All Chapters of เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง: Chapter 41 - Chapter 50

64 Chapters

บทที่ 41

ขณะที่เรือวิญญาณที่บรรทุกบรรดาลูกศิษย์ทะยานขึ้นสู่เขาเสวียนทง เสิ่นหวยจั๋วที่เพิ่งมาส่งก็ไม่ได้ว่างเฉยแสงอาทิตย์ส่องแสงกำลังดี นาน ๆ ทีเขาจะไม่ได้งีบหลับต่อในสวนไผ่เขียว แต่กลับเหาะมุ่งตรงไปยังภูเขาอันเงียบสงัดของสำนักในหุบเขาที่เคยเปล่งประกายด้วยแสงทองอร่าม ร่องรอยอีกมากมายดังที่คาด โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบบึงน้ำ ที่มีกลิ่นอายผสมผสานคละปนกันอยู่ ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่ไร้ผู้คนเหลียวแลโดยสิ้นเชิงไม่ต้องคิดก็รู้ว่า นี่ล้วนเป็นเพราะพวกที่มาแสวงโชคที่นี่ และต้องการที่จะเข้าไปในถ้ำอสูรนั่นเองเพียงแต่ เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่รู้ว่า ที่แห่งนี้มีถ้ำอสูรเสียที่ไหนกัน?สิ่งที่มี เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวร่างแยกที่พลังเทพสูญสิ้น และดับสลายไปในที่แห่งนี้เท่านั้น"สหาย ลำบากเจ้าแล้วที่มาส่งข้า""หากมิใช่เพราะลูกศิษย์น้อยบังเอิญนำหินน้ำลายมังกรติดตัวมาด้วย ข้าก็คงไม่รู้เลยว่า เศษเสี้ยวร่างแยกนี้ของเจ้าไม่สามารถกลับไปได้""เพียงแต่การที่สามารถทำให้ลูกศิษย์น้อยของข้าได้มีโอกาสเข้าใจความลึกซึ้งของแก่นแท้ฟ้าและดิน ก็นับว่าเป็นส่วนสนับสนุนเล็ก ๆ จากร่างแยกนี้ของเจ้าแล้ว""อย่าโศกเศร้าเลยนะ อย่าโศกเศร้า
Read more

บทที่ 42

"แล้วผู้อาวุโสของสำนักพวกเขาไม่สนใจเลยหรือ?" อวี้หลานชิงประหลาดใจเล็กน้อยตามหลักเหตุผลแล้ว สำนักทั้งสี่ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อเปิดแดนลับ ก็ควรจะเป็นความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันถึงจะถูก"สนใจสิ ทำไมจะไม่สนใจล่ะ" ฉิวเหรินซวี่เบ้ปากแบบหมดคำจะพูด "พวกเขาชดเชยด้วยหินวิญญาณสองพันก้อน และบอกว่าเพียงพอที่จะต่อกระดูกซี่โครงได้ถึงห้าซี่ นับประสาอะไรกับหักไปเพียงแค่ซี่เดียว""คนของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนบอกว่า เพราะแย่งชิงถ้ำวิมานเทพแห่งหนึ่งเพื่อทำการบำเพ็ญ พวกเขาจึงต่อสู้กัน ซึ่งเป็นความขัดแย้งตามปกติ และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นก็มีฝีมือด้อยกว่าผู้อื่นเอง การที่พวกเขายอมชดเชยด้วยหินวิญญาณสองพันก้อนนั้น ก็นับว่ามีน้ำใจมากพอแล้ว""พูดจาโอหังเช่นนี้ แท้จริงแล้วทั้งสองสำนักมีภูมิหลังอะไรกันแน่นะ?" มีลูกศิษย์ที่มาเขาเสวียนทงเป็นครั้งแรก เอ่ยถามด้วยเสียงเบา ๆ อยู่ด้านข้าง"แต่ก่อนสำนักเทียนเยี่ยนเป็นสำนักทางเป่ยโจว ส่วนสำนักอู๋จี๋เตี้ยนเป็นสำนักทางหนานโจว ว่ากันว่าต่างก็มีอำนาจและชื่อเสียงในท้องถิ่น มีผู้เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก มีรากฐานที่แข็งแกร่งมั่นคง"ฉิวเหวินซวี่พูดถึงตรงนี้ก็หยุดลงเล็กน้อย จากนั้นกล่
Read more

บทที่ 43

สี่สำนักรวมเข้าด้วยกัน ลูกศิษย์ระดับหลอมปราณทั้งหมดกว่าสี่ร้อยคนได้เดินขึ้นไปตามเส้นทางบนภูเขา ที่เชิงเขาเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดในชั่วพริบตา เมื่อสี่สำนักรวมกันแล้ว คนที่เหลือก็มีไม่ถึงร้อยคนบรรดาเจินเหรินทั้งหลายร่ายมือขึ้นอีกครั้ง พลังจิตวิญญาณแต่ละสายหลั่งไหลเข้าสู่ป้ายคำสั่งและแผ่นหินจารึกเดิมทีเส้นทางภูเขาที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าได้พลันหายวับไป แทนที่ด้วยถนนที่กว้างขวางกว่าเก่า โดยถนนหนทางปูด้วยแผ่นหินสีเขียว "ลูกศิษย์ระดับสร้างฐาน เข้าสู่แดนลับได้" เมื่อเจินเหรินของแต่ละสำนักออกคำสั่ง บรรดาลูกศิษย์ระดับสร้างฐานต่างเรียกใช้อาวุธวิเศษ เหาะเหินไปตามเส้นทางมุ่งไปสู่ภูเขาอวี้หลานชิงก็ไม่เว้น สิ่งที่นางเหยียบอยู่ใต้เท้า คือกระบี่ยาวสีแดงสัมฤทธิ์ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งยึดคืนมาจากจางเม่าฉวนก่อนที่นางจะสามารถหลอมกระบี่วิญญาณเป็นของตนเองได้ กระบี่เล่มนี้ยังใช้งานไปได้อีกระยะหนึ่งเพียงเงากระบี่แวบผ่าน ในชั่วพริบตาก็เหาะไปถึงปลายทางของแผ่นหินสีเขียวแล้วอีกเพียงแค่ก้าวเดียว ก็เป็นประตูภูเขาแล้ว เงาร่างทั้งหมดต่างเหาะหายเข้าไปในประตูภูเขา ที่นี่จึงจะเป็นประตูทางเข้าแดนลับอย่างแท้จ
Read more

บทที่ 44

ครั้งนี้อวี้หลานชิงจำแนกออกแล้ว การเปลี่ยนแปลงของพลังงานนี้ มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่เข้าไปในถ้ำอสูรก่อนหน้านี้นางเริ่มเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เรียกว่าแดนลับเขาสวียนทง น่าจะเหมือนกันกับถ้ำอสูร ไม่ใช่สถานที่จริงที่เห็นอยู่ตรงหน้า แต่เป็นอีกมิติหนึ่งที่ถูกเปิดออก และแยกตัวออกจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ภาพเบื้องหน้าพลันเลือนราง เมื่อมองเห็นชัดเจนอีกครั้ง ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาก็มลายหายไปแล้ว และสิ่งที่มาแทนที่ คือสายแร่โลหะที่เต็มไปด้วยความแหลมคม และพลังอันน่าเกรงขาม ตอนนี้นางน่าจะอยู่ใจกลางสายแร่แล้ว หินภูเขาโดยรอบแหลมคมราวกับคมมีด บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารถึงสภาพแวดล้อมจะอันตรายและน่ากลัว แต่นางไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสบายไปทั้งตัว ถึงแม้จะยังไม่ได้โคจรพลังภายใน แต่พลังวิญญาณทองคำอันเข้มข้นก็เริ่มซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างต่อเนื่องแล้วอวี้หลานชิงไม่คลางแคลงแต่น้อย หากนางได้อยู่ในสายแร่โลหะนี้ตลอดหนึ่งเดือนเต็ม นางย่อมสามารถทะลวงไปถึงสร้างฐานช่วงปลายได้อย่างแน่นอน กระทั่งสร้างฐานขั้นแปด ขั้นเก้า บางทีการก้าวขึ้นไปอีกก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ไ
Read more

บทที่ 45

เมื่อมองลงไปด้านล่าง ก็เห็นร่างของตัวเองที่นั่งขัดสมาธิอยู่ อวี่หลานชิงจึงตกใจเป็นอย่างมากการถอดจิตวิญญาณ นั่นคือเรื่องของผู้มีที่การก่อกำเนิดทารกวิญญาณขั้นสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้นางเพิ่งอยู่ในระดับสร้างฐาน จิตวิญญาณไม่สามารถแยกออกจากร่างได้และหากวิญญาณออกจากร่างนานเกินไป ร่างกายก็อาจจะถึงตายได้อวี้หลานชิงรีบใช้พละกำลังทั้งหมด พยายามทำให้จิตวิญญาณกลับเข้าร่างแต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร จิตวิญญาณที่ออกจากร่างไปแล้ว ก็ยังคงลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งออกห่างจากร่างกายไกลขึ้นไปทุกทีและเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะลอยออกจากขอบเขตที่กล่องค่ายกลปกคลุมอยู่ อวี้หลานชิงจึงกัดฟันแน่น รวบรวมสมาธิ แล้วหยิบโอสถลูกกลอนบำรุงรากฐานขวดหนึ่งออกมาจากในแหวนเก็บของ ร่างกายไม่สามารถขยับได้ นางจึงลองใช้พลังจิตวิญญาณอันอ่อนแรงในการเปิดฝาขวดในช่วงนาทีสุดท้ายที่จิตวิญญาณจะลอยออกจากร่าง ในที่สุดนางก็สามารถเอาโอสถลูกกลอนเม็ดหนึ่งใส่เข้าปากได้สำเร็จโอสถลูกกลอนบำรุงรากฐาน ตามชื่อก็สามารถบ่งบอกสรรพคุณในการบำรุงรากฐานเสริมพลัง ปกป้องไม่ให้พลังและเลือดแยกจากกัน ขวดนี้คือยาบำรุงรากฐานชั้นสูงที่ท่านอาจารย์มอบให้ ซึ่งมีส
Read more

บทที่ 46

และเข็มทิศขนาดมหึมานี้ ก็คือ"แดนลับ"ที่แท้จริงสภาพแวดล้อมแต่ละแห่งที่พวกเขาอยู่เหมาะกับการบำเพ็ญเพียรของตนเอง ทั้งหมดล้วนเป็นแดนมายา ที่เข็มทิศสร้างขึ้นตามคุณสมบัติของตัวพวกเขาเพียงแต่บนเข็มทิศนี้มีเพียงแค่เงาร่างของผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานเท่านั้นเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนระดับหลอมปราณที่เข้าเขาเสวียนทงมาก่อนพวกเขาเล็กน้อย อวี้หลานชิงก็ไม่ได้เห็นแม้แต่คนเดียวจิตวิญญาณยังคงล่องลอยขึ้นสูงอย่างควบคุมไม่ได้ เงาร่างที่อยู่ใต้เท้ากลายเป็นเล็กลงเรื่อย ๆอวี้หลานชิงเงยหน้าขึ้น"มอง"ไป เห็นเพียงไข่มุกกลมที่สว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือศีรษะแสงสว่างจ้าที่ปล่อยออกมาจากมันนั้น กระจายอย่างสม่ำเสมออยู่ด้านบนเข็มทิศที่อยู่ข้างล่างอวี้หลานชิงแอบรู้สึกว่า เข็มทิศนี้ที่อยู่ด้านล่าง อาจถูกกระตุ้นให้เคลื่อนไหวโดยไข่มุกที่อยู่เหนือศีรษะแสงที่อยู่ตรงหน้าสว่างจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนตาของอวี้หลานชิงมองเห็นเข็มทิศและเงาร่างที่อยู่ใต้เท้าได้ไม่ชัดเจนทันใดนั้น จิตวิญญาณของนางก็ถูกแรงดึงดูดขนาดมหึมาดึงเข้าไป หลังจากที่ความรู้สึกวิงเวียนถาโถมเข้ามา แสงสว่างจ้าที่อยู่ตรงหน้าก็มลายหายไป และถูกแทนที่ด้ว
Read more

บทที่ 47

ชายชราตรงหน้าก็เป็นร่างวิญญาณเช่นกัน อวี้หลานชิงไม่สามารถตัดสินระดับพลังยุทธ์ของอีกฝ่ายได้ แต่พอจะเดาได้ว่า การปรากฏตัวอยู่ที่นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับ "สำนักจิ่วเซียว" ที่เขียนไว้บนป้ายสำนักเสียส่วนใหญ่ "ท่านเป็นผู้อาวุโสของสำนักจิ่วเซียวหรือ?" อวี้หลานชิงถามหยั่งเชิง ชายชราตกตะลึงเล็กน้อย และเอ่ยถามอย่างแปลกใจ "เจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์สำนักจิ่วเซียวหรือ?" อวี้หลานชิงส่ายหน้า และแนะนำตนเอง"ข้าน้อยอวี้หลานชิง มาจากสำนักกระบี่เสวียนเทียน" "สำนักกระบี่เสวียนเทียน?" ในแววตาชายชราเต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคย ไม่แปลกหรอก ตามที่อวี้หลานชิงทราบมา การที่สี่สำนักใหญ่แห่งตงโจวค้นพบแดนลับเขาเสวียนทง ก็เป็นเรื่องเกือบพันปีก่อนแล้ว ในบันทึกของสำนักต่าง ๆ ของตงโจว ไม่มีชื่อที่เกี่ยวข้องกับ "สำนักจิ่วเซียว" เลย ดูเหมือนว่าระยะเวลาที่สำนักเซียนโบราณแห่งนี้อยู่บนโลก อย่างน้อย ๆ ก็หลายพันปียิ่งไปกว่านั้น อาจจะเป็นเวลายาวนานก่อนหมื่นปีก็เป็นได้ อวี้หลานชิงนำประสบการณ์การติดตามสำนักเข้าสู่แดนลับของตนเองมาเล่าให้ฟัง ทีแรกผู้อาวุโสก็แปลกใจ แต่ต่อมาก็เข้าใจ จากนั้นก็สับสนและถอนหายใจออกมา "นึกไม่ถึงว่าจะ
Read more

บทที่ 48

ค่ายกลดึงวิญญาณ แน่นอนว่ามีจุดประสงค์เพื่อดึงวิญญาณในตอนนั้นปรมาจารย์อาวุโสต้าวเสวียนได้จัดวางค่ายกลนี้ขึ้นมา ก็เพื่อเรียกเศษเสี้ยวดวงวิญญาณลูกศิษย์ที่ดับสูญในเพลิงสวรรค์กลับคืนมา ทำให้วิญญาณของลูกศิษย์สำนักจิ่วเซียวยังคงวนเวียนอยู่ในโลกใบน้อยนี้ต่อไป เพื่อแสวงหาความหวังสุดท้ายในอนาคตแต่นึกไม่ถึงว่า หลายปีผ่านไป วิญญาณที่ถูกดึงกลับมามีแค่ชายชราเพียงผู้เดียว วิญญาณของลูกศิษย์คนอื่น ๆ ล้วนแหลกสลายไปในเพลิงสวรรค์หมดแล้ว "เฮ้อ" ชายชราถอนหายใจยาว ด้วยหัวใจที่สิ้นหวังสายตามองมายังร่างของอวี้หลานชิงที่ลอยอยู่เบื้องหน้าของตนเอง และกล่าวต่อว่า "เจ้ามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เพราะน่าจะถูกค่ายกลดึงวิญญาณในไข่มุกวิญญาณสวรรค์เม็ดนี้ดึงดูดเข้ามา" "เพียงแต่ค่ายกลดึงวิญญาณจะดึงดูดวิญญาณหลังความตายเท่านั้น แต่เจ้าบอกว่ายังมีเนื้อหนังมังสาอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร" อวี้หลานชิงเข้าใจว่านี่เป็นเพราะเหตุใด นางเป็นผู้เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง คนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่ค่ายกลดึงวิญญาณที่ถูกจัดวางโดยผู้ทรงพลังระดับฝ่าด่านเคราะห์ กลับสังเกตเห็นมัน หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าไม่ม
Read more

บทที่ 49

เมื่อกล่าวลาวิญญาณท่านผู้อาวุโสสำนักจิ่วเซียวแล้ว อวี้หลานชิงก็เหาะไปยังเมฆหมอกที่ล้อมอยู่ด้านนอกวังเซียนโดยตรงเมฆหมอกที่ลอยล่องราวกับแดนสวรรค์นั้น แต่เมื่อจิตวิญญาณปะทะเข้าไป ความเจ็บปวดอันรุนแรงกลับแล่นเข้ามาทันทีความเจ็บปวดนี้แตกต่างกับปราณกระบี่ที่ฟันเลือดเนื้อ หรือพลังวิญญาณที่พุ่งกระทบเส้นลมปราณโดยสิ้นเชิง มันเป็นความเจ็บปวดที่กระทบกระเทือนถึงจิตวิญญาณ และอยู่ในระดับที่ลึกยิ่งกว่า"โอ๊ย..."อวี้หลานชิงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาผู้อาวุโสสำนักจิ่วเซียวไล่ตามออกจากวังเซียน และลอยตัวอยู่ในขอบเขตเมฆหมอกอย่างระมัดระวัง เขาทอดถอนใจและกล่าวโน้มน้าวว่า "สหายน้อย เจ้าจะฝืนไปเพื่ออะไรกันเล่า!""ปรมาจารย์อาวุโสต้าวเสวียนมีอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่ง ม่านพลังที่เขาวางเอาไว้ ด้วยจิตวิญญาณ แค่ระดับแก่นปราณของเจ้านี้ไม่มีทางฝ่าออกไปได้อย่างแน่นอน รีบกลับมาเถิด!"ผู้อาวุโสทอดถอนใจอย่างต่อเนื่อง ในแววตาเต็มไปด้วยความเสียดายเขาเป็นวิญญาณเดียวดาย ที่ล่องลอยอยู่ในไข่มุกวิญญาณสวรรค์มาเป็นเวลานาน กว่าจะได้พบสหายน้อยสักคนที่สามารถพูดคุยด้วยกันได้ แต่วิญญาณกลับจะต้องแตกสลายไปเสียแล้วเฮ้อ หรือว่
Read more

บทที่ 50

สำนักที่เคยทระนงองอาจ เต็มไปด้วยยอดฝีมือ กลับต้องมาถึงจุดจบเช่นนี้ เก้าพันปีต่อมา ปรมาจารย์อาวุโสผู้ซึ่งคิดว่าจะทิ้งความหวังเอาไว้ให้สำนัก กลับพบว่าทุกสิ่งสูญเปล่า ความปรารถนาสุดท้ายก็เพียงแค่ต้องการคำตอบที่รอคอยมานานถึงเก้าพันปีดท่านั้นเพื่อให้เขากับลูกศิษย์นับหมื่นในสำนักที่ตายไปอย่างไม่เป็นธรรม ได้ตายตาหลับเสียที "เจ้าค่ะ ข้ารับปาก" อวี้หลานชิงกล่าวด้วยสีหน้าแน่วแน่ เมื่อนางพูดจบ เมฆหมอกเบื้องหน้าก็เปิดทางเป็นช่องเล็ก ๆ เมฆหมอกด้านหลังได้ผลักจิตวิญญาณของนางอย่างแรง และผลักดันจิตวิญญาณของนางออกไปโดยตรง เมื่อนางมาถึงด้านนอกไข่มุกวิญญาณสวรรค์ เสียงของปรมาจารย์อาวุโสต้าวเสวียนที่ดังอยู่ข้างหู กลับดูอ่อนล้ากว่าก่อนหน้านี้มาก "สหายน้อย ถนอมตัวด้วย และอย่าลืมสัญญาที่รับปากข้าไว้" อวี้หลานชิงหันกลับมา มองไปยังไข่มุกที่ลอยอยู่เหนือเข็มทิศ และยังคงสว่างไสว ไม่ว่าเสี้ยวจิตวิญญาณของปรมาจารย์อาวุโสต้าวเสวียนจะรับรู้หรือไม่ นางยังคงคำนับอย่างเคารพ และกล่าวว่า "ขอบพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ" หลังจากนั้นนางจึงก้มมองเข็มทิศใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง หาตำแหน่งทองคำ และเหาะลงไป ในขณะที่ลงไป ส
Read more
PREV
1234567
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status