Semua Bab อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง: Bab 21 - Bab 30

84 Bab

บทที่ 21

เจียงหวนยกมือเท้าเอวหัวเราะอย่างมีชัยในใจฮ่า ๆ เยี่ยม เยี่ยมไปเลย!ไม่เสียแรงที่นางทั้งขนตะแกรงย่างทั้งทำข้าวผัดนี่ไง เห็นผลลัพธ์ทันตาแล้วเจียงหวนแอบใช้มืออีกข้างหยิกตนเองทีหนึ่งอย่างเงียบๆ น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้าทันที“ฮือ ๆ…หม่อมฉันไม่ระวังเองเพคะ”แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่เบ้าตากลับแดงก่ำ ท่าทางน่าเวทนายิ่งแค่ดูก็รู้ว่ามีเรื่องทุกข์ใจสีหน้าฮั่วหลินเคร่งขรึมลง อากาศโดยรอบหยุดนิ่งในพริบตา“เราจะออกหน้าให้เจ้าเอง มีอะไรพูดมาได้เลย”หวังเต๋อกุ้ยก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้วเช่นกัน ในวังแห่งนี้ มีเรื่องสกปรกอะไรที่เขาไม่เคยพบเห็นบ้างแค่เดาก็รู้ว่าเจียงหวนถูกรังแกมาแน่ ๆ อีกทั้งคนที่รังแกเจียงหวนต้องเป็นนางสนมที่มีฐานะสูงกว่าเจียงหวนจวงฉางไจ้ปรนนิบัติฝ่าบาทจนสบายพระทัย หากเวลานี้ไม่พูด ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้วเห็นแก่ที่จวงฉางไจ้ปรนนิบัติฝ่าบาทอย่างแข็งขัน หวังเต๋อกุ้ยยินดีเตือนนางสักหน่อยเขาเกลี้ยกล่อมด้วยอีกคน “พระสนม ท่านพูดมาเถอะ ไม่ว่าเรื่องใดก็มีฝ่าบาทอยู่พ่ะย่ะค่ะ”เจียงหวนมองฮั่วหลิน แล้วหันไปมองหวังเต๋อกุ้ย ท่าทางเหมือนเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว“หม่อม…หม่อมฉันไม่ดีเอง…”น
Baca selengkapnya

บทที่ 22

นางลอบปาดน้ำตาแห่งความขมขื่นอยู่ในใจนับว่าชีวิตตนก็ดีขึ้นแล้ว มีคนหนุนหลังแล้ว!ตำหนักใหญ่อวี๋ผินนั่งอยู่บนเก้าอี้นอน สีน่าดูเคร่งขรึมและไม่สบอารมณ์เล็กน้อยนางมองดูเจียงหวนเดินเข้ามา พลันแค่นเสียงเย็น ‘ฮึ่ม’“นางแพศยา! คุกเข่าเดี๋ยวนี้!”เจียงหวนก้มหน้า ทำท่าเหมือนหวาดกลัว“พระสนม ไม่ทราบว่าหม่อมฉันทำอะไรผิด ถึงทำให้พระสนมทรงกริ้วเช่นนี้เพคะ”อวี๋ผินคุยด้วยเหตุผลเป็นเสียที่ไหน นางก็แค่ไม่ชอบหน้าเจียงหวนนางกล่าวเสียงแหลม “เด็กๆ! จับตัวนางไว้! ข้าจะ…”เพียงแต่อวี๋ผินพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกเสียงที่เย็นยะเยือกสายหนึ่งขัด“พระสนมอวี๋ผิน ท่านตบตีด่าว่าสนมเช่นนี้ เห็นทีจะไม่เหมาะกระมัง”เจียงหวนคิดในใจ มาแล้วคนหนุนหลังของนางมาแล้ว!และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อเงยหน้าก็เห็นหลี่กูกู่ที่เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้หลี่กูกู่ดูแล้วอายุประมาณสามสิบกว่าปี ผมถูกหวีอย่างเรียบกริบไร้ที่ติ ขณะนี้บนใบหน้ามีแววเคร่งขรึม สายตาอันคมกริบกวาดมองไปทางอวี้ผินคนข้างกายฮ่องเต้ อวี๋ผินจะไม่รู้จักได้อย่างไรนางคาดคิดไม่ถึงว่าหลี่กูกู่จะมาปรากฏตัวในเวลานี้ จึงสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที แต่นางก็ย
Baca selengkapnya

บทที่ 23

หลี่กูกู่โบกมือ “พระสนมเป็นนาย บ่าวเป็นเพียงคนรับใช้ แค่รับพระบัญชาจากฝ่าบาทมาพูดไม่กี่ประโยค พระสนมไม่ต้องลำบากเพคะ”“กูกู่พูดจาห่างเหินเกินไปแล้ว” น้ำเสียงเจียงหวนเปี่ยมล้นด้วยความจริงใจ “กูกู่อยู่ในวังมานานหลายปี จงรักภักดีต่อฝ่าบาท มีใครในวังไม่รู้บ้าง?”นี่คือคนที่จะหนุนหลังนางในอนาคต และยังเป็นคนหนุนหลังที่สามารถทำให้อวี๋ผินกลืนไม่เข้าคายไม่ออกปล่อยให้หลุดมือไม่ได้ ต้องตีสนิทให้ดีชีวิตในวันข้างหน้าก็จะสบายขึ้น!“กูกู่ให้โอกาสข้าสักครั้งนะ ลองชิมฝีมือของข้าดู รับรองว่าท่านต้องชอบแน่นอน!”นางโยกแขนของหลี่กูกู่ไปมาด้วยรอยยิ้มสดใส“ข้าอยู่ในวังแห่งนี้ ขาดการดูแลจากกูกู่ไม่ได้นะ”หลี่กูกู่อยู่ในวังมันนานหลายปี คำชมแบบไหนที่ไม่เคยได้ยินบ้าง เวลานี้กลับถูกคำพูดของเจียงหวนทำเอาเขินอายเล็กน้อยบนใบหน้าปรากฏให้เห็นความอ่อนโยนและรอยยิ้มที่หาดูได้ยากเสี้ยวหนึ่ง นางส่ายศีรษะอย่างหมดหนทาง“จวงฉางไจ้ปากหวานจริงๆ บ่าวรับคำชมเหล่านี้ไม่ไหวเพคะ แต่ว่าจวงฉางไจ้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะความสามารถของจวงฉางไจ้ บ่าวเชื่อว่าวันข้างหน้าจวงฉางไจ้จะต้องเปล่งประกายเจิดจรัส
Baca selengkapnya

บทที่ 24

นางติดตามฝ่าบาทมานานหลายปี ไม่เคยกินกับข้าวที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนไม่แปลกเลยที่ฝ่าบาทส่งนางมาหนุนหลังจวงฉางไจ้ เพียงเพราะเคยเสวยอาหารที่นางทำไม่กี่ครั้งหลี่กูกู่กล่าวชมอย่างต้องไปตรงมา “ฝีมือการทำอาหารของจวงฉางไจ้ยอดเยี่ยมจริงๆ บ่าวไม่เคยกินอาหารที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย”เมื่อเจียงหวนได้ยินคำชม ก็ยิ่งดีใจเข้าไปอีกนางอมยิ้ม “กูกู่ชมเกินไปแล้ว หากกูกู่ชอบ ต่อไปข้าจะทำให้ท่านกินบ่อยๆ”หลี่กูกู่ยิ่งประทับใจเจียงหวนมากขึ้นไปอีก แม่นางน้อยผู้นี้จิตใจละเอียด รู้จักเอาใจคนถ้าหากบ่มเพาะดีๆ อาจสามารถยืนหยัดเองในวังได้เจียงหวนก็ยังไม่ได้กินอาหารเที่ยง จึงนั่งลงกับหลี่กูกู่ ทั้งสองกินไปพลาง คุยไปพลางนางคอยชมหลี่กูกู่เป็นระยะ ส่วนหลี่กูกู่อธิบายกฎระเบียบและข้อควรระวังในวังให้เจียงหวนฟังอย่างมีความอดทนเจียงหวนตั้งใจฟังมาก ปัจจุบันนางอยู่วังหลัง ประสบการณ์เหล่านี้ของหลี่กูกู่มีค่าสำหรับนางมาก คุยไปคุยมา รู้ตัวอีกทีฟ้าก็เริ่มมืดแล้วหลี่กูกู่มองท้องฟ้าแล้วลุกขึ้นยืน “จวงฉางไจ้ ฟ้ามืดแล้ว บ่าวต้องกลับไปแล้วเพคะ”“ข้าไปส่งกูกู่” เจียงหวนรีบลุกขึ้นยืนนางตามหลี่กูกู่ออกไปข้างนอก พลางกล
Baca selengkapnya

บทที่ 25

ตอนที่เจียงหวนไปถึง ขันทีน้อยเฉินจิ้นสี่กำลังเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูตำหนักหย่างซินเมื่อเห็นเจียงหวนมา เฉินจิ้นสี่ทำความเคารพตามปกติ“บ่าวคำนับจวงฉางไจ้พ่ะย่ะค่ะ”เจียงหวนยิ้มบางๆ พลางหยิบมันฝรั่งทอดห่อเล็กที่เตรียมไว้ล่วงหน้ายื่นให้เฉินจิ้นสี่“กงกงเฝ้าอยู่ที่ข้างนอกมาทั้งวันแล้ว ลำบากแย่เลย นี่เป็นของว่างที่ข้าทำเอง กงกงลองเอาไปชิมดู”แม้เฉินจิ้นสี่ไม่เหมือนหวังเต๋อกุ้ย สามารถตามปรนนิบัติข้างกายฝ่าบาทตลอดเวลา แต่ก็เป็นคนที่สามารถพบฝ่าบาททุกวันเป็นที่รู้กันดีว่าตำหนักหย่างซิน ไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็สามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ อยากเข้าไป จำเป็นต้องมีคนช่วยกราบทูลก่อนต้องการเอาใจฝ่าบาท เช่นนั้นก็ต้องมาตำหนักหย่างซินบ่อยๆ การตีสนิทเฉินจิ้นสี่กงกง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเฉินจิ้นสี่มองดูของกินที่ถูกยัดใส่มือ เขาอึ้งไปชั่วขณะเขาเฝ้าประตูตำหนักหย่างซินมานานเช่นนี้ เคยเจอนางสนมที่ถูกฝ่าบาทสั่งห้ามเข้าไม่น้อยเมื่อนางสนมเหล่านั้นไม่ได้พบฝ่าบาท ก็จะใช้เขาเป็นที่ระบายอารมณ์ เขาต้องแบกรับความลำบาก และการรังเกียจเดียดฉันท์มากมายจวงฉางไจ้เป็นคนแรกที่ไม่รังเกียจเขา เป็นห่วงเขา และมอบของกิ
Baca selengkapnya

บทที่ 26

“วางของกินไว้ก่อน” ฮั่วหลินหยิบพู่กันขึ้นมา พลางกล่าวเหมือนไม่ใส่ใจ “หมึกของเราหมดแล้ว ในเมื่อจวงฉางไจ้มาแล้ว ก็ให้นางเข้ามาช่วยเราฝนหมึกเถิด”เมื่อเฉินจิ้นสี่ได้ยิน รีบเดินออกจากตำหนักหย่างซินทันทีเขากล่าวกับเจียงหวนด้วยรอยยิ้ม “จวงฉางไจ้ ฝ่าบาทให้ท่านเข้าไปฝนหมึกพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเจียงหวนได้ยินว่าไม่เพียงส่งของกินเข้าไปแล้ว ตนยังสามารถเข้าไปด้วย ก็พลันดีใจใหญ่เลยในวังหลังใครไม่รู้บ้างว่า ตำหนักหย่างซินของฝ่าบาทเข้ายากที่สุดนางสนมกี่คนแล้วที่ต้องมาติดกำแพงตรงนี้แต่นาง! ทุกครั้งที่มาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท ยังไม่เคยถูกปฏิเสธเลย‘กุญแจ’ ดอกนี้ใช้ดีจริงๆเจียงหวนหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวเข้าไปในตำหนักอย่างเชื่องช้าฮั่วหลินนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ กำลังเริ่มตรวจและอนุมัติฎีกาอีกครั้งของกินที่นางให้เฉินจิ้นสี่ส่งเข้ามา ถูกวางอยู่ที่ด้านข้าง แม้แต่ฝากล่องก็ยังไม่ได้เปิด ฮ่องเต้ดูไม่มีท่าทีอยากเสวยเลยฮืม? นี่มันอะไร?ขณะที่กำลังสงสัย เจียงหวนก็ได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน[ฮือๆๆ ท้องของเรากำลังร้องหิวๆๆๆ แล้ว! อยากกินจัง!][ทำไมหวังเต๋อกุ้ยไม่ยอมให้เรากินนะ! เราบริหารบ้านเมืองอย่างแข็งขันแ
Baca selengkapnya

บทที่ 27

หลังจากเจียงหวนได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน มีความเจ้าเล่ห์เสี้ยวหนึ่งแวบผ่านแววตาตอนนี้นางรู้ซึ้งถึงความเจ๋งของนิ้วทองคำ[1]นี่แล้ววิธีใช้อาหารรสเลิศชนะใจฝ่าบาท มันสำเร็จสุดๆ ไปเลยวันข้างหน้าก็ต้องดำเนินตามแนวทางนี้ต่อไป!ลุยเลย!เจียงหวนรู้สึกฮึกเหิมมาก แต่สีหน้ากลับดูเขินอายยิ่งนักนางหลุบตาลง เวลานี้ขนตาที่เรียวยาวแต่หนากำลังกระพือราวกับผีเสื้อโบยบิน เสียงพูดก็เบาและนุ่มนวล“ไก่ทอดกับมันฝรั่งทอดถูกปากฝ่าบาทหรือไม่เพคะ?”“อืม เจ้ามีใจแล้ว”แสงจากเปลวเทียนทอดลงบนใบหน้าของฮั่วหลิน ดูผิวเผินเขาคือจักรพรรดิหนุ่มรูปงาม สีหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆหากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เจียงหวนได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน ก็คงจะคิดว่าตอนนี้ฮั่วหลินกำลังตอบนางแบบขอไปทีแต่โชคดีที่นางสามารถได้ยินเสียงในใจของเขาเจียงหวนยิ้มอย่างเขินอาย “ในเมื่อฝ่าทรงรู้สึกว่าอร่อย เช่นนั้นต่อไปหม่อมฉันจะทำให้ฝ่าบาทเสวยทุกวันเลยเพคะ”ท่าทางของฮั่วหลินยังคงเฉยชา เพียงแค่พยักหน้าเบาๆแต่ในใจกลับเอามือเท้าเอวเริ่มหัวเราะแล้ว[ฮ่าๆๆ จวงฉางไจ้พูดได้ดี! ในที่สุดเราก็ไม่ต้องกินพวกอาหารเย็นจากห้องเครื่องแล้ว!][จวงฉ
Baca selengkapnya

บทที่ 28

ราวกับมีม่านล่องหนกั้นระหว่างพวกเขากับคนที่เหลือไว้ข้างนอกทั้งหมด ทำให้ไม่มีใครสามารถแทรกเข้าไปได้จนกระทั่งฮั่วหลินกินของกินที่เจียงหวนนำมาจนหมด เจียงหวนจึงจะจากไปพร้อมกับกล่องอาหารที่ว่างเปล่าหลังจากกลับถึงตำหนักจิ่นหวา เจียงหวนยังไม่ทันได้กลับตำหนักฝั่งตะวันตกของตนเอง ก็เห็นชุ่ยอิงยื่นขวางอยู่ที่หน้าประตูชุ่ยอิงมองเจียงหวนอย่างเย่อหยิ่ง ในน้ำเสียงไม่มีความเคารพเลย“จวงฉางไจ้ พระสนมอวี๋ผินเรียกเจ้า”เจียงหวนคิดในใจซวยแล้ว นางรู้ว่าถ้าไปตอนนี้ จุดจบคงไม่ได้ดีไปถึงไหนพรุ่งนี้นางยังต้องถวายพระกระยาหารให้ฝ่าบาท จะมาเสียเวลาได้อย่างไร! เจียงหวนก็พลันกัดฟัน ลองปฏิเสธดู“ฟ้ามืดแล้ว หากไปรบกวนพระสนมอวี๋ผินพักผ่อน คงไม่ดีแน่”ชุยอิงแค่นเสียงเย็น ‘ฮึ่ม’ ไม่เห็นเจียงหวนอยู่ในสายตาเลย“เกรงว่าเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า” เมื่อชุ่ยอิงกล่าวจบก็ยกมือ มีหมอม่อ[1]สองคนเดินออกมาจากด้านหลังของนางทันทีเจียงหวนหวาดระแวงทันที แต่นางสนมอย่างนางที่ปกตินอกจากทำอาหารก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย จะสู้แรงของหมอม่อสองคนไว้ได้อย่างไรเพียงแค่พริบตาเดียว เจียงหวนก็ถูกสยบแล้วหมอม่อสองคนนั้นประกบซ้ายขว
Baca selengkapnya

บทที่ 29

ค่ำคืนล่วงเลยไปทีละนิด ภายในตำหนักจิ่นหวาเงียบสงัดเจียงหวนคุกเข่าอยู่บนพื้น ความเย็นจากอิฐเขียวเหมือนเข็มน้ำแข็งพันหมื่นเล่มทิ่มแทงเข้าไปในกระดูกเข่า ความเจ็บปวดแผ่ขยายไปทั่วร่างนางกัดฟันแน่น พยายามถ่ายน้ำหนักตัวลงที่น่องทั้งสองข้าง สลับลงน้ำหนักไปที่เข่าซ้ายขวาเป็นระยะ พยายามทำให้ตนเองเจ็บปวดน้อยที่สุดแต่ความทรมานที่ต้องรับยังคงไม่ลดลงแม้แต่น้อยการชิงดีชิงเด่นในวังเสียสุขภาพจริงๆที่สำคัญคือก่อนหน้านี้นางเคยผิดนัดกับฝ่าบาทแล้วหนึ่งครั้งหากพรุ่งนี้ไม่ไป ก็จะเป็นครั้งที่สองแล้ว!ฮ่องเต้ที่เอะอะก็จะตัดหัวคนองค์นั้น นางเดาใจเขาไม่ถูกระหว่างคิดฟุ้งซ่านทั้งเช่นนี้ เจียงหวนคุกเข่าไปแล้วหนึ่งคืนเต็มๆวันรุ่งขึ้นหลังจากเลิกประชุม ฮั่วหลินกลับถึงตำหนักหย่างซิน รอแล้วรออีกเจียงหวนก็ไม่มาสักที แต่กลับได้รับอาหารที่ห้องเครื่องส่งมาแทนเขาหยิบตะเกียบเงินขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ กินผักอย่างไร้รสชาติฮั่วหลินทุกข์ระทมในใจ รู้สึกทรมานยิ่งกว่ากินแมลงวันเมื่อวานเจียงหวนยังตบหน้าอกบอกว่าจะทำอาหารให้เขากินทุกวันไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้ไม่เห็นแม้แต่เงา?อาหารของห้องเครื่อง ตอนนี้เขาแค่เห
Baca selengkapnya

บทที่ 30

“เฉินกงกง รบกวนท่านช่วยไปทูลฝ่าบาทแทนข้าด้วย” เจียงหวนยิ้มอย่างอ่อนแรง“อาหารที่ฝ่าบาททรงเขียน ต้องใช้เวลาในการทำนานมาก แต่ข้าถูกพระสนมอวี๋ผินทำโทษให้คุกเข่าทั้งคืน หัวเข่าได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถทำพระกระยาหารให้ฝ่าบาทได้จริงๆ รอพรุ่งนี้อาการดีขึ้นแล้ว จะทำถวายฝ่าบาทเพื่อไถ่โทษแน่นอน”คุกเข่ามาทั้งคืน ใครบ้างล่ะจะไม่โมโห?สามารถโยนความผิดให้อวี๋ผินได้พอดีอีกทั้งตอนนี้นางเป็นผู้ป่วย ต่อให้ฝ่าบาทกล่าวโทษขึ้นมา คนที่จะโดนตัดหัวคนแรกก็ไม่ใช่นางเมื่อเฉินจิ้นสี่ได้ยินเจียงหวนพูดถึงเรื่องบาดเจ็บ ก็พลันนึกถึงเรื่องที่เห็นตรงตำหนักใหญ่ จึงอดถามไม่ได้“จวงฉางไจ้สะดวกบอกสาเหตุที่ถูกลงโทษหรือไม่ หากฝ่าบาทถามบ่าว บ่าวจะได้ช่วยจวงฉางไจ้อธิบายให้ฝ่าบาทฟัง”อันนี้ฟังดูเข้าท่าแฮะ เจียงหวนคิดในใจ เฉินกงกงเข้าใจคำใบ้ของตนเองแล้ว ดูเหมือนมันฝรั่งทอดที่ให้ไปไม่สูญเปล่าโอกาสฟ้องที่ดีเช่นนี้ มีแต่คนโง่ที่ไม่พูด!เจียงหวนขมวดคิ้ว ปลายคิ้วลู่ลงก็แค่แสดงละครไม่ใช่หรือ นางต้องเอารางวัลออสการ์กลับบ้านให้ได้“เมื่อคืนข้าไปส่งเครื่องเสวยให้ฝ่าบาทที่ตำหนักหย่างซิน หลังจากกลับมาก็ถูกคนของพระสนมอวี๋ผินคุ
Baca selengkapnya
Sebelumnya
123456
...
9
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status