แสงสว่างอ่อนๆ กับฝุ่นลอยบนเวทีชวนให้ผมนึกภาพมอนทาจฤดูกาลของชีวิตขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ผมชอบไอเดียทำฉากที่หยิบ '
seasons of love' มาเป็นซาวด์แทร็กร้อยเรื่องราวของชุมชนเล็กๆ มากกว่าจะยึดติดกับตัวละครเดิมๆ แทนที่จะเป็นมอนทาจโรแมนติกแบบเพลงมิวสิคัลปกติ ให้แบ่งเวทีเป็นพื้นที่จิ๋วๆ สี่ส่วนแทนฤดูกาล: หน้าต่างคาเฟ่สำหรับฤดูใบไม้ผลิ สวนหลังบ้านสำหรับฤดูร้อน ห้องนอนเงียบๆ สำหรับฤดูใบไม้ฝน แล้วก็ห้องแสงนวลของการจากลาในฤดูหนาว แต่ละพื้นที่มีการเคลื่อนไหวซ้ำๆ เล็กน้อย—คนสองคนจับมือแล้วปล่อย คนแก่ยืนมองรูปถ่าย เด็กๆ เล่นกัน—ซึ่งทำหน้าที่เป็นวัดค่าเวลาแทนการเล่าเรื่องตรงๆ
ฉันอยากปรับทำนองให้กลายเป็นแบนด์โฟล์กผสมเครื่องสายเบาๆ เพิ่มเสียงฮัมจากนักแสดงที่ยืนเป็นวงกลมรอบเวที ช่วงคอรัสให้ใช้โซโล่เสียงเดี่ยวสลับกับฮาร์โมนี่ของคณะนักแสดง เพื่อให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังนับความรักตามการกระทำ ไม่ใช่ตัวเลขตรงตัว เทคนิคแสงจะเปลี่ยนโทนสีเป็นคัทสั้นๆ ตามจังหวะของเพลง แล้วค่อยๆ เลือนออกในฉากสุดท้ายเป็นภาพรวมของชีวิตที่ถูกวัดด้วยความสัมพันธ์มากกว่านาฬิกา
ไอเดียนี้เหมาะกับละครที่อยากให้ผู้ชมซึมซับความหมายของเวลาและความรักแบบเงียบๆ มากกว่าการเล่าเรื่องชัดเจน สุดท้ายฉันคิดว่าฉากแบบนี้จะทิ้งความรู้สึกอบอุ่นและเศร้าเล็กๆ ไว้ให้คนดูค่อยๆ คิดตามหลังไฟปิด