Share

บทที่ 2

Author: เฉินเสี่ยวอวี๋
พักผ่อนอยู่สองสามวัน ฉันติดต่อคนรับซื้อของมือสองที่ตัวเองสนิท ขายเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับของตัวเองออกไปทั้งหมด

“คุณนายเสิ่น ประธานเสิ่นรักคุณจริง ๆ เลยนะคะ เพิ่งจองสินค้าใหม่ของซีซันนี้ไปเมื่อวาน วันนี้ก็ให้คุณเคลียร์ห้องแต่งตัวให้ว่างแล้ว”

ได้ยินคำพูดของเธอ ฉันก็ขำ

นิ้วไถความเคลื่อนไหวบนโซเชียลของเมิ่งหนิงไปเรื่อยเปื่อย สายตาตกไปอยู่ที่โพสต์ล่าสุด

เป็นโพสต์ที่เพิ่งโพสต์เมื่อเช้า ในรูปคือกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุดของซีซันนี้

ดูเหมือนว่า สินค้าใหม่ซีซันนี้จะตามหาเจ้าของของมันเจอแล้ว

หลังส่งคนรับซื้อของมือสองกลับไป ฉันก็นัดเพื่อนสนิทอย่างซูเหยียนไปดูบ้าน

ฉันพาเธอขับรถไปยังชานเมือง สุดท้ายหยุดอยู่หน้าประตูสุสาน

ซูเหยียนมองฉันด้วยความประหลาดใจ

ฉันลากเธอเข้าไปในสุสานโดยไม่ได้อธิบาย

ที่ตั้งของสุสานแห่งนี้อยู่ในสถานที่ที่ภูเขาสวยน้ำใส เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยมากมาย

เจ้าหน้าที่แนะนำอย่างกระตือรือร้น ฉันเดือนวนรอบหนึ่ง เลือกตำแหน่งที่ชอบแล้วก็จ่ายเงินมัดจำ

พ่อแม่ฉันจากไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ฉันเองก็ไม่มีพี่น้อง

คิดว่าพอตายไปคงไม่มีใครมาเยี่ยมฉัน ก็เลยเลือกที่ดี ๆ ให้ตัวเองไปเลย

หลายปีมานี้ เสิ่นเจิงหาเงินได้เยอะมาก

แต่ฉันรักเขา มักจะตัดใจใช้เองไม่ได้ มักจะเก็บเอาไว้ให้เขาตลอด

แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายพอคิดได้ และตัดใจใช้เงินได้แล้ว กลับมาใช้ในที่พรรค์นี้

ก็แน่ล่ะ รักผู้ชายแบบนี้ ซวยไปทั้งชีวิตจริง

เจ้าหน้าที่ถามชื่อเจ้าของหลุมศพ

“ฉันค่ะ ฉันดูให้ตัวเอง”

ฉันเขียนชื่อของตัวเองลงในรายการ

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงและเห็นใจของเหล่าผู้คน ฉันลากซูเหยียนออกไปจากสุสาน

เพิ่งขึ้นมาบนรถ เธอก็ถามฉันด้วยน้ำเสียงขึงขัง “เนี่ยนอี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?! ทำไมเธอถึงดูหลุมศพให้ตัวเองล่ะ?!”

ในแววตาของซูเหยียนเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว

เธอกลัวว่าจะสูญเสียฉันไป

ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเสิ่นเจิง

ถ้าคนที่มาในวันนี้คือเขา เขาจะกลัวหรือเปล่า?

“เนี่ยนอี!”

ซูเหยียนขัดจังหวะความคิดของฉัน

“ฉันเป็นมะเร็ง มะเร็งตับอ่อน หมอบอกว่าเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน”

ฉันมองไปนอกหน้าต่าง น้ำเสียงราบเรียบจนเหมือนกับกำลังพูดเรื่องของคนอื่น

เดิมทีฉันคิดว่าจะมาคนเดียว แต่ในวันแบบนี้ หากต้องเผชิญหน้าคนเดียวก็น่าเวทนาอยู่บ้างจริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังต้องการให้ซูเหยียนช่วยฉันจัดการงานศพให้

เมื่อเห็นขอบตาของซูเหยียนแดงก่ำ ฉันกลับรู้สึกดีใจเล็กน้อย

ดูสิ บนโลกใบนี้ยังมีคนแคร์ฉันด้วย

แต่ทันใดนั้น ตรงท้องก็มีอาการเจ็บแปลบอย่างรุนแรงแผ่ซ่านขึ้นมาอีกครั้ง อาการปวดเป็นระยะที่ถี่และต่อเนื่องทำให้ฉันมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมา

ซูเหยียนจะพาฉันไปโรงพยาบาลทันที ฉันกลับขอร้องให้เธอพาฉันกลับบ้าน

อันที่จริง ฉันเองก็กลัว

ฉันกลัวว่าจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลแสนเย็นเยียบคนเดียว

และไม่อยากถูกขังอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่ทั้งเล็กและแคบนั่น

เพื่อไม่ให้ซูเหยียนเป็นห่วง ฉันพยายามประคองสติเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดก็ยังหมดสติไปเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว

ระหว่างสะลึมสะลือ ฉันได้ยินเธอต่อสายโทรออกได้แล้ว “เสิ่นเจิง นายมันสารเลว! รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

ตอนที่เสิ่นเจิงกลับถึงบ้าน ซูเหยียนก็ออกไปแล้ว

เขานั่งอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง ในมือกำลังถือน้ำร้อน

แค่ระยะเวลาสั้น ๆ สองสามวันฉันก็ผอมลงไปไม่น้อย เสื้อผ้าที่เคยใส่พอดีตัว ตอนนี้ใส่บนตัวหลวมโพรกไปหมด

โรคนี้ทรมานคนจริง ๆ

“เธอเล่นลูกไม้อะไรอีก? จะหยุดได้หรือยัง รู้ไหมว่าฉันยุ่งมาก” เสิ่นเจิงขมวดคิ้ว

ฉันไม่มีคำพูดจะโต้ตอบ ประตูเปิดออกอีกครั้ง เป็นเมิ่งหนิง ในมือกำลังถือผลไม้ถุงหนึ่ง

ไม่รอให้ฉันถาม เมิ่งหนิงก็รีบเอ่ยปากขึ้นว่า

“คุณนายเสิ่น ฉันอยากจะมาเอง เมื่อบ่ายตอนฉันกับประธานเสิ่นกำลังชอปปิงกันอยู่ ได้ยินว่าคุณหมดสติไป ก็เลยอยากตามมาเยี่ยมสักหน่อยน่ะค่ะ”

ที่แท้ ที่เขาบอกว่ายุ่งก็คือไปชอปปิงเป็นเพื่อนเมียน้อย?

ฉันหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง

“นี่มันท่าทีอะไรของเธอเนี่ย?!”

เสิ่นเจิ่งขมวดคิ้ว “กู้เนี่ยนอี เธอไม่มีมารยาทขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“มารยาทของนายคือการแอบกินกันข้างนอกลับหลังเมียหลวง?” ฉันมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

เสิ่นเจิงพูดไม่ออก

“คุณนายเสิ่น คุณอย่าโกรธเลยนะคะ เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง คุณอย่าโทษประธานเสิ่นเลยนะคะ”

ในน้ำเสียงของเมิ่งหนิงแฝงไปด้วยความสะอื้นไห้ แต่สีหน้ากลับยากจะปิดความได้ใจเอาไว้

“คุณไม่ชอบฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

วินาทีถัดมา เสิ่นเจิงตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด

“ผมจะไปกับคุณด้วย! มีผู้หญิงปากร้ายแบบนี้อยู่ ที่นี่ก็ไม่คู่ควรจะเรียกว่าบ้านแล้ว!”

ฉันมองท่าทางโกรธจนทำอะไรไม่ถูกของเขา พลางนึกถึงวันแรกที่ย้ายบ้าน

เขาจูงมือฉันเดินไปทั่วทุกมุมในบ้าน

ตอนนั้นเราอิงแอบกันอยู่บนโซฟา เขาพูดว่า ขอแค่เป็นที่ที่ฉันอยู่ นั่นก็คือบ้าน

แต่ตอนนี้ เขากลับบอกว่าที่นี่ไม่คู่ควรจะเรียกว่าบ้าน

ฉันกำแก้วในมือแน่น พร้อมกับหลุบตาลง พยายามควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา

เสิ่นเจิงจูงมือเมิ่งหนิงเตรียมจะออกไป

จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ลังเลอยู่สองสามวินาที เขาก็ถือโทรศัพท์เดินไปที่ระเบียง

เห็นเสิ่นเจิงเดินไปไกลแล้ว เมิ่งหนิงเองก็ผ่อนคลายท่าทีลง

เธอมองไปที่แจกันบนโต๊ะ “เปลี่ยนเป็นดอกลิลลี่แล้ว คุณไม่ชอบดอกเดซีเหรอ?”

ฉันขมวดคิ้ว

เธอรู้ได้ยังไง?

“คุณคงไม่ได้คิดว่าฉันมาครั้งแรกหรอกนะ?” เมิ่งหนิงหัวเราะเบา ๆ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ

“โซฟาตรงนี้ ห้องครัว ห้องทำงาน กระทั่งเตียงแต่งงานของพวกคุณ ฉันก็คุ้นเคยยิ่งกว่าที่คุณคิดซะอีก”

ราวกับน้ำเย็นกะละมังหนึ่งราดใส่หัว ฉันแข็งทื่ออยู่ที่เดิมโดยสมบูรณ์

ฉันเป็นคนเลือกเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้านหลังนี้อย่างพิถีพิถัน แต่ในวินาทีนี้ พวกมันกลับเหม็นเน่าจนชวนให้คนคลื่นไส้

“จริงสิ เปลี่ยนเก้าอี้ในห้องทำงานหรือยัง? ตัวนั้นไม่ค่อยสบาย...”

ฉันทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงยกมือขึ้นไปตบเธอฉาดหนึ่ง

ใบหน้าของเมิ่งหนิงบวมแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เธอหัวเราะเบา ๆ แต่วินาทีถัดมากลับร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา

“คุณนาย ขอโทษค่ะ ครั้งหน้าฉันไม่กล้าแล้ว”

วินาทีต่อมา เรี่ยวแรงมหาศาลสายหนึ่งผลักฉันออกไป

“กู้เนี่ยนอี เธอเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกแล้ว?!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 19

    พริบตาเดียว ก็ถึงวันครบรอบแต่งงานอีกครั้งเสิ่นเจิงถือเค้กที่สั่งไว้ล่วงหน้ากลับมาบ้าน แต่กลับพบว่าในบ้านไม่มีใครอยู่เลยเขาหาทั่วทั้งบ้าน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของกู้เนี่ยนอีความหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียถาโถมเข้ามาอีกครั้ง เสิ่นเจิงกำลังจะโทรแจ้งตำรวจอย่างลนลาน แต่แล้วก็มีเสียงจานแตกดังมาจากในครัวเสิ่นเจิงรีบวิ่งเข้าไปในครัว ก็เห็นดวงตาของกู้เนี่ยนอีแดงก่ำ“ที่รัก ฉันเป็นมะเร็ง”เสิ่นเจิงยังไม่ทันได้อ้าปาก สภาพแวดล้อมรอบกายก็พลันมืดมิดลง ร่างของกู้เนี่ยนอีปรากฏขึ้นอีกครั้งจากอีกทิศทางหนึ่งและครั้งนี้ เธอผอมจนเหลือแต่กระดูกเธอมองมาที่เขา ในแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “เสิ่นเจิง หลอกตัวเองแบบนี้มันสนุกมากเหรอ?”ในหัวของเสิ่นเจิงมีเสียงดังกระหึ่มวินาทีต่อมา เธอก็เห็นเขาหลั่งน้ำตา“เสิ่นเจิง ขอโทษนะ ครั้งนี้ฉันจะไม่ให้อภัยคุณแล้ว”“เพราะว่าฉันไม่ได้รักคุณแล้วจริง ๆ”พื้นดินยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว เสิ่นเจิงพยายามยื่นมือออกไปเพื่อคว้าไว้ แต่ก็ทำได้เพียงมองอีกฝ่ายค่อย ๆ ห่างไกลออกไปความกลัวที่จะสูญเสียเข้าครอบงำ เขาดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้ ข้างกาย

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 18

    เขานั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพลบค่ำเพราะไม่อยากกลับไปที่บ้านว่างเปล่าที่ไม่มีกู้เนี่ยนอีอีกแล้ว เสิ่นเจิงจึงแอบหลบการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จนกระทั่งม่านราตรีโรยตัวลงมา เขาถึงได้กลับไปยังที่ตั้งของป้ายหลุมศพอีกครั้งสุสานในยามดึกสงัดมีลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะ ทั่วทุกแห่งอบอวลไปด้วยไอเย็นยะเยือกแต่เสิ่นเจิงกลับไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อยเพราะที่นี่คือที่ฝังร่างของคนที่เขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนเขานอนลงข้างหลุมศพ ลูบไล้ป้ายหินที่เย็นเฉียบอย่างอ่อนโยนเขารู้สึกสงบใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่ามกลางสายลมที่พัดมาเป็นระลอก เสิ่นเจิงก็ผล็อยหลับไปเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เสิ่นเจิงก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาในห้อง เฟอร์นิเจอร์รอบกายล้วนย้ำเตือนเขาว่านี่คือบ้านของเขาเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?เขาจำได้ชัดเจนว่าตัวเองอยู่ที่สุสาน...มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูก็ถูกเปิดออกและคนที่เข้ามา ก็คือกู้เนี่ยนอี!เนี่ยนอี...เธอ...ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วเหรอ?เสิ่นเจิงมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ กู้เนี่ยนอียิ้มแล้วนั่งลงข้

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่17

    ช่วงนี้ เสิ่นเจิงพยายามติดต่อเธอมาตลอดเธอรู้ว่าเขาอยากจะเจอเนี่ยนอี แต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกครั้งแต่ซูเหยียนไม่เคยคิดเลยว่า สุดท้ายแล้วเสิ่นเจิงจะใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการติดต่อเธอความเป็นเพื่อนกันมาหลายปีทำให้เธอใจแข็งได้ไม่สุด เพราะเธอก็กลัวว่าเสิ่นเจิงจะก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาจริง ๆเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรง ซูเหยียนก็หันหลังเตรียมจะจากไปแต่กลับได้ยินเสียง “ตุ้บ” เสิ่นเจิงคุกเข่าลงเขาก้มหน้าลง ไหล่ทั้งสองข้างสั่นเทาไม่หยุด“ซูเหยียน ขอร้องล่ะ ขอร้องเธอล่ะ... พาฉันไปเจอเธอหน่อยเถอะนะ...”ซูเหยียนไม่เคยเห็นเขาตกต่ำถึงเพียงนี้มาก่อน ในที่สุดใจที่เคยแข็งกระด้างก็อ่อนลงวันที่ไปหากู้เนี่ยนอี เสิ่นเจิงตั้งใจใส่สูทเป็นพิเศษนี่คือของขวัญวันเรียนจบที่เธอมอบให้เขาตอนที่พวกเขาเพิ่งเรียนจบใหม่ ๆเขาซื้อช่อดอกเดซีช่อใหญ่มา และในขณะเดียวกันก็ไปร้านตัดผมเพื่อจัดแต่งทรงผมตลอดทาง ทั้งสองคนต่างก็เงียบรถวิ่งมาได้สองชั่วโมง ก็จอดลงที่สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีภูเขาและสายน้ำที่สวยงามเมื่อมองไปที่ประตูสุสาน เสิ่นเจิงก็ยืนนิ่งงันอยู่กับที่สถานที่แห่งนี้ เขาเคยเห็นอย่างชัดเจนก่

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 16

    “เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้วว่าเขาทนไม่ไหวหรอก!”“ไม่ใช่ว่าเขารักมั่นคงอะไรหรอก แต่เป็นเพราะผู้หญิงรอบตัวมันไม่ถูกใจ!”“แต่ว่านะ เสิ่นเจิง นายก็น่าจะลองเปลี่ยนรสชาติบ้าง เอาแต่แบบเมียนายตลอด ไม่เบื่อรึไง?”“แต่ขอแค่เพื่อนเราชอบ จะให้หาผู้หญิงที่เหมือนน้องสะใภ้แค่ไหน พวกเราก็หามาให้ได้...”เสียงหัวเราะอย่างเปิดเผยของผู้ชายดังขึ้นในห้องส่วนตัว เสิ่นเจิงรู้สึกถึงโทสะที่พุ่งขึ้นมาอยู่ที่หว่างคิ้วเขาผลักเด็กสาวออกไปอย่างแรง แล้วใช้มืออีกข้างบีบคอเธอกดลงกับโต๊ะฝ่ามือใหญ่ค่อย ๆ บีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนใบหน้าของเด็กสาวแดงก่ำเด็กสาวดิ้นรนไม่หยุด พยายามที่จะหลุดพ้นจากการเกาะกุมของเขา“เสิ่นเจิง หยุดเดี๋ยวนี้! จะฆ่าคนหรือไง!”หลายคนรีบเข้ามาดึงเขาออกอย่างทุลักทุเล เด็กสาวเห็นดังนั้นก็รีบคลานหนีออกจากห้องไปเสิ่นเจิงกวาดสายตาเย็นชาไปทั่วทุกคน“ฉันขอเตือนพวกนาย ถ้าใครกล้าพูดจาไม่ให้เกียรติภรรยาผมฉัน ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่!”“แล้วก็ถ้าใครกล้าใช้วิธีสกปรกแบบนี้อีก อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้า!”ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่รู้จะทำอย่างไรดี“เหอะ แค่เพื่อผู้หญิงแก่ ๆ คนเดียว ทำมาเป็นเสแสร้งจริง ๆ”ในกลุ่ม

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 15

    หลังจากสะสางเรื่องของเมิ่งหนิงเสร็จ ขานั่งกระดกเหล้าอยู่ในห้องส่วนตัวของเสิ่นเจิงก็ลาพักร้อนยาวเพราะไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่ากู้เนี่ยนอีได้จากไปแล้ว เสิ่นเจิงจึงเลือกที่จะจมตัวเองอยู่กับสุรา“ถ้ารู้ว่าเธอเป็นมะเร็งเร็วกว่านี้ก็คงดี”“ถ้าฉันไม่โดนเมิ่งหนิงยั่วยวนก็คงดี”“ถ้าหาก...”เขานั่งกระดกเหล้าอยู่ในห้องส่วนตัวของบาร์อย่างปวดร้าวเสิ่นเจิงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาไม่ได้นอนมากี่คืนแล้วที่บ้านไม่มีกลิ่นอายของกู้เนี่ยนอีอีกต่อไป ทำให้เขาอยู่ไม่ได้บ้านเก่าที่โดยพื้นฐานแล้วกลับคืนสู่สภาพเดิม กลับไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคยอีกต่อไปเขาอยากใช้แอลกอฮอล์มอมเมาตัวเอง เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานจากความคิดถึงแต่ถึงแม้จะดื่มเหล้าลงท้องไปนับไม่ถ้วน เขากลับไม่เมามาย ตรงกันข้าม สติกลับยิ่งแจ่มชัดขึ้นเขารู้ตัวอย่างแจ่มชัดว่า ข้างกายของเขาไม่มีเธออีกต่อไปแล้วเสิ่นเจิงหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนจะกระดกเหล้าอีกขวด จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะเรียกบาร์เทนเดอร์ทว่าทันทีที่ก้าวออกจากห้อง เขาก็เดินชนเข้ากับชายคนหนึ่งอีกฝ่ายขมวดคิ้วสบถ กำลังจะอาละวาด แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครสีหน้าก็เปลี่ยนไป“ประธานเสิ่น ท

  • รักสลายใต้เงาจันทร์   บทที่ 14

    เธอคุกเข่าคลานเข้าไปหาเสิ่นเจิงเธอกุมข้อมือของเขาไว้แน่น น้ำตานองหน้าอ้อนวอนอย่างขมขื่นแต่เสิ่นเจิงกลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อยเมิ่งหนิงรีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เธอชูมันขึ้นตรงหน้าเสิ่นเจิงแล้วตะโกนสุดเสียงว่า“ประธานเสิ่น ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ได้โปรดเห็นแก่ลูก ยกโทษให้ฉันเถอะนะคะ!”“ไหนว่าคุณอยากมีลูกมาตลอดไม่ใช่เหรอคะ? ดูสิ ในที่สุดเราก็กำลังจะมีแล้ว!”“ครอบครัวพ่อแม่ลูกสามคนที่คุณใฝ่ฝันมาตลอด ใกล้จะเป็นจริงแล้วนะคะ...”“เหอะ!” เสิ่นเจิงแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา บีบคางของเมิ่งหนิงอย่างแรงจนเป็นรอยนิ้วมือสีม่วงคล้ำ“ใครบอกว่าอยากจะสร้างครอบครัวสามคนกับเธอ?”“ในภาพที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอด มีเพียงกู้เนี่ยนอีคนเดียวเท่านั้น”“ส่วนเธอ สำหรับฉันแล้ว เป็นแค่เครื่องมือ”พูดจบ เขาก็สะบัดมือของเมิ่งหนิงออกอย่างเย็นชาเมิ่งหนิงทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ฉันจำได้ว่าเคยเตือนเธอหลายครั้งแล้วให้เจียมตัว แต่เธอกลับลืม แถมยังไปทำร้ายภรรยาของฉันลับหลังฉันอีก”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ควรจะได้รับผลของการกระทำของตัวเอง!”“ส่วนเด็กคนนั้น แม่ของเขาตายไปแล้ว เขาก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status