All Chapters of การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน: Chapter 1 - Chapter 10

84 Chapters

บทที่ 1

ภายในตำหนักอันงดงามและเงียบสงัด แม้สาวใช้และผู้รับใช้จะมีให้เห็นทั่วไป แต่พวกเขาล้วนผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวดั่งสายลม ไม่กล้าส่งเสียงแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะสำนักเซียนยอดเมฆามีกฎระเบียบเคร่งครัด แต่เป็นเพราะพวกเขาล้วนกลัวว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะรบกวนท่านประมุขผู้ไม่ชอบฟังเสียงใด ๆเยว่เจี้ยนเวยกำลังเอนกายอยู่บนเตียงนุ่มที่ถักทอจากเส้นไหมสวรรค์ประดับไข่มุกน้ำแข็ง มีสาวใช้สองคนคุกเข่าอยู่ทั้งซ้ายและขวา คนหนึ่งถือถาดหยกเย็นเฉียบ บนนั้นวางองุ่นสีฟ้าใสหลายลูก อีกคนหนึ่งใช้มือเรียวงามปอกองุ่นแล้วป้อนใส่ปากเยว่เจี้ยนเวยด้วยตนเองทั่วทั้งทวีปเซียนจื่อเจ๋อต่างรู้กันดีว่า ท่านประมุขเยว่เจี้ยนเวยแห่งสำนักเซียนยอดเมฆา เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในเรื่องเจ้าชู้และขี้เกียจที่สุดในโลกรอบกายเขามีสาวใช้มากมาย แต่ละคนล้วนเป็นสาวงาม เขามักใจดีกับสาวงามเป็นพิเศษเสมอสำนักเซียนยอดเมฆาเงียบสงัดไร้เสียงใด บางครั้งมีเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ เสียงลมพัดใบไผ่ กลับยิ่งทำให้รู้สึกถึงความเงียบงันมากขึ้นยามนี้ ผู้รับใช้คนหนึ่งรีบร้อนเข้ามา ก่อนอื่นเขาส่งสายตาให้ผู้รับใช้ที่ประตูตำหนัก เพื่อยืนยันว่าท่านปร
Read more

บทที่ 2

“เมื่อก่อนท่านบอกว่าเขาไม่รักท่าน ไม่ห่วงใยเอาใจใส่ท่าน แต่ถ้าเขาไม่รักท่าน เหตุใดเขาจึงยอมตาย ยอมสละการแก้แค้น แทนที่จะทำให้ท่านลำบากใจ?”เยว่เจี้ยนเวยถอยหลังไปสองก้าวอย่างซวนเซ ใบหน้ามีแต่ความว่างเปล่าราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งร่างเหมือนก้าวเท้าครึ่งหนึ่งเข้าสู่นรก หรือราวกับถูกวิญญาณนับหมื่นจับขาและรัดคอพร้อมกันเขาถึงกับหายใจไม่ออก“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ยาถอนพิษสลายหมื่นกระดูกต้องใช้สมุนไพรเพียงแปดชนิดเท่านั้น เจ้าหลอกข้า... อย่าคิดหลอกข้าเชียว!”“เป็นไปไม่ได้งั้นหรือ? ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าก็หวังว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้าจะได้ไม่ต้องเสียพี่ชายไป”โม่อวิ๋นเจ๋อเช็ดน้ำตาและสูดน้ำมูก พลางกล่าว “ข้าคิดว่าตานซินหยางหลอกพี่ชายข้า ข้าจึงไปถามความจริงจากตานซินหยาง แต่เขากลับบอกว่า บิดาข้ารู้สูตรยาที่แท้จริงมาตั้งแต่แรก ข้าจึงกลับไปถามบิดา บิดาบอกเพียงว่า... เขาบอกเพียงว่าแรกเริ่มที่ไม่ได้บอกพี่ชายข้าเรื่องสมุนไพรอีกสองชนิดสุดท้าย เป็นเพราะกิเลนตัวผู้ที่แปลงร่างได้นั้นหลายล้านปียากจะพบสักตัว เขากลัวว่าหากบอกไป พี่ใหญ่ของข้าจะหมดหวัง และอาจมีชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปี”“สาเหตุที่พิษสลายหมื่นกระดูกได้
Read more

บทที่ 3

ภายในตำหนักกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้งเยว่เจี้ยนเวยมองบรรดาสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น หัวเราะเบา ๆ กล่าวว่า “ทำต่อสิ เจ้า เจ้าถือจาน เจ้าปอกองุ่นต่อ ส่วนเจ้ามาทำหน้าที่เป็นหมอนอิงให้ข้า...”สาวใช้ทั้งหลายมองหน้ากัน ก่อนกลับเข้าประจำตำแหน่งด้วยความหวาดหวั่นลังเล บางคนยกจานแก้วใสขึ้น บางคนคุกเข่าปอกองุ่นส่วนหญิงงามที่มีมวยผมนั้นเพิ่งนั่งลงบนเตียง ก็ได้ยินเยว่เจี้ยนเวยกล่าวว่า “ช่างเถอะ เจ้าถอยไปยืนข้าง ๆ ดีกว่า คนที่จะดูก็ไม่มีแล้ว ยังทำท่าทางอะไรอีก สนุกอยู่คนเดียวหรือ?”หญิงงามผู้นั้นจึงขยับไปยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ส่งเสียงใดเยว่เจี้ยนเวยกินองุ่นไปหนึ่งลูก ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าตำหนักนี้ช่างกว้างใหญ่และเงียบเชียบเกินไปจึงกล่าวอีกว่า “เจ้าร้องเพลงเป็นหรือไม่? ร้องเพลงสักเพลงเถิด”หญิงงามเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านประมุขอยากฟังเพลงอะไรเจ้าคะ?”เยว่เจี้ยนเวยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบ “เอาเพลงนั้นน่ะ เพลงไว้อาลัยคนตาย”ใบหน้าของหญิงงามแข็งเกร็ง นางค้อมตัวเล็กน้อย ก่อนเริ่มขับขานลำนำ “ข้าดั่งกระเบื้องเขียวเรียวบาง ท่านดั่งน้ำค้างยามรุ่งอรุณ น้ำค้างเหือดหายใต้แสงการุณ กระเบื้องยังคงเกื้อหนุนแ
Read more

บทที่ 4

ค่ำคืนมืดมิดราวกับถูกราดด้วยน้ำหมึกโบราณนับหมื่นปี ไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างเพียงน้อยนิด ในป่าทึบ อาชาวิเศษพันลี้สีดำสนิทกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดกำลังควบไปอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า แต่กีบเท้าทั้งสี่ที่ห้อตะบึงลงบนพื้นกลับไม่มีเสียงแม้แต่น้อยบนหลังอาชาวิเศษ ชายผู้หนึ่งอุ้มเด็กหนุ่มร่างบอบบางที่หันหลังให้เส้นทางด้านหน้าไว้ในอ้อมแขน กำลังตั้งใจเร่งเดินทางอย่างสุดความสามารถอาชาวิเศษวิ่งด้วยฝีเท้ามั่นคงยิ่ง แต่เพราะใช้ความเร็วมากเกินไป สุดท้ายก็ยังคงมีความรู้สึกโคลงเคลงอยู่บ้างเยว่เจี้ยนเวยลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย รู้สึกมึนงงในศีรษะปะปนกับความเจ็บแปลบ ทั้งร่างอ่อนแรง ภาพเหตุการณ์มากมายแวบผ่านไป ชั่วขณะนั้นเขาถึงกับแยกไม่ออกว่าเวลานี้คือเมื่อใดภาพสุดท้ายในความทรงจำของเขา ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่ถูกสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ฟาดจนวิญญาณแตกสลาย คงไม่อาจไปเกิดใหม่ชั่วนิรันดร์ แต่ในใจเขากลับไม่เสียใจแม้แต่น้อย ซ้ำยังสะใจอย่างยิ่ง รู้สึกแม้กระทั่งภาคภูมิใจ—ในที่สุดเขาก็แก้แค้นให้โม่ชางหลานได้สำเร็จ“นายน้อยตื่นแล้วสินะ หลับไปตั้งสองวัน หากยังไม่ตื่นอีก ข้าคงต้องเรียกท่านว่าหมูน้อยแล้ว” เสียงอ่อนโยน
Read more

บทที่ 5

พิณยมทูตหัวเราะเฮอะ ๆ กล่าวว่า “เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนตัวน้อย สามารถพาเด็กคนนี้หนีมาจากทวีปเซียนจื่อเจ๋อถึงที่นี่ได้ ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้ว แต่น่าเสียดายที่โชคดีของเจ้า เมื่อพบกับพวกเราก็ถึงคราวจบสิ้น!”พิณยมทูตดีดพิณไม่เป็นจังหวะ เงาที่ส่งผ่านจากสายพิณกลายเป็นรูปร่างบิดเบี้ยวทอเป็นตาข่ายใหญ่ พุ่งไปครอบคลุมเยว่สือจากด้านบน เส้นสายในตาข่ายนี้คมกริบยิ่งกว่าใบมีด เพียงชั่วพริบตาก็สามารถเฉือนเนื้อเยว่สือได้เป็นชิ้น ๆส่วนปีศาจเฒ่าดาบมังกรก็ไม่ยอมแพ้ ตะขอเหล็กถูกผูกติดกับโซ่เหล็กพุ่งตรงไปที่เยว่สือ ฉีกเนื้อออกจากขาของเขา แล้วเปลี่ยนทิศทาง ตะขอนั้นพุ่งไปที่แขนของเยว่สือ...ในช่วงวิกฤตนั้น เยว่เจี้ยนเวยที่ดูเหมือนยืนนิ่งราวกับหุ่นไม้แม้แต่จะวิ่งก็ไม่รู้จักวิ่ง กลับเอียงกายหมุนตัว กริชเล่มหนึ่งพลันปักเข้าที่หัวใจของปีศาจเฒ่าดาบมังกรโดยทันทีปีศาจเฒ่าดาบมังกรรู้สึกเย็นวาบที่หัวใจ ได้แต่ก้มมองด้ามกริชซึ่งโผล่พ้นออกมา—ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้ เขาฝึกวิชากายทองคำสำเร็จแล้ว แม้ผิวหนังจะให้สัมผัสไม่ต่างจากคนทั่วไป แต่ในความเป็นจริง อาวุธธรรมดาย่อมไม่อาจแทงทะลุได้ แล้วเด็กน้อยที่ยังไม่มีแกนพลังวิญญาณ
Read more

บทที่ 6

ต่อมา เยว่เจี้ยนเวยได้หยุดขบวนของเยว่อิ่นจือทายาทตระกูลเยว่ที่กำลังเดินทางกลับบ้านเยี่ยมญาติ แล้วแสดงตรายืนยันตัวให้เขาดู เยว่อิ่นจือเห็นสภาพอันน่าสงสารจึงพาเขาไปยังตระกูลเยว่ หลังจากถามไถ่เรื่องราวต่าง ๆ จนแน่ใจในตัวตนของเยว่เจี้ยนเวยแล้ว ก็สั่งให้คนในตระกูลเยว่รับเขาไว้ ให้การดูแลเหมือนสมาชิกสายตรงของตระกูล และยังกำชับทุกคนว่าห้ามดูแคลนเด็ดขาดแม้เยว่อิ่นจือจะเป็นคนเย็นชา ไม่ชอบพูดมาก แต่เขาก็เป็นคนที่มีเหตุผล และเป็นคนเดียวในตระกูลเยว่ที่เยว่เจี้ยนเวยชื่นชอบแต่เยว่อิ่นจือก็เป็นศิษย์สำนักราชันย์คืนวิญญาณ เขากลับมาได้เพียงสองเดือนก็ต้องจากไปอีกครั้ง หลังจากนั้นหลายปีก็ไม่เคยกลับมาอีกเลยหลังเยว่อิ่นจือจากไป คนในตระกูลเยว่ที่เคยสุภาพนอบน้อมกับเยว่เจี้ยนเวยก็เปลี่ยนไปในทันที พวกเขาไม่เพียงแต่เย้ยหยันต่อหน้าว่าบิดาของเขาเป็นคนใจดำอำมหิตไม่ใส่ใจตระกูล แต่ยังอาศัยการที่เยว่เจี้ยนเวยไม่มีผู้ใดคุ้มครอง รังแกเขาทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่ให้ทรัพยากรฝึกวิชาใด ๆ แม้แต่เสื้อผ้าใหม่ก็ไม่ให้สวมใส่ และที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น พวกศิษย์ตระกูลเยว่ยังรวมหัวกันแย่งชิงกำไลสรรพภพที่บิดาให้เขาไว้ แล้วเอาขอ
Read more

บทที่ 7

“หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งปรากฏตัวห่างออกไปสิบลี้ขอรับ”ทหารน้อยคนหนึ่งในชุดเกราะเปื้อนเลือดคุกเข่าข้างหนึ่ง เสียงสั่นเครือแต่ยังคงควบคุมท่าทีได้มั่นคง รายงานชายหนุ่มที่นั่งหลับตาอยู่บนรถเข็น สวมเสื้อคลุมขนสัตว์เบาบางว่า “ซ้ำยังพาปีศาจน้ำแข็งมาเป็นพัน ๆ ตัว ทั้งพวกที่บินได้และวิ่งได้ ท่านเจ้าเมืองและคุณชายรองไปตัดเส้นทางทัพข้าศึก เกรงว่าหากครึ่งชั่วยามไม่อาจกลับมาทันเวลา เมืองนี้... คงยากจะป้องกันแล้วขอรับ”มือขวาของโม่ชางหลานที่วางอยู่บนขา มีผีเสื้อสีนิลตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกเกาะอยู่บนนิ้วกลาง ผีเสื้อนั้นดูดเลือดบนมือของโม่ชางหลานเล็กน้อย เมื่อนิ้วของโม่ชางหลานขยับ ผีเสื้อสีนิลก็โผบินออกไปนอกเมือง“ร้อนใจไปใย” เสียงของโม่ชางหลานเนิบนาบและแฝงความเกียจคร้านอยู่ในที ตัวคนดูเป็นธรรมชาติ นิ้วของเขาจับเส้นใยที่ตาเปล่ามองไม่เห็น ขยับไปมาสองสามที ก่อนกล่าวว่า “ข้ายังไม่ตายหรอก เมืองนี้แตกไม่ได้ ข้าจะออกไปดูสถานการณ์เอง”ทหารน้อยพลันสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางที่เดิมคุกเข่าข้างเดียวกลายเป็นคุกเข่าทั้งสองข้าง กล่าวว่า “นายน้อยโปรดอย่ากังวล ให้ข้าออกไปปกป้องก่อน ข้างนอกลมแรงหิมะหนาว รวมถึงปีศาจน้ำแข็งพ
Read more

บทที่ 8

“แย่แล้ว” ผู้อาวุโสจื่อชวนที่เพิ่งจัดวางค่ายกลเสร็จและรีบมาที่นี่ ยืนอยู่บนยอดกำแพงเมืองมองไปยังที่ไกลตา สีหน้าเคร่งเครียด กล่าวว่า “โจมตีไม่สำเร็จ มือของหัวหน้าปีศาจนั่นงอกออกมาใหม่แล้ว ข้าจะลงไปเผชิญหน้ากับมันเอง!”“ไม่จำเป็น” โม่ชางหลานกล่าว “พลธนูเทพเตรียมตัว”พลธนูเทพร้อยคนได้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว พวกเขาง้างธนูที่มีลูกศรพิเศษซึ่งจุดไฟไว้ล่วงหน้า เมื่อได้ยินคำสั่งก็ยิงลูกธนูลงไปข้างล่าง ลูกธนูนำพาเปลวไฟอุณหภูมิสูงปักเข้าที่ตัวหมาป่าน้ำแข็งและนกน้ำแข็ง ทำให้พวกมันละลายกลายเป็นหยดน้ำในพริบตาเปลวไฟดวงหนึ่งทะลุเข้าไปที่ไหล่ของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็ง ทำให้มันโกรธจัดถึงขีดสุด หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งบ้าคลั่งขึ้นมาทันที มันคว้าทหารสองคนขึ้นมาแล้วบีบจนแหลกเละคามือด้วยพละกำลังที่สามารถพังทลายเรือใหญ่ได้สบาย ก่อนคำรามแล้ววิ่งกระโจนไปอย่างบ้าคลั่ง เหยียบย่ำทั้งปีศาจน้ำแข็งและทหารข้าศึกตายไปไม่รู้กี่คนมันเหวี่ยงหมัดไปมา ชกไปทางประตูเมือง เห็นได้ชัดว่าระยะห่างร่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ...โม่ชางหลานรักษาความสงบ พูดเสียงเรียบว่า “ให้ทหารทั้งหมดถอยกลับมา เตรียมยิงปืนใหญ่วิญญาณไฟ”ปืนใหญ่วิญญาณไฟเป็นวัตถุ
Read more

บทที่ 9

แต่ถึงแม้เยว่สือจะบ่นอยู่ในใจ ทว่าเขาก็ยังกระทุ้งก้นอาชาหนุ่มสีเขียว เจ้าอาชาส่งเสียงร้องออกมา รู้สึกแสบร้อนราวกับถูกทะลวงเข้าจุดสำคัญ ขาทั้งสี่ข้างไม่ต่างจากเหาะเหินเดินอากาศอยู่บนปุยเมฆ พรวดเดียวก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดเยว่เจี้ยนเวยเกือบจะถูกเหวี่ยงตกลงไปเจ้าอาชาหนุ่มสีเขียวตัวนี้สมกับเป็นราชาแห่งอาชา แม้อยู่ท่ามกลางพื้นหิมะหนาก็ยังเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็แซงหน้าหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งที่กำลังวิ่งวุ่นด้วยความบ้าคลั่งเยว่สือรวบรวมลมปราณไว้ที่จุดตันเถียน กล่าวว่า “พอถึงเชิงกำแพง ข้าจะพานายน้อยเหินขึ้นไปตามกำแพง เจ้าอาชาตัวนี้คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว”เยว่เจี้ยนเวยตอบรับเบา ๆ พลันสังเกตเห็นคันธนูที่กระจัดกระจายอยู่ในกองเลือดด้วยความตาไวเยว่เจี้ยนเวยคิดอะไรบางอย่างในใจ แส้เส้นหนึ่งที่เดิมพันอยู่รอบข้อมือเขาก็ปรากฏขึ้นในมือ “ควับ” เสียงแส้ดังขึ้นในอากาศ พุ่งเข้าไปม้วนรัดคันธนูยาวที่ตกอยู่บนพื้นคล้ายงูวิเศษ แล้วธนูก็ลอยหวือมาอยู่ในมือเขาเยว่สือเห็นเช่นนั้นก็เกือบจะกระอักเลือด กล่าวว่า “ท่านกินยานั่นอีกแล้ว!”เยว่เจี้ยนเวยหัวเราะฮ่า ๆ เคลื่อนไหวรวดเร็วดังกระต่ายป่
Read more

บทที่ 10

“ดินแดนหิมะขาวแห่งทะเลทรายเหนือนี่ช่างหนาวเหลือเกิน” เยว่เจี้ยนเวยสูดปากด้วยความหนาวเหน็บ กระชับเสื้อคลุมเล็ก ๆ ที่ตอนนี้เป็นของตนเองแน่น ถูมือพลางพูดว่า “หนาวจะตายอยู่แล้ว”เยว่สือ “...”ทำเป็นองอาจได้ไม่เกินสามลมหายใจจริง ๆบนป้อมกำแพงเมือง เหล่าทหารที่ไม่เคยคิดเลยว่าหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งจะถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งจัดการอย่างง่ายดาย ต่างพร้อมใจกันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีคนถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “ยอดฝีมือเมื่อครู่ เป็นคนที่ท่านเจ้าเมืองหามาหรือ?”ผีเสื้อสีนิลบินกลับมาอยู่ข้างกายโม่ชางหลาน มีตัวหนึ่งหยุดเกาะบนเข่าของเขาผู้อาวุโสจื่อชวนก็มองมาที่โม่ชางหลานด้วยความสงสัยเช่นกัน กล่าวว่า “ข้าไม่เคยได้ยินท่านเจ้าเมืองบอกว่าจะหาผู้ใดมาช่วย และข้าก็ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อนด้วย”โม่ชางหลานหลับตาไม่พูดอะไร ผีเสื้อสีนิลที่เกาะอยู่บนนิ้วมือใช้ปีกของมันแตะนิ้วมือของเขาอย่างสนิทสนมโม่ชางหลานยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนกล่าว “ทั้งสองคนนั้นเลือกมาดินแดนหิมะขาวในเวลาที่อันตรายที่สุด ถ้าไม่ใช่หนีตายมาที่นี่ ก็ต้องมาเยี่ยมญาติ หรือไม่ก็ต้องการออกไปนอกกำแพงด้วยความไม่กลัวตาย นับว่าน่าสนใจอยู่ไม่
Read more
PREV
123456
...
9
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status