ชีวิตในภาพยนตร์มักถูกถ่ายทอดผ่านทัศนคติของผู้กำกับ มากกว่าจะเป็นคำสอนตรง ๆ
การเลือกองค์ประกอบภาพ การจัดแสง และมุมกล้องทำหน้าที่เหมือนภาษาที่ผู้กำกับใช้สื่อความคิดเกี่ยวกับชีวิต เช่น การใช้พื้นที่แคบๆ เพื่อสื่อความอึดอัดทางสังคม หรือระยะไกลเพื่อบอกว่าโลกกว้างเกินกว่าที่ตัวละครจะเข้าใจได้ทั้งหมด ฉันมักจะมองฉากที่ดูเรียบง่ายแล้วค้นพบว่าเส้นทางการวางองค์ประกอบนั้นเปิดเผยมุมมองเชิงปรัชญามากกว่าบทพูดเสียอีก
ตัวอย่างที่ชอบคือฉากใน 'Spirited Away' ที่ห้องอาบน้ำและการเปลี่ยนชื่อของตัวละคร ไม่ได้เป็นแค่จินตนาการสำหรับเด็ก แต่องค์ประกอบเหล่านั้นกลายเป็นตัวแทนของการหลงทางในสังคมสมัยใหม่และการค้นหาตัวตน ผู้กำกับเลือกใช้สัญลักษณ์แทนคำบรรยายตรงๆ ทำให้ผู้ชมต้องทำงานร่วมกับภาพเพื่อสร้างความหมาย ซึ่งทำให้
ปรัชญาชีวิตในหนังรู้สึกเป็นของจริงและมีน้ำหนัก
เมื่อภาพยนตร์พูดเรื่องชีวิตด้วยวิธีนี้ มันกลายเป็นบทสนทนาที่เปิดกว้าง ไม่ได้บอกว่าควรคิดอย่างไร แต่ชวนให้ตั้งคำถามและต่อเติมความหมายด้วยตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ทำให้การดูหนังบางเรื่องเป็นประสบการณ์ทางปัญญาและทางอารมณ์ในเวลาเดียวกัน