All Chapters of อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง: Chapter 221 - Chapter 230

242 Chapters

บทที่ 221

การนอนหลับในครั้งนี้ของเจียงหวนลึกสนิทเป็นพิเศษ ราวกับพยายามชดเชยต่อเรื่องน่าอายเมื่อคืนนี้ กับความความเหนื่อยล้าในสองสามวันที่ผ่านมา ในตอนที่นางตื่นขึ้นอย่างช้าๆ ภายในห้องนอนก็สว่างมากแล้วนางตบบริเวณด้านข้างตัวเองเบาๆ พบว่ามันว่างเปล่า ไม่รู้ว่าฮั่วหลินจากไปตั้งแต่ยามใด“พระสนม ทรงตื่นแล้วหรือเพคะ?”เสี่ยวเจายกน้ำอุ่นเข้ามา บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มปีติยินดีที่ปิดไม่มิด“ฝ่าบาทเสด็จไปประชุมเช้าแล้วเพคะ ก่อนไปยังทรงกำชับเป็นพิเศษว่าห้ามปลุกท่าน ให้ท่านนอนต่ออีกหน่อยเพคะ”เจียงหวนลูบเอวที่ยังคงปวดเมื่อยอยู่บ้างฮึ่ม นับว่าเขายังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ที่รู้จักเห็นใจ “คนเจ็บ” ขณะอาบน้ำ นางมองแก้มที่แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัดของตัวเองในกระจก ความทรงจำอันน่าขวยเขินทว่าอบอุ่นหัวใจในราตรีที่ผ่านมา ก็หลั่งไหลกลับเข้ามาในหัวใจ จนพวงแก้มของนางร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“พระสนม” เสี่ยวเจาด้านหนึ่งหวีผมให้นาง อีกด้านก็ลดเสียงลงเล่าอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านไม่รู้อะไร เรื่องเมื่อวานแพร่ไปทั่ววังหลังแล้ว ทุกคนต่างพูดว่า ฝ่าบาททรงโปรดท่านอย่างไม่เคยโปรดผู้ใดมาก่อนเลยเพคะ”มือที่ถือปิ่นปั
Read more

บทที่ 222

”คารวะกุ้ยเฟยเพคะ”นางค้อมศีรษะไปทางเจียกุ้ยเฟยเล็กน้อย กิริยาของนางทั้งไม่อ่อนน้อมและไม่เย่อหยิ่ง แต่ก็หาข้อตำหนิเรื่องมารยาทไม่ได้เดิมเจียกุ้ยเฟยก็ไม่ชอบเจียงหวนอยู่แล้ว เมื่อเห็นนางพยักหน้าเฉยๆ ไม่ลุกขึ้นมาคารวะเต็มพิธีการเหมือนนางสนมระดับล่างคนอื่น เพลิงโทสะภายในใจก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมา“หึ น้องจวงเฟยช่างเย่อหยิ่งยิ่งนัก!”เจียกุ้ยเฟยเย้ยหยัน นางก้าวมาเบื้องหน้าสองก้าว จนเข้าใกล้รถเข็นของเจียงหวน“อย่างไรกัน? เพิ่งจะได้รับพระเมตตาแค่คืนเดียว ก็ลืมมารยาทในวังไปเสียแล้ว แม้แต่การทำความเคารพกุ้ยเฟยก็ทำอย่างฉาบฉวยให้จบไป?”นางไม่สนใจอาการที่ขาของเจียงหวนหรอก เพราะถึงอย่างไรนางก็จะให้เจียงหวนทำความเคารพ เพื่อให้นางได้อับอาย!ว่าต่อให้นางได้รับพระเมตตา ก็ยังต้องกราบคารวะเมื่ออยู่ต่อหน้านางอยู่ดีเจียงหวนหัวเราะอย่างเย้ยหยันภายในใจ ‘เสือไม่แสดงพลัง ก็คิดว่านางเป็นเฮลโลคิตตี้หรือไง’ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้น แววตาเปล่งประกายสดใส“กุ้ยเฟยกล่าวเกินไปแล้ว เพราะขาของหม่อมฉันไม่ค่อยสะดวก จะให้คุกเข่าก็ทำไม่ได้ เกรงว่าคงได้แต่นอนราบลงกับพื้นแล้ว แต่นั่นมิยิ่งเป็นการเสียมารยาทหรือเพคะ?”
Read more

บทที่ 223

เพราะจิตใจสับสนวุ่นวายเกินไป ทำให้เจียงหวนหมดความสนใจที่จะชื่นชมดอกไม้ นางจึงให้เสี่ยวเจาเข็นนางกลับตำหนักเว่ยยางเสียเลยนางเอนหลังอยู่บนตั่งนุ่ม มองแสงแดดเจิดจ้าภายนอกหน้าต่าง ภายในใจกลับราวถูกอุดกั้นด้วยก้อนสำลีน่าหงุดหงิดเหลือเกิน หากฮั่วหลินกล้าเลือกสนมจริงๆ นางก็จะ ก็จะ…ก็จะให้อายีน่าเรียกหนุ่มนักเต้นระบำสุดหล่อพวกนั้นกลับมา แสดงสักสิบรอบแปดรอบเลยอย่างมากที่สุด ท่านไปจีบสาวๆ ของท่านไป ส่วนข้าก็จะไปจีบหนุ่ม ๆ ของข้า!ขณะที่นางหัวใจของนางกำลังว้าวุ่นนั่นเอง นางกำนัลที่เฝ้าประตูก็เข้ามารายงาน“พระสนม หลิวเหม่ยเหรินกับซุนกุ้ยเหรินมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”เจียงหวนขมวดคิ้ว พวกนางเป็นใครกัน?นางไม่ไปมาหาสู่กับใคร แทบจะเรียกได้ว่าถูกโดดเดี่ยวในวังหลังแล้ว ดังนั้น แน่นอนว่าย่อมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสองคนนี้สักนิดแต่ไม่พบก็คงไม่ดี ก็ลองฟังพวกนางดูแล้วกัน“อืม เชิญเข้ามาเถอะ”ไม่นานนัก หญิงสาวเยาว์วัยสองนางที่แต่งกายอย่างงดงามก็เดินเข้ามา บนใบหน้าของพวกนางประดับด้วยรอยยิ้มที่กำลังพอดี“หม่อมฉันคารวะพระสนมจวงเฟยเพคะ” คนทั้งสองคารวะอย่างสุภาพ น้ำเสียงอ่อนเบา“ไม่ต้องมากมารยาท นั่งเถ
Read more

บทที่ 224

ถ้อยคำเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาอย่างใส่ใจยิ่ง ทุกถ้อยวาจาละม้ายปรารถนาดีต่อพวกนาง ทว่าความหมายที่แฝงอยู่ภายใน ล้วนเป็นการปฏิเสธและตักเตือนแม้หลิวเหม่ยเหรินกับซุนกุ้ยเหรินจะมิได้มีตำแหน่งสูงมากนัก แต่สตรีทุกนางในวังหลัง มีนางใดบ้างที่ไร้ไหวพริบพวกนางฟังออกถึงความหมายที่ซ่อนเร้นของเจียงหวนทันที และรู้ว่าความคิดเล็กๆ นั่นของพวกตนได้ถูกเปิดโปงแล้วคนทั้งสองอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี พวกนางไม่เคยคิดเลยว่า จวงเฟยที่ดูอ่อนโยนผู้นี้ ยามเอ่ยวาจาจะเป็นดั่งใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง ไม่ไว้หน้ากันถึงเพียงนี้“พระสนมกล่าวเกินไปแล้วเพคะ” หลิวเหม่ยเหรินเสียงสั่นเครือ รอยยิ้มของนางน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก“เป็นพวกเราที่ไม่ได้ใคร่ครวญให้ดีเอง ล่วงเกินพระสนมแล้วเพคะ”ซุนกุ้ยเหรินก็รีบพูดสนับสนุนอย่างรวดเร็ว เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากของนางเดิมเจียงหวนก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งคร้านจะเห็นพวกนางที่เป็นเช่นนี้อีกนางหยิบถ้วยชาขึ้นมา เป่าเบาๆ แล้วออกคำสั่งไล่แขก“ข้าเหนื่อยนิดหน่อย หากน้องสาวทั้งสองไม่มีเรื่องอื่นอีก ก็เชิญกลับไปเถอะ”“เพคะ เพคะ หม่อมฉันทูลลา”หลิวเหม่ยเหรินกับซุนกุ้
Read more

บทที่ 225

ภายในห้องทรงพระอักษร ฮั่วหลินเพิ่งตรวจฎีกาเสร็จไปตั้งหนึ่ง หวังเต๋อกุ้ยก็ค้อมกายเข้ามา บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ระงับไม่อยู่“ฝ่าบาท พระสนมทรงนำอาหารกลางวันมาถวายด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทรงรออยู่ที่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น ความเหนื่อยล้าบริเวณหว่างคิ้วก็จางหายไปในทันที ความอบอุ่นแผ่ซ่านในดวงตาของเขา[เราตรวจฎีกาเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ หัวใจที่เหี่ยวแห้งและอ่อนล้าของเราดวงนี้สมควรได้รับการปลอบประโลมจากนางจริงๆ]“รีบเชิญเข้ามา” ฮั่วหลินวางพู่กันสีชาดลง น้ำเสียงร่าเริงขึ้นไม่น้อยเจียงหวนถูกเสี่ยวเจาเข็นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือยังถือกล่องอาหารอันประณีตงดงามกล่องหนึ่งมาด้วยบนใบหน้าของเจียงหวนประดับด้วยรอยยิ้มสุภาพ ทว่าเมื่อมองอย่างละเอียด จะพบว่ารอยยิ้มนั้นเย็นยะเยือก และยังแฝงไปด้วยความ “เมตตา” ที่ยากจะสังเกตเห็น“ฝ่าบาท”ฮั่วหลินลุกขึ้นเดินไปที่ข้างกายนางด้วยตัวเอง แล้วรับกล่องอาหารมาวางลงบนโต๊ะกลมที่อยู่ด้านข้าง“เหตุวันนี้จึงมาด้วยตนเอง? เหนื่อยหรือไม่?”[สีหน้าของนางดูเหมือนจะ... ประหลาดไปบ้าง? คล้ายอยากแทงเราสักสามที แล้วเหยียบเราต่ออีกสักเท้า[นางยังโกรธเ
Read more

บทที่ 226

[เผ็ดเหลือเกิน!!!][น้ำ! เราต้องการน้ำ!][ลิ้นของเราหายไปแล้วใช่หรือไม่?]เขาอดทนต่อความปวดแสบปวดร้อน เคี้ยวเหมือนเครื่องจักรไปสองครั้ง แล้วกลืนลงคอไปอย่างยากลำบากความเผ็ดร้อนนั่นแผดเผาลงไปตามหลอดอาหาร จนรู้สึกเหมือนทั่วทั้งท้องกำลังจะทะลุเป็นรูเมื่อเจียงหวนเห็นใบหน้าแดงก่ำ และได้ยินเสียงบ่นภายในใจของเขา ความโกรธที่ค้างคาอยู่ก็จางหายจนสิ้นตาโง่คนนี้ กินเผ็ดไม่ได้ชัดๆ แล้วยังจะฝืนอีกทำไม?เมื่อฮั่วหลินเห็นเจียงหวนไม่พูดอะไร ก็คิดว่านางยังคงไม่พอใจ จึงกัดฟันแล้วยื่นตะเกียบไปคีบชิ้นหมูต้มที่ลอยอยู่ในน้ำมันแดงฉานชิ้นนั้น[เราขอเสี่ยงตายแล้ว! ขอเพียงนางหายโกรธ เรา... เรายังกินได้อีกชิ้น]“พอแล้วเพคะ” เจียงหวนทนดูไม่ไหวอีกต่อไป นางเอ่ยห้ามอย่างโมโห “เสวยไม่ได้ก็อย่าฝืนเลยเพคะ”นางหันไปสั่งเสี่ยวเจา “ไปรินน้ำชามาสักแก้ว น้ำเปล่าที่เย็นหน่อยก็ได้”เสี่ยวเจาราวได้รับการอภัยโทษ รีบไปวิ่งเหยาะๆ ไปนำน้ำมาทันทีฮั่วหลินที่ถูกกดมือไว้ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้ามองเจียงหวนก็เห็นว่า แม้นางจะยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ความเย็นชาในดวงตาได้จางหายไปแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกจนใจและความสงสาร
Read more

บทที่ 227

เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเดินกลับไปหาเจียงหวน ดวงตาจับจ้องนางอย่างลึกซึ้ง[คัดเลือกสนม? ที่แท้นางหึงหวงเพราะเรื่องนี้]“นั่นเป็นแค่การถวายฎีกาจากขุนนางบางคนเท่านั้นเอง”เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม “เราไม่เคยตกลงและยิ่งไม่มีวันตกลง”[ตำหนักในของเรา มีนางเพียงคนเดียวก็พอแล้ว][สตรีหยาบกระด้างที่ทุกวันรู้จักแต่ผัดหน้าทาแป้ง วนเวียนไปมาเหมือนแมลงวันพวกนั้น เราอยากใช้ไม้กวาดกวาดพวกนางไปจากวังต้องห้ามให้หมดด้วยซ้ำ]คำพูดนั้นถูกกล่าวอย่างหนักแน่นและแน่วแน่ ไร้ช่องให้กลับลำแม้แต่น้อยเขาโน้มตัวลงวางมือบนที่วางแขนรถเข็น กักเจียงหวนไว้ในช่องว่างแคบๆ ระหว่างเขากับรถเข็นกลิ่นอำพันทะเลผสานกับกลิ่นเผ็ดร้อนจางๆ ก่อนหน้า บุกรุกเข้าสู่ประสาทสัมผัสของเจียงหวนเสียงทุ้มต่ำของฮั่วหลินแฝงไปด้วยแรงดึงดูดที่ล่อหลอกให้คนหลงใหล “จากนี้ไป ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของผู้อื่นอีก ไม่ว่าใครทั้งนั้น”[ฟังแค่เราก็พอ]เขาเข้ามาใกล้เกินไป ใกล้จนเจียงหวนเห็นเงาสะท้อนของตนในดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจนการแสดงออกถึงตัวตนอย่างแรงกล้านี้ ทำให้ลมหายใจของเจียงหวนติดขัด สมองว่างเ
Read more

บทที่ 228

เช้าวันรุ่งขึ้น ฮั่วหลินก้าวออกจากตำหนักเว่ยยางอย่างสดชื่นแจ่มใสแม้ราตรีที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้กินอิ่มอย่างที่วาดหวังไว้ แต่การมีสาวงามที่หอมกรุ่นและนุ่มนวลดุจหยกอยู่อ้อมกอดก็ไม่เลวนักสีหน้าของเขาผ่อนคลาย มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แทบมองไม่เห็นนางหลับสนิทมาก หากเขาสามารถโอบนางไว้ในอ้อมกอดทุกวันตอนหลับได้ ก็คงจะวิเศษมากอยากอยู่กับนางตลอดเวลานักวันนี้เป็นวันหยุด ต้องรีบจัดการงานให้เสร็จ จะได้กลับไปอยู่เป็นเพื่อนนางเร็วๆฮั่วหลินคิดเรื่องนี้ในใจ ขณะมุ่งหน้าไปที่ห้องทรงพระอักษรอย่างไรก็ตาม เพิ่งเดินเข้าสู่เส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านเพื่อไปห้องทรงพระอักษร เงาร่างหนึ่งสายหนึ่งก็เข้ามาขวางอยู่ที่เบื้องหน้าอย่างกะทันหัน“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ” เจียกุ้ยเฟยยอบกายคารวะอย่างชดช้อย จงใจลากเสียงให้ดูนุ่มนวลเปี่ยมเสน่ห์อารมณ์ดีของฮั่วหลินถูกสลายไปกว่าครึ่งทันที ฝีเท้าของเขาหยุดชะงัก คิ้วขมวดเล็กน้อยจนแทบไม่ทันสังเกตครู่หนึ่งนางมาที่นี่ด้วยเหตุใด? ตั้งใจมาดักเรางั้นหรือ?ชิ! ยุ่งยากจริงๆ“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงของฮั่วหลินสงบนิ่งไร้ระลอก ฟังไม่ออกถึงอารมณ์ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนเผ
Read more

บทที่ 229

“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หวังเต๋อกุ้ยค้อมกายลงทันที“ประกาศราชโองการของเรา” น้ำเสียงของฮั่วหลินกลับมาสงบนิ่งตามแบบฉบับผู้เป็นฮ่องเต้อีกครั้ง เสียงนั้นมีความเด็ดเดี่ยวที่ไม่ยอมรับการโต้แย้งใดๆ“จวงเฟยได้รับการเลื่อนยศ ตามกฎควรมีข้ารับใช้ในวังเพิ่ม สั่งการให้กรมวังฝ่ายในคัดเลือกกลุ่มนางกำนัลและขันทีที่เฉลียวฉลาดรู้หน้าที่ แล้วส่งไปที่ตำหนักเว่ยยางเพื่อให้นางคัดเลือกด้วยตนเองทันที”“พ่ะย่ะค่ะ” หวังเต๋อกุ้ยรับคำฮั่วหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ ข้างกายนางยังขาดหมอม่อผู้ดูแลอีกคนหนึ่ง เราเห็นว่าเติ้งหมอม่อเหมาะสมมาก”เติ้งหมอม่อเป็นคนเก่าคนแก่ภายในวัง ยามเยาว์วัยเคยรับใช้ฮ่องเต้องค์ก่อน มีฝีมือมากประสบการณ์ เชี่ยวชาญเรื่องมนุษยสัมพันธ์เป็นพิเศษที่หาได้ยากยิ่งกว่าคือนิสัยที่เด็ดเดี่ยวซื่อตรง ไม่ยอมรับความผิดพลาดใดๆ และจงรักภักดีต่อฮ่องเต้หากมีนางอยู่เคียงข้างคอยเป็นหลักให้เจียงหวน ก็ไม่ต่างอันใดกับการมีเสาเทพค้ำสมุทรคอยค้ำจุนท้องทะเล“บ่าวเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปประกาศราชโองการเดี๋ยวนี้” หวังเต๋อกุ้ยรับคำฮั่วหลินพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อได้จัดแจงเรื่องบุคลา
Read more

บทที่ 230

เหล่านางกำนัลและขันทียืนค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวรอคอยการคัดเลือกจากเจียงหวน โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเติ้งหมอม่ออธิบายกฎสำคัญภายในวัง หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง และข้อห้ามในการรับใช้ข้างกายเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาไม่ดังอยู่ด้านข้าง นางยังบอกเล่าที่มาของสาวใช้และขันทีพวกนี้ให้เจียงหวนฟังด้วยคำอธิบายของนางกระชับแต่ชัดเจน ละเอียดแต่เข้าใจง่าย ทั้งคงไว้ซึ่งความน่ายำเกรง และแฝงไปด้วยการมองเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มา ทำให้แม้แต่เจียงหวน “ที่เปลี่ยนมาประกอบอาชีพนางสนมกลางคัน” ก็ยังฟังจนพยักหน้าติดต่อกันเพราะได้รับประโยชน์อย่างมากที่แท้การจัดการข้ารับใช้ในวังก็มีเคล็ดลับในมากมายเช่นนี้ เติ้งหมอม่อผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ ทุกถ้อยคำล้วนสำคัญและตรงประเด็นอื้ม ต้องเรียนรู้จากนาง มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะกล้ารังแกนางอีก... โอ๊ะ ไม่ใช่ มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้ามาวางก้ามก่อเรื่องในตำหนักเว่ยยางอีกต่างหากเมื่อมีคำแนะนำของเติ้งหมอม่อ เจียงหวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกณฑ์การคัดเลือกคนของนางก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือ มีดวงตาที่กระจ่างใสซื่อตรง มือเท้าคล่อง
Read more
PREV
1
...
202122232425
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status