All Chapters of อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง: Chapter 11 - Chapter 20

84 Chapters

บทที่ 11

“เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งจะผ่านอุทยานหลวงมา คนจากตำหนักเฉิงเต๋อสองสามคน ก็นั่งอยู่ในศาลานินทาหม่อมฉัน...”อวี๋ผินพร่ำบ่นไม่หยุด เล่าเรื่องที่ได้ยินในอุทยานหลวงให้เจียกุ้ยเฟยฟัง ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า“หม่อมฉัน... หม่อมฉันรู้สึกคับข้องใจเหลือเกินเพคะ...”อวี๋ผินสะอื้นไห้ น้ำตาไหลพราก ปิ่นระย้าบนมวยผมนั้นสั่นไหวไปตามแรงสะอื้น“ตอนที่ถวายตัวครั้งนั้น หม่อมฉันไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้ก็จริง แต่นังพวกนั้นกลับโทษว่าการที่ฝ่าบาทไม่ยอมเสด็จมาวังหลัง เป็นความผิดของหม่อมฉันทั้งหมด ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว!”ควันสีเขียวจาง ๆ ลอยขึ้นมาจากเตากระถางกำยาน เจียกุ้ยเฟยเอนกายอยู่บนเตียง ปลายนิ้วขยับลูกประคำไปมา แต่กลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ววัน ๆ เอาแต่มาพูดเรื่องไร้สาระหยุมหยิมพวกนี้ น้ำตาที่สะสมมาหลายปีนี่ท่วมตำหนักฉางเล่อได้แล้ว!“อันผินยังบอกว่าหม่อมฉันเป็นตัวซวยอีกนะเพคะ!”อวี๋ผินกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น เล็บที่ย้อมสีชาดแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือนางไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียกุ้ยเฟยเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จมอยู่กับความอัปยศของตนเอง ร้องทุกข์กับเจียกุ้ยเฟยไม่หยุด“
Read more

บทที่ 12

อวี๋ผินยืนอยู่ข้าง ๆ มองดูสภาพอันน่าสมเพชของเจียงหวนอย่างเต็มตา ในใจรู้สึกสะใจอย่างยิ่งนางต้องการให้เจียงหวนจดจำไว้ว่า นางต่างหากคือเจ้าของตำหนักจิ่นหวา!ตราบใดที่เจียงหวนยังอยู่ในตำหนักจิ่นหวาแม้เพียงวันเดียว ก็ต้องอยู่ภายใต้การสั่งสอนของนาง!นอกประตู เสี่ยวเจาเงียบเสียงไปได้สักพักแล้วหมอม่อที่ทำหน้าที่ตบปากก้มลงไปตรวจดูอาการ จากนั้นก็เดินเข้ามาในประตู “พระสนมเพคะ นังบ่าวชั้นต่ำนั่นสลบไปแล้วเพคะ”เมื่ออวี๋ผินได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองออกไปข้างนอก เมื่อเห็นเลือดที่นองอยู่บนพื้น ในดวงตาก็พลันเต็มไปด้วยความรังเกียจ นางโบกมือ สั่งการว่า “โยนออกไป”เจียงหวนเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมา ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำนางดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ฝ่ามือถูกกระเบื้องปูพื้นบาดจนเป็นแผล ทิ้งรอยเลือดไว้บนพื้นเป็นทางแต่น้ำหนักที่กดทับร่างนางนั้นราวกับภูเขาสองลูก ทำให้นางไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อยเจียงหวนไม่เคยรู้สึกไร้เรี่ยวแรงถึงเพียงนี้มาก่อน ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่มองดูเสี่ยวเจาทนทุกข์ทรมานนางพลันตระหนักได้ว่า ในวังลึกแห่งนี้ ชีวิตคนนั้นต่ำต้อยยิ่งกว่าหญ้าเสียอีกนางและเสี่ยวเจาในสายตาของอวี๋ผิ
Read more

บทที่ 13

อวี๋ผินรู้สึกแปลกใหม่เป็นอย่างยิ่ง นางไม่เคยลองวิธีการกินเช่นนี้มาก่อนเมื่อได้ลองชิมทีละอย่างภายใต้ความช่วยเหลือของเจียงหวน นางก็ตกตะลึงราวกับได้พบเจออาหารจากสวรรค์น้ำจิ้มที่แตกต่างกันก็ให้รสชาติที่แตกต่างกัน แต่ทุกอย่างล้วนอร่อยเลิศรสอย่างไม่มีข้อยกเว้น!อวี๋ผินกินเนื้อย่างภายใต้การปรนนิบัติของเจียงหวน ในใจก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงกับสามารถเรียกเจียงหวนไปถวายตัวได้เพียงเพราะบัวลอยถ้วยเดียว นางมีฝีมืออยู่บ้างจริง ๆ หากสามารถเรียนรู้ฝีมือนี้ของเจียงหวนมาเป็นของตนเองได้ นางก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถเอาใจฝ่าบาทได้อวี๋ผินกลืนเนื้อย่างในปากลงไป เชิดหน้าขึ้น สั่งการอย่างหยิ่งผยอง“ข้าชอบเนื้อนี่ของเจ้ามาก เจ้ามาสอนข้าสิ”เจียงหวนคาดไว้แล้วว่าอวี๋ผินจะต้องมีคำขอเช่นนี้นางถอยหลังไปสองก้าวแล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง ตอบกลับอย่างนอบน้อม“หากเป็นบัวลอยสาโทธรรมดา ๆ หรืออะไรทำนองนั้น หม่อมฉันยังพอจะสอนพระสนมได้ แต่หากเป็นเนื้อย่างเตาถ่านจานนี้...”เจียงหวนแสดงสีหน้าลำบากใจ “หากพระสนมอยากจะเสวย ก็โปรดสั่งหม่อมฉันเถิดเพคะ”หากอวี๋ผินเห็นครั้งหนึ่งก็จะเรียนครั้งหนึ่ง เรีย
Read more

บทที่ 14

นี่เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยม นางจะปล่อยให้เจียงหวนทำเสียเรื่องไม่ได้อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น หยิบผ้าคลุมหน้าสีเทาอมฟ้าออกมาโยนให้เจียงหวน“สวมนี่เสีย”“เพคะ”เจียงหวนรับผ้าคลุมหน้ามา แล้วผูกไว้ที่ด้านหลังศีรษะเมื่อมองไม่เห็นใบหน้าของเจียงหวน อวี๋ผินก็พอใจขึ้นมาบ้างแบบนี้ฝ่าบาทก็จะทอดพระเนตรแค่นางคนเดียวแล้วใกล้จะถึงเวลาเสวยพระกระยาหาร เจียงหวนนำวัตถุดิบและเครื่องมือที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ตามอวี๋ผินไปยังตำหนักหย่างซินแต่เพิ่งจะถึงหน้าประตู อวี๋ผินก็ถูกขันทีน้อยที่เฝ้าประตูอยู่ขวางไว้“อวี๋ผิน ท่านเข้าไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของอวี๋ผินพลันมืดมนลงทันที แค่ขันทีน้อยคนหนึ่งก็กล้ามาขวางทางนาง!ชุ่ยอิงตวาดเสียงแหลม “บังอาจ! อวี๋ผินก็เป็นคนที่เจ้าจะขวางได้หรือ?”ขันทีน้อยแสดงสีหน้าลำบากใจ รีบกล่าวขออภัย “ขออวี๋ผินโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมีรับสั่งแล้วว่า ห้ามผู้ใดเข้าไป”เมื่อเห็นว่าจะได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่รอมร่อ มีหรือที่อวี๋ผินจะยอมแพ้วันนี้นางเตรียมการมามากมายถึงเพียงนี้ หากถูกขวางไว้ในตอนนี้ พอกลับไปแล้ว คนพวกนั้นในวังหลังจะต้องนำไปแต่งเรื่องจนเละเทะแน่!อวี๋ผินมั่นใจว่า
Read more

บทที่ 15

ครั้งนี้อวี๋ผินตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเอาใจฮ่องเต้ให้ได้เมื่อเห็นว่าฮั่วหลินกำลังทอดพระเนตรของที่นางนำมา นางก็แย้มยิ้ม“ฝ่าบาท หม่อมฉันทราบว่าพระองค์ทรงงานราชกิจยุ่งนัก บ่อยครั้งที่ทรงไม่มีเวลาเสวยพระกระยาหาร ดังนั้นหม่อมฉันจึงตั้งใจเตรียมเนื้อย่างเตาถ่านนี้มาถวายเพคะ” “พระองค์สามารถทรงตรวจฎีกาไปพลาง รอเนื้อย่างไปพลางได้ ไม่ทำให้เสียการเสียงาน ทั้งยังได้อิ่มหนำสำราญอีกด้วยเพคะ”อวี๋ผินเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ทำมุมที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่นางเคยฝึกซ้อมหน้ากระจกมานับครั้งไม่ถ้วน หันไปหาฮั่วหลินในใจคิดว่ามีทั้งของอร่อยและหญิงงาม ครั้งนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถครองใจฝ่าบาทได้แต่เจียงหวนกลับได้ยินเสียงในพระทัยของฮั่วหลินอย่างชัดเจน[กินก็คือกิน เหตุใดต้องมาเน้นว่าตรวจฎีกาไปด้วยกินไปด้วย?][คิดว่าเราว่างมากหรือไร! ส่งไปสำนักซักล้างให้หมด ไปล้างตาเสีย!][เหตุใดต้องใช้รูจมูกมองเราด้วย อวี๋ผินนี่คิดจะก่อกบฏหรือ?][ช่างเถอะ ๆ กินเนื้อก่อนแล้วค่อยว่ากัน]ฮ่องเต้ช่างเป็นผู้ชายซื่อตรงจริง ๆ ในใจของเจียงหวนกระตุกมุมปาก บ่นพึมพำเงียบ ๆ อวี๋ผินนั้นมองไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
Read more

บทที่ 16

[ซี้ด! ร้อนชะมัด!]เจียงหวนมองคนที่กำลังร้องโวยวายว่าร้อนอยู่ในใจ มุมปากใต้ผ้าคลุมหน้าก็กระตุกเล็กน้อยก็บอกแล้วว่าร้อนเพียงชั่วพริบตาเดียว ฮั่วหลินก็กลืนเนื้อย่างลงพระอุทรไปแล้วเขาเสวยอย่างสำรวม กิริยาท่าทางยังคงสง่างาม ทำให้คนมองข้ามความเร็วของเขาไปเจียงหวนถึงกับอ้าปากค้าง เพราะนั่นมันเร็วราวกับเทพเจ้าเลยทีเดียวชิ้นเนื้อทั้งสดทั้งนุ่ม ทั้งยังมีกลิ่นหอมเข้มข้นฟุ้งกระจายอยู่ในปาก ทำให้รสชาติยังคงติดตรึงไม่รู้ลืมประกายในดวงพระเนตรของฮั่วหลินวาบผ่านไป[อืม เราไม่เคยเสวยเนื้อที่อร่อยเลิศรสเช่นนี้มาก่อน อร่อยจริง ๆ !][เนื้อย่างยังร้อน ๆ อยู่เลย เราชอบมาก เราจะเอาอีก!]อวี๋ผินไม่มีความสามารถเหมือนเจียงหวน ทำได้เพียงใช้สายตาสังเกตสีพระพักตร์ของฮั่วหลิน เพื่อแยกแยะความพอพระทัยและความไม่พอพระทัยนางเห็นว่าสีพระพักตร์ของฮั่วหลินยังคงเป็นปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จึงไม่แน่ใจในท่าทีฮั่วหลินดังนั้นจึงลองเอ่ยถาม “ฝ่าบาททรงคิดว่า รสชาติของเนื้อย่างเตาถ่านนี้เป็นอย่างไรเพคะ?”“ไม่เลว” ฮั่วหลินทรงวิจารณ์อย่างสงวนท่าทีแม้ว่าอวี๋ผินจะไม่ได้ยินฮั่วหลินตรัสว่าชอบ แต่นางก็ถอนหายใจอ
Read more

บทที่ 17

“นางกำนัลข้างกายเจ้าคนนี้รู้จักปรนนิบัติคนเก่งดี ให้นางอยู่กับเราเถอะ”น้ำเสียงเย็นเยียบดังลอยมา ฮั่วหลินทรงเหลือบพระเนตรขึ้นมองอวี๋ผินแวบหนึ่งรอยยิ้มบนใบหน้าของอวี๋ผินแข็งค้างในทันที เกือบจะทำชามกระเบื้องที่อยู่ข้างหน้าหลุดมือแตกการที่นางพาเจียงหวนมานับเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือก พอย่างเนื้อเสร็จแล้ว เจียงหวนก็หมดประโยชน์ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากให้คนถอยออกไป ฝ่าบาทกลับทรงมีรับสั่งให้คนอยู่ต่อด้วยพระองค์เอง?แล้วแผนการอันแยบยลของนางเล่าคืออะไร? คือการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวหรือ??“ฝ่าบาททรงล้อเล่นแล้วเพคะ” เล็บที่ย้อมสีชาดของอวี๋ผินจิกเข้าไปในฝ่ามือ เค้นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวออกมา “เด็กคนนี้ซุ่มซ่าม วันก่อนเพิ่งจะทำแจกันเคลือบสีใบโปรดของหม่อมฉันแตกไป จะมาอยู่ปรนนิบัติข้างกายฝ่าบาทได้อย่างไรเพคะ”ฮั่วหลินไม่ทรงเห็นด้วยนัก พระขนงขมวดแน่นขึ้น“เราต้องการให้นางอยู่”ใบหน้าของอวี๋ผินแทบจะเขียวคล้ำ นางอยากจะตบหน้าเจียงหวนสักฉาดหนึ่งให้รู้แล้วรู้รอดเป็นนางปีศาจจิ้งจอกโดยกำเนิดจริงๆ !มีผ้าคลุมหน้าปิดไว้ยังทำให้ฝ่าบาทหลงใหลได้ หากไม่มีผ้าคลุมหน้า จะไม่ถวายตัวกันตรงนั้นเลยหรือ!ไม่ไ
Read more

บทที่ 18

ตอนนี้ฮั่วหลินกำลังมองอวี๋ผินอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อได้ยินอวี๋ผินบอกว่าจะไป ก็ทรงตอบรับทันทีอวี๋ผินเห็นเจียงหวนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ สายตาก็ฉายแววอำมหิตขึ้นมา“ไปสิ ยังจะยืนบื้ออยู่ตรงนี้ทำไม”“เพคะ”เจียงหวนจนปัญญา ทำได้เพียงรับคำไปก่อน ขณะเดียวกันสมองก็ครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง พยายามหาวิธีกลับไปก็ตาย เปิดเผยฐานะเองก็ตายสำหรับแผนการในตอนนี้ นางทำได้เพียงแสร้งทำเป็นเปิดเผยตัวตนโดยไม่ตั้งใจทำเช่นนี้ ทั้งสามารถเปิดเผยฐานะต่อหน้าฝ่าบาทได้ พอกลับไปแล้วก็ไม่ถึงกับว่าไม่สามารถอธิบายกับอวี๋ผินได้เมื่อคิดได้แล้ว เจียงหวนก็เริ่มมองหาโอกาสนางเดินตามหลังอวี๋ผินออกไปข้างนอก ก็บังเอิญมีขันทีน้อยคนหนึ่งกำลังรีบเข้ามาในห้องพอดีในชั่วพริบตาที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินสวนกัน สายตาของเจียงหวนก็มืดลงเล็กน้อย ยื่นเท้าออกไปขัดขาขันทีน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจขอโทษด้วยนะ!ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ตอนที่ขันทีน้อยกำลังจะล้มลง เขาก็คว้าตัวเจียงหวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตามสัญชาตญาณเจียงหวนแสร้งทำเป็นถูกดึงจนเสียหลัก ล้มไปข้างหน้า แล้วโผไปชนอวี๋ผินท่ามกลางความโกลาหล เจียงหวนฉวยโอกาสที่ไม่มีใครสังเกต ค่อย ๆ ดึงผ้า
Read more

บทที่ 19

คำสั่งนี้ใครจะกล้าไม่ทำตาม นางกำนัลจึงรีบส่งอวี๋ผินออกไปทันทีตำหนักหย่างซินกลับคืนสู่ความสงบตามปกติอีกครั้ง เจียงหวนยังไม่ทันได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เสียงในพระทัยของฮั่วหลินก็ดังระเบิดขึ้นข้างหู [ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณแผ่นดิน ในที่สุดอวี๋ผินก็ไปเสียที ถ้าไม่ไปอีกเราคงต้องสั่งตัดหัวคนจริง ๆ แล้ว][ไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย เนื้อย่างนั่นกินไปหนึ่งชิ้นก็เหลือน้อยลงหนึ่งชิ้น ยังจะมาแย่งกับเราอีก ไม่รู้จักเหลือไว้ให้เราบ้างเลย!][จวงฉางไจ้ยืนบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม มองไม่ออกหรือไรว่าเรายังกินไม่ค่อยอิ่ม?]ฮั่วหลินทอดพระเนตรมองเจียงหวน สีพระพักตร์เย็นชา ดวงพระเนตรฉายแววครุ่นคิดดีจริง ๆ อวี๋ผินคงจะแค่คิดว่า การกินข้าวด้วยกันก็เหมือนกับการถวายตัว เป็นกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แสดงความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างสามีภรรยาใครจะไปคิดว่าฮั่วหลินจะไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นฮ่องเต้น้อยที่หวงของกินเสียจริงแต่ก็ถูกแล้ว เมื่อมองดูใบหน้าที่เรียบเฉยดุจผืนน้ำนี้ หากไม่ใช่เพราะเจียงหวนสามารถได้ยินเสียงในใจของเขาได้นางก็คงนึกว่าฮั่วหลินกำลังคิดว่าจะจัดการเรื่องที่นางปลอมตัวเป็นนางกำนัลอย่างไรอยู่!ใครจะ
Read more

บทที่ 20

มีทั้งคนที่กำลังจัดการวัตถุดิบ กำลังเตรียมเครื่องปรุง และกำลังทำอาหาร...วัตถุดิบทุกประเภทมีครบครัน ทำเอาเจียงหวนมองจนตาลายนี่คือห้องเครื่องของฮ่องเต้สินะ! ดีจริง ๆ !หากสามารถได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ได้ นางอยากจะมาเอาวัตถุดิบที่นี่สักหน่อยก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากหากอาหารเลิศรสเหล่านี้สามารถมาอยู่ในครัวเล็กของนางได้...นางพลันรู้สึกว่าความโปรดปรานก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้างดวงตาของเจียงหวนเป็นประกาย ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้นขอเพียงแค่เอาใจฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้ทรงพอพระทัย เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!ตอนนี้! ทำอาหาร!เจียงหวนอธิบายความประสงค์ของตนเองกับคนในห้องเครื่อง พวกเขาก็รีบจัดเตาว่างให้เจียงหวนทันทีเจียงหวนเริ่มจากหาเนื้อวัวมาหั่นเป็นลูกเต๋าแล้วหมัก หลังจากผัดในกระทะจนสุกแล้วก็ตักออกมา จากนั้นก็ตอกไข่อีกสองสามฟอง ทอดจนเหลืองทองทั้งสองด้านน้ำมันร้อน ๆ ที่เหลืออยู่ ก็นำมาราดลงบนกระเทียมสับและพริกขี้หนูสด ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ เท่านี้เครื่องสำหรับข้าวยำก็เสร็จเรียบร้อยตักข้าวสวยออกมาหนึ่งชาม นำเครื่องและเนื้อวัวหั่นเต๋าลงไปคลุกให้เข้ากัน แล้ววางไข่ที่ทอดไว้ด้
Read more
PREV
123456
...
9
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status