เคยสงสัยไหมว่าทำไมแจโดถึงเป็นคนที่แววตาดูหนักแน่นทั้ง ๆ ที่ยังอายุน้อยกว่าที่คาดไว้ ความเป็นมาของเขาไม่ใช่แค่เรื่องชาติพันธุ์หรือการฝึกฝน แต่เป็นชุดของการเลือกและการสูญเสียที่ปั้นแต่งตัวตนให้กลายเป็นคนที่ยืนได้ด้วยตัวเอง แม้จะเริ่มจากการหลบเลี่ยงความจริงอย่างเด็กขโมยในตรอก แต่อุดมการณ์และแรงจูงใจของเขาค่อย ๆ เติบโตเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่าแค่เอาตัวรอด
ในแง่หนึ่ง แจโดเติบโตมาในเมืองท่าที่ความจนและอำนาจชนกันตลอดเวลา ทำให้การต้องพึ่งพาคนอื่นกลายเป็นความเสี่ยง ฉันเห็นว่าอดีตของเขามีทั้งการถูกทอดทิ้งจากคนใกล้ชิดและการได้เห็นความอยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทำให้เขาเลือกเส้นทางที่ขัดกับระเบียบเก่า ไม่ต่างจากตัวละครใน '
fullmetal alchemist' ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากไขปริศนาและแก้แค้น แต่สำหรับแจโด แรงขับหลักคือการไม่อยากให้คนที่อ่อนแอกว่าเขาต้องเผชิญความเจ็บปวดแบบเดียวกันอีก
อีกด้านหนึ่ง แรงจูงใจของแจโดไม่ได้มาจากความโกรธเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากความอยากเป็นที่ยอมรับและความต้องการทำให้สิ่งที่เขาเห็นว่าเสียหายกลับมาดีขึ้น การเลือกระหว่างการล้างแค้นกับการปกป้องคนในชุมชนกลายเป็นสนามทดสอบศีลธรรมสำหรับเขา ฉันคิดว่า
เหตุการณ์สำคัญอย่างการหายตัวไปของ
คนสำคัญในวัยเด็กหรือการทรยศของกลุ่มที่ไว้วางใจ ทำให้เขามีบาดแผลทั้งกายและใจ และบาดแผลนั้นกลายเป็นเชื้อเพลิงให้กับการกระทำของเขา
สุดท้าย แจโดเป็นคนที่เรียนรู้เร็วและรู้จักประหยัดความไว้วางใจ เห็นได้จากวิธีที่เขาตัดสินใจร่วมมือกับคนที่มีเป้าหมายใกล้เคียง โดยไม่ยอมให้ตัวเองถูกใช้ซ้ำสอง การผสานกันระหว่างอดีตที่ขมและความหวังเล็ก ๆ ว่าโลกจะดีกว่านี้ คือสิ่งที่ทำให้การกระทำของเขามีมิติ ไม่ใช่แค่คนแข็งกระด้างแต่เป็นคนที่ยังคงมีเศษเสี้ยวของความเป็นมนุษย์อยู่ในทุกการตัดสินใจ เรื่องราวของแจโดจึงเป็นเรื่องของการค้นหาตัวตนท่ามกลางความไม่แน่นอน และนั่นแหละที่ทำให้ติดตามจนลืมไม่ลง