การเปลี่ยนบทร้ายให้กลายเป็นบทรักเริ่มจากการทำให้ตัวร้ายมีเหตุผลชัดเจนและความเปราะบางที่สัมผัสได้จริง
การเดินเรื่องแบบเดิมมักให้คนร้ายเป็นภาพลักษณ์ตายตัว แต่ถ้าเราอยากพลิกบทให้รู้สึกหวานขึ้น ต้องให้เบื้องหลังกับแรงจูงใจที่คนอ่านพอเข้าใจได้ เช่น อาจเปิดเผยอดีตที่ไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด หรือแสดงมุมที่เขาพยายามปกป้องใครสักคนด้วยวิธีคดเคี้ยว การใส่ฉากเล็ก ๆ ที่เขาแสดงความเป็นมนุษย์—การอ่าน
หนังสือเก่าเก็บ การกลัวแมว หรือความเหนื่อยล้าหลังทำเรื่องร้าย—ช่วยให้ผู้อ่านเริ่มเห็นเขาเป็นมากกว่าตัวร้าย
ต่อมาเราเปลี่ยนการกระทำให้เป็นการเรียนรู้และชดเชยแทนการลงโทษตรง ๆ ตัวอย่างหนึ่งที่ชอบคือการยกโครงเรื่องแบบ 'Avatar: The Last Airbender' ของ Zuko ที่ไม่ได้ถูกลบล้างเป็นคนดีทันที แต่ค่อย ๆ กลับใจผ่านการกระทำ เราสามารถนำเทคนิคคล้าย ๆ กันมาปรับใช้: ให้ตัวร้ายเผชิญผลของการกระทำ เรียนรู้ รับผิดชอบ แล้วค่อย ๆ ใกล้ชิดกับตัวเอกผ่านความร่วมมือและการสื่อสารบ่อย ๆ วิธีเล็ก ๆ เช่นให้บทสนทนาที่เปราะบางกลางความมืด หรือฉากช่วยชีวิตแบบไม่หวังผลตอบแทน จะทำให้บทรักที่เกิดขึ้นไม่รู้สึกรีบเร่งและซ้ำซ้อน
สุดท้ายการรักษาเส้นขอบระหว่างความน่าเชื่อถือและความโรแมนติกสำคัญมาก ถ้าเปลี่ยนเร็วเกินไปจะรู้สึกปลอม เราจึงต้องย้ำเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วง และให้ตัวเอกหญิง/ชายมีพื้นที่ตั้งคำถามกับตัวร้ายด้วย การให้เวลาสัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ มากกว่าฉากใหญ่โต จะช่วยให้ความรักค่อย ๆ งอกเงยอย่างสมจริง — นี่คือวิธีที่ผมชอบใช้เมื่อปรับบทจากร้ายเป็นรัก