ตั้งแต่ได้เห็นฉากสุดท้ายของ '
กรุงสยาม' จบลงด้วยภาพที่ยังเปิดช่องว่างให้ขยายความ แววความเป็นไปได้ของภาคต่อก็วิ่งวนอยู่ในหัวตลอดเวลา ฉากหลังเครดิตบางช็อตหรือการทิ้งปมไว้กลางเรื่องมีผลมากต่อความเป็นไปได้ที่จะมีภาคต่อ แต่หัวใจสำคัญจริงๆ อยู่ที่ปัจจัยเชิงธุรกิจและความพร้อมของทีมงาน — ถ้าหนังทำรายได้เกินคาดหรือได้เสียงวิจารณ์ที่กระตุ้นให้ผู้สร้างเห็นหนทางขยายจักรวาล ความเป็นไปได้จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ถ้าต้นฉบับนิยายหรือคอนเทนต์ต้นทางยังมีเนื้อหาเหลือให้เล่าอีกมาก ภาคต่อก็มีเหตุผลเชิงศิลปะและเชิงการตลาดที่จูงใจให้เดินหน้าต่อได้
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือทิศทางของผู้กำกับและทีมเขียนบท บางครั้งผู้สร้างตั้งใจทำหนังภาคเดียวจบ แต่ปรากฏว่าการตอบรับจากคนดูเปิดประตูให้เกิดภาคต่อหรือแม้แต่ซีรีส์ชุด หากทีมงานยังคงมีวิสัยทัศน์ร่วมกันและนักแสดงหลักมีความพร้อม เรื่องราวของ 'กรุงสยาม' สามารถขยายได้หลายแนว — อาจเป็นภาคต่อที่สานต่อชะตากรรมตัวเอก เป็นพรีเควลที่เจาะความเป็นมา หรือเป็นซีรีส์สปินออฟที่พาเราไปสำรวจตัวละครรองที่แฟนๆ ชื่นชอบ การจะเกิดภาคต่อนั้นยังขึ้นกับสตูดิโอและผู้ลงทุนด้วย เพราะการลงทุนในโปรเจ็กต์ที่มีความยาวหรือซับซ้อนอย่างแฟรนไชส์ต้องคุ้มค่าทางการเงินและมีแผนการตลาดที่ชัดเจน
ท้ายที่สุด ผมมองว่าโอกาสของภาคต่อขึ้นกับสามอย่างหลักๆ คือ ความนิยมและรายได้หลังฉาย การมีเนื้อหาต่อยอดจากต้นฉบับ และความตั้งใจของทีมสร้าง ในยุคที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงมองหาเนื้อหาเข้มข้นเพื่อผูกผู้ชมไว้กับบริการ ตัวเลือกในการเปลี่ยนหนังเป็นซีรีส์ยาวหรือสร้างภาคต่อสำหรับสตรีมมิงก็ดูน่าสนใจมากกว่าเดิม นอกจากนี้แฟนคลับที่ออกมาสนับสนุนอย่างชัดเจนผ่านโซเชียลมีเดียและกิจกรรมก็มีน้ำหนักต่อการตัดสินใจของผู้สร้าง พูดง่ายๆ คือถ้าแฟนๆ ยังคง
คุกรุ่นและมีแรงผลักดันทางการเงินจากการฉายหรือขายลิขสิทธิ์ ภาคต่อของ 'กรุงสยาม' ก็มีโอกาสเกิดขึ้นสูงกว่าที่คิด
สรุปความคิดส่วนตัว ผมค่อนข้างหวังว่าจะได้เห็นภาคต่อหรืออย่างน้อยก็สปินออฟที่ลงลึกกับโลกของ 'กรุงสยาม' เพราะเรื่องราวและโลกที่ถูกสร้างมักมีมุมเล็กมุมใหญ่ให้เล่าอีกเยอะ รู้สึกว่าเรื่องนี้ยังสามารถขยายความเป็นอีพิกหรือทำให้ใกล้ชิดกับตัวละครได้มากขึ้น และถ้ามีภาคต่อจริงๆ คงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับแฟนๆ ที่อยากเห็นชะตากรรมของตัวละครโปรดต่อไป