Share

บทที่ 3

Author: เฉินเสี่ยวอวี๋
เสิ่นเจิงปกป้องเมิ่งหนิงไว้ในอ้อมอก

ฉันเผยอปาก ทว่าพูดอะไรไม่ออก

ในที่สุดน้ำตาก็ทำให้สายตาของฉันพร่ามัว ฉันค้นพบว่าไม่ว่าจะทำยังไง ก็เชื่อมโยงเขากับเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีเข้าด้วยกันไม่ได้

เสิ่นเจิ่งไม่มองฉันอีก โอบเมิ่งหนิงเดินออกไปด้านนอก

“เสิ่นเจิง ถ้าฉันใกล้ตายแล้ว นายยังจะทำกับฉันแบบนี้หรือเปล่า?”

เขาไม่ได้หันกลับมา

“ถ้าความตายทำให้เธอหยุดได้จริง ๆ งั้นเธอก็ไปตายเถอะ”

ฉันพลันสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี นั่งอยู่บนพื้นด้วยความหดหู่

หึ

ที่แท้เขาก็อยากให้ฉันตายขนาดนี้นี่เอง

หลังจากวันนั้น เสิ่นเจิงก็ไม่กลับบ้านอีกเลย

ฉันเองก็ไม่สนใจ ร่างรายการขึ้นมาฉบับหนึ่ง จัดแจงงานศพให้ตัวเอง

ฉันถ่ายรูปหน้าโลงศพ และซื้อเสื้อผ้าชุดสุดท้ายของชีวิตให้ตัวเอง

รออยู่สองสามวัน เจ้าของร้านก็แจ้งให้ฉันไปเอารูปถ่าย

มองตัวเองในรูปถ่าย อารมณ์ของฉันสับสนอย่างยิ่ง

กำลังเตรียมกลับบ้าน ทว่าดันมาเจอกับเสิ่นเจิงและเมิ่งหนิงตรงมุมเลี้ยว

“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? สะกดรอยตามฉัน?”

ฉันไม่อยากโต้เถียงกับเขา

ตรงท้องเริ่มปวด ฉันคิดแค่อยากออกไปให้เร็วที่สุด

“ประธานเสิ่น เหมือนว่าคุณนายจะมาถ่ายรูปนะคะ”

เมิ่งหนิงพูดพลางจะยื่นมือมาหยิบ ฉันรีบถอยหลังหนึ่งก้าวทันที

“คุณนายไม่อยากให้เราดู”

เมิ่งหนิงทำสีหน้าท่าทางลำบากใจ ในคำพูดกลับมีความหมายอื่นแฝง

“คุณนายทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ ถ้าไม่รู้ยังคิดว่าซ่อนความลับอะไรเอาไว้ซะอีก”

สีหน้าของเสิ่นเจิงเปลี่ยนเล็กน้อย สายตาตกอยู่บนกรอบรูป

“คืออะไรกันแน่?”

ความเจ็บปวดเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ฉันไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขาอีก แต่กลับถูกเสิ่นเจิงคว้าข้อมือเอาไว้

ในดวงตาที่เขามองฉันเปี่ยมไปด้วยความรังเกียจและความสงสัย

ทว่า ฉันในตอนนี้ไม่เจ็บปวดเพราะสายตาพรรค์นี้อีกแล้ว

“ไม่มีอะไร ไม่เกี่ยวกับนาย”

ฉันสะบัดมือเขาออก แต่เสิ่นเจิงกลับคว้าด้านหนึ่งของกรอบรูปเอาไว้

ระหว่างการยื้อแย่ง กรอบรูปหล่นไปบนพื้นอย่างไม่ทันได้ระวัง รูปหน้าโลงศพของฉันปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน

“เอ๋ ทำไมถึงเป็นขาวดำล่ะ?”

เมิ่งหนิงแสร้งทำเป็นประหลาดใจ แต่มุมปากกลับยกยิ้มเล็กน้อย

ฉันมองรูปที่อยู่บนพื้นอย่างยอมรับชะตากรรม

ก็ยังถูกพบอยู่ดี

เขาจะรู้สึกนึกเสียใจทีหลังหรือเปล่า?

นึกเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้ในช่วงเวลาสุดท้ายน่ะ

“นี่คือเรื่องที่เธอปิดบัง?” น้ำเสียงอันเย็นเยียบและราบเรียบดังขึ้น

สีหน้าของเสิ่นเจิงเคร่งขรึม ทว่าบนใบหน้าไร้ซึ่งความเจ็บปวดและความเสียใจใด ๆ

“ทำไม ครั้งนี้คิดจะเอาจริง?”

คนที่ก่อนหน้านี้แค่ฉันไอทีเดียวก็ปวดใจแล้ว ตอนนี้กลับสงสัยว่าฉันใช้ความตายมาล้อเล่น

สิ่งที่ยิ่งน่าเจ็บปวดก็คือ ไม่คิดเลยว่าเมื่อกี้ฉันถึงกับมีเศษเสี้ยวความหวังสุดท้ายกับเขา

ฉันพลันฉีกยิ้ม “ไม่ได้เหรอ? ฉันก็แค่อยากเห็นท่าทางนึกเสียใจทีหลังของนาย”

“งั้นเธอก็ไปตายซะเถอะ”

เขาชนกระแทกฉันออก แล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

ฉันฝืนต่อไม่ไหวอีกต่อไป ล้มลงไปบนพื้น

คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพากันตกตะลึง เมิ่งหนิงรีบประคองฉันขึ้นมา

เธอคว้าแขนฉันเอาไว้ เข้ามาใกล้ข้างหูฉันเบา ๆ “เห็นเต็มตาแล้วใช่ไหม? แม้กระทั่งเธอตายไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่ได้รักเธอแล้ว”

ฉันใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดมือเธอออก

เสิ่นเจิงเห็นภาพนี้เข้าพอดี

เขาเรียกให้เมิ่งหนิงหยุด น้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องไปสนใจเธอ นี่เป็นลูกไม้เก่า ๆ ของเธอทั้งนั้น”

“เธอชอบแสดงละครขนาดนี้ ก็ให้เธอแสดงละครไปคนเดียวเถอะ!”

ฉันกลับถึงบ้านด้วยความช่วยเหลือของคนที่สัญจรไปมา

กินยาแก้ปวดไปหนึ่งเม็ด ความเจ็บปวดที่ท้องถึงค่อย ๆ ทุเลาลง

นอนอยู่บนโซฟาด้วยร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้า

ฉันเอามือปิดตา คำพูดประโยคนั้นของเสิ่นเจิงยังดังก้องอยู่ข้างหูอย่างต่อเนื่อง... “งั้นเธอก็ไปตายซะเถอะ”

ฉันนึกถึงฤดูหนาวในปีนั้น

ฉันป่วยหนัก สถานการณ์ฉุกเฉินจนหมอออกใบแจ้งอาการวิกฤติหลายครั้ง

ตอนนั้นไม่มีเงิน เสิ่นเจิงก็ไปขอยืมญาติและเพื่อนทีละบ้าน

เขาได้รับการดูถูกและความอับอายอย่างถึงที่สุด

ฉันรักเขา ไม่อยากกลายเป็นภาระของเขา จึงดื้อดึงไม่ยอมกินยาและไม่ยอมรับการรักษาใด ๆ อีก

เสิ่นเจิงก็คุกเข่าอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งอย่างนั้น

คนร่างใหญ่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรคุกเข่าอยู่ข้างเท้าฉันทั้งอย่างนั้น คว้ามือฉันพร้อมน้ำตาอาบสองแก้ม “เนี่ยนอี ฉันขอร้องเธอละ กินยานะ โอเคไหม?”

แต่ตอนนี้ เสิ่นเจิงกลับอยากให้ฉันตายมากกว่าใคร

ฉันมองปฏิทินบนผนัง เหลืออีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดหนึ่งเดือน

โชคดีที่ก็ใกล้จะเป็นอย่างที่เขาปรารถนาแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 19

    พริบตาเดียว ก็ถึงวันครบรอบแต่งงานอีกครั้งเสิ่นเจิงถือเค้กที่สั่งไว้ล่วงหน้ากลับมาบ้าน แต่กลับพบว่าในบ้านไม่มีใครอยู่เลยเขาหาทั่วทั้งบ้าน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของกู้เนี่ยนอีความหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียถาโถมเข้ามาอีกครั้ง เสิ่นเจิงกำลังจะโทรแจ้งตำรวจอย่างลนลาน แต่แล้วก็มีเสียงจานแตกดังมาจากในครัวเสิ่นเจิงรีบวิ่งเข้าไปในครัว ก็เห็นดวงตาของกู้เนี่ยนอีแดงก่ำ“ที่รัก ฉันเป็นมะเร็ง”เสิ่นเจิงยังไม่ทันได้อ้าปาก สภาพแวดล้อมรอบกายก็พลันมืดมิดลง ร่างของกู้เนี่ยนอีปรากฏขึ้นอีกครั้งจากอีกทิศทางหนึ่งและครั้งนี้ เธอผอมจนเหลือแต่กระดูกเธอมองมาที่เขา ในแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “เสิ่นเจิง หลอกตัวเองแบบนี้มันสนุกมากเหรอ?”ในหัวของเสิ่นเจิงมีเสียงดังกระหึ่มวินาทีต่อมา เธอก็เห็นเขาหลั่งน้ำตา“เสิ่นเจิง ขอโทษนะ ครั้งนี้ฉันจะไม่ให้อภัยคุณแล้ว”“เพราะว่าฉันไม่ได้รักคุณแล้วจริง ๆ”พื้นดินยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว เสิ่นเจิงพยายามยื่นมือออกไปเพื่อคว้าไว้ แต่ก็ทำได้เพียงมองอีกฝ่ายค่อย ๆ ห่างไกลออกไปความกลัวที่จะสูญเสียเข้าครอบงำ เขาดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้ ข้างกาย

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 18

    เขานั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพลบค่ำเพราะไม่อยากกลับไปที่บ้านว่างเปล่าที่ไม่มีกู้เนี่ยนอีอีกแล้ว เสิ่นเจิงจึงแอบหลบการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จนกระทั่งม่านราตรีโรยตัวลงมา เขาถึงได้กลับไปยังที่ตั้งของป้ายหลุมศพอีกครั้งสุสานในยามดึกสงัดมีลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะ ทั่วทุกแห่งอบอวลไปด้วยไอเย็นยะเยือกแต่เสิ่นเจิงกลับไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อยเพราะที่นี่คือที่ฝังร่างของคนที่เขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนเขานอนลงข้างหลุมศพ ลูบไล้ป้ายหินที่เย็นเฉียบอย่างอ่อนโยนเขารู้สึกสงบใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่ามกลางสายลมที่พัดมาเป็นระลอก เสิ่นเจิงก็ผล็อยหลับไปเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เสิ่นเจิงก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาในห้อง เฟอร์นิเจอร์รอบกายล้วนย้ำเตือนเขาว่านี่คือบ้านของเขาเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?เขาจำได้ชัดเจนว่าตัวเองอยู่ที่สุสาน...มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูก็ถูกเปิดออกและคนที่เข้ามา ก็คือกู้เนี่ยนอี!เนี่ยนอี...เธอ...ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วเหรอ?เสิ่นเจิงมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ กู้เนี่ยนอียิ้มแล้วนั่งลงข้

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่17

    ช่วงนี้ เสิ่นเจิงพยายามติดต่อเธอมาตลอดเธอรู้ว่าเขาอยากจะเจอเนี่ยนอี แต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกครั้งแต่ซูเหยียนไม่เคยคิดเลยว่า สุดท้ายแล้วเสิ่นเจิงจะใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการติดต่อเธอความเป็นเพื่อนกันมาหลายปีทำให้เธอใจแข็งได้ไม่สุด เพราะเธอก็กลัวว่าเสิ่นเจิงจะก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาจริง ๆเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรง ซูเหยียนก็หันหลังเตรียมจะจากไปแต่กลับได้ยินเสียง “ตุ้บ” เสิ่นเจิงคุกเข่าลงเขาก้มหน้าลง ไหล่ทั้งสองข้างสั่นเทาไม่หยุด“ซูเหยียน ขอร้องล่ะ ขอร้องเธอล่ะ... พาฉันไปเจอเธอหน่อยเถอะนะ...”ซูเหยียนไม่เคยเห็นเขาตกต่ำถึงเพียงนี้มาก่อน ในที่สุดใจที่เคยแข็งกระด้างก็อ่อนลงวันที่ไปหากู้เนี่ยนอี เสิ่นเจิงตั้งใจใส่สูทเป็นพิเศษนี่คือของขวัญวันเรียนจบที่เธอมอบให้เขาตอนที่พวกเขาเพิ่งเรียนจบใหม่ ๆเขาซื้อช่อดอกเดซีช่อใหญ่มา และในขณะเดียวกันก็ไปร้านตัดผมเพื่อจัดแต่งทรงผมตลอดทาง ทั้งสองคนต่างก็เงียบรถวิ่งมาได้สองชั่วโมง ก็จอดลงที่สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีภูเขาและสายน้ำที่สวยงามเมื่อมองไปที่ประตูสุสาน เสิ่นเจิงก็ยืนนิ่งงันอยู่กับที่สถานที่แห่งนี้ เขาเคยเห็นอย่างชัดเจนก่

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 16

    “เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้วว่าเขาทนไม่ไหวหรอก!”“ไม่ใช่ว่าเขารักมั่นคงอะไรหรอก แต่เป็นเพราะผู้หญิงรอบตัวมันไม่ถูกใจ!”“แต่ว่านะ เสิ่นเจิง นายก็น่าจะลองเปลี่ยนรสชาติบ้าง เอาแต่แบบเมียนายตลอด ไม่เบื่อรึไง?”“แต่ขอแค่เพื่อนเราชอบ จะให้หาผู้หญิงที่เหมือนน้องสะใภ้แค่ไหน พวกเราก็หามาให้ได้...”เสียงหัวเราะอย่างเปิดเผยของผู้ชายดังขึ้นในห้องส่วนตัว เสิ่นเจิงรู้สึกถึงโทสะที่พุ่งขึ้นมาอยู่ที่หว่างคิ้วเขาผลักเด็กสาวออกไปอย่างแรง แล้วใช้มืออีกข้างบีบคอเธอกดลงกับโต๊ะฝ่ามือใหญ่ค่อย ๆ บีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนใบหน้าของเด็กสาวแดงก่ำเด็กสาวดิ้นรนไม่หยุด พยายามที่จะหลุดพ้นจากการเกาะกุมของเขา“เสิ่นเจิง หยุดเดี๋ยวนี้! จะฆ่าคนหรือไง!”หลายคนรีบเข้ามาดึงเขาออกอย่างทุลักทุเล เด็กสาวเห็นดังนั้นก็รีบคลานหนีออกจากห้องไปเสิ่นเจิงกวาดสายตาเย็นชาไปทั่วทุกคน“ฉันขอเตือนพวกนาย ถ้าใครกล้าพูดจาไม่ให้เกียรติภรรยาผมฉัน ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่!”“แล้วก็ถ้าใครกล้าใช้วิธีสกปรกแบบนี้อีก อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้า!”ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่รู้จะทำอย่างไรดี“เหอะ แค่เพื่อผู้หญิงแก่ ๆ คนเดียว ทำมาเป็นเสแสร้งจริง ๆ”ในกลุ่ม

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 15

    หลังจากสะสางเรื่องของเมิ่งหนิงเสร็จ ขานั่งกระดกเหล้าอยู่ในห้องส่วนตัวของเสิ่นเจิงก็ลาพักร้อนยาวเพราะไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่ากู้เนี่ยนอีได้จากไปแล้ว เสิ่นเจิงจึงเลือกที่จะจมตัวเองอยู่กับสุรา“ถ้ารู้ว่าเธอเป็นมะเร็งเร็วกว่านี้ก็คงดี”“ถ้าฉันไม่โดนเมิ่งหนิงยั่วยวนก็คงดี”“ถ้าหาก...”เขานั่งกระดกเหล้าอยู่ในห้องส่วนตัวของบาร์อย่างปวดร้าวเสิ่นเจิงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาไม่ได้นอนมากี่คืนแล้วที่บ้านไม่มีกลิ่นอายของกู้เนี่ยนอีอีกต่อไป ทำให้เขาอยู่ไม่ได้บ้านเก่าที่โดยพื้นฐานแล้วกลับคืนสู่สภาพเดิม กลับไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคยอีกต่อไปเขาอยากใช้แอลกอฮอล์มอมเมาตัวเอง เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานจากความคิดถึงแต่ถึงแม้จะดื่มเหล้าลงท้องไปนับไม่ถ้วน เขากลับไม่เมามาย ตรงกันข้าม สติกลับยิ่งแจ่มชัดขึ้นเขารู้ตัวอย่างแจ่มชัดว่า ข้างกายของเขาไม่มีเธออีกต่อไปแล้วเสิ่นเจิงหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนจะกระดกเหล้าอีกขวด จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะเรียกบาร์เทนเดอร์ทว่าทันทีที่ก้าวออกจากห้อง เขาก็เดินชนเข้ากับชายคนหนึ่งอีกฝ่ายขมวดคิ้วสบถ กำลังจะอาละวาด แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครสีหน้าก็เปลี่ยนไป“ประธานเสิ่น ท

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 14

    เธอคุกเข่าคลานเข้าไปหาเสิ่นเจิงเธอกุมข้อมือของเขาไว้แน่น น้ำตานองหน้าอ้อนวอนอย่างขมขื่นแต่เสิ่นเจิงกลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อยเมิ่งหนิงรีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เธอชูมันขึ้นตรงหน้าเสิ่นเจิงแล้วตะโกนสุดเสียงว่า“ประธานเสิ่น ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ได้โปรดเห็นแก่ลูก ยกโทษให้ฉันเถอะนะคะ!”“ไหนว่าคุณอยากมีลูกมาตลอดไม่ใช่เหรอคะ? ดูสิ ในที่สุดเราก็กำลังจะมีแล้ว!”“ครอบครัวพ่อแม่ลูกสามคนที่คุณใฝ่ฝันมาตลอด ใกล้จะเป็นจริงแล้วนะคะ...”“เหอะ!” เสิ่นเจิงแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา บีบคางของเมิ่งหนิงอย่างแรงจนเป็นรอยนิ้วมือสีม่วงคล้ำ“ใครบอกว่าอยากจะสร้างครอบครัวสามคนกับเธอ?”“ในภาพที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอด มีเพียงกู้เนี่ยนอีคนเดียวเท่านั้น”“ส่วนเธอ สำหรับฉันแล้ว เป็นแค่เครื่องมือ”พูดจบ เขาก็สะบัดมือของเมิ่งหนิงออกอย่างเย็นชาเมิ่งหนิงทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ฉันจำได้ว่าเคยเตือนเธอหลายครั้งแล้วให้เจียมตัว แต่เธอกลับลืม แถมยังไปทำร้ายภรรยาของฉันลับหลังฉันอีก”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ควรจะได้รับผลของการกระทำของตัวเอง!”“ส่วนเด็กคนนั้น แม่ของเขาตายไปแล้ว เขาก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status