ฉบับภาพยนตร์ Pride & Prejudice แตกต่างจากนิยายอย่างไร

2025-11-02 15:52:32 192

3 回答

Parker
Parker
2025-11-03 00:27:22
ภาพรวมสำหรับฉบับคลาสสิกเก่า ๆ อย่างเวอร์ชันปี 1940 แสดงให้ฉันเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสไตล์ที่น่าสนใจ เวอร์ชันเก่าเน้นการวางบทและการพูดสื่อสารเหมือนละครเวที และมุ่งสร้างภาพลักษณ์ของความสุภาพเรียบร้อย แม้รายละเอียดของนิยายจะยังอยู่ แต่การตีความตัวละครมีความเป็นยุคภาพยนตร์โบราณมากกว่างานเขียนที่มีความละเอียดยิบ

ฉันชอบที่ฉบับเก่าใช้การจัดเฟรมแบบเคร่งขรึมและบทสนทนายาว ๆ เพื่อรักษากลิ่นอายต้นฉบับไว้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สูญเสียไปคือความตลกร้ายและการเย้ยหยันแบบละเอียดของผู้เขียนในบางช่วง ผลคือผู้ชมได้เห็นภาพรวมของพล็อต แต่ความเฉียบคมของภาษาและความซับซ้อนของการวิพากษ์สังคมถูกปัดให้เรียบกว่าเดิม ซึ่งก็ไม่ได้แย่ เป็นแค่การตีความอีกแบบหนึ่งที่ให้โทนแตกต่างจากการอ่านหนังสือโดยตรง
Una
Una
2025-11-05 22:25:22
มาดูกันว่าฉบับภาพยนตร์ 'Pride & Prejudice' ของปี 2005 เลือกเล่าอะไรต่างจากต้นฉบับบ้าง

ฉันรู้สึกว่าการตัดต่อและการเลือกฉากของผู้กำกับโฟกัสไปที่อารมณ์สองคนหลักมากกว่ารายละเอียดสังคมที่กว้างในนิยาย บทของหนังย่อเหตุการณ์หลายอย่างจากเล่มยาวให้กระชับ — บทสนทนาในงานสังคมบางฉากถูกตัดหรือย่อให้เหลือจุดชนวนสำคัญ เพื่อเร่งจังหวะความสัมพันธ์ระหว่างเอลิซาเบธกับดาร์ซีย์ ฉากที่ในหนังสวยงามและมีสัญลักษณ์ เช่น การพบกันในทุ่งหรือฉากจบที่โรแมนติก ถูกแต่งเติมเพื่อสร้างอิมแพ็กทางภาพซึ่งต้นฉบับพึ่งพาการบรรยายและอารมณ์ละเอียดภายในของตัวละครมากกว่า

ดนตรีและมู้ดไลท์ติ้งช่วยเพิ่มความรู้สึกที่นิยายอธิบายด้วยคำยาว ๆ ไม่ได้ การแสดงสีหน้า แววตา และเคมีระหว่างนักแสดงเข้ามาแทนข้อความบรรยาย ทำให้บางซับพลอตของครอบครัวเบนเน็ตถูกลดทอนหรือกลายเป็นฉากคลี่คลายที่รวบรัดลง ตัวละครรองบางตัวจึงดูมีมิติลดลง แต่ก็แลกมาด้วยพลังอารมณ์ที่เข้มข้นขึ้นในช่วงหัวใจของเรื่อง

โดยรวมแล้วฉันคิดว่าหนังเลือกเป็นนิยายเวอร์ชันที่เน้นความสัมพันธ์แบบภาพยนตร์: เสน่ห์ด้วยภาพ เสียง และจังหวะการเล่า ส่วนเล่มต้นฉบับให้อรรถรสจากภาษาและการสังเกตสังคมที่ละเอียดกว่า จบด้วยความรู้สึกว่าถ้าคุณอยากได้อารมณ์รวบรัดและภาพที่ตราตรึงให้ดูหนัง แต่ถ้าอยากเข้าใจความคิดและมารยาทสังคมยุคนั้นจริง ๆ หนังสือยังคงเป็นขุมทรัพย์ที่ลึกกว่า
Isla
Isla
2025-11-06 17:13:52
หลายอย่างของ 'Pride and Prejudice' ถูกปรับให้สั้นลงเมื่อข้ามมาสู่จอทีวีหรือภาพยนตร์ ฉันมักพูดถึงประเด็นการตัดตัวละครรองและเหตุการณ์ย่อย ๆ ซึ่งในนิยายช่วยสะท้อนค่านิยมและสถานะทางสังคม แต่ในงานภาพยนตร์เวลาเป็นข้อจำกัดที่ชัดเจน ดังนั้นเลือกเก็บฉากที่ผลักดันแกนความสัมพันธ์หลักไว้ก่อน

การเล่าเชิงบรรยายก็หายไปในหนัง พื้นที่ที่นิยายใช้บรรยายความคิดภายในของเอลิซาเบธและดาร์ซีย์ กลายเป็นการใช้ภาพและการแสดงหน้าแทน ฉันชอบฉากที่ตัวละครไม่พูดมากแต่แววตาสื่อสารแทน บางครั้งมันเข้มข้นกว่าบรรยาย แต่ก็ตัดโอกาสในการเห็นเหตุผลเชิงสังคมที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของตัวละครหลายคน ตัวอย่างเช่น บทบาทของมิสเตอร์คอลลินส์และมิสบิงเลย์มักถูกย่อหรือเปลี่ยนโทน ทำให้มิติของการวิพากษ์สังคมในนิยายลดลง

สุดท้าย ฉันคิดว่าความต่างที่ชัดคือหนังต้องการให้ผู้ชมรู้สึก ณ ขณะนั้น ขณะที่หนังสือพาผู้อ่านค่อย ๆ ถอดรหัสความคิดของตัวละคร การดูงานจึงเป็นประสบการณ์ทันทีและอารมณ์นำ ส่วนการอ่านให้เวลาคิดและสะท้อน นั่นคือเหตุผลว่าทั้งสองเวอร์ชันจึงคุ้มค่าที่จะมี—คนละแบบ แต่เติมเต็มกันได้
すべての回答を見る
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

関連書籍

ความลับในห้องน้ำ
ความลับในห้องน้ำ
คืนของปี 2008 ฉันฆ่าแฟนของเพื่อนสนิทและยัดเขาลงในท่อระบายน้ำ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันฆ่าคน ฉันใช้เวลาถึงสามวันเต็มกว่าจะยัดศพของเขาลงไปในท่อระบายน้ำได้สำเร็จ แต่ในวันที่สี่ ฉันเห็นรถตำรวจสามคันจอดอยู่ข้างนอกตึกเรียน
5 チャプター
รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
ผลงานสุดฮอตฮิต ‘ย้อนเวลากลับไปเป็นรัชทายาทในยุคโบราณ’ ทะลุมิติมาเป็นองค์รัชทายาทแห่งต้าฉิน ชาตินี้ ข้าไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนทำงานหามรุ่งหามค่ำอีกต่อไป ข้าอยากตื่นขึ้นมาก็มีอำนาจควบคุมใต้หล้า พอเมามายก็นอนซบตักของสาวงาม สังหารขุนนางกังฉิน ทำลายแคว้นอริราชศัตรู ออกทะเลพิชิตเมืองตงอิ๋ง ต้าฉินเกรียงไกรทั่วทั้งแปดทิศ กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว คำสั่งข้า คืออาณัติแห่งสวรรค์ ไม่มียืดเยื้อ ไม่มีการตอกหน้า ไม่มีโครงเรื่องไร้สาระ มีแค่ความสนุก และตัวเอกฆ่าดะ!
9.7
1180 チャプター
ผู้หญิงขายตัว
ผู้หญิงขายตัว
ริน หรือ ภวริน ฉันคือผู้หญิงขายตัว มันหน้ารังเกียจใช่ไหม หึ...ใครๆก็บอกว่าฉันมันหน้ารังเกียจ แต่ไม่เคยมีใครถามถึงเหตุผลเลยว่าทำไมฉันถึงต้องมาขายตัวแบบนี้ โลกนี้มันชั่งไม่มีความยุติธรรม "เอาเงินไปแล้วถอดเสื้อผ้ามึงออกซะ" "แต่นี่มันห้องน้ำมหาลัยนะ" "กูไม่สน" ฉันทำท่าคิดก่อนจะหยิบเงินเอามาใส่กระเป๋าแล้วถอดเสื้อผ้าออกจนหมด "จัดการมันให้กูหน่อย" พี่ซันควักท่อนเอ็นออกมาแล้วรูดขึ้นลงตรงหน้าฉัน ฉันนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเป้าพี่ซันแล้วเอามือไปจับท่อนเอ็นของพี่ซันแล้วรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ จากนั้นก็ใช้ปลายลิ้นแตะตรงปลายหัวเห็ดสีชมอ่อนเลียวนไปมาสามสี่รอบ ก่อนที่จะอมลงไปจนมิด "อ๊า~แบบนั้นริน...ซี๊ด~" พี่ซันรวบผมฉันขึ้น
10
178 チャプター
ข้ามภพมาเป็นภรรยาอัปลักษณ์แสนร้ายกาจ
ข้ามภพมาเป็นภรรยาอัปลักษณ์แสนร้ายกาจ
เมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอตื่นขึ้นมาในร่างที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ร่างกายอ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำ นี่คือร่างของ ซูเว่ยหราน สตรีอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมงในยุคจีนโบราณ! "นี่ไอ้คนแซ่หลี่ ข้าอยากตกลงกับเจ้าหน่อย บ้านเจ้ามีผู้ใหญ่มากมายแต่กลับให้ลูกข้าอายุแค่สีขวบไปรับจ้างหาเลี้ยง ข้าว่าเราหย่ากันเถอะ ลูกข้าจะเอาไปด้วย" "เจ้าไม่มีญาติที่ไหน เอาลุกไปลำบากกับเจ้าหรือ" "ถ้ามีญาติประสาแดกและเห็นแก่ตัวแบบบ้านหลี่เจ้า ข้ายอมโดดเดี่ยวดีกว่า" ซูเว่ยหรานเดินลงเขาไม่สนใจเขาอีก หลี่จื่อหานยืนงง เป็นนางที่วางยาเขาเพื่อได้แต่งงาน อยู่ๆบอกจะหย่าก็หย่าและยังจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง นี่ท่านย่าทุบนางจนสติผิดเพี้ยนไปแล้วหรือ
10
120 チャプター
นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ
นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ
ซูมั่วแต่งงานกับฟู่อี้ชวนเป็นเวลาสองปี เธอทำตัวเป็นแม่บ้านให้เขาอยู่สองปี หนักเบาเอาสู้ ต้อยต่ำไม่ต่างอะไรกับฝุ่นละออง เวลาสองปีกัดกร่อนความรักสุดท้ายที่เธอมีต่อฟู่อี้ชวนจนหมด เมื่อแฟนสาวผู้เป็นรักแรกหวนกลับประเทศ สัญญาการสมรสหนึ่งแผ่นก็สิ้นสุดลง นับแต่นี้ทั้งคู่ต่างไม่มีอะไรติดค้างกัน “ฟู่อี้ชวน ถ้าไม่มีออร่าแห่งรัก ก็ดูสิว่านายมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วฉันจะชายตาแลนายสักนิดไหม” ฟู่อี้ชวนเซ็นชื่อลงในหนังสือข้อตกลงการหย่า เขารู้ว่าซูมั่วรักเขาหัวปักหัวปำ แล้วจะไปจากเขาจริง ๆ ได้อย่างไร? เขาเฝ้ารอให้ซูมั่วร้องห่มร้องไห้เสียใจ กลับมาขอร้องอ้อนวอนเขา แต่สุดท้ายกลับพบว่า... ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะหมดรักเขาแล้วจริง ๆ ต่อมา เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นถูกเปิดเผย ความจริงผุดออกมา ที่แท้เขาต่างหากที่เป็นคนเข้าใจซูมั่วผิดไป เขาร้อนรน เสียใจ วอนขอการให้อภัย อ้อนวอนขอคืนดี ซูมั่วเหลือจะทนกับความวุ่นวายพวกนี้ เลยโพสต์หาผู้ชายมาแต่งเข้าลงในโซเชียล ฟู่อี้ชวนหึงหวง เสียสติ ริษยาจนถึงขั้นอาละวาด เขาอยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทว่าคราวนี้ เขากลับพบว่ากระทั่งคุณสมบัติในการจีบเธอก็ยังไม่พอ
9.7
540 チャプター
ขยี้รักคู่หมั้น NC-20
ขยี้รักคู่หมั้น NC-20
“เจ้าสัวขอให้เฮียปราบหนูจี แต่เฮียไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะเฮียจะขยี้หนูให้จมเตียงแทน”
10
128 チャプター

関連質問

ฉบับทีวี Pride & Prejudice เวอร์ชันใดได้รับคำชมมากที่สุด

3 回答2025-11-02 11:44:02
ไม่มีเวอร์ชันไหนที่ถูกหยิบยกพูดถึงบ่อยและมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมประชาชนเท่า 'Pride and Prejudice' ฉบับปี 1995 ของบีบีซี ในมุมมองของคนที่หลงใหลในนิยายคลาสสิก ชุดนี้ถือเป็นมาตรฐานของการดัดแปลงบนหน้าจอทีวี การเล่าเรื่องที่กระชับแต่ไม่กระท่อนกระแท่นในรูปแบบหกตอนช่วยให้ตัวละครเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่บทสนทนาเล็กๆ จนถึงความตึงเครียดระหว่างเอลิซาเบธกับดาร์ซีย์ ทุกฉากมีน้ำหนักที่ทำให้บุคลิกเด่นขึ้น การเขียนบทที่กลมกล่อมและการกำกับที่ใส่ใจรายละเอียดสภาพแวดล้อมยิ่งช่วยเติมเต็มความสมจริงของยุคจอร์เจียให้คนดูเข้าไปสัมผัสได้ องค์ประกอบที่ทำให้ชุดนี้ถูกยกย่องอย่างต่อเนื่องคือการแสดงที่มีเสน่ห์และการสร้างภาพที่จับใจ ผู้ชมทั่วไปยังพูดถึงโมเมนท์เล็กๆ ที่ถูกแต่งเติมขึ้นมาอย่างกลมกลืน ซึ่งกลายเป็นภาพจำทางวัฒนธรรม นอกจากนั้นความสามารถในการแตะถึงทั้งผู้ชมสายวรรณกรรมและคนทั่วไปทำให้เวอร์ชันนี้ยืนยงในฐานะการอ้างอิงเมื่อคนจะพูดถึงการดัดแปลงบนจอทีวี ผลสรุปที่ติดอยู่ในใจคือความรู้สึกว่าชุดนี้อ่านออกเป็นนิยายที่มีชีวิต และนั่นคือเหตุผลหลักที่มันได้รับคำชมล้นหลาม

เพลงประกอบ Pride & Prejudice ชุดใดเหมาะกับบรรยากาศโรมานซ์

3 回答2025-11-02 23:19:55
เวอร์ชันภาพยนตร์ปี 2005 ของ 'Pride & Prejudice' เป็นตัวเลือกแรกที่ผมอยากแนะนำเสมอ เพราะดนตรีมันถ่ายทอดความโรแมนติกแบบเข้มข้นและละเอียดอ่อนในคราวเดียว ทำนองที่ใช้เปียโนกับไวโอลินเป็นหลัก สลับกับเครื่องสายอื่น ๆ ทำให้แต่ละฉากรัก ๆ ใคร่ ๆ มีน้ำหนักทางอารมณ์มากขึ้น ตอนที่ตัวละครใกล้ชิดกัน ดนตรีจะดันเมโลดี้ขึ้นมาช้า ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนลมหายใจที่ซ่อนความปรารถนา ไม่ใช่แค่เพลงแบ็กกราวนด์เท่านั้น แต่มันเป็นตัวเสริมซีนจนทำให้สายตาที่ไม่กล้าสบกันดูหนักแน่นขึ้น คนที่ชอบความโรแมนติกแบบภาพยนตร์ชวนให้จินตนาการตาม จะหลงรักความอบอุ่นของธีมหลักและการเรียงเครื่องดนตรีที่อ่อนโยน ช่วงที่เล่าเรื่องรักแบบค่อยเป็นค่อยไป ดนตรีจะไม่ยิ่งใหญ่เกินไป แต่เติมเต็มช่องว่างในบทสนทนาได้อย่างกลมกลืน จบฉากแล้วยังค้างคาในใจ เหมือนยังได้กลิ่นดอกไม้ในงานเต้นรำอยู่เลย

ตัวละคร Elizabeth ใน Pride & Prejudice เปลี่ยนแปลงอย่างไรตลอดเรื่อง

3 回答2025-11-02 07:17:55
Elizabeth Bennet เป็นตัวละครที่ทำให้ฉันคิดถึงความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจมากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อม เพียงแค่การอ่านบทพูดคมของเธอในหน้าแรกก็รู้สึกได้ถึงความเฉียบคมและความภูมิใจในตัวเอง ซึ่งฉันมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตที่น่าสนใจใน 'Pride and Prejudice' เรื่องนี้ ย่อหน้าต่อมาอยากจะชี้ว่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของ Elizabeth ไม่ได้เป็นแบบฉับพลัน แต่มาจากเหตุการณ์หลายอย่างที่ฉุดให้เธอต้องสำรวจตัวเองจริงจัง ตัวอย่างชัดคือจดหมายของ Mr. Darcy ที่เขียนอธิบายเหตุผลและการกระทำของเขา เหตุการณ์นั้นกลายเป็นกระจกสะท้อนความเข้าใจผิดของเธอเกี่ยวกับคนอื่นและตัวเอง ซึ่งฉันเห็นว่ามันทำให้เธอค่อยๆ ลดความแน่นของอคติและเปิดรับมุมมองอื่นมากขึ้น เหตุการณ์หนักๆ อย่างการที่ Lydia หนีตามพวก Wickham ก็เป็นตัวเร่งให้ Elizabeth ต้องเผชิญกับความรับผิดชอบทางสังคมและความเห็นอกเห็นใจในครอบครัว การกระทำของเธอหลังจากนั้นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นที่จะรักษาความดีงามของคนรอบข้าง มากกว่าการยืนหยัดแค่ความเฉลียวฉลาดหรือความภูมิใจส่วนตัว สุดท้ายภาพของ Elizabeth ที่ยอมปรับมุมมองและยอมรับความรักที่เกิดจากความเคารพซึ่งกันและกัน ทำให้ฉันรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงของเธอเป็นการเติบโตที่อิ่มไปด้วยความจริงจังและความเป็นมนุษย์

ถ้าจะเขียน Fanfic จาก Pride & Prejudice ควรเริ่มจากประเด็นไหน

4 回答2025-11-02 02:56:44
การเลือกจุดเริ่มต้นสำหรับฟิคจาก 'Pride & Prejudice' เป็นเหมือนการเปิดกล่องของเล่นที่มีชิ้นส่วนให้เล่นเยอะมาก เราชอบเริ่มจากการเลือกมุมมองก่อนเสมอ — จะเอาเป็นมุมของใคร ชีวิตของเอลิซาเบธหลังงานเลี้ยงครั้งนั้นเป็นยังไง หรือมองจากสายตาแดร์ซี่ตอนที่เขากลับมาคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด การตัดสินใจนี้จะกำหนดโทนเรื่องทั้งหมดทันที และช่วยให้โครงเรื่องไม่กระจัดกระจาย อีกทางที่น่าสนใจคือการหยิบนัดหรือตอนที่ต้นฉบับเล่าแบบผิวเผินแล้วขยายมัน เช่น การยืดช่วงก่อนการสารภาพรักครั้งแรก หรือเล่าเหตุการณ์หลังจดหมายของเบนเน็ตต์ที่ไม่เคยถูกเผยแพร่ เราชอบเปรียบเทียบวิธีนี้กับบรรยากาศโรแมนติกเข้มข้นแบบใน 'Bridgerton' — ไม่ใช่ว่าต้องทำให้เรื่องกลายเป็นเฮลท์ตี้ดราม่าเสมอไป แต่การใส่รายละเอียดความรู้สึก จังหวะบทสนทนา และกลิ่นอายสังคมสมัยนั้น จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกอยู่กับฉากมากขึ้น เคล็ดลับเล็กน้อยที่เราใช้เสมอคือ: ตั้งสมมติฐานง่าย ๆ หนึ่งข้อ (เช่น "ถ้าแดร์ซี่ไม่ได้ส่งจดหมายตอนนั้น เรื่องจะเป็นอย่างไร") แล้วปล่อยให้ตัวละครตอบด้วยการกระทำ รักษาน้ำเสียงให้สม่ำเสมอ ระหว่างนั้นอย่าลืมใส่สัมผัสทางประวัติศาสตร์แบบพอเหมาะ พยายามรักษาเส้นแบ่งระหว่างเคารพต้นฉบับกับการเติมเต็มด้วยไอเดียใหม่ ตบท้ายด้วยการให้ฉากจบที่สอดคล้องกับธีมที่เลือกไว้ เท่านี้ฟิคก็จะรู้สึกทั้งสดและคงรากของความคลาสสิกไว้ได้ดี

การแปล Pride & Prejudice ภาษาไทยฉบับไหนอ่านแล้วเข้าใจง่าย

3 回答2025-11-02 01:19:07
อยากแนะนำฉบับแปลร่วมสมัยของ 'Pride and Prejudice' ที่อ่านแล้วลื่นไหลและไม่ติดขัดกับสำนวนไทยแบบเป็นทางการสุดๆ — ฉบับที่แปลโดยคนที่พยายามถ่ายทอดมุกเสียดสีและบทสนทนาให้เป็นภาษาพูดที่คนยุคนี้เข้าใจได้ทันที เหตุผลที่ฉันเลือกแบบนี้คือเรื่องของจังหวะตลกและความขัดแย้งในบทสนทนาของตัวละครสำคัญ เช่นประโยคเปิดที่มีความเสียดสี ถ้าแปลไว้เป็นภาษาไทยโบราณมันจะเสียความเฉียบคมไปเยอะ การแปลร่วมสมัยมักจะปรับคำศัพท์ที่ยากให้เป็นคำที่คนอ่านทั่วไปคุ้นเคย แต่ยังคงรักษาบทบาทของตัวละครไว้ได้ดี ทำให้การอ่านฉากอย่างการเถียงกันระหว่างพี่น้องเบนเน็ตหรือความเขินอายของเอลิซาเบธไม่รู้สึกไกลตัว ฉันเองชอบฉบับที่มีคำนิยามศัพท์เล็กน้อยในบรรทัดล่างหรือท้ายบท เพราะบางมุกต้องใช้ความเข้าใจบริบททางสังคมแบบอังกฤษยุคเก่าที่ถ้าไม่อธิบายก็จะขาด แนะนำให้มองหาฉบับที่ระบุว่าเป็น 'แปลร่วมสมัย' หรือมีคำโปรยว่าปรับสำนวนให้คนยุคใหม่อ่านได้ง่าย หากชอบสำนวนสนทนาสดๆ และอยากยิ้มไปกับความฉลาดของเจน ออสเตน ฉบับแบบนี้น่าจะตอบโจทย์มากกว่า ฉะนั้นถ้าอยากเริ่มจากความเพลิดเพลินก่อนลึกซึ้ง ฉบับแปลร่วมสมัยเป็นทางเลือกที่ทำให้เปิดหน้าหนังสือแล้วไม่รู้สึกถ่วงเลย
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status