All Chapters of ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ: Chapter 21 - Chapter 30

80 Chapters

บทที่ 21

นางคอยเกาะติดซ่งจิ่นซิวและลู่จื๋อเหนียน ราวกับเด็กที่ไม่รู้จักโต คิดจะใช้การร้องไห้โวยวาย มาครอบครองความใส่ใจและสายตาของพวกเขา แต่ยิ่งนางอาละวาดรุนแรงมากเท่าไร ซ่งจิ่นซิวและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งรังเกียจนางมากขึ้นเท่านั้นยิ่งถังหนิงรังแกและทำตัวหยาบคายต่อนางเท่าไร ซ่งจิ่นซิวพวกเขาก็จะยิ่งเข้าข้างนางมากขึ้นซ่งซูหลานรู้จักนิสัยของถังหนิงดีเกินไป และนางก็เป็นคนล่อลวงให้ถังหนิงสูญเสียความใส่ใจจากซ่งจิ่นซิวและคนอื่น ๆ ไปทีละก้าวเมื่อครู่นี้ นางยังคงคิดจะยั่วโมโหซ่งถังหนิงเหมือนเช่นเคย ยั่วให้นางเข้ามาตบตีราวกับคนบ้า แต่คาดไม่ถึงว่านางกลับเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้สนใจนางเลยนางเพียงแค่พุ่งเป้าความไม่พอใจทั้งหมดไปที่พวกซ่งจิ่นซิว มีสติและเยือกเย็นจนน่ากลัวเมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยของซ่งจิ่นซิวที่คล้ายกับกำลังนึกเสียใจ ซ่งซูหลานก็หยิกฝ่ามือตัวเองอย่างแรง ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลทะลักออกมานางผลักซ่งจิ่นซิวออกไปแล้วร่างกายก็อ่อนระทวยคุกเข่าลงกับพื้น ซ่งจิ่นซิวรีบได้สติกลับมา “เจ้าจะทำอะไร?”“ข้าจะขอร้องถังหนิง เมื่อครู่นางบอกแล้วว่า ขอเพียงข้าเดินหนึ่งก้าวคุกเข่าหนึ่งครั้ง แ
Read more

บทที่ 22

“น่าอับอายขายหน้าสิ้นดี!”พระชายาเฉิงกระแทกม่านข้างหน้าต่างลงมาด้วยใบหน้าดำคล้ำ บดบังภาพของคนสองคนที่น่ารังเกียจอยู่ด้านนอก“เมื่อก่อนข้ายังคิดว่าซ่งจิ่นซิวผู้นี้เป็นคนรู้จักขนบธรรมเนียมและเข้าใจกฎเกณฑ์ แต่วันนี้ข้าถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ที่แท้ก็เปรียบดั่งมูลลาที่ภายนอกมันวาวดูดี ข้างในเต็มไปด้วยสิ่งโสโครกอะไรก็ไม่รู้!"นางโมโหจนสบถคำหยาบออกมา แล้วตะโกนไปยังด้านนอก“รีบไปได้แล้ว ข้าเห็นพวกเขาก็รู้สึกขยะแขยง อย่าให้พวกเขามาทำให้สายตาของถังหนิงต้องสกปรก”ด้านนอก ชางลั่งกุมท้ายทอยของตัวเองพลางแยกเขี้ยวด้วยความเจ็บปวด รู้สึกว่าเมื่อครู่ตนเองเตะคุณชายใหญ่ซ่งเบาเกินไปแล้ว หลังจากจดจำบัญชีแค้นนี้ไว้ในใจเงียบ ๆ เขาก็ดึงบังเหียนขับรถมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของเมือง ขณะที่เจี่ยงหมอมอและคนอื่น ๆ ก็นำบ่าวรับใช้และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ นั่งรถม้าเล็กตามไปข้างหลังล้อรถม้าบดลงบนพื้นหินสีเขียวจนเกิดเสียงดัง ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาห้ามออกเดินทางยามวิกาลแล้ว บนถนนจึงแทบไม่เห็นผู้คนมีเพียงพ่อค้าที่เดินทางกลับบ้านขับรถม้าผ่านไปเป็นครั้งคราว ลมราตรีพัดหวีดหวิวชวนให้รู้สึกหนาวเย็นซ่งถังหนิงขดตัวอยู่ในมุม
Read more

บทที่ 23

ซ่งถังหนิงเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึงท่ามกลางความสับสน "อะไรนะ?"“ข้าบอกว่า พี่ชายของเจ้าคนนั้นอาจใช่ว่าจะไม่รู้ว่าตนเองทำผิด”คำพูดของเซียวเยี่ยนทำให้ถังหนิงตกตะลึง เมื่อเห็นเด็กสาวกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ซ่งจิ่นซิวไม่ใช่เด็กสามขวบ และก็ไม่เหมือนเซี่ยอิ๋นที่ยังเยาว์วัย เขาถือตัวว่าเป็นวิญญูชน และแสดงออกต่อภายนอกว่าเข้มงวดต่อตนเองมาโดยตลอด แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่รู้ว่าการกระทำของตนนั้นผิดพลาด เขาแค่ไม่ยอมรับมันเท่านั้น”ซ่งถังหนิงอ้าปากค้าง อยากจะถามว่าเพราะเหตุใดเซียวเยี่ยนก็เอ่ยขึ้นมาก่อนแล้ว “เพราะเขายอมรับผิดไม่ได้ หากเขายอมรับ ก็เท่ากับต้องยอมรับว่าเขาเมินเฉยต่อสายสัมพันธ์ในครอบครัว หากเขายอมรับ ก็เท่ากับต้องยอมรับว่าเขาไม่ได้ขัดเกลาตนเอง วิญญูชนย่อมต้องเข้มงวดต่อตนเอง บุตรหลานตระกูลใหญ่ในยุคนี้ ยิ่งให้ความสำคัญกับการขัดเกลาตนเอง เขาภาคภูมิใจในความเป็นวิญญูชนของตนมาตลอด แต่หากเขายอมรับว่าตนเองผิด ก็เท่ากับว่าคุณธรรมของเขาบกพร่อง”“ซ่งจิ่นซิวเข้ารับราชการตั้งแต่ยังเยาว์วัย เป็นผู้โดดเด่นในหมู่บุตรหลานตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงมาโดยตลอด เขา
Read more

บทที่ 24

ฮวาอู๋เพิ่งจะอายุสิบสี่ปี แก้มยังคงกลมป่อง และยังเดินขากะเผลกอยู่เล็กน้อยนางเข้ามาใกล้แล้วมองถังหนิงที่บาดเจ็บไปทั้งร่างกายด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “บ่าวได้ยินพวกเขาพูดกันว่า คุณหนูตกใจจนม้าเตลิดตกหน้าผาไป ทั้งยังบอกว่าคุณหนูเกือบจะกลับมาไม่ได้แล้ว คุณหนูทำบ่าวตกใจแทบแย่ ฮือ ๆ ๆ เหตุใดท่าน เหตุใดถึงได้บาดเจ็บจนเป็นเช่นนี้ เจ็บหรือไม่เจ้าคะ..."เมื่อเห็นว่าน้ำตาของฮวาอู๋แทบจะท่วมตัวนางอยู่แล้ว ซ่งถังหนิงก็ย้อนนึกไปถึงชาติที่แล้ว ฮวาอู๋ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก กำลังถือขนมกุ้ยฮวาห่อเล็ก ๆ มาปลอบนาง“คุณหนูลองชิมดูสิเจ้าคะ ขนมกุ้ยฮวานี่อร่อยมากเลย บ่าวกินจนท้องกลมไปหมดแล้ว”นางจงใจเรอออกมาเบา ๆ แล้วค่อย ๆ บิขนมป้อนให้นางอย่างระมัดระวัง แต่เป็นเพราะผอมเกินไป จนขับดวงตาที่ดูทั้งดำทั้งโต จ้องมองขนมที่นางกลืนลงไปไม่วางตา ซ้ำยังแอบเลียริมฝีปากที่แห้งจนลอกของตนเอง“หอมใช่หรือไม่เจ้าคะ บ่าวชิมแล้ว หวานมากเลย...”ใบหน้าซีดขาวของเด็กสาวยิ้มแย้ม “บ่าวเก็บเงินได้สองสามตำลึงแล้ว รอให้คุณหนูอาการดีขึ้น บ่าวจะแอบหาโอกาสช่วยคุณหนูออกไป”“บ่าวหาทางไว้แล้วด้วย คนที่หน้าเรือนเฝ้ายามเข้มงวด
Read more

บทที่ 25

แม้ตรอกจีอวิ๋นจะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง ไม่ใช่ทิศตะวันตกที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลวง แต่ทางตอนใต้ของเมืองกลับเป็นเพราะมีตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ทั้งยังอยู่ใกล้กับท่าเรือที่จะล่องใต้ไปยังแม่น้ำเฟิง ประกอบกับหน่วยงานราชการหลายแห่งก็ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง ขุนนางผู้มีอำนาจบางส่วนที่ชื่นชอบความเจริญรุ่งเรืองจึงได้ตั้งเรือนไว้ทางตอนใต้ของเมือง และในบรรดาสถานที่เหล่านั้น ตรอกจีอวิ๋นที่เงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวายดุจดินแดนสุขาวดีในป่าท้อ ก็คือสถานที่ที่ล้ำค่าที่สุดของทางตอนใต้ทั้งหมดเรือนที่นี่ไม่ได้มีราคาถูกกว่าทางตะวันตกของเมืองเลยแม้แต่น้อย และเพราะเป็นที่รวมตัวของเหล่าผู้มีอำนาจ เรือนสักหลังจึงหาได้ยากยิ่งก่อนหน้านี้ตอนที่เซียวเยี่ยนบอกว่าเขามีเรือนว่างอยู่หลังหนึ่ง แม้แต่พระชายาเฉิงเองก็ยังคิดว่าคงเป็นเพียงเรือนธรรมดา ๆ แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อเข้ามาข้างในแล้วกลับต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างหลังจากเดินผ่านระเบียงทางเดินที่งดงาม วนผ่านสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ และผ่านหมู่ศาลาและหอน้อยใหญ่เข้ามาถึงเรือนหลักแล้วฮวาอู๋ก็อ้าปากกว้าง “คุณหนู เรือนหลังนี้ใหญ่โตมากเลยเจ้าค่ะ”ถังหนิงเองก็ตกใจ
Read more

บทที่ 26

พระชายาเฉิงถอนหายใจกล่าว “ถังหนิง พี่ชายที่เจ้าเพิ่งรับไว้ผู้นี้ช่างเอาใจใส่”ทั้งที่เป็นขันทีไม่จำเป็นต้องใส่ใจพิธีรีตอง แต่เซียวเยี่ยนกลับรักษาระเบียบมารยาท ไม่เข้าจวนยามวิกาล ไม่ให้ถังหนิงตกเป็นที่ครหาตั้งแต่ถังหนิงตัดสินใจออกจากจวนเฉิงอ๋อง กระทั่งมาถึงบ้านหลังนี้ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เซียวเยี่ยนได้สั่งให้คนทำความสะอาดทั้งนอกและในจนหมดจด อีกทั้งยังส่งบ่าวรับใช้ องครักษ์ดูแลเรือนมา กระทั่งจัดการในสิ่งต่าง ๆ ที่พวกนางนึกถึงจนครบถ้วนรอบคอบถึงเพียงนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้พระชายาเฉิงนั่งอยู่ข้างถังหนิงยิ้มแล้วหยอกนาง “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพี่หญิงข้า และข้ารู้ว่าพี่หญิงไม่ได้คลอดบุตรชายที่รูปงามอื่นเช่นนั้น ข้าคงสงสัยว่าเจ้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของหัวหน้าเซียว”ถังหนิงได้ยินดังนั้นกอดเสื้อคลุมแล้วเผยรอยยิ้มท่านพี่ที่เพิ่งรับมาใหม่ผู้นี้...ช่างดีเหลือเกินเจี่ยงหมอมอพูดคุยกับทั้งสองสักครู่ เมื่อเห็นพระชายาเฉิงดูเหมือนมีเรื่องต้องการพูดกับถังหนิงตามลำพัง จึงพาฮวาอู๋ไปจัดการผ้าห่มผ้าปูให้เรียบร้อยก่อนรอให้ในห้องมีเพียงสองคน พระชายาเฉิงถึงรินน้ำอุ่น
Read more

บทที่ 27

“เจ้าพูดจริงหรือ?” พระชายาเฉิงได้ยินคำพูดของถังหนิงสีหน้าบึ้งตึงทันใด “ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยพูดเรื่องเหล่านี้กับข้า?”ถังหนิงเอ่ยเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็นึกไม่ถึง”ไม่ใช่นึกไม่ถึง แต่สถานการณ์ตอนนั้นทำให้นางไม่มีเวลาตรึกตรองอย่างละเอียดวันนั้นพวกซ่งถานเรียกตัวนางไปโถงหน้ากะทันหัน พอเอ่ยปากก็บอกว่าซ่งซูหลานเป็นสายเลือดของท่านพ่อ ส่วนซ่งซูหลานคุกเข่าร้องห่มร้องไห้อยู่บนพื้น บอกเล่าความใกล้ชิดในอดีตระหว่างมารดาของนางกับซ่งซี ในยามนั้นสมองของนางเหลือเพียงความคิดที่ว่าท่านพ่อทรยศท่านแม่ จะนึกถึงเรื่องอื่นได้อย่างไรซ่งหงโน้มน้าวนางว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดบิดา ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเองก็บอกว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะทำให้บิดาของนางที่จากไปเสื่อมเสีย อีกทั้งในมือซ่งซูหลานมีจดหมายหลายฉบับที่ซ่งซีเขียนถึงมารดาผู้ให้กำเนิดของนาง บวกกับซ่งจิ่นซิวที่เพิ่งเร่งกลับมาเกลี้ยกล่อมนางขอเพียงให้อีกฝ่ายได้มีที่พักคุ้มกะลาหัว สกุลซ่งจะได้ไม่ถูกครหาว่าใจร้าย สมองของนางเสียงดังหวึ่งไม่หยุดจึงรับปากโดยไม่มีสติ รอให้รู้สึกตัวอีกที ซ่งซูหลานก็กลายเป็นบุตรสาวของบ้านรองแล้วถังหนิงลำคอขมขื่น “เดิมท
Read more

บทที่ 28

พระชายาเฉิงครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่ามีเหตุผล “ได้ พรุ่งนี้รอให้ข้ากลับไปค่อยบอกน้าเขยของเจ้า หากสกุลซ่งรังแกเจ้าเช่นนั้นจริง ข้ากับน้าเขยของเจ้าย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่!”ถังหนิงตอบรับ “อืม” อิงซบอยู่ด้านหน้าพระชายาเฉิงนางอยากจะรู้ว่าตกลงเฉิงอ๋องสนใจนางกับท่านน้า หรือสนใจอย่างอื่นมากกว่าภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง พระชายาเฉิงเอ่ยปากอีกครั้ง “ถังหนิง เรื่องการหมั้นระหว่างเจ้ากับสกุลลู่...”ซ่งถังหนิงก้มหน้าเงียบอยู่นานจึงเอ่ยเสียงต่ำ “ท่านน้า เมื่อก่อนข้าชอบลู่จื๋อเหนียนมากเหลือเกินจริง ๆ”เมื่อรู้ว่าลู่จื๋อเหนียนชอบหญิงสาวที่มีความรู้ นางจึงพร่ำเรียนสี่ศิลปะโบราณที่นางไม่ชอบเมื่อรู้ว่าลู่จื๋อเหนียนไม่ชอบคนเอะอะโวยวาย ทั้งที่นางเป็นคนนิสัยร่าเริงกลับทำให้ตัวเองกลายเป็นพูดน้อยตั้งแต่นางรู้ความก็รู้ว่าตัวเองต้องแต่งงานกับลู่จื๋อเหนียน และนึกมาตลอดว่าตัวเองจะกลายเป็นสะใภ้สกุลลู่ นางเดินตามลู่จื๋อเหนียนสุดชีวิต ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่คู่ควรเป็นสะใภ้ใหญ่ของวงศ์ตระกูลลู่จื๋อเหนียนกับซ่งจิ่นซิวล้วนเป็นคนที่โดดเด่นตั้งแต่ยังเด็ก เพียงแต่เมื่อเทียบกับจวนซ่งกั๋วกงที่มีแต่ชื่อเสียงนั้น ย
Read more

บทที่ 29

พระชายาเฉิงรู้ดีว่า ที่ผ่านมาหลานสาวตัวเองคาดหวังจะแต่งเข้าสกุลลู่มากขนาดไหน บัดนี้กล่าววาจาเช่นนี้ออกมา ทำให้รู้ว่านางเสียใจมากแค่ไหน“ไม่ชอบก็ไม่ชอบ บนโลกนี้ยังมีชายหนุ่มดี ๆ อีกถมเถไป ถังหนิงของน้าไม่เอาพวกเขาหรอก”พระชายาเฉิงลูบปอยผมตรงหน้าผากถังหนิงแผ่วเบา“งานแต่งของเจ้ากับลู่จื๋อเหนียนกำหนดแต่งปีหน้า ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน รอให้เรื่องของสกุลซ่งสืบจนแน่ชัดแล้ว น้าค่อยหาวิธีถอนหมั้นให้เจ้า”ถังหนิงเอ่ยเสียงต่ำ “แต่ทางฮองเฮา...”“ทางฮองเฮาแล้วอย่างไร นางดีกับเจ้าไม่น้อย แต่ใครจะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กสกุลลู่เย็นชากับเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นถอนหมั้นโดยไม่มีสาเหตุฮองเฮาย่อมไม่รามือ แต่ลู่จื๋อเหนียนเป็นฝ่ายทิ้งเจ้าก่อน ซ้ำยังเกือบทำให้เจ้าตาย ต่อให้ถอนหมั้น พวกเขาสกุลลู่จะว่าอะไรได้?”คนที่ใจร้ายใจดำคือเจ้าลู่จื๋อเหนียนนั่น!พระชายาเฉิงกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ถอนหมั้นโดยดีและไม่กระทบต่อถังหนิง อีกทั้งยังต้องทำให้คนนอกไม่หาว่าเป็นความผิดถังหนิง หนำซ้ำยังต้องทำให้สกุลลู่เป็นฝ่ายผิดซ่งถังหนิงฟังนางบ่นกระปอดกระแปด ซบหน้าบนหัวไหล่นางขอบตาร้อนผ่าวท่านน้ามักจะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่านางอยากทำสิ่
Read more

บทที่ 30

ลู่จื๋อเหนียนกล่าว “ท่านย่า ข้ากับซ่งซูหลานเปิดเผยบริสุทธิ์ ก่อนนี้ไม่รู้ว่านางคือบุตรีลูกอนุนอกเรือน วันนั้นบนภูเขาเชวี่ย ข้าก็แค่รู้สึกว่าถังหนิงเอาแต่ใจ คิดว่าหากนิสัยเช่นนี้ของนางไม่สำรวมเสียบ้าง ภายหน้าแต่งเข้าสกุลลู่จะเดือดร้อนได้ง่าย จึงอยากจะสั่งสอนนางเสียบ้าง”“เดิมทีข้านึกว่าซ่งจิ่นซิวเป็นพี่ชายของนาง เซี่ยอิ๋นเองก็สนิทกับนางมาก ต่อให้ทั้งสองคนนั้นโกรธนางก็คงให้คนอยู่ข้างกายคุ้มกันนางกลับวัดหลิงอวิ๋น แต่ใครจะไปคิดว่าพวกเขาไม่ให้ใครอยู่เลยสักคน”หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก เขาคงไม่พาบ่าวรับใช้กลับมาทั้งหมดฮูหยินผู้เฒ่าลู่จ้องเขาเขม็ง “เจ้ากับซ่งซูหลานไม่มีอะไรกันจริงหรือ?”“เปล่าขอรับ!”“แล้วนางล่ะ?”ลู่จื๋อเหนียนชะงักไปสักครู่ จึงส่ายหน้า “ก่อนนี้ตอนอยู่จวนสกุลซ่ง นางก็ไม่เคยให้ท่า”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ได้ยินดังนั้นสีหน้าจึงผ่อนปรนลงบ้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ควรอยู่ให้ห่างบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นเอาไว้ นางจะได้ไม่ทำให้ชื่อเสียเจ้าเสื่อมเสีย ยังมีซ่งถังหนิง นางเป็นอะไรกัน?”ลู่จื๋อเหยียนเม้มปาก “นางก็นิสัยเช่นนี้ ท่านย่าโปรดวางใจ รอให้ค่ำกว่านี้ข้าจะส่งคนไปบอกให้นางกล
Read more
PREV
1234568
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status