หลายคนมักคิดว่าการวางจักรพรรดิ
ปูยีไว้บนบัลลังก์ของรัฐที่ญี่ปุ่นตั้งขึ้นเป็นแค่พิธีรีตองเต็มรูปแบบ แต่เมื่อมองจากมุมมองของคนที่ชอบอ่านประวัติศาสตร์และดูหนังย้อนยุคอย่างละเอียด ฉันกลับเห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าเยอะ
จักรพรรดิปูยีใน 'Manchukuo' ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางความชอบธรรมทางการเมือง: เขาให้หน้ากากของอำนาจศักดิ์สิทธิ์แก่ญี่ปุ่นในการอ้างว่าการก่อตั้งรัฐเป็นการคืนความสงบและความต่อเนื่องของราชวงศ์ แต่ในความเป็นจริงอำนาจที่แท้จริงอยู่กับกองทัพคันตงและข้าราชการญี่ปุ่นที่คุมการเมือง การเงิน และการทหารทั้งหมด ฉันมักจะนึกภาพปูยียืนอยู่บนระเบียงพระราชวังกว้างใหญ่—แต่มีสายโทรศัพท์และคำสั่งจากที่ปรึกษาอยู่เบื้องหลังมากกว่าความเป็นอิสระทางการปกครอง
ในเชิงบุคลิก ปูยีไม่ใช่เพียงแค่ 'หุ่นเชิด' แบบนิยาย—เขามีความทะยานอยากที่จะกลับไปมีอำนาจและสถานะ แต่ความทรงจำของตำแหน่งเดิมกับการเติบโตในพระราชวังทำให้เขาเป็นทั้งฝ่ายถูกใช้และฝ่ายพยายามรับมือกับสภาพใหม่ ๆ ช่วงเวลาที่ถูกแต่งตั้งเป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูกัว (ใช้ราชาภิเษกในปี 1934 ในนามจักรพรรดิ '康德') แสดงให้เห็นความขัดแย้งของบทบาท: เสียงร้องเรียกของความถูกต้องทางประวัติศาสตร์กับข้อจำกัดทางการเมืองที่รัดแน่นจนเกือบไม่มีช่องว่างให้เขาทำอะไรได้จริง ๆ
เมื่อฉันนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง 'The Last Emperor' ฉากที่แสดงความโดดเดี่ยวของปูยีทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าบทบาทของเขามีทั้งส่วนที่เป็นเหยื่อและส่วนที่เป็นผู้ร่วมมือ เขาแทบไม่ได้มีความชอบธรรมในระดับนานาชาติ —สังคมระหว่างประเทศส่วนใหญ่ปฏิเสธการรับรองรัฐนี้—แต่การเป็นหน้าเป็นตาทำให้ญี่ปุ่นสามารถอ้างการปกครองในพื้นที่นั้นได้อย่างมีสติปัญญาทางการทูต ฉันเองมักจะสลับระหว่างความเห็นใจในฐานะมนุษย์คนหนึ่งกับความไม่พอใจในบทบาทที่เขายอมรับ ซึ่งสะท้อนความซับซ้อนของประวัติศาสตร์สมัยนั้นอย่างชัดเจน