยังมีวันบรรจบกัน วันหน้าย่อมมีโอกาสได้พบกัน ขอให้เป็นไปตามนี้เถิด”ฉินหมิงหันหลังกลับ ก้าวออกจากพระราชวังไปเมื่อมองแผ่นหลังที่แน่วแน่และเด็ดเดี่ยวนี้เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉ รวมถึงกลุ่มขุนนางตงฉินอีกหลายคนต่างเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง ขอบตาแดงก่ำส่วนขุนนางบางคน สายตากลับเปล่งประกาย ในใจรู้สึกยินดีเมื่อองค์รัชทายาทจากไป ในราชสำนักนี้ ก็เท่ากับศัตรูคู่อาฆาตลดลงไปหนึ่งคนชีวิตของพวกเขาก็จะสบายขึ้นอีกมาก!เซียวซูเฟยที่อยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้เฉียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่แสดงอาการเสียใจใด ๆ ให้เห็นตรงกันข้าม กลับมีความรู้สึกโล่งใจราวกับแผนการอันชั่วร้ายสำเร็จลุล่วงนางรอคอยวินาทีนี้มานานเกินไปแล้ว!เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย เส้นทางในอนาคตของเจ้าเก้าย่อมราบรื่นไร้อุปสรรค!“กรมพิธีการ ร่างราชโองการ!”ฮ่องเต้เฉียนเสด็จกลับมายังท้องพระโรง และมีรับสั่งโดยตรง“ในเมื่อมิใช่องค์รัชทายาทแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่ต้องมีผู้ใดไปส่ง!”ฉินหมิงเป็นถึงองค์ชาย ตามราชประเพณีแล้ว การเดินทางไปยังที่ดินศักดินาเพื่อรักษาการณ์ชายแดนนั้น จำเป็นต้องมีขุนนางไปส่งแต่เห็นได้ชัดว่าตอ
Read more

บทที่ 3

ภายในจวนองค์รัชทายาท ฉินหมิงนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ อยู่ในห้องโถง จ้าวสี่ขุนนางของกรมพิธีการแสดงสีหน้าราวกับคางคกขึ้นวอ พลางถ่ายทอดราชโองการของฮ่องเต้เฉียน “ฝ่าบาทตรัสว่า หากองค์ชายจะไปยังหลิ่งหนาน ก็ให้พาคนทั้งหมดในจวนไปด้วยกัน จวนองค์รัชทายาทก็ต้องย้ายออก...” “ที่หลิ่งหนานมีกองทัพรักษาการณ์ชายแดนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเกณฑ์คนจากเมืองหลวงไปอีก” “อ้อ จริงสิ ยังมีเรื่องพระราชพิธีอีกนะพ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากท่านเป็นฝ่ายร้องขอไปรักษาการณ์ชายแดนด้วยตนเอง ราชสำนักไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อน พวกเราจึงจัดการทุกอย่างให้เรียบง่ายที่สุด พิธีการที่ขุนนางทั้งหลายต้องมาส่งเสด็จก็ให้งดเว้นไป...” จ้าวสี่คือหนึ่งในศัตรูคู่อาฆาตในราชสำนักของฉินหมิง เพื่อที่จะแก้แค้นฉินหมิง เขาทุ่มเทความพยายามไปไม่น้อย จนในที่สุดก็ได้โอกาสจากในมือของโจวหลี่ มาดูหมิ่นฉินหมิงด้วยตนเองถึงที่นี่ แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาก็คือ ฉินหมิงเพียงแค่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าถึงกับปรากฏความคาดหวังอยู่หลายส่วน “พูดจบหรือยัง?” “จบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวสี่ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ ภาพที่เข
Read more

บทที่ 4

ฝูงชนที่มุงดูอยู่โดยรอบต่างส่งเสียงอุทานด้วยความตกตะลึง!“เขาจะแต่งจริง ๆ หรือ!?”“หากองค์ชายแต่งงานครั้งนี้ ในอนาคตก็ยากที่จะดึงกองกำลังอื่นมาช่วยเขาได้แล้ว”“นั่นสิ อย่างน้อยก็น่าจะหาบุตรสาวของขุนนางใหญ่สักคน เช่นนี้แล้วในอนาคตก็ยังพอจะมีกำลังสนับสนุนอยู่บ้าง”ใบหน้าของกวนเยว่เต็มไปด้วยความลังเล ความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ก็จางหายไปไม่น้อยอันที่จริงนางไม่รู้เลยว่า หลังจากที่ฉินหมิงได้เห็นนางแล้ว เขาก็ไม่ลังเลเรื่องการแต่งงานอีกต่อไปก็แค่แต่งงาน จะมีเรื่องอะไรมากมายนักไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องไต่เต้าเกาะผู้มีอำนาจ ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย หรือต้องคิดหน้าคิดหลังเสียหน่อย ชาตินี้ ฉินหมิงขอเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ไม่ให้เสียชาติเกิดก็พอ!“องค์ชาย ขอบพระทัยที่ทรงช่วยหม่อมฉันแก้ไขสถานการณ์ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องสงสารตระกูลกวน”กวนเยว่มองไปยังฉินหมิงอย่างลังเล ท่าทีไม่ได้โกรธเกรี้ยวเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป“ใครสงสารเจ้า?”“เจ้าคิดว่า ข้าอยากจะแต่งงานกับเจ้า เพราะสงสารตระกูลกวนอย่างนั้นหรือ?”“แต่ข้าก็จะต้องไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนานแล้ว เจ้าไม่กลัวหรือ?”ฉินหมิงเหลือบมอ
Read more

บทที่ 5

บนใบหน้าของจ้าวสี่เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจแทบอยากจะปรบมือเฉลิมฉลองการลงโทษของฉินหมิงในตอนนี้เลยทีเดียวขุนนางหลายคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเซียวซูเฟย ต่างก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อองค์รัชทายาทไปยังหลิ่งหนานแล้ว คาดว่าคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกการที่ศัตรูตัวฉกาจในราชสำนักลดลงไปหนึ่งคน ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคนแต่ในขณะนั้นเอง อัครมหาเสนาบดีเฉินซื่อเม่าก็ขมวดคิ้วแล้วก้าวออกมา“ฝ่าบาท เรื่องนี้ยังไม่ได้ผ่านการไต่สวน จะอาศัยเพียงคำพูดฝ่ายเดียวของพวกเขา มาตัดสินพระทัยเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้เฉียนพลันรู้สึกว่าตนเองเสียหน้า จึงตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เฉินซื่อเม่า เจ้ากำลังจะบอกว่าฉินหมิงไม่ได้ลงมือหรือ?”“ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ ควรจะไต่สวนให้แน่ชัดก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินพระทัย มิเช่นนั้นจะดูผลีผลามเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”ใบหน้าของเฉินซื่อเม่าไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขากล่าวอย่างไม่นอบน้อมแต่ก็ไม่อวดดีจนเกินไป“บังอาจ!”“การทำร้ายคนเป็นเรื่องจริง การก่อความวุ่นวายบนท้องถนนก็เป็นเรื่องจริง นี่มิใช่ว่าเจ้าลูกทรพีนั่นเก็บความแค้นไว้ในใจ จงใจทำให้
Read more

บทที่ 6

วันรุ่งขึ้น ณ ท่าเรือขนส่งทางน้ำนอกเมืองหลวงเรือสินค้าจากขบวนเรือหนานหยางหลายร้อยลำจอดเทียบท่าอยู่ที่นี่ระยะห่างระหว่างเรือแต่ละลำมีเพียงหนึ่งจั้ง แทบจะเรียกได้ว่าเบียดชิดติดกันจ้าวสี่มองจากระยะไกล ยังกลัวว่าพวกมันจะเผลอไปขูดขีดกันเข้า“คนเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”เขาพึมพำพลางเดินเข้าไปข้างหน้า ถือรายการสินค้าของปีนี้ จากนั้นขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นลูกน้องสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ รีบกล่าวว่า“ใต้เท้า จำนวนก็ประมาณนี้มาตลอดขอรับ”“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ข้าจะเจรจาเรื่องราคาสินค้าที่ต้องการกับพวกเขาเอง”“ขอรับ!”ขุนนางที่รับผิดชอบการขนส่งทางน้ำชื่อว่าลู่โหย่ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างนอบน้อม แล้วสั่งให้ลูกน้องรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลของกองคาราวานสินค้ามารวมตัวกันหลังจากดูรายการราคาสองสามรอบลูกตาของจ้าวสี่ก็กลอกไปมา แผนการหนึ่งผุดขึ้นในใจ เขาจึงเอ่ยถามลู่โหย่ว“ข้าขอถามเจ้าหน่อย ของสิ่งนี้เคยให้พวกเขาดูแล้วหรือยัง?”“ยังเลยขอรับ ใต้เท้า”“เช่นนั้นแล้วรายการพวกนี้ เจ้ามีสำเนาหรือไม่?”“มีขอรับ พวกเราต้องเก็บสำเนาไว้ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบบัญชี”จ้าวสี่ลูบคางพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ
Read more

บทที่ 7

“องค์ องค์ชาย...?”ฉางไป๋ซานถึงกับตกตะลึงนี่มันไม่เหมือนกับบทที่เขาคาดคิดไว้เลยนี่นาในสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายไม่ควรจะพลิกสถานการณ์ กอบกู้การค้าของต้าเฉียนให้พ้นจากวิกฤต เพื่อได้รับคำชื่นชมจากราษฎรและรางวัลจากราชสำนักหรอกหรือ?“พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”ฉินหมิงไม่รีบร้อนเรื่องของราชสำนัก แต่เรื่องระหว่างเขากับเสี่ยวชุ่ยนั้นรีบมากวันนี้จะสั่งสอนแม่นางน้อยคนนี้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้วแต่ฉางไป๋ซานกลับเป็นพวกหัวรั้นอย่างแท้จริงเขาทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ“องค์ชาย หากท่านไม่ยื่นมือเข้าช่วย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าต้าเฉียนจะต้องสูญเสียเงินนับสิบล้านตำลึงนะพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินหมิงจ้องมองเขา ในตอนนี้อยากจะชกหน้าฉางไป๋ซานสักหมัดจริง ๆ ดูเหมือนจะรู้ว่าการที่ตนเองอยู่ที่นี่ จะรบกวนการสนทนาระหว่างฉินหมิงกับฉางไป๋ซานเสี่ยวชุ่ยรู้สึกกลัวเล็กน้อยนางลุกขึ้นยืนอย่างขัดขืนเล็กน้อย คิดจะถอยไปอยู่ข้าง ๆ ฉินหมิงปล่อยมือ แล้วประคองฉางไป๋ซานให้ลุกขึ้น“เจ้าพูดถูก ไปสืบความเคลื่อนไหวที่ท่าเรือก่อน มีสถานการณ์ใด ๆ ให้รีบแจ้งข้าทันที”ดวงตาของฉางไป๋ซานเป็น
Read more

บทที่ 8

“พ่ะย่ะค่ะ”หัวหน้าขันทีซุนเหลียนอิงรับคำแล้วรีบหันหลังเดินซอยเท้าถี่ ๆ นำคนออกจากวังไปเชิญฉินหมิงฉินหมิงในฐานะองค์รัชทายาท เดิมทีที่พำนักของเขาควรจะอยู่ที่ตำหนักบูรพาแต่เมื่อหลายปีก่อนเพราะลมปากของเซียวซูเฟยฮ่องเต้เฉียนจึงลำเอียง โดยอ้างเหตุผลว่าองค์รัชทายาทโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนในวังอีกต่อไปให้เขาย้ายออกจากตำหนักบูรพา เพื่อให้องค์ชายเก้า จิ้นอ๋องฉินเยว่ที่ยังทรงพระเยาว์ได้ประทับอยู่แทนอ้างว่าเพื่อความสะดวกในการศึกษาเล่าเรียนแต่ใคร ๆ ก็รู้ดีว่า ต่อให้องค์ชายจะยังทรงพระเยาว์และต้องศึกษาเล่าเรียน ราชวงศ์ก็มีที่พำนักเฉพาะจัดเตรียมไว้ให้อยู่แล้วเหตุใดจะต้องไปใช้ตำหนักบูรพาด้วย?ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมมองออกว่า นี่เป็นเพียงการหยั่งเชิงเหล่าขุนนางของเซียวซูเฟยผู้มีจิตใจคับแคบเท่านั้นองค์รัชทายาทในตอนนั้นช่างโอบอ้อมอารี ไม่ได้ใส่ใจกับขนบธรรมเนียมอันซับซ้อนเหล่านี้จึงได้สละตำหนักบูรพาให้อย่างใจกว้างส่วนตนเองก็ไปหาจวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวงซึ่งก็คือสถานที่ที่ฉินหมิงอาศัยอยู่หลังจากที่มาถึงโลกใบนี้ก็เพราะการจัดการเช่นนี้ จึงทำให้การรอคอยในวันนี้ยาวนานเป็น
Read more

บทที่ 9

“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”ฮ่องเต้เฉียนทรงปฏิเสธเขาอย่างหนักแน่นค่ายทหารอู่เวยเดิมทีก็เป็นกองกำลังทหารชั้นยอดของราชสำนักอยู่แล้วแม้ว่าจะสูญเสียกำลังพลไปมาก หลังจากติดตามแม่ทัพใหญ่อู่เวยออกรบและหลังจากที่เขาเสียชีวิตก็ไม่ได้มีการขยายกำลังพลเพิ่มแต่กองกำลังชั้นยอดเช่นนี้ จะตกไปอยู่ในมือของฉินหมิงไม่ได้“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินหมิงไม่พูดจาไร้สาระอีก เพียงประสานมือคารวะต่อฮ่องเต้เฉียนแล้วกล่าวว่า“เสด็จพ่อ ลูกร่างกายไม่ค่อยสบาย ขอทูลลาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงงานต่อไปเถิด”พูดจบก็เดินจากไปสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนดูย่ำแย่ยิ่งนักส่วนเฉินซื่อเม่ากลับมองดูทั้งหมดนี้อย่างพึงพอใจแม้ว่าองค์รัชทายาทจะยังไม่ได้กลับคืนสู่ราชสำนักแต่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้ระบายความโกรธออกมาหลายปีมานี้ฮ่องเต้เฉียนทรงปฏิบัติต่อฉินหมิงอย่างลำเอียงเกินไปจริง ๆ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็เห็นกันอยู่กับตาบัดนี้ ฉินหมิงไม่มีนิสัยที่ใจกว้างจนยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างอีกต่อไปแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี“หยุดนะ!”ฮ่องเต้เฉียนเห็นฉินหมิงกำลังจะจากไป ก็รีบเรียกเขาไว้ทันที“เสด็จพ่อ ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ
Read more

บทที่ 10

“ฮูหยินเฉิน”ฉินหมิงเข้ามาภายในจวนตระกูลกวน กล่าวทักทายฮูหยินเฉินอย่างสุภาพอันที่จริงตามธรรมเนียมของต้าเฉียน นางเฉินแต่งเข้าตระกูลไหน ก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลนาง ตอนนี้ควรจะเรียกว่าฮูหยินกวนแต่ตอนนี้ตระกูลกวนท่านนั้นได้พลีชีพในสนามรบไปแล้วนางเฉินต้องค้ำจุนตระกูลด้วยตนเอง ดังนั้นจึงเรียกนางว่าฮูหยินเฉินโดยตรง“องค์ชายมาที่นี่ในวันนี้ มีธุระหรือเพคะ?”นางเฉินเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย นางเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับฉินหมิงมานานแล้วรู้ว่านี่คือเด็กหนุ่มที่มีความสามารถแต่เมื่อได้เห็นฉินหมิงในวันนี้ นางก็เริ่มสงสัยข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมาบ้างเด็กหนุ่มตรงหน้านางผู้นี้ ดูท่าทางไม่เอาไหนแม้ว่าจะพยายามแสร้งทำเป็นปกปิด แต่กลิ่นอายของอันธพาลที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ข้าเป็นใหญ่ไม่เกรงกลัวใครก็ยังคงแผ่ซ่านออกมานี่คือองค์รัชทายาทผู้ปกครองบ้านเมืองอย่างมีหลักการ และเป็นที่รักของเหล่าขุนนางอย่างนั้นหรือ?ท่าทางเช่นนี้ ยากที่จะทำให้ผู้ใหญ่ชื่นชอบได้นางเฉินจึงมีอคติต่อองค์ชายที่อาจจะได้มาเป็นลูกเขยของตระกูลกวนเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน“ใช่แล้ว แต่เรื่องนี้อาจจะยังบอกท่านไม่ได้ คุณหนูกวนอย
Read more
PREV
123456
...
10
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status