Semua Bab อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง: Bab 121 - Bab 130

242 Bab

บทที่ 121

หึ ๆ ยังนับว่าพอมีสำนึกอยู่บ้างก็ให้อภัยท่านนาทีหนึ่งแล้วกัน“ฝ่าบาท” นางยอบกายคำนับ “หม่อมฉันต้มโจ๊กมาและนำขนมมาจำนวนหนึ่งด้วยเพคะ”ฮั่วหลินเงยหน้าขึ้น เมื่อพบว่าเป็นเจียงหวน ความเย็นชาในดวงตาก็ละลายหายไปในทันที“นั่งลง”เขาพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบช้อน แต่ถูกเจียงหวนรีบปัดออกไปอย่างรวดเร็ว“ล้างมือก่อนเพคะ”นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาชุบน้ำจนชื้น “เมื่อครู่จับฎีกามา สกปรกจะตายเพคะ”ฮั่วหลินเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็แบมือออกอย่างว่าง่ายเจียงหวนก้มลงเช็ดมือให้เขา ปลายนิ้วอุ่นร้อนของนางไล้ผ่านฝ่ามือของเขา ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่านขึ้นมา[นี่เป็นครั้งแรกที่นางเช็ดมือให้เราด้วยตนเอง เราจะจดจำ ‘ครั้งแรก’ ระหว่างเรากับนางทุกครั้งไว้][มือของนางช่างเล็กนัก รู้สึกเหมือนครู่เดียวก็กุมไว้ได้หมดแล้ว]เจียงหวนยิ้มจางๆ แล้วดันโจ๊กเมล็ดบัวตุ๋นกับดอกไป่เหอไปให้เขา “ทรงลองดูสิเพคะ วันนี้หม่อมฉันใส่น้ำผึ้งเพิ่มไปอีกหนึ่งช้อน”“ช่างใส่ใจจริงๆ”ฮั่วหลินรับช้อนมา สายตาที่ขบคิดเล็กน้อยจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางอย่างลังเล “มีอุบายอะไรหรือเปล่า”เจียงหวนกะพริบตา “ถ้ามีกลอุบาย ฝ่าบาทก็จะไม่เสวยหรือเพคะ”
Baca selengkapnya

บทที่ 122

พลบค่ำ ภายในพระราชวังสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เสียงดนตรีจากเครื่องสายและเครื่องเป่าสะท้อนกังวานอย่างไพเราะเพื่อต้อนรับคณะทูตจากแคว้นเพื่อนบ้าน ทางวังหลวงจึงจัดงานเลี้ยงขึ้นที่ตำหนักไท่เหอ โคมไฟถูกภายในตำหนักแขวนขึ้นสูง พระสนมพร้อมด้วยเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างเข้านั่งประจำที่กันตามลำดับเจียงหวนนั่งบนแท่นประทับถัดจากฮั่วหลิน ขณะที่พระสนมเจียนั่งบนแท่นอีกขั้น“คณะทูตของโม่เป่ยมาถึงแล้ว—”พร้อมกับเสียงร้องแหลมสูงของขันที คณะทูตในชุดแปลกตากลุ่มหนึ่งก็ค่อยๆ เข้าสู่ตำหนักองค์หญิงผู้นำขบวนสวมชุดระบำสีแดงเพลิง ผ้าคลุมหน้าโปร่งบางปิดบังดวงหน้าของนางเกือบทั้งหมด เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่แต่งแต้มไว้อย่างวิจิตรบรรจงในยามดวงเนตรแลเหลียวช้อนมองมา ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดจิตวิญญาณ ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนกว่าครึ่งในตำหนักไปทันที“ช่างเป็นสตรีที่งดงามอย่างหาได้ยากนัก” ด้านล่างมีขุนนางใหญ่ทอดถอนใจเสียงเบาด้วยความชื่นชม“ผ้าคลุมครึ่งหน้ายิ่งเพิ่มเสน่ห์อันลึกลับให้นาง” อีกคนกล่าวเสริม[เหอะ ทำเป็นลึกลับ]ท่ามกลางเสียงชื่นชม เสียงแฝงไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของเจียงหวนอย่างชัดเจน
Baca selengkapnya

บทที่ 123

ส่วนทางเจียงหวน นางกำลังต่อสู้กับเจ้าลูกเหอเถา [1] เปลือกบางลูกหนึ่งอยู่นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ออกแรงที่มืออย่างหนัก แต่ผลที่ได้ก็คือเปลือกของเจ้าเหอเถาก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยนางเคยดูการร้องเพลงเต้นระบำมามากจนไม่อาจทำให้นางสนใจได้แล้วแต่กับเจ้าเหอเถานี่ นางไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการมันไม่ได้!เจียงหวนไม่พูดอะไร นางเพิ่มแรงอย่างไม่ยอมแพ้ ตั้งใจเพียงหาวิธีแกะเปลือกลูกเหอเถาเท่านั้นอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วที่บอบบางของนางถูกถากเป็นรอยแดงขึ้นมาหลายสาย ทว่าเปลือกเจ้าเหอเถานั่นก็ยังคงปิดสนิทดังเดิม[บ่าวพวกนี้ทำงานกันอย่างไรนะ? ไม่รู้จักปอกของมีเปลือกพวกนี้ออกก่อนหรือไง?][มือน้อยๆ นั่นแดงหมดแล้ว][เจ้าเหอเถานั่นก็เหมือนกัน ไม่รู้ความเอาเสียเลย ไม่รู้จักเปิดเปลือกเองหรือไง?]ในหัวของเจียงหวนเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามพี่ชาย ท่านคิดว่านี่เป็นหอยกาบ ต้มสุกแล้วก็จะเปิดออกเองเหรอ?วินาทีถัดมา มือใหญ่ที่เรียวจนเห็นกระดูกข้อต่อได้ชัดเจนก็ยื่นออกมาคว้าเหอเถาไปจากมือนางนิ้วของฮั่วหลินจับเหอเถาไว้แล้วบีบเบาๆ เปลือกของเจ้าเหอเถาก็แตกออกแล้วปลายนิ้วของเขาดีดเศษเปลือกที่หลงเหลืออยู่ออกไ
Baca selengkapnya

บทที่ 124

นิ้วเรียวยาวของฮั่วหลินรับถ้วยจอกทองคำมา สีหน้ายังคงเปล่งความน่าเกรงขามของผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน[เฮ้อ ไม่อยากดื่มเลย! เรายุ่งจนมึนหัวไปหมด แถมยังต้องแบ่งเวลามางานเลี้ยงอีก หากทำให้เราหงุดหงิดขึ้นมา ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมากนะ!][แล้วองค์หญิงผู้นี้ดวงตาเป็นตะคริวหรือไร? เหตุใดจึงเอาแต่กะพริบตาอยู่ได้?][ยังมีเล็บนั่นอีก ทาเสียแดงขนาดนั้น ราวกับผีสาวก็ไม่ปาน]เจียงหวนเกือบสำลักเมล็ดเหอเถา นางอ้าปากค้างอย่างไร้สุ้มเสียงทว่าจะมากน้อย ภายในใจก็รู้สึกโล่งใจอยู่บ้างเพราะถึงอย่างไรผู้ชายที่ทึ่มทื่อ ก็ดีกว่าผู้ชายที่มั่วไปทั่วเหมือนแอร์ส่วนกลางอยู่แล้ว“องค์หญิงเกรงใจเกินไปแล้ว” ฮั่วหลินยกจอกทองคำขึ้นมาทำท่าแตะริมฝีปากพอเป็นสัญลักษณ์แล้ววางลง“ความจริงใจของโม่เป่ย เราขอรับไว้แล้ว”ทว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่อายีน่าหวังไว้ แววตาของนางปรากฎความขุ่นเคืองวาบผ่าน ขณะที่นางกำลังจะกล่าวสิ่งใดนั่นเอง ราชครูของโม่เป่ยก็ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสื้อคลุมสีดำตลอดร่างของเขาโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษภายใต้แสงไฟ“ฝ่าบาท” เสียงของราชครูแหบพร่าราวถูกขัดด้วยกระดาษทราย มีสำเนียงต่างแคว้นอันเข้มข้นเขาโค้งคำนับ
Baca selengkapnya

บทที่ 125

“หนานจวิ้นอ๋องกระตือรือร้นเช่นนี้ หรือว่า...”เขาจงใจหยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อช้าๆ ว่า“...จวิ้นอ๋องจะมีใจต่อองค์หญิง? หากเป็นเช่นนั้นจริง เราก็ยินดีช่วยให้สมปรารถนา ช่วยประทานสมรสให้จวิ้นอ๋องและองค์หญิง”คำพูดนี้ของฮั่วหลินเมื่อกล่าวออกมา ก็เป็นดั่งการโยนหินยักษ์ลงสู่ทะเลสาบอันเงียบสงบรอยยิ้มบนใบหน้าของหนานจวิ้นอ๋องแข็งค้างไปในเสี้ยววินาที ในก้นบึ้งของดวงตามีความตะลึงงันวาบผ่านอย่างรวดเร็วทว่าถึงอย่างไรเขาก็อยู่ในราชสำนักมานานหลายปี การพลั้งเผลอจนเสียกิริยาจึงเป็นเพียงช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น“กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”เขาถอยหลังไปครึ่งก้าว ค้อมคำนับฮั่วหลินอย่างต่ำ“กระหม่อมมีเพียงความเคารพนับถือในตัวองค์หญิงเท่านั้น ไม่มีทางคิดเกินเลยอย่างไม่เหมาะสมเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”“ที่กระหม่อมกล่าวไปเมื่อครู่ ทุกถ้อยคำล้วนเพื่อฝ่าบาทและประเทศชาติ และเพื่อความสุขสวัสดิ์ของประชาชนทั้งสองแคว้นเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงทรงเป็นดั่งไข่มุกของโม่เป่ย ฐานะสูงส่งหาใดเปรียบ มีเพียงฝ่าบาทที่องอาจสง่างามดุจหงส์มังกรเท่านั้นจึงจะเป็นผู้ที่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”คำพูดของเขาดูจริงใจ ท่าทางก็อ่อนน้อมถ่
Baca selengkapnya

บทที่ 126

เมื่องานเลี้ยงดำเนินไปได้ครึ่งทาง เจียงหวนก็รู้สึกว่าภายในตำหนักร้อนอบอ้าว กอปรกับดื่มเหล้าผลไม้ไปหลายแก้ว แก้มจึงร้อนผะผ่าวขึ้นมาและศีรษะก็รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยด้วยนางจึงถือโอกาสที่ฮั่วหลินสนทนากับเหล่าขุนนางเข้ามารายล้อม กระซิบกับเสี่ยวเจาว่า “ไปสูดอากาศข้างนอกเป็นเพื่อนข้าที”“เพคะ” เสี่ยวเจารับคำคนทั้งสองเดินออกไปตามทางเดินหลังตำหนักไท่เหอ จนถึงสระบัวที่เงียบสงบแห่งหนึ่งสายลมยามค่ำคืนพัดนำความสดชื่นมา เจียงหวนพลันถอนหายใจออกมาอย่างแรงนับว่ารอดมาได้เสียที!“นายหญิงน้อย ทรงช้าหน่อยสิเพคะ ระวังใต้เท้าด้วย” เสี่ยวเจาพยุงเจียงหวนที่ฝีเท้าค่อนข้างซวนเซอย่างระมัดระวัง“ว่าไปแล้ว เหล้านี่ก็แรงพอตัวเลยนะ”เจียงหวนโบกมือเบาๆ ในน้ำเสียงมีความมึนเมาอ้อแอ้ผสมอยู่เวลานั้นเอง เงาร่างที่มีกลิ่นสุราบนร่างนั้นเข้มข้นสายหนึ่ง ก็เดินโซเซมาจากอีกฝั่งของทางเดิน จนเกือบจะชนเข้ากับเจียงหวน“ผู้ใด... ผู้ใดกัน? ถึงกับกล้ามาขวางทางข้า”ผู้มาพึมพำอย่างคลุมเครือ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เผยให้เห็นใบหน้ามึนเมาเล็กน้อยที่คล้ายกับฮั่วหลินอยู่บางส่วนเป็นหนานจวิ้นอ๋อง ‘ฮั่วฉง’ นั่นเองดูเหมือนเขาจะดื่ม
Baca selengkapnya

บทที่ 127

แรงมือของฮั่วฉงนั้นแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ลมหายใจร้อนระอุระคนกลิ่นสุราพุ่งใส่ใบหน้าของเจียงหวนมืออีกข้างของเขาก็มิได้อยู่นิ่ง มันพยายามจะโอบเอวของนางหว่านผินฉวยจังหวะเหมาะรีบวิ่งเข้าไปอย่างตื่นตระหนก แล้วร้องตะโกนด้วยเสียงแหลมสูงทันทีว่า“ไอหยา! เกิดสิ่งใดขึ้นกันนี่? จวิ้นอ๋อง น้องจวงผิน พวก...พวกท่าน พวกท่านรีบปล่อยมือเร็วเข้า! นี่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเลยนะ!”ปากนางร้องตะโกน ทว่ากลับไม่มีเจตนาจะก้าวเข้าไปขัดขวางแม้แต่น้อยเมื่อเจียงหวนได้ยินเสียงและเห็นว่าหว่านผินไม่เพียงไม่ช่วย กลับยังมากระพือข่าวลืออยู่ตรงนี้อีก ก็โมโหจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างที่นี่ไม่มีคนอื่น หมอม่อที่เพิ่งลากเสี่ยวเจาออกไปเมื่อครู่จะต้องเป็นคนของหว่านผินแน่แม้นางจะเมาอยู่ แต่นางก็รู้ดีว่าหว่านผินกำลังวางแผนอะไร“หว่านผิน เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”นางอยากไปถกกับหว่านผิน ทว่าฮั่วฉงยังคงจับนางไว้เจียงหวนดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ข้อมือของนางถูกฮั่วฉงกุมไว้แน่นจนเจ็บแปลบ ความอัปยศแทบท่วมท้นหัวใจนาง“ปล่อยข้า หนานจวิ้นอ๋อง ท่านปล่อยข้านะ!”เมื่อหว่านผินที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าเจียงหวนหนีไม่พ้น ก็รีบกระซิ
Baca selengkapnya

บทที่ 128

เสียงคำรามของฮั่วหลินทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นสั่นสะท้านไปทั่วร่างฤทธิ์สุราของฮั่วฉงก็สร่างไปกว่าครึ่งในชั่วพริบตาเช่นกัน เขาปล่อยมือที่จับเจียงหวนไว้ทันทีโดยสัญชาตญาณเจียงหวนที่เสียหลักซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว ขณะที่นางกำลังจะตกลงไปในสระบัวนั่นเองก็ถูกร่างหนึ่งรับไว้อย่างฉิวเฉียด“ฝ่าบาท”เจียงหวนแหงนหน้าดวงน้อยที่แดงก่ำขึ้นมา เมื่อได้พบกับฮั่วหลิน ความอัปยศที่ถูกจวิ้นอ๋องดูหมิ่นก่อนหน้า ก็ไหลบ่าออกมาดั่งสายน้ำจากเขื่อนที่พบทางออกในที่สุดนางไม่สนใจเรื่องมารยาทอีกต่อไป ซุกหน้าลงกับอกของฮั่วหลินแล้วถูไถไปมาอย่างแรง ภายในน้ำเสียงมีความมึนเมาและความน้อยอกน้อยใจอยู่หลายส่วน“เขารังแกหม่อมฉันเพคะ”การเป็นที่อีกฝ่ายเสนอตัวเข้ามากอดรัดอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ฮั่วหลินตกตะลึงไปครู่หนึ่งยามปกติเจียงหวนเคยกล้าหาญต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้แต่เมื่อใด?เขากระชับวงแขน โอบเจียงหวนไว้ในอ้อมกอดแน่นอย่างไม่รู้ตัว เมื่อรับรู้ถึงร่างกายที่สั่นเทาของหญิงสาวในอ้อมกอด เพลิงโทสะภายในใจก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น[เจ้าฮั่วฉงที่สมควรตาย เราจะสับมันเป็นแปดชิ้น!][ทั้งหมดเป็นความผิดของเราที่มาสายเกินไ
Baca selengkapnya

บทที่ 129

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของฮั่วหลินก็ดูอันตรายยิ่งกว่าเดิมทันทีเขามองไปรอบๆ เป็นอย่างที่คาด ไม่เห็นเงาของเสี่ยวเจา“หวังเต๋อกุ้ย!” ฮั่วหลินตะโกน“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หวังเต๋อกุ้ยค้อมกายทันที“ไป หาตัวเสี่ยวเจากลับมาให้เราบัดเดี๋ยวนี้!” เสียงของฮั่วหลินไม่อนุญาตให้ปฏิเสธเมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังเต๋อกุ้ยรีบนำคนไปค้นหา และในไม่ช้าก็พบเสี่ยวเจาที่ถูกหมอม่อสองนางจับตัวไว้หลังภูเขาจำลองที่อยู่ใกล้ๆเสื้อผ้าของเสี่ยวเจาถูกดึงจนยุ่งเหยิง ผมเผ้าก็หลุดรุ่ยร่าย ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา และดูคล้ายที่มุมปากจะมีรอยเลือดด้วยทันทีที่เป็นอิสระ นางก็ล้มลงคุกคลานไปคุกเข่าลงเบื้องหน้าฮั่วหลินอย่างแรงทันที“ฝ่าบาทโปรดพิจารณาด้วยเพคะ! เดิมบ่าวต้องการปกป้องนายหญิงน้อย แต่ถูกหมอม่อข้างกายของพระสนมหว่านผินลากออกไป พวกนางพูดว่า…พูดว่าไม่ให้บ่าวอยู่เกะกะ ขอฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับนายหญิงน้อยด้วยเพคะ”ดวงตาของฮั่วหลินตวัดไปที่พระสนมหว่านผินราวคมดาบสีหน้าของหว่านผินซีดเผือดลงทันที ทว่านางยังคงกัดฟันยืนกรานไม่ยอมรับ“ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ความเพคะ! เป็นนางที่ใส่ร้ายหม่อมฉัน...”“หุบปาก!”
Baca selengkapnya

บทที่ 130

ฮั่วหลินอุ้มเจียงหวนสาวเท้าอย่างรวดเร็วดุจดาวตกกลับไปที่ตำหนักเว่ยยาง หญิงสาวในอ้อมแขนเงียบงันอย่างน่าประหลาด นางทำเพียงแนบแก้มร้อนผ่าวไว้ที่ลำคอเขาเท่านั้น“เจ็บจังเพคะ” จู่ๆ เจียงหวนก็ร้องออกมาเบาๆฮั่วหลินชะงักฝีเท้าและก้มมองลงไปบนข้อมือเรียวเล็กที่ฮั่วฉงถูกบีบมีรอยแดงประทับอย่างเด่นชัด และเมื่ออยู่บนผิวขาวผ่องก็ยิ่งดูบาดตาเป็นพิเศษใบหน้าของฮั่วหลินมืดทะมึนลงทันที[สมควรตาย เมื่อครู่เตะเบาเกินไปแล้ว][สมควรหักมือข้างนั้นของมันให้พิการเสียนัก!]เขาเอื้อมมือไปลูบรอยแดงนั้นอย่างระมัดระวัง ความเคลื่อนไหวนั้นอ่อนโยนราวกำลังสัมผัสแก้วผลึกที่แตกง่าย“กลับไปแล้วจะทายาให้เจ้า” เสียงของฮั่วหลินทุ้มต่ำแผ่วเบา เขาระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านทั้งหมดไว้เมื่อกลับไปถึงตำหนักเว่ยยาง ฮั่วหลินก็ไล่ข้าราชบริพารทั้งหมดออกไป แล้ววางเจียงหวนลงบนตั่งนุ่มด้วยตนเองเขาหันไปหยิบยาทา แต่เมื่อหันกลับมาก็เห็นเจียงหวนพยายามลุกนั่งขึ้นมาดวงตาของนางพร่างพราวด้วยความมึนเมา พวงแก้มแดงก่ำ เส้นผมยาวสยายอยู่บนหมอนอย่างไม่เป็นระเบียบปกคอเสื้อยุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเคลื่อนไหวของนาง เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าบอ
Baca selengkapnya
Sebelumnya
1
...
1112131415
...
25
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status