กลวิธีแรกที่ผมชอบใช้คือการกลับไปเรียนรู้กายวิภาคพื้นฐานก่อนเสมอ เพราะสัตว์หรือเทพที่ดูสมจริงไม่ได้หมายความว่าต้องเหมือนสัตว์จริงทุกประการ แต่มันต้องทำให้คนดูเชื่อได้ว่าโครงสร้างของมันสามารถทำงานได้จริง การดูโครงกระดูก กล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของสัตว์จริงช่วยให้การออกแบบมีความเป็นไปได้ เช่น การให้ปีกกับสัตว์บก ควรคิดเรื่องจุดยึดกล้ามเนื้อ ความหนาของกระดูก และวิถีการบินที่เหมาะกับน้ำหนัก การสเก็ตช์หลายมุมและศึกษาซิลลูเอตต์จะช่วยให้ทราบว่ารูปทรงนั้นอ่านได้ชัดเจนหรือไม่ ซึ่งผมมักจะเริ่มจากภาพเงา (silhouette) ก่อน เพราะถ้ารูปร่างยังไม่ชัดเจนเมื่อลดเป็นเงา รายละเอียดอื่น ๆ ก็ช่วยไม่มากนัก ผมมักเอาเทคนิคนี้ไปใช้ทั้งกับสัตว์ป่าอย่างสิงโตหรือม้าจริง ๆ และกับสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างเทพที่มีลักษณะแปลกตา
การเติมรายละเอียดที่ทำให้สมจริงต้องมาจากพฤติกรรมและระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตนั้น หลักการหนึ่งที่ผมยึดคือถามตัวเองว่า "มันกินอะไร อยู่ที่ไหน เคลื่อนไหวอย่างไร" คำตอบจะนำไปสู่รายละเอียดเชิงวัสดุ เช่น ขนที่ยาวเพื่อกันหนาว เกราะป้องกันตามแนวสู้รบ หรือแสงสะท้อนของเกล็ดที่บ่งบอกสภาพแวดล้อม ตัวอย่างจากนิยายหรือแม้แต่ภาพยนตร์เช่น 'Princess Mononoke' จะเห็นว่าการออกแบบสัตว์ป่าและเทพเจ้าผูกเข้ากับธรรมชาติและพฤติกรรม ทำให้รู้สึกว่าโลกนั้นมีเหตุผลรองรับ นอกจากนี้การเพิ่มร่องรอยของการใช้ชีวิต เช่น แผลเป็น คราบโคลน รอยขีดข่วน หรือเครื่องประดับที่มนุษย์ทำไว้ ช่วยสร้างเรื่องราวและความสมจริงโดยไม่ต้องบรรยายเยอะ
มิติทางวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ก็สำคัญมากถ้าออกแบบเทพ ผมชอบดึงตำนานท้องถิ่น เครื่องหมาย วัตถุศักดิ์สิทธิ์ หรือลักษณะพิธีกรรมมาผสมเพื่อให้การออกแบบมีความหมายไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ เช่น เทพแห่งแม่น้ำอาจมีองค์ประกอบจากปลาหรือพืชน้ำ ใส่เครื่องประดับจากเปลือกหอยหรือผ้าทอที่บอกวัฒนธรรมที่ยกย่องมัน เรื่องการให้สีสันและวัสดุต้องกำหนดกฎของโลกด้วย ถ้าพลังของเทพมาจากแสง น่าจะมีการเรืองหรือสัญลักษณ์ที่
เปล่งแสงได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ต่างจากการวาดเพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น
กระบวนการลงรายละเอียดเชิงศิลป์ผมใช้วิธีสเก็ตช์หลายแบบตั้งแต่โครงร่างหยาบจนถึงภาพลงสีจริง อันไหนที่ดูขัดแย้งกับกายวิภาคหรือพฤติกรรม ผมจะปรับจนมีความสมดุลระหว่างความน่าเชื่อถือและความแฟนตาซี การทดลองใช้วัสดุพื้นผิว เช่น ขน หนัง คิ้ว เกล็ด หรือแสงสะท้อนจากผิว จะทำให้ภาพมีมิติ และเมื่อแสดงท่าโพสหรือการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม ก็จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าตัวละครนั้นมีชีวิตจริง ๆ ผลงานที่ผมชอบดูเป็นแนวตัวอย่างคือ 'The Witcher' หรือ 'The Lord of the Rings' ที่มอนสเตอร์และสิ่งมีชีวิตมีเหตุผลรองรับในการออกแบบ สุดท้ายแล้วการผสานระหว่างวิทยาศาสตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับนิยายและรสวรรณกรรมเท่าที่จำเป็น ทำให้สัตว์และเทพในนิยายของผมมีความสมจริงและน่าจดจำมากขึ้น ผมรู้สึกว่าการลงแรงตรงนี้ทำให้โลกที่สร้างขึ้นมีน้ำหนักและเชื่อมต่อกับคนอ่านได้ดีขึ้น