All Chapters of การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน: Chapter 21 - Chapter 30

84 Chapters

บทที่ 21

เมื่อโม่อวิ๋นเจ๋อเห็นว่าพี่ชายของตนสงบนิ่งดั่งสายน้ำ เขาจึงลงมาจากรถแต่แล้วในวินาทีนั้นเอง ขณะที่โม่อวิ๋นเจ๋อลงจากรถ รอยยิ้มที่มุมปากอันแสนอ่อนโยนของโม่ชางหลานค่อย ๆ หุบลง กลายเป็นสีหน้าเคร่งขรึมการที่เขาพิการแบบนี้เป็นเรื่องหนึ่ง การที่คนอื่นรู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การที่มีคนอายุน้อยกว่าเขาไม่รู้กี่สิบปี เอาเขามาเยาะเย้ยต่อหน้าผู้คนนับร้อยนับพันแบบนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเช่นกันแต่มันน่าเจ็บใจตรงที่เขาไม่สามารถโต้ตอบ หรือทำอะไรได้เลย นอกจากยิ้มรับมันที่ที่ป้องกันยากที่สุดในเมืองร้าง ไม่ใช่ประตูเมืองประจิม แต่กลับเป็นประตูเมืองอุดรในอดีต ตระกูลโม่เป็นผู้รักษาประตูเมืองอุดรมาโดยตลอด แต่ทว่า ตั้งแต่ที่เขาพิการ บิดาของเขาหายสาบสูญ และโม่ยี่หานได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องให้ตระกูลตี๋และตระกูลเหยียนเข้ามาดูแลแทนตระกูลโม่ในดินแดนหิมะขาว ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในอดีตอีกต่อไป ถึงขั้นที่แม้โดนคนตระกูลตี๋กล่าวดูถูกเหยียดหยาม ทำให้อายต่อหน้าคนนับไม่ถ้วน ก็ไม่กล้าโต้กลับแม้แต่คำเดียว ทุกอย่างนี้ เพียงเพื่อให้เมืองร้างแห่งนี้ปลอดภัยความรู้สึกอัดอั้นในใจนี้มัน...โม่ชางหลานถ
Read more

บทที่ 22

ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อยทำให้แฝงไปด้วยความยั่วยวน ตี๋หยางอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเจ้าของใบหน้ารูปงามนี้นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับกล่าวเรียกเขาว่า พี่ชาย หรือหากอีกฝ่ายโดนเขากระทำชำเราจนร้องไห้ออกมา มันคงเป็นสวรรค์บนดินอย่างแท้จริงเยว่เจี้ยนเวยรู้สึกคุ้นเคยกับการโดนมองด้วยสายตาแบบนี้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น พอเขาได้เห็นมันอีกครั้ง มันยังคงทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าตลกสิ้นดีเขารู้ดีว่ารูปลักษณ์ของตัวเองไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ซึ่งเป็นผลมาจากในตอนเด็ก เขาได้กลืนยาวิเศษลงไป ทำให้ร่างกายและใบหน้าของเขาดูคล้ายกับสตรีมาตั้งแต่ชาติที่แล้วจนมาถึงชาตินี้ ร่างกายของเขาจะเริ่มพัฒนาให้เหมือนบุรุษทั่วไปได้ก็เมื่อเขาอายุสิบหกปีบริบูรณ์เท่านั้นแต่กว่าจะถึงเวลานั้น เขาก็ถูกมองด้วยสายตาลามก และแฝงไปด้วยความคิดต่ำ ๆ มาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ไม่ว่าจะเป็นช่วงหนึ่งปีหลังจากการตายของเยว่สือที่เยว่เจี้ยนเวยต้องเร่ร่อนไร้ที่อยู่ หรือหลังจากที่เขาได้เข้ามาอยู่ในตระกูลเยว่แล้วก็ตาม แต่แล้ววันหนึ่ง โชคก็ได้เข้าข้างเยว่เจี้ยนเวย การที่เขาได้ลงมือสังหารคนที่คิดจะลวนลามเขา จนฝีมือความสามารถของเขากลายเป็นที่เลืองลือไปทั่ว
Read more

บทที่ 23

เยว่เจี้ยนเวยมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยไปชั่วขณะ แต่แล้วเขาก็กลับมาร่าเริงอีกครั้งได้ในไม่ช้าเมื่อชาติที่แล้ว โม่ชางหลานก็มีนิสัยแบบนี้เขาเป็นคนเข้าถึงยาก ไม่ต้องการพึงพาใคร และมีกำแพงในใจสูงเฉียดฟ้า ราวกับว่าเขาจงใจกักขังตัวเองไว้ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งแม้แต่แสงไฟก็ยังสอดส่องเข้าไปไม่ได้ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แห่งนั้น ไม่มีใครเข้าไปได้ และเขาเองก็ไม่ยอมออกมาเช่นกัน มีเพียงตัวเขาคนเดียวเยว่เจี้ยนเวยราวกับโดนคำสาป หลงใหลในตัวผู้ชายคนนี้อย่างสุดหัวใจเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมคิดท่าไม้ตายกลอุบายร้อยแปดพันเก้า ทั้งบังคับขู่เข็น ขอร้องอ้อนวอน หรือบีบน้ำตาทำตัวน่าสงสาร สารพัดวิธี ก็ยังไม่สามารถทำให้โม่ชางหลานยอมอ่อนข้อให้แม้ว่าโม่ชางหลานจะเป็นคนที่มีความคิดแน่วแน่ พูดคำไหนคำนั้น และไม่มีใครสามารถทำให้เขาเปลี่ยนความคิดได้ง่าย ๆ แต่เยว่เจี้ยนเวยก็เป็นคนที่ดื้อรั้นเช่นกัน ในหัวของเขาไม่เคยมีคำว่ายอมแพ้เพราะแบบนี้เขาจึงเคยได้โม่ชางหลานมาครอบครองแต่น่าเสียดาย วิธีที่เขาใช้มันไม่ได้เป็นวิธีที่ดีมากนัก จึงทำให้เขาต้องชดใช้กรรมแบบนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นเหมือนดั่งฝันที่ดับสูญ หลงเ
Read more

บทที่ 24

โม่ชางหลานที่ได้ยินคำกล่าวเหล่านั้นก็ได้แต่ “...”ถือว่ายังโชคดีที่โม่ยี่หานไม่ได้ยิน เพราะไม่เช่นนั้นคืนนี้โม่อวิ๋นเจ๋อคงได้คัดกฎของตระกูลโม่ทั้งวันทั้งคืนจนร้องไห้ไม่หยุดแน่ ๆ...............หลังจากที่วิ่งพ้นมาแล้ว เยว่เจี้ยนเวยก็แอบย่องมาอยู่ท้ายขบวนและได้พบกับเยว่สือเมื่อพบกับเยว่สือ สิ่งแรกที่เยว่เจี้ยนเวยกล่าวก็คือ “ท่านพี่เยว่สือ เมื่อครู่คนที่ชื่อตี๋หยางรังแกข้า”เยว่สือพยักหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปจับปอยผมที่แก้มของอีกคนไปทัดไว้หลังหู และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ข้าเห็นแล้วขอรับ บังอาจมารังแกนายน้อย ไม่เจียมเนื้อเจียมตัว เห็นทีข้าต้องไปสั่งสอนให้รู้ดำรู้แดง”เยว่เจี้ยนเวยพนักหน้าและกล่าวต่อว่า “แต่อย่าถึงตายล่ะ สถานการณ์ตอนนี้ของดินแดนหิมะขาวค่อนข้างซับซ้อน ตระกูลโม่กำลังตกอยู่ในภาวะย่ำแย่ จึงค่อนข้างเกรงใจพวกตระกูลตี๋ ในเวลาแบบนี้ ไม่ควรสร้างศัตรู”เยว่สือตกใจเล็กน้อยหลังได้ยินความคิดของเยว่เจี้ยนเวยที่เปลี่ยนไปเรื่องแบบนี้ เขาคิดได้อยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเยว่เจี้ยนเวยจะคิดได้เพราะถึงแม้ว่าในชีวิตของเยว่เจี้ยนเวย ตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยได้รับอิสระ ชีวิตไม่ได้
Read more

บทที่ 25

เยว่สือลูบศีรษะของเขาเบา ๆ พลางกล่าวขึ้นว่า “รอให้ท่านโตกว่านี้ก่อน แล้วค่อยกล่าวคำพูดเช่นนี้”เยว่เจี้ยนเวย “…” “แต่ว่าโม่ยี่หานอาจจะเป็นคนที่เชื่อถือได้” เยว่สือก็หาใช่คนโง่เขลาไม่ หาได้ยากนักคนที่ยอมวางอคติลง และตัดสินได้อย่างเป็นกลางเช่นนี้ “ในจดหมายเลือดของนายท่านฉบับนั้น ก็อาจจะเปิดเผยความลับออกมาได้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว นายท่านก็เป็นคนที่รอบคอบอยู่แล้ว หากไม่ใช่คนที่ท่านไว้ใจ ท่านก็จะไม่เปิดเผยความลับออกมาเด็ดขาด”เยว่เจี้ยนเวยก็คิดเช่นเดียวกัน ชาติที่แล้วเขากับโม่ยี่หานก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันมากนัก ถึงแม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงอันโหดร้ายของอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ว่าความโหดร้ายของอีกฝ่ายก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือก็เหมือนกันกับเขา ที่ภายนอกอาจดูเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่ความเป็นจริงนั้นก็คือปีศาจเฒ่าตัวหนึ่งนั่นเองเยว่เจี้ยนเวยกล่าวขึ้นว่า “ ข้าก็คิดแบบเดียวกับท่าน”“นายท่านจะไม่วันบอกเรื่องตัวตนที่แท้จริงของท่านอย่างแน่นอน ต่อให้เชื่อใจขนาดไหนก็ตาม ก็จะไม่วันพูดถึงแน่ ๆ” เสียงของเยว่สือกดต่ำลง น้ำเสียงที่เหมือนกับหิมะที่ร่วงโรย “ตามธรรมเนียมแล้ว ข้าคือผ
Read more

บทที่ 26

ในเวลานี้พลังบำเพ็ญเพียรของเยว่เจี้ยนเวยได้แตกสลายลง พลังที่เขาฝึกมาตกลงไปอยู่ในระดับที่ต่ำสุด เขาคิดว่าตนเองไม่สามารถที่จะข้ามโซ่หนาเส้นนี้ไปได้ เดินมาเพียงครึ่งทางก็รับรู้ได้ถึงความหนาวเหน็บอย่างไรก็ตาม เยว่เจี้ยนเวยยังไม่ทันเอ่ยคำพูดใด ๆ เขาก็ถูกเบียดให้ไปอยู่ด้านหน้าสุด เขาเห็นเรือลำใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งเรือลำใหญ่ที่สามารถจุคนได้เป็นร้อยคนภายในครั้งเดียว หัวเรือและหางเรือถูกแขวนด้วยโซ่เหล็กขนาดใหญ่ที่มีความมันเงาและแข็งแรง ด้านหน้ามีตำราขับไล่วิญญาณอยู่อันหนึ่งที่กำลังเผาหินวิญญาณ ใช้มันทำอะไรนั้นมันเป็นเรื่องที่ชัดเจนโดยไม่ต้องกล่าวเยว่เจี้ยนเวย “…”ลาก่อน รบกวนแล้ว เป็นเขาเองที่หลงคิดว่าดินแดนหิมะขาวแห่งนี้จะยิ่งใหญ่มากกว่านี้เพียงแต่ การสร้างเรือไม้ที่มีกลไกลเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่เยี่ยมมากจริง ๆมีโซ่อยู่ทั้งหมดเก้าเส้น ระยะทางอันยาวไกล เรือบางลำก็มีคนขึ้นหมดเต็มแล้ว เรือแล่นไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็วโม่อวิ๋นเจ๋อและโม่ชางหลานก็ได้นั่งเรือลำแรกข้ามไปแล้ว เยว่เจี้ยนเวยก็ได้นั่งเรือไปพร้อมกับผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่น ๆ ใช้เวลาเพียงครึ่งถ้วยชาเท่านั้นก็ลอยมาถึงยังฝั่งตรงข้
Read more

บทที่ 27

โม่อวิ๋นเจ๋อมีท่าทีที่อ่อนลง เขาเริ่มรู้สึกผิดและหวาดกลัวขึ้นมา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเขาสักหน่อย ก็แค่อยากสั่งสอนเขาเท่านั้นเอง เจ้านั่น ฝีมือออกเก่งกาจขนาดนั้น เขาคงไม่ถึงขั้นแข็งตายอยู่ข้างนอกหรอกจริงไหม? บิดายังเคยกล่าวอีกว่าท่านก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน ทำเหมือนเขาเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่งเท่านั้น ข้าก็แค่อยากทำให้เขาเกรงกลัวบ้าง เผื่อในภายภาคหน้าเขาจะได้ไม่มาเหิมเกริมกับเรา การที่ข้าทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร?”โม่ชางหลานยิ้มออกมาอย่างไร้อารมณ์ กล่าวขึ้นว่า “พวกเรารับดอกบัวทองคำของพวกเขามาแล้ว เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า บิดาจะทำเหมือเขาเป็นข้ารับใช้ตลอดไป? อวิ๋นเจ๋ออ่า เกิดมาเป็นคนก็ต้องมีเมตาตาต่อกันบ้าง”โม่อวิ๋นเจ๋อเอียงศีรษะลงต่ำกว่าเดิม ราวกับสิ้นหวังหมดหนทาง โม่ชางหลานกล่าวต่อไปว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้การแลกเปลี่ยนนี้จะเสร็จสมบูรณ์ แต่หากคนที่ตามไล่ฆ่าเขาไม่มา ก็เท่ากับว่าพวกเรายังติดหนี้บุญคุณเขาอยู่ ข้าจะยังไม่เอ่ยถึงเยว่สือแล้วกัน แค่เยว่เจี้ยนเวยผู้นั้น เจ้าอย่าได้คิดว่าเขาเป็นเพียงผู้อ่อนแอนะ ถึงแม้อายุของเขากับเจ้าจะไล่เลี่ยกัน แต่เขากลั
Read more

บทที่ 28

บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ เยว่เจี้ยนเวยที่กำลังแกล้งตายอย่างตั้งใจ โม่อวิ๋นเจ๋อใช้ความคิดอย่างหนักอยู่สักพัก ก่อนจิตใต้สำนึกของความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาจะกลับมาเขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่หดหู่ “เฮ้อ ช่างเถอะ คงไม่ได้ผลหรอก เมื่อครู่ท่านพี่ก็เพิ่งบอกมาว่า เป็นคนจะต้องรู้จักมีเมตตาต่อกันบ้าง ข้าพาเจ้าไปกลับไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน เผื่อจะยังช่วยชีวิตเจ้าได้” เยว่เจี้ยนเวยคิดในใจ ท่านพี่ชางหลานของเขาดีที่สุดแล้ว แม้ว่าจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็ยังเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของเขาไม่ว่าจะเป็นหรือตาย มันจะต่างอะไรกับคนรักกันโม่อวิ๋นเจ๋อทั้งถอนหายใจ รู้สึกว่าเหตุใดเขาจะต้องหาความลำบากใส่ตัวเองด้วย ทั้งยังคุกเข่าลงเพื่อแบกร่างของเยว่เจี้ยนเวยขึ้นไว้บนหลัง เยว่เจี้ยนเวยใช้แรงทั้งหมดที่มีทิ้งตัวลงไปที่โม่อวิ๋นเจ๋อ แกล้งตายอย่างแนบเนียน ถึงขนาดแอบออกแรงเพิ่มอีกนิด เพื่อทำให้ตัวเองหนักยิ่งขึ้น ใครสั่งให้โม่อวิ๋นเจ๋อเจ้าเด็กนั่นแอบลงมือทำร้ายเขาก่อนล่ะ? เยว่เจี้ยนเวยมีความคิดที่ว่าแค้นนี้ต้องชำระ จะไปสนใจทำไมกันว่าคนผู้นั้นจะเป็นน้องเขยในอนาคตหรือไม่ โม่อวิ๋นเจ๋อใช้เวลาเพียงหนึ่งก้
Read more

บทที่ 29

โม่ชางหลานมีคู่หมั้นอยู่แล้วจริง ๆ อีกทั้งยังเป็นคนของตระกูลเยว่ เวลาผ่านไปหลายปี การหมั้นหมายก็ไม่เคยเกิดขึ้น ในเวลานั้นที่คุณหนูใหญ่ตระกูลเยว่ต้องการจะมาขอถอนหมั้น นางยังพาเยว่เจี้ยนเวยมาด้วย เยว่เจี้ยนเวยจึงได้เห็นกับตาว่าคุณหนูใหญ่มีท่าทีกดขี่ขมเห่งผู้อื่นเพียงใด เหตุการณ์ในตอนนั้นโม่ชางหลานถูกกดลงกับพื้นเขาโดนเหยียดหยามอย่างน่าอับอายเยว่ซือเสวี่ยในใจคิดเพียงแค่ว่าเขาอยากจะเป็นนกเฟิงหวงโบยบินไปเกาะยังยอดกิ่งไม้เท่านั้น เขาไม่เคยเห็นโม่ชางหลานอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ยังหาโอกาสที่จะถอนหมั้นไม่ได้เท่านั้นเอง ในชาติที่แล้ว ทั้งสองคนจบลงด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ เยว่เจี้ยนเวยจึงไม่ได้สนใจคู่หมั้นของเขาเลยแม้แต่น้อยโม่อวิ๋นเจ๋อเมื่อเห็นว่าเยว่เจี้ยนเวยไม่พูดอะไรเลย เขาจึงคิดว่าการใช้เหตุผลนี้กล่าวขึ้นมาทำให้ชนะอีกฝ่ายได้ จึงทำเสียง หึ “เจ้าก็ไม่ต้องรู้สึกเศร้าใจเกินไป เพราะคนอย่างพี่ชายข้า มีผู้ที่ชื่นชอบเขาต่อแถวยาวตั้งแต่หัวเมืองไปถึงท้ายเมืองเลยล่ะ เขาไม่สนใจเจ้า ก็ไม่ถือว่าเรื่องน่าอับอาอะไร” เยว่เจี้ยนเวยกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาขี้เกียจจะพูดจาไร้สาระกับเจ้าเด็ก
Read more

บทที่ 30

โม่อวิ๋นเจ๋อโมโหจนแทบคลั่ง เขากล้าสาบานได้เลยว่า หากโม่ชางหลานไม่ได้อยู่ตรงนี้ เยว่เจี้ยนเวยผู้นี้จะต้องโต้กลับอย่างมั่นใจและน่ารำคาญกว่านกกระจิบแน่นอน ไม่ใช่ทำตัวเป็นคนน่าสงสารเหมือนถูกกระทำอยู่เช่นนี้เป็นแน่!ซางเซวียนได้ยกซุปดับความหนาวเย็นเข้ามา เขาเห็นท่าทีของโม่อวิ๋นเจ๋อที่เหมือนปีศาจดุร้ายเข้าพอดี ถอยหายใจพร้อมเอ่ยถาม “คุณชายรอง ท่านทำท่าทางแบบนี้ไปใยกัน มีแขกมาเยือนถึงที่แล้ว หากมีเรื่องอันใดก็พูดกันดี ๆ” โม่อวิ๋นเจ๋อรู้สึกน้อยอกน้อยใจขึ้นมาทันที เขาที่กำลังจะพูดแย้งขึ้นมา ซางเซวียนก็พูดขึ้นมาก่อนอีกว่า “นางเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ท่านเป็นบุรุษที่ยังหนุ่มยังแน่น รังแกนางแบบนี้ไม่อายคนบ้างหรือ”เยว่เจี้ยนเวย “…”ข้าคิดท่านควรไปหาหมอตรวจตาดูบ้างนะ โม่อวิ๋นเจ๋อในตอนนี้ได้ใจสุด ๆ เขาทั้งยิ้มทั้งหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ พลางกล่าวขึ้นอีกว่า “ท่านนักปรุงยาซาง คำพูดของท่านถูกใจข้ายิ่งนัก ท่านพูดถูกแล้วล่ะ ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แบบนี้ ท่านว่าถูกต้องหรือไม่ แม่นางน้อยเยว่?” สายตาอันแดงก่ำของเยว่เจี้ยวเว่ยจ้องมองไปที่ซางเซวียนโดยไม่ละสายตา
Read more
PREV
123456
...
9
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status