Semua Bab ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว: Bab 51 - Bab 60

100 Bab

บทที่ 51  

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องเร่งหาช่างฝีมือมาให้ได้จำนวนหนึ่งก่อน เพื่อไปพัฒนาหลิ่งหนาน คนที่เขาเรียกมาแน่นอนว่ามีไม่มาก ความจริงแล้วมีเพียงเฉินซื่อเม่า เฉียนไฉ และตู๋เซิงสามคนเท่านั้น แต่ไม่คาดคิดว่า ฟางชิงหย่วนจะมาด้วย “อ้อ เช่นนี้เองหรือ” เฉียนไฉผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลั้วหัวเราะกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วน มิได้ต่อว่าด่าทออะไรออกมาอีก ฉินหมิงเอ่ยถามเฉินซื่อเม่าว่า “ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงพาผู้เฒ่าฟางมาด้วยหรือ” ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์วุ่นวายมาก ฟางชิงหย่วนในเวลานี้ก็ถูกเซียวซูเฟยจับตามอง ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดปัญหาได้ง่ายขึ้นมาก ฉินหมิงกังวลใจ ฟางชิงหย่วนอาจถูกลูกหลงและอาจถูกเพ่งเล็งเพราะมาพบเจอตนเองในวันนี้ได้ เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉหาได้สนใจสนใจไม่ ในเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองและฉินหมิงใครต่างก็รู้กันดี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังดำรงตำแหน่งสำคัญ ใครกล้าเล่นงานพวกเขา ตนเองต้องใคร่ครวญให้รอบคอบเสียก่อน เฉินซื่อเม่าจิบน้ำชาหนึ่งคำ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเนิบช้า “ชิงหยวนระยะนี้อยู่ที่เมืองหลวงต่อไปไม่ได้แล้ว ท่านพาเขาเดินทางไปด้วยเถิด” ในช่วงเข้าเฝ้าย
Baca selengkapnya

บทที่ 52  

เมื่อสองวันก่อนภายในค่ายทหารอู่เวย การแสดงของเฉาชวนทำให้ฉินหมิงวางใจมาก เขายึดหลักการที่ว่าหากสงสัยคนจงอย่าใช้ หากใช้คนแล้วจงอย่าสงสัย หลังจากผ่านบททดสอบครั้งนี้ ฉินหมิงก็มิได้ระแวงเขาอีก อีกทั้งยังมอบหมายหน้าที่สำคัญจำนวนหนึ่งให้เขารับผิดชอบด้วย แต่อย่างไรก็ดีทั้งหมดนี้ที่ฉินหมิงได้วางแผนไว้ ต้องรอให้เขาเดินทางออกไปจากเมืองหลวงก่อน ถึงจะสามารถดำเนินการอย่างลับ ๆ ได้ เขาหวังจะร่ำรวยยิ่งใหญ่อย่างเงียบเชียบ แบบนี้ถึงจะไม่เป็นที่สนใจของคนอื่นมากเกินไป “ใต้เท้าตู๋” เฉาชวนเอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพนอบน้อม ตู๋เซิงพยักหน้าพร้อมยิ้มให้เขาเชิงทักทายเช่นกัน “ข้าจะเดินทางพรุ่งนี้แล้ว” เมื่อเห็นว่าเรื่องสุดท้ายจัดการเรียบร้อยดีแล้ว ฉินหมิงจึงกล่าวคำอำลากับพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย ณ ที่ตรงนี้ เฉียนไฉวางตะเกียบลง สืบเท้าไปถึงเบื้องหน้าฉินหมิงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้ามือของเขามากุมไว้พร้อมเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง…ท่านจะกลับมาหรือไม่?” “หลังจากนี้ไว้ท่านเกษียณราชการหวนคืนสู่บ้านเกิด จะแวะไปเยี่ยมเยือนข้าที่นั่นก็ย่อมได้” ฉินหมิงยิ้มพลางผลักเขาออกเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวและเดินออกไป แต่แ
Baca selengkapnya

บทที่ 53  

ฉินหมิงส่ายศีรษะค่อย ๆ น้ำเสียงผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ตอนนี้เอง หลิวฉ่วงพลันคุกเข่าลงอย่างเสียงดังต่อหน้าฉินหมิง “ท่านอ๋อง กระหม่อมผิดไปแล้ว!” ชายป่าเถื่อนคนนี้แม้แต่ตอนขอโทษ ท่าทียังกร่างกล้าอวดดีไม่มีเปลี่ยน หวู่ชิงเหย่เองก็คุกเข่าลงกับพื้นเช่นกัน “ท่านอ๋อง ท่านช่วยเหลือค่ายทหารอู่เวยมามากมาย พวกกระหม่อมไม่สมควรสงสัยในตัวท่านเลย” “ช่างเถิด ลุกขึ้นได้แล้ว” ฉินหมิงโบกมือ “ในเมื่อพวกเจ้ารู้สำนึกผิดก็ดีแล้ว ข้าก็หวังว่าจากนี้พวกเจ้าสองคนจะยอมรับฟังคำสั่ง” “ขอรับ ท่านมีคำสั่งใด ๆ โปรดสั่งการอย่างเต็มที่ขอรับ” “จริงหรือ?” ฉินหมิงยิ้มกริ่มพลางมองประเมินทั้งสองคน “จริงขอรับ!” “ดี เร็ว ๆ นี้ข้าเตรียมจะปฏิรูปค่ายทหารอู่เวย ให้กลายเป็นกองกำลังก่อสร้าง” …… ฉินหมิงมอบหมายหน้าที่ให้ทั้งสองคนเสร็จสรรพ พอเห็นพวกเขาสองคนสีหน้ามึนงง ประดักประเดิดทำตัวไม่ถูก ก็เรียกฉางไป๋ซานมาส่งแขกออกจากจวน ท้องฟ้ามืดลงแล้ว นี่จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ในเมืองหลวง ฉินหมิงกินข้าวไปนิดหน่อยโดยมีสาวใช้สองสามคนอยู่เฝ้ารับใช้ จากนั้นก็ออกจากจวน เดินเล่นเตร็ดเตร่ในเมืองหลวง เดินไปเรื่อย ๆ ผ
Baca selengkapnya

บทที่ 54  

“แน่นอน ท่านเอาไปได้เลย” กวนเยว่ไม่รู้แผนการของฉินหมิง แต่ไม่ว่าอย่างไร หากได้เป็นอ๋องผู้ครองหัวเมืองของทางนั้นแล้ว แผนที่ย่อมเป็นของสำคัญอย่างแน่นอน “สมกับเป็นภรรยาที่แสนดีของข้า” ฉินหมิงปลื้มปริ่มในใจ ดึงมือของกวนเยว่มากุมไว้ก็เอ่ยชื่นชมนางพร้อมรอยยิ้ม “ใครเป็นภรรยาที่แสนดีของท่านกัน? ท่านยังมิได้ส่งเกี้ยวแปดหามมาสู่ขอข้าสักหน่อย” “เรื่องนี้มิต้องรีบร้อย ไว้ข้าลงหลักปักฐานในหลิ่งหนานให้มั่นคงก่อน หาเงินให้ได้แล้ว ข้าจะรับเจ้ามาเป็นภรรยาแน่” ฉินหมิงที่มือซุกซนอยู่ไม่นิ่ง แอบเอื้อมไปโอบไหล่ของกวนเยว่ไว้ กวนเยว่สะบัดหนีแค่ไม่กี่ที ก็มิได้ขยับตัวแล้ว หลังจากเงียบงันอยู่นานครู่ใหญ่ กวนเยว่ก็เอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ข้าได้ยินว่าเซียวฉีเหนียนผู้ว่าการเมืองเหลียงกว่าง เป็นญาติห่าง ๆ ของเซียวซูเฟย” “แค่นี้ยังต้องเดาด้วยหรือ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์หลังจากได้อำนาจ ต่อให้เป็นสุนัขในเรือนของสกุลเซียว นางก็พร้อมจะจัดแจงให้เข้ามากินเสบียงหลวงในราชสำนักแล้ว” ได้ยินว่าอีกฝ่ายสกุลเซียวเหมือนกัน ฉินหมิงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย “ท่านไม่กลัวหรือ?” “กลัวสิ เพราะแบบนี้ถึงต้องให้เจ้ามาปกป้องข้า”
Baca selengkapnya

บทที่ 55  

หลังจากฉินหมิงเดินออกไปแล้ว เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นมา นางเฉินทอดสายตามองไปยังเรือนของกวนเยว่ที่อยู่ติดกันด้วยความอาลัย ถอนหายใจเฮือกหนึ่งพลางเดินไปที่ศาลา กลับเห็นขนมอบสองห่อ ห่อหนึ่งถูกเปิดออกแล้ว อีกห่อยังคงปิดสนิทในสภาพดี มองจากห่อที่ถูกเปิดออกก็เห็นทันที ขนมพวกนี้ล้วนเป็นขนมที่ตนเองโปรดปรานทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินหมิงแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนทักทายหลายครั้ง ได้แอบจดจำรสชาติที่นางเฉินโปรดปรานไว้ในใจ วันนี้ตั้งใจนำมาให้โดยเฉพาะ “เจ้าเด็กตัวเหม็น นับว่าเจ้ายังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง” นางเฉินเก็บเศษขนมบนโต๊ะ ปากก็บ่นพึมพำไปด้วย …… เช้าตรู่วันถัดมา ฉินหมิงตื่นนอนเช้ามากทีเดียว เพราะวันนี้เป็นวันที่โรงแลกเงินจะเข้ามารับเรือน นับจากวันนี้ ที่นาและบ้านเรือนในเมืองหลวงของเขาจะต้องถูกส่งคืนทั้งหมดแล้ว ฉางไป๋ซานนำผู้คุ้มกันกว่าร้อยคน มารอฉินหมิงที่หน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้เรียบง่ายยิ่งนัก แค่ไปที่ค่ายทหารและนำกองทัพของสามหน่วยพิทักษ์และค่ายอู่เวย มุ่งหน้าไปยังหลิ่งหนาน วันนี้มิใช่วันเข้าเฝ้า แต่ก็ไม่มีใครมาส่งฉินหมิงเช่นกัน เพราะฮ่องเต้เฉียนทรงมีพระ
Baca selengkapnya

บทที่ 56  

ฉินหมิงพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ ดูเหมือนนอกจากบิดาที่ไม่ได้อยากมีคนนั้นแล้ว ความเหน็ดเหนื่อยที่ตนเองตรากตรำทำงานให้ราชสำนักมาหลายปี ยังพออยู่ในสายตาของใครหลาย ๆ คนบ้าง “ขอบใจทุกท่านยิ่งนัก” เขามิได้แสดงท่าทีถ่อมตัว แต่เดินลงมาจากรถม้าอย่างมั่นใจ ประสานมือคารวะต่อขุนนางทุกคน ณ ที่ตรงนั้น ด้วยวันนี้เป็นการอำลาส่วนตัว บรรดาศัตรูคู่อาฆาตของฉินหมิง รวมถึงขุนนางฝ่ายเซียวซูเฟยจึงมิได้มาร่วมส่ง ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่บนท้องถนนก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บางคนมิใช่ขุนนางด้วยซ้ำ เป็นแค่ข้าราชการชั้นผู้น้อยเท่านั้นเอง “กินอิ่มแล้ว ออกไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า” ท่ามกลางฝูงชน เฉินซื่อเม่ากลั้วหัวเราะพลางหยัดกายขึ้นยืน ถึงราชสำนักจะให้พิธีส่งอำลาไม่ได้ แต่เขาให้ได้ ขุนนางที่อยู่ด้านหลัง แต่ละคนทยอยวางถ้วยชาในมือและตะเกียบลง เดินตามขบวนรถไปด้วยความสมัครใจ มองดูบรรยากาศครึกครื้นนี้แล้ว ฉินหมิงพลันนึกประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ อย่ากังวลหากทางข้างหน้าไร้คนรู้ใจ ในใต้หล้าใครเล่าไม่รู้จักท่าน กวนเยว่คล้องแขนฉินหมิงไว้ ผุดยิ้มอย่างปลาบปลื้มยินดียิ่งกว่าเขาเสียอีก “ฉินอ๋องของหม่อมฉ
Baca selengkapnya

บทที่ 57  

เซียวฉีเหนียนผู้ว่าการหูกว่าง เป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายมารดาญาติห่าง ๆ ของเซียวซูเฟย เซียวซูเฟยรับจดหมายมาและกวาดตาอ่านไปสองที ในใจยิ่งเกิดความสงสัย “เขตหูกว่างที่เขาปกครองอยู่ตอนนี้เกิดโรคระบาด? เรื่องงี่เง่าพรรค์นี้เอามาบอกกับข้าจะมีประโยชน์อะไร ให้ราชสำนักจัดสรรเงินให้เขาไปปราบปรามก็สิ้นเรื่องแล้ว!” “มิใช่ขอรับ พระสนม โรคระบาดนี้สามารถแพร่กระจายได้…” ขณะที่เปล่งวาจา หวังเป่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอึมครึม “เจ้าหมายถึงจะทำให้โรคระบาดนี้แพร่กระจายไปถึงเขตของฉินหมิงหรืออย่างไร?” เซียวซูเฟยเข้าใจอย่างรวดเร็ว เซียวฉีเหนียนตั้งใจส่งข่าวมาให้โดยเฉพาะ นั่นก็เพราะต้องการดูความคิดของเซียวซูเฟย อย่างไรก็ดีการกระทำเช่นนี้ จะทำให้โรคระบาดลุกลามเป็นวงกว้าง มีความเป็นไปได้มากว่าจะทำให้ผู้คนเจ็บปวดล้มตายกันนับไม่ถ้วน นี่เป็นอุบายชั่วร้ายอำมหิตชนิดที่หวังถอนรากถอนโคน และถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา เซียวฉีเหนียนเองก็ไม่กล้าแบกรับความผิด หวังเป่าเอ่ยโน้มน้าวด้วยเสียบเยียบเย็นอยู่ข้างกาย “พระสนม ส่งคนที่ติดโรคระบาดเข้าไปสักสองสามคน ความจริงก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรมาก” “กระหม่อมได้ยินว่
Baca selengkapnya

บทที่ 58  

“เรื่องอะไรหรือ?” “เกิดโรคระบาดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ หมู่บ้านกว่าสามสิบแห่งได้รับผลกระทบ แม้แต่เมืองหลินเจียงรวมถึงอำเภอในเมืองอีกหลายแห่ง ล้วนมีคนป่วยเป็นโรคระบาดทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ” “จากการตรวจสอบของพวกกระหม่อม บัดนี้บริเวณรอบเมืองหลินเจียงคนที่ป่วยเป็นโรคระบาด มีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ได้ยินเช่นนี้ หัวใจของฉินหมิงพลันหนักอึ้งขึ้นมาทันที! กองทัพยังไม่ทันได้จัดตั้งค่ายทหารนอกเมือง โรคระบาดก็เกิดขึ้นก่อนแล้ว มิหนำซ้ำยังแพร่กระจายขยายเป็นวงกว้างถึงเพียงนี้อีก แบบนี้จะไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดแค่ภายในเขตพื้นที่การปกครองของฉินหมิงด้วย หากคลี่คลายสถานการณ์นี้ไม่ได้ เกรงว่าตนเองมาถึงหลิ่งหนานครานี้ จะถูกเล่นงานถึงตายตั้งแต่ด่านแรกแล้ว “ยามนี้คนพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” “ทุกหมู่บ้านที่พบการระบาดของโรค ได้ถูกสั่งปิดตายพื้นที่เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่อนุญาตให้พวกเขาก้าวเท้าออกมาแม้แต่ก้าวเดียว” ซ่งติ้งเซิงยังคงใช้วิธีการควบคุมโรคระบาดตามแบบแผนโบราณสมัยยุคศักดินา เมื่อเกิดโรคระบาด สิ่งแรกที่ต้องทำคือการควบคุมพื้นที่ หากแพร่กระจายออกไปอีก ก็
Baca selengkapnya

บทที่ 59  

เซียวซูเฟยนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนนี้เสียสติไปแล้วจริง ๆ ถึงได้กล้าใช้วิธีขุดรากถอนโคนเช่นนี้ เกรงว่าโรคระบาดเหล่านี้ คงแพร่มาจากเขตพื้นที่ใต้การปกครองของเซียวฉีเหนียนโดยตั้งใจ พอคิดมาถึงตรงนี้ ฉินหมิงเหยียดยิ้มเย็นเยียบออกมาตรงมุมปาก อยากกลั่นแกล้งฉินหมิงให้ถึงตาย แต่นี่กลับกลายเป็นการมอบโอกาสที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าให้เขา “เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง ท่านแค่รายงานราชสำนักไปตามที่ข้าบอกก็พอ” “ว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” “จงรายงานไปว่าที่ดินสามพันหมู่ ทั้งหมดจะถูกใช้เป็นเขตกักกันและปิดตายรักษาโรค หากผู้ใดมีปัญหา จงเดินทางมาพบข้าโดยตรง” “เรื่องนี้…!” ซ่งติ้งเซิงถลึงตากว้างมองอย่างไม่อยากเชื่อ ยังมีวิธีการเจ้าเล่ห์ไร้ศีลธรรมเช่นนี้ด้วยหรือ? วันนี้นับว่าเขาได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริงแล้ว หากรายงานไปด้วยถ้อยคำเช่นนี้ ต่อให้ฉินหมิงจะกวาดที่ดินไปทั้งผืน ราชสำนักไม่มีใครกล้าเข้ามาตรวจสอบหรอก ใครก็ไม่อยากติดไข้ทรพิษทั้งนั้น “เข้าใจหรือยัง?” “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งติ้งเซิงใจฮึดสู้ รักษาม้าตายดุจม้าเป็นถึงจะไร้ซึ่งความหวังแต่ก็ต้องลองดู เพียงแต่เขาย
Baca selengkapnya

บทที่ 60

“ดูจากคุณธรรมของเจ้า ดีร้ายอย่างไรก็เป็นคนที่เคยได้รับเกียรติว่าเป็นผู้นำการบุก”ฉินหมิงกลอกตาใส่เขาไปทีหลิวฉ่วงเป็นคนกล้าหาญบ้าระห่ำ เคยได้รับเกียรติยกย่องเป็นผู้นำการบุกด้วยซ้ำไปในสนามรบบรรดาความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมีเพียงไม่กี่อย่างก็คือเป็นนำการบุกทะลวงแนวข้าศึก สังหารแม่ทัพศัตรู และการบุกชิงธงความหมายของผู้นำการบุกก็คือ การพุ่งตัวไปอยู่ด้านหน้าสุดในขณะทำศึกสงครามคนที่ไต่ขึ้นหอประตูเมืองได้โดยไม่ตาย ถึงจะได้รับเกียรติยศว่าเป็นผู้นำการบุกนี่คือวิธีเลื่อนขั้นที่เร็วที่สุดของทหารผู้น้อยที่ไม่มีเส้นสายหนุนหลัง และเป็นวิธีการที่เสี่ยงอันตรายมากที่สุดด้วยคนที่เป็นผู้นำการบุก หลังจากขึ้นไปบนหอประตูเมืองได้แล้ว สิ่งที่รอพวกเขาอยู่เบื้องหน้าคือการกระหน่ำแทงทะลวงของหอกทวนจำนวนนับไม่ถ้วน นี่ถือว่าเบาที่สุดแล้วบางครั้งอาจถูกสาดด้วยน้ำเดือดจัดหรือแม้แต่ทองหลอมร้อน ๆ หรือบางทีอาจจะถูกแผ่นไม้ที่เต็มไปด้วยตะปูแหลมทุบลงมา…ดังนั้นจึงยากนักที่จะมีคนรอดชีวิตมาได้แต่ขอแค่รอดชีวิตกลับมาได้ คุณูปการก็ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วหลิวฉ่วงเคยได้รับเกียรติยศนี้มาแล้วหลายครั้ง ถึงได้รับเลื่อน
Baca selengkapnya
Sebelumnya
1
...
45678
...
10
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status