All Chapters of เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง: Chapter 51 - Chapter 60

64 Chapters

บทที่ 51

“โปรดยั้งมือก่อน!”เสียงร้องอุทานอันเล็กแหลมดังสะท้านจนอวี้หลานชิงแสบแก้วหูเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูอยู่บ้าง ครั้นเพ่งมองให้ชัด คนที่อยู่ใต้คมกระบี่คือศิษย์สำนักอู๋จี๋เตี้ยนที่เคยมีวาสนาพบกันหน้าทางเข้าแดนลับ และถูกส่งมายังแดนมายาทองคำพร้อมกับตนเมื่อสัมผัสได้ว่าเจตนาฆ่าที่มุ่งตรงมายังตนได้คลายลงบ้างแล้ว หลิงสวินเฟิงจึงรีบยกมือทั้งสองขึ้นเพื่อแก้ต่างให้ตนเอง “เข้าใจผิดแล้ว ๆ ศิษย์น้องหญิงผู้นี้ เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าสลบอยู่ตรงนี้ ยาก็ตกอยู่ใกล้ ๆ เลยว่าจะช่วยป้อนยาให้เจ้าน่ะ!”สายตาของอวี้หลานชิงเลื่อนไปตกที่มือที่เขายกขึ้นขวดยาและเม็ดยาในมือที่ยกขึ้น ก็คือยาบำรุงรากฐานชั้นเลิศที่นางทำตกพื้นไปก่อนหน้านี้ไม่ผิดแน่เมื่อลองทบทวนท่าทางของอีกฝ่ายยามลมหายใจประชิด ก็แน่ใจได้ว่าตั้งใจจะป้อนยาให้ตนเองจริงแววตาปรากฏความกระอักกระอ่วนแวบหนึ่ง อวี้หลานชิงจึงชักกระบี่กลับ “ขอโทษด้วย”“ไม่เป็นไร ๆ” หลิงสวินเฟิงโบกมือ “ออกมาอยู่ข้างนอก มีความระแวดระวังไว้บ้างก็เป็นเรื่องดี”“ในเมื่อร่างกายเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปขุดแร่ต่อ” หลิงสวินเฟิงก้มตัวหยิบจอบที่วางอยู่ข้างเท้าขึ้นมา ครุ่นคิดอยู่
Read more

บทที่ 52

กำลังอยากจะเติมหินวิญญาณเข้าไป ก็พลันนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ออกเดินทางท่านอาจารย์ได้มอบแหวนวงหนึ่งให้ตนเมื่อสวมใส่แหวนวงนั้นแล้ว ก็ดูงดงามยิ่งนักแต่หลังจากรวมตัวออกเดินทาง ก็มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นต่อเนื่อง นางไม่มีโอกาสแม้แต่จะเปิดดูว่าในนั้นใส่อะไรไว้บ้างถือโอกาสที่จิตวิญญาณกำลังอ่อนล้า และยังไม่อาจเริ่มฝึกตนได้ในยามนี้ พอดีจะได้ลองดูของที่ท่านอาจารย์เตรียมไว้ให้ตนเสียหน่อยอวี้หลานชิงนึกถึงท่านอาจารย์ของตนไปพลาง ส่งจิตสัมผัสเข้าไปสำรวจแหวนเก็บของด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไปพลาง......เมื่อไม่นานมานี้ณ ประตูทางเข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียนลำแสงสีขาวสายหนึ่ง “วูบ” ผ่านเหนือศีรษะของผู้คนไปหอบลมแรงเข้ามาวูบหนึ่ง พัดพาเหล่าศิษย์ทั้งหลายที่กำลังขี่กระบี่บินกลับเข้าสำนักบริเวณประตูจนเวียนหัว“เมื่อครู่...มีคนบินผ่านไปใช่ไหม?”“เร็วขนาดนี้ ต้องเป็นผู้อาวุโสท่านใดท่านหนึ่งจากฝ่ายในแน่ ข้าจำได้ว่าเคยเห็นผู้อาวุโสจวีหยางเหาะเหินเดินอากาศ ยังไม่เร็วถึงเพียงนี้ หรือว่าผู้ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ จะเป็นปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนแห่งยอดเขาหลิงเซียวกันนะ?”“ต้องใช่แน่! มีแต่ปรมาจารย์กระบี่เท่านั
Read more

บทที่ 53

อวี้หลานชิงเข้าฌานครานี้ ยาวนานถึงยี่สิบกว่าวันเต็มกระทั่งใกล้ครบกำหนดหนึ่งเดือน ที่แดนลับกำลังจะปิดตัวลง นางจึงออกจากสภาวะเข้าฌาน“อุปสรรค” ที่เหลือเพียงครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ขั้นสร้างฐานปราณช่วงปลาย ได้ถูกนางข้ามผ่านไปนานแล้ว มิหนำซ้ำยังก้าวล้ำไปอีกหนึ่งขั้น ขณะนี้ระดับพลังยุทธ์ได้มาถึงขั้นสร้างฐานปราณชั้นแปดแล้วเมื่อคลายค่ายกลป้องกันและค่ายกลล่องหนของเรือนเล็กที่นำมาด้วยแล้ว อวี้หลานชิงก็เก็บมันกลับเข้าสู่แหวนเก็บของเมื่อเห็นร่างที่ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นในสายแร่ ดวงตาของหลิงสวินเฟิงพลันสว่างวาบ รีบยิ้มร่าเข้ามาหา “ศิษย์น้องหญิง ในที่สุดก็พบเจ้าเสียที ข้านึกว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในแดนมายาแห่งนี้ ออกไปก่อนแล้วเสียอีก”“ต้องขอบคุณศิษย์น้องหญิงที่เตือน ข้าถึงไม่ได้เสียเวลาไปกับการกระเทาะหินในช่วงเวลาที่เหลืออีก ตอนนี้ข้าก็ทะลวงผ่านขั้นสร้างฐานปราณชั้นแปดได้โดยราบรื่นแล้ว หลังออกจากแดนลับ ข้าจะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยง เพื่อขอบคุณศิษย์น้องหญิงอย่างเต็มที่ หวังว่าศิษย์...”คำว่า “หวังว่าศิษย์น้องหญิงจะให้เกียรติ” พูดไปได้ครึ่งทางก็ติดอยู่ในลำคอหลิงสวินเฟิงมองดูระดับพลังยุทธ์ขั้นสร้างฐานปรา
Read more

บทที่ 54

คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของปรมาจารย์อาวุโสต้าวเสวียนเช่นกันโดยอาศัยป้ายคำสั่งนี้ แม้ถึงยามนั้นจะไม่มีสี่สำนักร่วมกันเปิดแดนลับ นางก็ยังสามารถเข้าไปได้ เพื่อบอกข่าวที่เจ้าตัวสืบพบแก่เสี้ยวจิตวิญญาณส่วนนั้นของปรมาจารย์อาวุโสต้าวเสวียนที่อยู่ในไข่มุกวิญญาณสวรรค์พลังวิญญาณโดยรอบปั่นป่วนรุนแรงขึ้นทุกขณะอวี้หลานชิงเก็บป้ายคำสั่งเข้าแหวนเก็บของ กลั้นหายใจหนึ่งครา ควบคุมจิตให้สงบนิ่งในชั่วพริบตาถัดมา สายตาพลันพร่ามัวดังคาด พลังวิญญาณทองคำที่หนาแน่นสลายไป ร่างถูกส่งออกจาก “เหมืองวิญญาณทองคำ” แล้วที่ถูกส่งออกมาพร้อมกับนาง นอกจากหลิงสวินเฟิงแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยนแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนขั้นสร้างฐานปราณอีกหลายสิบคนที่เข้าสู่แดนลับใหญ่แห่งเขาเสวียนทงพร้อมกับพวกเขาแทบทุกคนต่างมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปเดิมทีศิษย์พี่หญิงเฝิงมีระดับพลังยุทธ์ขั้นสร้างฐานปราณสมบูรณ์ถึงที่สุดอยู่แล้ว บัดนี้พอมองอีกครั้ง ขอบเขตพลังก็ยิ่งสมบูรณ์มากขึ้น ในทุกท่วงท่าราวกับมีพลังของผู้ฝึกตนแก่นปราณแฝงอยู่ คงแตะขอบเขตของขั้นหลอมแก่นปราณแล้ว อีกไม่นาน ก็จะสามารถฝ่าด่านแก่นปราณ รวมแก่นปราณที่เป็นของนางได้สำเร็จระดับพลังยุทธ์ข
Read more

บทที่ 55

อวี้หลานชิงหันกลับไปมองจี้ฝูเหยายังคงสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อนปักลายดอกบัวเหมือนคราวก่อน ทว่าระดับพลังยุทธ์ที่เผยออกมากลับเปลี่ยนจากขั้นดึงลมปราณเข้าร่าง กลายเป็นขั้นหลอมปราณช่วงกลางแม้ระดับพลังยุทธ์นี้ จะเป็นขั้นต่ำสุดในหมู่ผู้ฝึกตนทั้งหลาย แต่ด้วยเหตุที่ว่านางเพิ่งเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนเมื่อไม่นานมานี้เอง เวลาสั้น ๆ เพียงเดือนเศษได้ก้าวจากขั้นดึงลมปราณเข้าร่างไปสู่ขั้นหลอมปราณช่วงกลาง ความก้าวหน้าเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหันมามองด้วยสายตาใหม่เสียงเยินยอดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด หากแต่ในนั้นจะมีสักกี่คำที่มาจากใจจริง และอีกกี่คำที่เกิดจากบารมีของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้อวี้หลานชิงได้ยินแว่ว ๆ มีผู้ฝึกตนสองคนที่เพิ่งบอก “ยินดีด้วย” กับจี้ฝูเหยา พอหันหลังออกไปไม่ไกลนัก ก็เริ่มสุมหัวซุบซิบกัน“รากวิญญาณไม่บริสุทธิ์คนหนึ่ง เพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็ฝึกจากขั้นดึงลมปราณเข้าร่างไปสู่ขั้นหลอมปราณช่วงกลางได้ ก้าวข้ามไปสี่ขั้นย่อยติดต่อกัน หากเป็นรากวิญญาณสวรรค์ก็ยังพอเชื่อได้ แต่รากวิญญาณไม่บริสุทธิ์นี่นะ ฮึ ถ้าบอกว่าอาศัยความสามารถของนางเอง ข้าจะเขียนชื่อตัวเองกลับ
Read more

บทที่ 56

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เหน็บแนมว่าศิษย์น้องหญิงจี้ของเราจงใจปกปิด จนทำให้สองคนนั้นเดือดร้อนอย่างนั้นหรือ?”ผู้ฝึกตนหญิงระดับหลอมปราณขั้นสมบูรณ์รูปร่างสูงโปร่งที่ยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแค่นเสียงเบา ๆ พลางแสยะปากกล่าวว่า “ศิษย์สำนักอู๋จี๋เตี้ยนร่ำรวยก็จริง ทว่าศิษย์น้องหญิงจี้ของเราเป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ของวิเศษที่ติดตัวมีนับไม่ถ้วน จะสายตาตื้นเขินเห็นแก่ของกระจ้อยร่อยพวกนั้นได้อย่างไรกัน?”“ศิษย์พี่หญิงหู ท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ทุกคนก็เป็นห่วงความปลอดภัยของสหายสองท่านนั้นอยู่” จี้ฝูเหยาดึงแขนเสื้อของผู้ฝึกตนหญิงร่างสูงโปร่งที่อยู่เคียงข้างเบา ๆ เป็นเชิงตำหนิจากนั้นได้มองไปยังฝูงชนของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนฝั่งตรงข้าม ด้วยสีหน้าที่มีแววเกรงกลัวสามส่วน กังวลเจ็ดส่วน “ศิษย์พี่ของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนสองคนนั้น ยังอยู่ในแดนลับไม่ได้ออกมาอย่างนั้นหรือ?”นางทำราวกับเพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้เองว่าคนทั้งสองที่ทุกคนเอ่ยถึงได้เกิดเรื่องขึ้นแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย นางก็กัดริมฝีปากพลางเอ่ยอธิบายว่า “พวกเรากับศิษย์พี่ทั้งสองจากสำนักอู๋จี๋เตี้ยนเคยพบกันในแดนลับจริง ตอนนั้
Read more

บทที่ 57

ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เจินเหรินหลายท่านของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนยังคงสอบถามสำนักต่าง ๆ ว่ามีใครเคยพบศิษย์สองคนนั้นอีกบ้าง“สำนักอู๋จี๋เตี้ยนก็เหลือเกิน ตอนมาก็ให้คนรอ ตอนกลับก็ยังต้องรออีก ทำตัวใหญ่โตเสียจริง!”“แล้วคนเมื่อครู่นั้นก็ด้วย ท่าทีอย่างไรกัน กล้าพูดกับศิษย์น้องหญิงจี้แบบนี้ได้อย่างไร”ผู้คนที่อยู่รอบตัวจี้ฝูเหยา พากันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางสายตาของอวี้หลานชิงก็จับอยู่ที่จี้ฝูเหยาเช่นกันนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในแดนลับ ตอนที่ขัดขวางจี้ฝูเหยาไม่ให้ใช้ค่ายกลเข็มทิศสอดส่องเข้าไปยังแดนลับใหญ่ ข้างกายจี้ฝูเหยามีผู้ติดตามอยู่หลายคนนอกจากลูกศิษย์ชั้นนอกสามคนของยอดเขาหลิงเซียวที่ยังยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนตัวสูงคนหนึ่งตัวเตี้ยคนหนึ่ง ทั้งสองแต่งกายหรูหรา สีหน้าหยิ่งยโส สองคนนั้นน่าจะเป็นเฉินถงและหนานกงที่สำนักอู๋จี๋เตี้ยนกำลังตามหาในตอนนั้นแดนลับเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงห้าวัน ระดับพลังยุทธ์ของจี้ฝูเหยายังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดึงลมปราณเข้าร่างสัญชาตญาณบอกนางว่า จี้ฝูเหยาดูไม่ชอบมาพากลแต่ ณ เวลานั้นนางไม่อาจบอกได้ว่า ไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่“อาจารย์อาอวี้”เมื
Read more

บทที่ 58

ภายในเตาหลอมใหญ่พลันปรากฏเงาร่างขึ้นมา แรกเห็นยังคงเลือนราง แต่เพียงพริบตาก็แน่ชัดเป็นรูปเป็นร่างอาภรณ์ดำ ผมสีเพลิง ปกเสื้อหลวมโครก เสื้อคลุมยับย่น ดูไม่งามตา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเห็นเขาก้าวย่างอันองอาจ ก้าวข้ามออกมาจากเตาหลอมผมยาวสีเพลิงนั้น ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจด้วยผ้าคาดผมสีขาว ในจังหวะที่เขาขยับกาย ผ้าคาดผมที่หลวมโครกนั้นก็ขาดสะบั้น ผมยาวสีเพลิงปลิวสยายออก พลิ้วไหวโดยไร้ลม ราวกับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในดวงตาของเขา เพียงสบมองก็ทำให้ผู้คนพลันเกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจนี่แหละความน่าเกรงขามของยอดฝีมือระดับเทพจุติแม้เป็นเพียงร่างแยกสายเดียว ก็สามารถทำให้คนนับร้อยตรึงอยู่กับที่พร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“ผู้ใดบังอาจลงมือทำร้ายศิษย์ของข้า?” ลั่วอู๋ซางมองไปรอบทิศด้วยแววตาอันดุดันสายตาทอดไปที่ใด ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าสบตาหลิงสวินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบสาเหตุที่ศิษย์น้องหายตัวไปขอรับ”“แล้วเหตุใดไม่รีบตรวจสอบต่อไปเล่า!”ลั่วอู๋ซางตวาดก้อง พูดจบแล้วก็ยกมือขึ้น พลังจิตวิญญาณสายหนึ่งพุ่งห่อหุ้มเ
Read more

บทที่ 59

ทั้งสองคนนี้อวี้หลานชิงไม่รู้จักเลย พียงเลือกคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเท่านั้นขณะที่นางยื่นมือช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักใกล้ตัวต้านแรงกดดัน ทางด้านนั้น ลั่วอู๋ซางก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกจี้ฝูเหยาทั้งสี่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่า จี้ฝูเหยาต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจได้ในบรรดาทั้งสี่คนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะกล่าวว่าเขารังแกคนอ่อนแอกว่า สายตาจ้องเขม็งไปที่จี้ฝูเหยา มองจากที่สูงลงมาอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “พูดมา หลังจากเจ้าพบเฉินถงแล้วไปที่ไหน แยกจากกันเมื่อใด หลังจากนั้นเจ้าพบเขาอีกหรือไม่?”ใบหน้าจี้ฝูเหยาซีดเผือดภายใต้สายตาอำมหิตของยอดฝีมือระดับเทพจุติ นางตัวสั่นระริก จนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาแต่หาใช่เพราะแรงกดดันไม่ นางมีของวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบไว้ติดตัว จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของลั่วอู๋ซางที่ปกคลุมเหนือหัวของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนเพียงแต่นางมีระดับพลังยุทธ์เพียงขั้นหลอมปราณช่วงกลางเท่านั้น การถูกยอดฝีมือระดับเทพจุติจ้องด้วยสายตาอำมหิต ความกดดันเช่นนี้เพียงพอจะทำลายแนวป้องกันในจิตใจของนางได้นางหลับตาลงเบา ๆ กำยันต์หยกที่ท่านอาจารย์มอบให้ตนเอง สัมผัสถึงความอบอุ่นจา
Read more

บทที่ 60

“ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนห่วงใยความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงจี้จริงดังคาด เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ก็รีบมาด้วยตัวเองแล้ว”ส่วนลั่วอู๋ซางแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยน มาเร็วก็จริง แต่ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้นแต่ดูจากแสงสีขาววาบเดียวเมื่อครู่นั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำลายแรงกดดันของลั่วอู๋ซางได้ พลังนั้นชัดเจนว่าย่อมมีได้เมื่อร่างจริงมาถึงเท่านั้นต่างเป็นระดับเทพจุติเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงร่างแยก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฏกายมาด้วยร่างจริง...ใครแพ้ใครชนะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างถอนหายใจโล่งอกในที่สุดเหล่าเจินเหรินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจที่จี้ฝูเหยายั่วโมโหลั่วอู๋ซาง บัดนี้ต่างก็สงบความขุ่นเคืองใจลงแล้วอย่างไรเสีย จี้ฝูเหยาก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ไม่เห็นหรือว่าแค่นางเกิดปัญหาเล็กน้อย ปรมาจารย์กระบี่ก็รีบรุดมาด้วยตัวเอง?เพียงเท่านี้ ก็มากพอให้นางมีทุนที่จะเอาแต่ใจแล้วเช่นเดียวกับทุกคน จี้ฝูเหยาก็กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางที่แสงสีขาวพุ่งมา บนหมู่เมฆที่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่จี้ฝูเหยากำยันต์หยกไว้ในฝ่ามื
Read more
PREV
1234567
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status