พอพูดถึง 'หวานรักต้องห้าม' เพลงประกอบที่คนไทยมักจะติดหูกันมากที่สุดมักตกอยู่ที่สองชิ้นหลัก: เพลงธีมเปิดที่จดจำง่ายและเพลงบัลลาดอินเสิร์ตที่โผล่ออกมาตอนจังหวะดราม่าของเรื่อง เพลงธีมเปิดมักจะมีเมโลดี้ที่พาให้ร้องตามได้ทันที ทำนองไม่ซับซ้อนแต่น่าจดจำ ประกอบกับการจัดเรียงเสียงเครื่องดนตรีให้มีจังหวะกระแทกใจ ทำให้เวลาเห็นคลิปสั้นๆ หรือมิวสิกวิดีโอของฉากมักจะ
มีคนเอาไปทำมุมครีเอทีฟบนโซเชียลมีเดีย ส่วนเพลงบัลลาดที่ใช้ประกอบฉากสารภาพรักหรือฉากแยกจากกันนั้นมักจะมีเนื้อร้องตรงประเด็น สัมผัสความคิดถึงและความเจ็บปวดได้ชัด เพลงแบบนี้มักจะถูกยกขึ้นมาเป็นเพลงประจำซีรีส์เพราะแค่ได้ยินไม่กี่วินาทีก็ย้อนนึกถึงฉากนั้นได้ทันที
เหตุผลที่เพลงเหล่านี้ติดหูคนไทยไม่ได้มาจากทำนองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับบริบทของซีรีส์ด้วย เสียงนักแสดงที่อินกับเพลงในฉาก บทสนทนาที่ชวนให้คนดูสะเทือน และมุมกล้องที่เลือกไอเดียพิเศษ ทำให้คนดูเชื่อมโยงเพลงกับความรู้สึกได้เร็วขึ้น เมโลดี้ที่เรียบง่ายแต่มี hook เด่นเป็นสิ่งสำคัญ เพลงที่มีโครงสร้างคอร์ดชัดและมีไฮไลท์เป็นช่วง
เปล่งเสียงของนักร้อง จะถูกมิกซ์ให้เด่นในพาร์ทนั้นจนคนจำท่อนฮุคได้โดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้การที่แฟนคลับทำคัฟเวอร์ โพสต์ท่อนสั้นๆ บนแพลตฟอร์มต่างๆ แล้วมีการรีแอคหรือโคลสอัพซีนสำคัญ บ่อยครั้งทำให้เพลงกลายเป็นไวรัลในวงกว้างและเข้าตาแม้แต่คนที่ไม่ได้ติดตามซีรีส์เลย
โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบมองว่าเพลงประกอบที่ติดหูไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงที่ดีที่สุดในเชิงฝีมือเสมอไป แต่เป็นเพลงที่จับอารมณ์คนได้ตรงที่สุด เพลงอินเสิร์ตของ 'หวานรักต้องห้าม' ที่มีท่อนฮิตๆ มักถูกนำไปร้องในคาราโอเกะและทำเป็นชุดเพลย์ลิสต์สำหรับคนอกหักหรือคน
อินเลิฟ ทำให้เพลงเหล่านั้นเดินทางจากหน้าจอมาสู่ชีวิตประจำวันได้จริงๆ คนไทยชอบเพลงที่ร้องตามง่าย มีเนื้อหาพูดแทนความในใจและเปิดให้คนได้แสดงอารมณ์ร่วมผ่านการร้องหรือแชร์คลิปสั้นๆ
สรุปคือ ถ้าจะสรุปเป็นชื่อหมวดที่คนไทยติดกันมากสุด ก็จะเป็น: เพลงธีมเปิดที่มี hook เด่น กับเพลงบัลลาดอินเสิร์ตที่ใช้ในฉากสำคัญ ทั้งสองประเภทนี้แหละที่ถูกพูดถึงบน Pantip บ่อยที่สุด เพราะมันจับอารมณ์และถูกใช้ซ้ำในหลายบริบทจนฝังเข้ามาในความทรงจำของคนดู แค่ได้ยินท่อนเดียวก็ยิ้มเป็นหรือบางทีก็ร้องไห้ออกมา — นี่แหละเสน่ห์ของเพลงประกอบซีรีส์ที่ทำให้เราต้องเปิดวนซ้ำๆ เวลานึกถึงช่วงเวลานั้น