All Chapters of รักสลายใต้เงาจันทร์: Chapter 1 - Chapter 10

19 Chapters

บทที่ 1

ความสุขในวันวานทำให้ฉันรู้สึกเหม่อลอยไปชั่วขณะฉันกับเสิ่นเจิงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เราตกลงคบหากันตอนอายุสิบแปดปีหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ฉันอยู่เคียงข้างเขาในห้องใต้ดิน ผ่านความลำบากมาด้วยกันนับไม่ถ้วน และเฝ้ามองเขาค่อย ๆ สร้างบริษัทจนใหญ่โตต่อมา เขาก็ซื้อบ้านและรถราคาแพงให้ฉันฉันชอบแต่งตัว คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของแต่ละแบรนด์ดังก็จะถูกส่งตรงมาถึงบ้านทันทีฉันชอบท่องเที่ยว เขาก็มักจะหาเวลาจากงานที่ยุ่งเหยิงเพื่อไปเที่ยวกับฉันไม่ว่าจะเป็นวันเทศกาลหรือวันครบรอบ เซอร์ไพรส์ของเขาไม่เคยขาดตกบกพร่องแม้กระทั่งตอนที่รู้ว่าฉันไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เขาก็ยังรับผิดชอบทุกอย่างไว้ที่ตัวเองคนเดียวทุกคนต่างก็พูดว่าเสิ่นเจิงรักฉันมากเหลือเกินแต่ก็เป็นเขาคนเดียวกัน ที่แอบไปมีบ้านอีกหลังกับเลขาสาวในปีที่เจ็ดหลังแต่งงานเขาซื้อวิลล่าให้เมิ่งหนิงหลังหนึ่ง เพื่อสร้าง ‘รังรัก’ ของพวกเขาขึ้นมาผู้ชายที่เคยกลับบ้านทุกวัน ก็ค่อย ๆ ไม่กลับบ้านในตอนกลางคืนเขาดีต่อเมิ่งหนิงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ท่าทีที่มีต่อฉันกลับแย่ลงทุกวันราวกับว่าแค่ได้เห็นหน้าฉัน เขาก็จะต้องขมวดคิ้วแน่นฉันไม่อย
Read more

บทที่ 2

พักผ่อนอยู่สองสามวัน ฉันติดต่อคนรับซื้อของมือสองที่ตัวเองสนิท ขายเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับของตัวเองออกไปทั้งหมด“คุณนายเสิ่น ประธานเสิ่นรักคุณจริง ๆ เลยนะคะ เพิ่งจองสินค้าใหม่ของซีซันนี้ไปเมื่อวาน วันนี้ก็ให้คุณเคลียร์ห้องแต่งตัวให้ว่างแล้ว”ได้ยินคำพูดของเธอ ฉันก็ขำนิ้วไถความเคลื่อนไหวบนโซเชียลของเมิ่งหนิงไปเรื่อยเปื่อย สายตาตกไปอยู่ที่โพสต์ล่าสุดเป็นโพสต์ที่เพิ่งโพสต์เมื่อเช้า ในรูปคือกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุดของซีซันนี้ดูเหมือนว่า สินค้าใหม่ซีซันนี้จะตามหาเจ้าของของมันเจอแล้วหลังส่งคนรับซื้อของมือสองกลับไป ฉันก็นัดเพื่อนสนิทอย่างซูเหยียนไปดูบ้านฉันพาเธอขับรถไปยังชานเมือง สุดท้ายหยุดอยู่หน้าประตูสุสานซูเหยียนมองฉันด้วยความประหลาดใจฉันลากเธอเข้าไปในสุสานโดยไม่ได้อธิบายที่ตั้งของสุสานแห่งนี้อยู่ในสถานที่ที่ภูเขาสวยน้ำใส เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยมากมายเจ้าหน้าที่แนะนำอย่างกระตือรือร้น ฉันเดือนวนรอบหนึ่ง เลือกตำแหน่งที่ชอบแล้วก็จ่ายเงินมัดจำพ่อแม่ฉันจากไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ฉันเองก็ไม่มีพี่น้อง คิดว่าพอตายไปคงไม่มีใครมาเยี่ยมฉัน
Read more

บทที่ 3

เสิ่นเจิงปกป้องเมิ่งหนิงไว้ในอ้อมอกฉันเผยอปาก ทว่าพูดอะไรไม่ออกในที่สุดน้ำตาก็ทำให้สายตาของฉันพร่ามัว ฉันค้นพบว่าไม่ว่าจะทำยังไง ก็เชื่อมโยงเขากับเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีเข้าด้วยกันไม่ได้เสิ่นเจิ่งไม่มองฉันอีก โอบเมิ่งหนิงเดินออกไปด้านนอก“เสิ่นเจิง ถ้าฉันใกล้ตายแล้ว นายยังจะทำกับฉันแบบนี้หรือเปล่า?”เขาไม่ได้หันกลับมา“ถ้าความตายทำให้เธอหยุดได้จริง ๆ งั้นเธอก็ไปตายเถอะ”ฉันพลันสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี นั่งอยู่บนพื้นด้วยความหดหู่หึที่แท้เขาก็อยากให้ฉันตายขนาดนี้นี่เองหลังจากวันนั้น เสิ่นเจิงก็ไม่กลับบ้านอีกเลยฉันเองก็ไม่สนใจ ร่างรายการขึ้นมาฉบับหนึ่ง จัดแจงงานศพให้ตัวเองฉันถ่ายรูปหน้าโลงศพ และซื้อเสื้อผ้าชุดสุดท้ายของชีวิตให้ตัวเองรออยู่สองสามวัน เจ้าของร้านก็แจ้งให้ฉันไปเอารูปถ่ายมองตัวเองในรูปถ่าย อารมณ์ของฉันสับสนอย่างยิ่งกำลังเตรียมกลับบ้าน ทว่าดันมาเจอกับเสิ่นเจิงและเมิ่งหนิงตรงมุมเลี้ยว“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? สะกดรอยตามฉัน?”ฉันไม่อยากโต้เถียงกับเขาตรงท้องเริ่มปวด ฉันคิดแค่อยากออกไปให้เร็วที่สุด“ประธานเสิ่น เหมือนว่าคุณนายจะมาถ่ายรูปนะคะ”เมิ่ง
Read more

บทที่ 4

วันเวลาผ่านไปทั้งอย่างนี้ ร่างกายของฉันเองก็แย่ลงทุกวันนับวันฉันยิ่งนอนเยอะขึ้น ความถี่ของความเจ็บปวดก็มากขึ้นซูเหยียนอยากมารับฉันไป แต่ฉันไม่อยากฉันแค่อยากอยู่คนเดียว ผ่านช่วงเวลาสุดท้ายไปอย่างสงบแต่เมิ่งหนิงกลับไม่ยอมปล่อยฉันไปเธอมักจะส่งข้อความมาหาฉันบางครั้งเป็นรูปที่พวกเขาไปเที่ยวด้วยกัน บางครั้งเป็นรูปเซลฟีของทั้งสองคนในบาร์หรู แต่บางครั้งกลับเป็นใบหน้าตอนนอนของเสิ่นเจิงเห็นรูปภาพแสนสนิทสนมพวกนั้น ในใจฉันกลับไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดกระทั่งวันหนึ่ง เมิ่งหนิงส่งรูปพิเศษรูปหนึ่งมาภาพนั้นคือบ้านเก่าในก่อนหน้านี้ของฉันกับเสิ่นเจิงฉันกำลังอยากจะถามว่ามันเรื่องอะไรกัน ข้อความของเมิ่งหนิงก็ส่งเข้ามาอีกครั้ง“ของขวัญ”ฉันพลันกระวนกระวาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเสิ่นเจิงไม่มีคนรับเหมือนเดิมฉันที่กระวนกระวายใจพยายามรวบรวมสติ เรียกรถไปบ้านเก่าที่นั่นเป็นบ้านหลังแรกหลังเราหลุดพ้นจากห้องใต้ดินฉันกับเขาเป็นสักขีพยานการเติบโตของบริษัทที่นี่ และผ่านช่วงเวลาแสนหวานมากมายฉะนั้น แม้หลังจากนั้นเสิ่นเจิงจะเปลี่ยนบ้านที่ดีกว่าให้ฉันแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังตัดใจขายมันทิ้งไม่ได
Read more

บทที่ 5

เสิ่นเจิงลากเมิ่งหนิงเดินออกไปฉันยืนพิงอยู่ที่ผนังด้านนอก หายใจไม่ออกนิดหน่อยเสียงแจ้งเตือนข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น เมิ่งหนิงเป็นคนส่งมา“ฉันชนะแล้ว”“คอยดูเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ ฉันจะแย่งมาให้หมดทีละชิ้น ๆ”ฉันมองแวบหนึ่งแล้วปิดโทรศัพท์ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านเก่าเฟอร์นิเจอร์ในก่อนหน้านี้ถูกย้ายออกไปจนเกลี้ยง บนพื้นขรุขระ ตรงมุมของระเบียงมีถังสีทาผนังที่ยังไม่ได้เปิดตั้งอยู่สองสามถัง ซึ่งเป็นสีที่เมิ่งหนิงชอบในห้องว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรเอาไว้ทั้งนั้นระเบียงลอยฟ้าของห้องนอนที่ฉันชอบที่สุดในก่อนหน้านี้ถูกทุบเป็นเสี่ยง ๆ ผ้าปูโต๊ะลายดอกไม้เล็ก ๆ ที่รักที่สุดถูกโยนทิ้งในกองขยะ ผ้าม่านที่ฉันกับเสิ่นเจิงเลือกกันอย่างพิถีพิถัน ในวินาทีนี้กองอยู่ในถังขยะชั้นล่างอย่างอ้างว้างไม่มีใครสนใจฉันเดินวนอยู่ในห้องรอบแล้วรอบเล่า ในที่สุดก็ตระหนักได้ถึงความจริงฉันมองบ้านหลังเก่านี้เป็นครั้งสุดท้ายแวบหนึ่ง จากนั้นก็ออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกกลับถึงวิลล่า เห็นเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในวิลล่า ฉันก็นึกถึงคำพูดที่เมิ่งหนิงเคยพูดเอาไว้ขึ้นมาฉันติดต่อบริษัทรีไซเคิลโดยเร็วที่สุด เคลียร
Read more

บทที่ 6

เสิ่นเจิงเพิ่งเปิดพัสดุในวันต่อมาอันที่จริงเขาได้รับตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวาน แต่มองชื่อแค่แวบเดียวก็วางไว้ข้าง ๆกระทั่งวันต่อมาเมิ่งหนิงเตือนเขา เขาถึงนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วยเมื่อเสิ่นเจิงเห็นหนังสือข้อตกลงการหย่า เขาก็คิดว่าเนี่ยนอีหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลอย่างถึงที่สุดจริง ๆ“หย่างั้นเหรอ นี่คุณนายโกรธใช่ไหมคะ? ต้องเป็นเพราะเรื่องบ้านเก่าแน่ ๆ แต่ประธานเสิ่นคะ คุณก็อธิบายกับเธอไปแล้วว่าที่ฉันไปอยู่ก็เพราะเรื่องงาน คุณนายก็ยังไม่มีเหตุผล ประธานเสิ่นคะ ไม่งั้นฉันไม่ย้ายไปดีกว่าค่ะ”เพียงประโยคเดียวของเมิ่งหนิงก็จุดไฟโทสะในใจเขาได้แล้ว“ทำไมถึงไม่ย้ายล่ะ? ครั้งนี้ฉันจะสั่งสอนเธอให้ได้! คุณโทรหาทีมก่อสร้าง ให้พวกเขาเร่งมือเร็วเข้า!”เมื่อได้ยินคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลของเขา เมิ่งหนิงปกปิดความสะใจในดวงตาเอาไว้ แล้วขานรับพร้อมเดินออกไปจากห้องอาละวาดต่อสิ ยิ่งกู้เนี่ยนอีอาละวาดหนักขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิงดีใจมากขึ้นเท่านั้นเสิ่นเจิงโยนข้อตกลงการหย่าไปบนโต๊ะ แล้วต่อสายหาเธอ แต่กลับไม่มีคนรับโทรอีกสองสามครั้ง เขาก็ตัดสินใจกลับบ้านเขาอยากดูว่าตกลงกู้เนี่ยนอีจะทำไปถึ
Read more

บทที่ 7

“ครั้งนี้ตายสนิทแล้วเหรอ?”เสิ่นเจิงหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงไม่จริงจังเขาคิดไม่ถึงว่ากู้เนี่ยนอีจะกล้ารวมหัวกับซูเหยียนมาหลอกเขาแค่เพราะบ้านเก่าหลังนั้น?เขาขมวดคิ้วมุ่น ใส่ตำแหน่งบ้านของซูเหยียนในระบบนำทางของรถยนต์“เอาละ เลิกเสแสร้งได้แล้ว ฉันรู้ว่าหล่อนอยู่กับเธอ”“หล่อนก็แค่อยากหย่าไม่ใช่เหรอ ฉันตกลง ให้หล่อนมารับสายสิ!”เมื่อหวนนึกถึงการหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลที่เกินไปของเธอในช่วงนี้ เสิ่นเจิงตัดสินใจว่าถ้าเจอหน้ากันก็จะเซ็นชื่อหย่ากับเธอเขาจะดูซิว่า ไม่มีเขา เธอจะอยู่ยังไง!“สารเลว! นายมันสารเลว!”ได้ยินการตะคอกอย่างเดือดดาลของซูเหยียนที่แว่วดังขึ้นมา นัยน์ตาของเสิ่นเจิงก็มืดครึ้ม“เนี่ยนอีตายแล้ว! เธอตายแล้วจริง ๆ!”“นายรีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! เผาศพต้องให้ญาติสายตรงเซ็นชื่อ มีแค่นายที่ทำได้...”ซูเหยียนบอกที่อยู่หนึ่งแล้วก็ตัดสายไปหัวใจเสิ่นเจิงกระตุกอย่างรุนแรง สายตามองไปที่ประตูโดยไม่รู้ตัวราวกับกำลังหวังว่าวินาทีถัดไปกู้เนี่ยนอีจะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา“เนี่ยนอี...”เสิ่นเจิงพึมพำเบา ๆ ในใจกลับยิ่งกระวนกระวายขึ้นเรื่อย ๆความคิดที่เป็นไปไม่ได้ความคิดหนึ่งค่อย
Read more

บทที่ 8

“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้...”เสิ่นเจิงถอยหลังสองสามก้าวพลางพึมพำ วินาทีถัดมา ก็พุ่งเข้าไปอีกครั้งราวกับตัดสินใจแล้วเขาเลิกผ้าขาวออกคล้ายกับเป็นบ้าคนที่อยู่รอบข้างต่างพากันตกตะลึง“นี่ไม่ใช่เธอ...ไม่ใช่เธอ...แล้วเธออยู่ไหน...”เสิ่นเจิงคล้ายกับจะบ้าไปแล้ว!เขาเงยหน้ามองหาไปทั่ว กระทั่งเห็นป้ายบอกทางของห้องเก็บศพ เขาก็วิ่งไปเลย“คุณคือญาติของใครคะ? จะเข้าไปต้องลงทะเบียน”เสิ้นเจิงถูกขวางอยู่ด้านนอกเขาเลียริมฝีปากแห้งผากตามสัญชาตญาณ น้ำเสียงแหบพร่า“กู้เนี่ยนอี”ตอนเจ้าหน้าที่ค้นหา หัวใจของเสิ่นเจิงเองก็แทบจะหลุดออกมาตามไปด้วยไม่มีเธอ...ไม่มีเธอ...บอกเขาทีว่า ทั้งหมดนี้เป็นแค่การกลั่นแกล้งของเธอเสิ่นเจิงภาวนาเงียบ ๆ อยู่ในใจแต่เจ้าหน้าที่ก็ยังทำลายความเพ้อฝันในท้ายที่สุดของเขาเขานำเสิ่นเจิงมาถึงยังมุมของห้องเก็บศพเห็นเพียงกู้เนี่ยนอีนอนอยู่บนเตียงเหล็กด้วยสีหน้าคล้ำเขียวดวงตาทั้งสองของเธอปิดสนิท มองไปไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดโหนกแก้มของเธอสูงเด่น เนื้อบนแก้มยุบลงไปแล้วผ้าขาวคลุมอยู่ตรงส่วนอกของเธอ แม้จะปิดไว้แบบนี้ เสิ่นเจิงก็ยังสังเกตเห็นกระดูกซี่โค
Read more

บทที่ 9

กู้เนี่ยนอีถูกเข็นเข้าไปในเตาเผาศพเสิ่นเจิงยืนอยู่ข้างนอก ทว่าหลั่งน้ำตาไม่ออก“เธอตายได้ยังไง?”“มะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย เจอเมื่อหนึ่งเดือนก่อน”ในใจของเสิ่นเจิงผุดความเจ็บแปลบขึ้นมาระลอกหนึ่งเขากัดริมฝีปากแน่นโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงสะอึกสะอื้น“ทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้...”“เธอไม่อยาก หรือว่าเธอสิ้นหวังไปแล้วอย่างสมบูรณ์แล้ว”เสิ่นเจิงแข็งทื่ออยู่ที่เดิมราวกับถูกสายฟ้าฟาดเธอสิ้นหวังกับตนไปนานแล้วใช่ไหมในใจของเสิ่นเจิงคิดแบบนี้ทีแรกเขาคิดว่าเธอจะเข้าใจตนเขาแค่ต้องการลูก ส่วนเมิ่งหนิง แค่เล่น ๆ เท่านั้นไม่มีใครแทนที่เธอได้ และเขาเองก็จะไม่มีวันหย่ากับเธอแต่เธอก็ยังสิ้นหวังพอสิ้นหวัง กระทั่งใกล้ตายแล้วก็ไม่ยอมบอกเขาตรงหน้ามีแต่ความเปียกชุ่ม สายตาค่อย ๆ ถูกน้ำตาทำให้พร่ามัวในตอนนี้ จู่ ๆ เสิ่นเจิงก็นึกถึงคำพูดที่เคยพูดกับกู้เนี่ยนอีตอนเขาขอแต่งงาน“จะรักเดียวใจเดียวตลอดไป ชาตินี้ ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง!”ตอนนั้นเสิ่นเจิงครุ่นคิดอย่างมั่นใจว่า เขาจะไม่มีวันทำเรื่องที่ผิดต่อเธอถึงยังไงเขาก็รักเธอขนาดนั้น เขาแทบจะควักหัวใจทั้งดวงของตัวเอง ออกม
Read more

บทที่ 10

หลังจากซูเหยียนจากไป เสิ่นเจิงไม่รู้ว่าตัวเองยืนนิ่งอยู่ที่สถานที่ประกอบพิธีศพเพียงลำพังนานเท่าใดเขาเก็บโทรศัพท์มือถืออย่างเลื่อนลอย ก่อนจะเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายเมื่อรู้สึกตัวอีกที เขาก็พบว่าตัวเองมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านเก่าเสียแล้วเขามองขึ้นไป ประตูและหน้าต่างบานที่คุ้นเคยเก่าคร่ำคร่าและมีร่องรอยผุพังไปตามกาลเวลาเขาจำได้ว่านี่คือที่ที่กู้เนี่ยนอีชอบมายืนรอเขากลับบ้านมากที่สุดทว่าตอนนี้เธอจะไม่มีวันมายืนรอเขาที่ตรงนี้อีกต่อไปแล้วเสิ่นเจิงเดินขึ้นไปบนบ้านภายในมีคนงานกำลังง่วนอยู่กับการทำงานสภาพในบ้านระเกะระกะจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ข้าวของเครื่องใช้ในวันวานถูกนำมากองรวมกันไว้ที่มุมหนึ่งของห้องทั้งโคมไฟตัวโปรดของกู้เนี่ยนอี เฟอร์นิเจอร์ที่เคยเลือกซื้อด้วยกัน ไปจนถึงเครื่องครัวที่เคยใช้ร่วมกัน ทุกอย่างกองสุมอยู่ที่นั่น...แววตาของเสิ่นเจิงฉายความเจ็บปวด ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ภาพวาดสีน้ำซึ่งเปรอะเปื้อนคราบดินโคลนนั่นเป็นภาพที่กู้เนี่ยนอีวาดให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดอายุสิบแปดปีในภาพคือเกล็ดหิมะที่โปรยปรายเต็มท้องฟ้า และแผ่นหลังของหนุ่มส
Read more
PREV
12
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status