ใต้อาณัติครั้งที่ 1 Be not forgetful to entertain strangers: for thereby some have entertained angels unawares. (Hebrews 13:2)
อย่าลืมที่จะต้อนรับบรรดาคนแปลกหน้า เพราะว่าโดยการกระทำนั้น บางคนก็ได้ต้อนรับพวกทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว (ฮีบรู13:2)
+++++
3 วันแล้วที่ฟาเบียนมาถึงอิตาลี โชคดีที่กาวีโน่เต็มใจทำเรื่องต่างๆ ให้และเดินทางมาพร้อมกับตนเอง และเพราะแบบนั้น หลังจากเดินเรื่องวีซ่าการทำงาน เรื่องเอกสาร เรื่องของที่อยู่อาศัย และสุดท้ายคือการตรวจสุขภาพทั้งทางจิตใจและทางกาย ก็ใช้เวลามากกว่า หนึ่งสัปดาห์ในการจัดการเรื่องต่างๆ จนเรียบร้อย และทั้งหมดจะสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ลูกพี่ลูกน้องที่เคยทำงานที่นี่อย่างกาวีโน่คอยช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นเมื่อกาวีโน่ต้องเดินทางกลับไทย ฟาเบียนจึงเต็มใจมาส่งอีกฝ่ายที่สนามบิน และหลังจากนั้นตนก็กลับไปที่คอนโดฯ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของตน และใช่ คอนโดฯ นี้ทั้งคอนโดฯ เป็นของบอดีการ์ดอะเลสซิโอที่ตนทำงานทั้งสิ้น
หรือพูดให้เข้าใจอีกอย่างคือ ที่นี่เป็นที่พักของบอดีการ์ดที่ทำงานให้คุณแองเจโล อะเลสซิโอ เจ้านายคนใหม่ของฟาเบียน หลังเข้าอบรมกับบอดีการ์ดหน้าใหม่อีก 2 คน ฟาเบียนก็ได้เข้าใจว่าเจ้านายของตนนั้นเป็นใคร และทำงานอะไร โอเค ในวงการนี้เงินเดือนที่ได้ดีจริงๆ เกือบห้าหมื่นยูโร หรือตีเป็นเงินไทยก็ประมาณหนึ่งล้านแปดแสนต่อเดือน เรียกได้ว่าทำงานที่นี่หนึ่งปีฟาเบียนก็ตั้งตัวได้จริงๆ เพราะฉะนั้นการอบรมในสัปดาห์นี้จึงไม่ใช่การอบรมภาคทฤษฎี แต่เป็นการอบรมภาคปฏิบัติ
ฟาเบียนไม่ได้สวมหูครอบหรืออื่นๆ ไว้บนตัวแต่ยกมือขึ้นเพื่อเล็งปืนก๊อกสั้นในมือไปที่เป้าที่กำลังเคลื่อนที่อย่างใจเย็น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าเป้าที่สิบคะแนนก็โดนตรงกลางเป็นที่เรียบร้อย “เฮ้ ฟาเบียนนายทำได้ดีนี่” ฟาเบียนหยักหน้ารับ ก่อนจะดึงมือของ ‘มีโล’ เจ้าหนุ่มอิตาลีตาสีเขียวที่เข้ามาใหม่พร้อมตนเองออกจากไหล่ เพราะความสนิทสนมเกินตัว ก่อนที่ ‘เจมส์’ หนุ่มอังกฤษตาฟ้าจะเดินมาตบไหล่ฟาเบียนแล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“นายยิงปืนได้เก่งมากฟาเบียน” ฟาเบียนโคลงศีรษะไม่ได้ตอบรับอะไร ก่อนจะเริ่มการทดสอบปืนชนิดต่อไป นอกจากการทดสอบยิงปืนแล้วฟาเบียนยังต้องทดสอบการต่อสู้ด้วยดาบ มีด หรือแม้แต่การต่อสู้มือเปล่าด้วย และเพราะแบบนั้นคะแนนที่ออกมาของฟาเบียนก็สูงมาก เมื่อเทียบกับบอดีการ์ดรุ่นก่อนๆ ทำให้ได้รับคำแนะนำให้ไปอยู่ในทีมที่ติดตามนายท่านในอีกเดือนต่อมา
และวันนี้ก็เป็นวันที่ฟาเบียนได้เริ่มทำงานเป็นวันแรก...
หน้าที่ของฟาเบียนคือการติดตามลูกพี่หรือคุณ ‘เรโม’ มือซ้ายคนสนิทของนายท่าน ฟาเบียนเป็นหนึ่งในคณะติดตามการเดินทางของนายท่าน รถที่ใช้มี 3 คัน และฟาเบียนได้รับหน้าที่ให้เป็นคนขับคนสุดท้ายคู่กับ รุ่นพี่เปโดร พี่เลี้ยงของตนเองอีกคน รุ่นพี่เปโดรมีผมดำสลับขาวอายุของเจ้าตัวมากกว่า 40 ปีแล้ว ได้ยินว่าทำงานมานานแล้วหลายปี ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรุ่นพี่เปโดรตบไหล่ฟาเบียนแล้วเอ่ยด้วยเสียงติดตลกว่า “ไอ้นิสัยกินลูกอมรสนมนี่มันอย่างไรวะ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เคี้ยวลูกอมในปากก่อนจะตอบเป็นภาษาอังกฤษกลับไปว่า
“มันช่วยเรื่องทำให้ผมมีสมาธิครับรุ่นพี่” เปโดรหัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับตามเสียงวิทยุที่แจ้งมาเรื่องจุดหมายปลายทางอย่างคลุมเครือ ก่อนที่ฟาเบียนจะเริ่มออกรถแล้วขับตามคันหน้าไป เปโดรถอนหายใจก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเกียจคร้านว่า
“วันแรกก็แบบนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ชิน แต่ไม่รู้ว่านายจะไปได้ไกลแค่ไหนนะฟาเบียน?” ฟาเบียนหันหน้าไปมองสีหน้าของรุ่นพี่เปโดรแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาตั้งสมาธิขับตามคันหน้าไปแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงสงสัยว่า
“ทำไมครับ มีคนลาออกเยอะหรือครับ?” เปโดรหัวเราะที่ได้ยินก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเหมือนกำลังสอนบทเรียนว่า
“รู้ใช่ไหมว่าบอดีการ์ดมีสองสัญญา?”
“ครับ ทำไมหรือครับ?”
“อืม สัญญาฉบับที่นายทำคือมีกำหนดระยะเวลาทำงานชัดเจนเรียกสัญญาระยะสั้น เลขาจองบอกไหมว่ากี่ปี?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ย่นคิ้วก่อนจะเคี้ยวลูกอมรสนม แล้วเปิดไฟเลี้ยวตามคันหน้าแล้วขับตามไปอย่างตั้งใจ
“1 ปีครับ” แม้จะเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก แต่อะไรที่บอดีการ์ดของอะเลสซิโอควรได้รับ ฟาเบียนก็ได้รับ ก่อนที่เสียงของเปโดรจะดังขึ้นแล้วยกมือเท้ากระจกจ้องมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถแล้วเอ่ยด้วยเสียงยานครางว่า
“ใช่ ปกติจะเป็นประมาณนั้น บอดีการ์ดรอบนอกมักมีระยะสัญญาไม่ยาวนานนัก ปีหรือสองปี แต่ถ้านายสามารถทำงานจนผ่านพ้นได้จนครบ 1 ปีตามสัญญาโดยยังมีชีวิตอยู่ได้ นายอาจได้เลื่อนระดับสัญญาเป็นตลอดชีวิตเหมือนฉัน” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็เบิกตากว้างจ้องมองรุ่นพี่เปโดรที่ยกยิ้มแยกเขี้ยว ก่อนจะเอ่ยติดตลกเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของฟาเบียน “แน่นอนว่าค่าตอบแทนเองก็ไม่น้อยกว่าเจ็ดหลักอย่างแน่นอน พร้อมสวัสดิการอื่นๆ อีก เพราะฉะนั้นนายจะมีเงินใช้สบายๆ ไปยันชาติหน้าแน่นอน” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็กลืนน้ำลาย อดคิดไม่ได้ว่าเงินเยอะมาก แต่บางครั้งการเป็นบอดีการ์ดก็มีเรื่องที่ควรถามและไม่ควรถาม ฟาเบียนไม่กล้าถามในสิ่งที่สงสัย แต่จอดรถที่หน้าตึกสูง แล้วจ้องมองร่างของเจ้านายคนใหม่ที่กำลังคาบซิการ์เดินเข้าตึกไปลางๆ ด้วยสายเหม่อลอยพลางเอ่ยพึมพำว่า
“แบบผมคงไม่ได้ทำงานที่นี่ต่อแน่ๆ ?” รุ่นพี่เปโดรตบไหล่ฟาเบียนแล้วเอ่ยบอกให้ขับตามไปจอดรถที่ชั้นใต้ดินได้แล้ว ก่อนจะที่เปโดรจะลงจากรถแล้วหยิบบุหรี่มาคาบไว้ที่ปาก พลางเดินไปหาคนขับรถอีก 2 คัน แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงจริงจัง ก่อนจะกวักมือเรียกฟาเบียนที่เพิ่งดับรถแล้วเดินลงไปรวมกัน
“นี่ฟาเบียน เด็กใหม่ สังกัดลูกพี่เรโม รู้จักเอาไว้ นี่คนขับรถให้นายท่าน ริคกี้ นี่ยูตะและเนโร คนขับรถคันที่สอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็จ้องมองคนสามคนที่มีสัญชาติแตกต่างกัน แล้วเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างสุภาพว่า
“สวัสดีครับฟาเบียนครับ เรียกผมว่าฟาเฉยๆ ก็ได้ครับ” เมื่อได้ยินเนโรที่เป็นคนผิวสีก็ตบไหล่ฟาเบียนก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงต้อนรับว่า
“ได้ยินว่านายเป็นเด็กใหม่ที่ทำคะแนนไว้สูงมากทุกด้าน เอาไว้มีเวลามาแข่งรถกัน เห็นแบบนี้แต่ฝีมือแข่งรถของฉันไม่เรื่องเล่นๆ หรอกนะน้องใหม่” ใช่ เนโรเป็นคนขับรถฝีมือดี ส่วนยูตะเป็นนักแม่นปืน เจ้าตัวเป็นชาวญี่ปุ่นที่ดูตัวเล็กแต่ความสามารถคงไม่เล็กแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงมาเป็นบอดีการ์ดของที่นี่ไม่ได้ ส่วนคุณริคกี้เป็นชาวอเมริกันที่ดูเย็นชาและไว้ตัว ก่อนที่คุณริคกี้จะเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้เล็กน้อยเพราะคาบบุหรี่ไว้ที่ปากว่า
“อย่าไปตกลงกับเนโรเข้าล่ะไม่อย่างนั้นนายจะเสียใจภายหลัง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็มองริคกี้ด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนที่รุ่นพี่เปโดรจะเอ่ยด้วยเสียงติดตลกว่า
“ไอ้เวรเนโรมันชอบโกง เพราะฉะนั้นไม่มีใครอยากแข่งกับมันหรอก” เนโรที่ได้ยินก็เกาหางคิ้วก่อนจะยักไหล่ แล้วยกยิ้มจนเห็นฟันขาว แล้วเอ่ยด้วยเสียงท้าทายเล็กๆ ว่า
“แน่นอนว่ามีเรื่องของเงินเดิมพันด้วย จะเก็บเงินที่นายท่านให้ไว้ในธนาคารเล่นๆ หรืออย่างไร เอามาใช้เดิมพันเล็กๆ น้อยๆ แก้เครียดไม่ดีกว่าหรือ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ยกยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร แน่นอนว่าฟาเบียนเองก็รู้ดีว่าเนโรคงหวังจะทำเงินจากตัวเองที่เป็นเด็กใหม่ แต่ขอโทษด้วยที่ฟาเบียนเองก็ต้องใช้เงินเหมือนกันเลยไม่คิดที่จะเสี่ยงใช้เงินในตอนนี้
“เอาล่ะ เตรียมสแตนด์บายรอไว้เถอะ” เป็นรุ่นพี่เปโดรที่เอ่ยแก้สถานการณ์อึดอัดที่ว่า ก่อนที่ฟาเบียนจะโคลงศีรษะแล้วยกยิ้ม พลางหยิบบุหรี่ของตัวเองมาจุดสูบเพื่อรอให้เจ้านายคนใหม่เดินทางไปที่ใหม่
..........................................
การทำงานวันแรกไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น มันราบเรียบเหมือนตอนที่ฟาเบียนทำงานเดิม แม้ตัวตนของอีกฝ่ายจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สมัยนี้แล้วคงไม่มีใครอุตริเอาปืนมายิงกันในที่สาธารณะแล้วอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นวันแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดี รวมไปถึงวันอื่นๆ ด้วย หน้าที่ของฟาเบียนมีแค่ขับรถตามเท่านั้นเพราะฉะนั้นเนื้องานจึงเรียบง่ายมาก จนกระทั่งวันนี้ วันที่ฟาเบียนทำงานมาได้เดือนกว่าแล้ว วันนี้เหมือนทุกวัน แต่ต่างตรงที่นายท่านไม่ได้ไปบริษัท หรือที่คลับ แต่ไปที่ท่าเรือ ฟาเบียนติดตามรุ่นพี่เปโดรยืนรอนอกรถอย่างสงบในขณะที่บอดีการ์ดส่วนอื่นๆ ออกทำหน้าที่คุ้มกันบริเวณอื่น
“ฟู่ว! ฉันเกลียดเวลานายท่านมาที่นี่จริงๆ ลมบ้าๆ พวกนี้ทำฉันเหนียวตัวไปหมด” เมื่อได้ยินฟาเบียนที่กำลังคาบบุหรี่ไว้ที่ปากพลางเอนพิงรถก็เอ่ยด้วยเสียงหยอกเย้าว่า
“ไม่ใช่ว่าแก่แล้วหรอกนะรุ่นพี่” เมื่อได้ยินเปโดรก็กลอกตาก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดีว่า
“ได้เวลาเกษียณแล้วสินะ?” ฟาเบียนกำลังจะเอ่ยเย้า แต่เสียงฝีเท้าที่สับสนวุ่นวาย และเสียงวิ่งทำให้ฟาเบียนมีดวงตาหดลง กล้ามเนื้อเกร็งตัวเพื่อเตรียมรับอันตราย และมือกำด้ามปืนที่เอวแน่น ก่อนที่เสียงของรุ่นพี่เปโดรจะเคร่งขรึมว่า “ดับบุหรี่ซะ ดูเหมือนเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาที่นี่” เมื่อได้ยินกลุ่มคนมากกว่า 30 คนก็ปรากฏตัวขึ้นฟาเบียนกลืนน้ำลาย ก่อนจะทิ้งบุหรี่ออกจากปากแล้วใช้เท้าขยี้ พลางยกมือขึ้นแล้วเตรียมตั้งการ์ดเมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นพกอาวุธเย็นมากมายไว้กับมือ พร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาจัดการกลุ่มของตนเอง
“ติดต่อลูกพี่เรโมว่าเรามีแขกไม่ได้รับเชิญมาที่นี่!” เสียงของรุ่นพี่เปโดรเอ่ยขึ้น ทำให้คนอื่นรีบติดต่อไปทันที ในขณะที่ฟาเบียนเหวี่ยงหมัดไปที่เบ้าหน้าของอีกฝ่ายจนเห็นฟันสีขาวกระเด็นออกมาจากปากพร้อมเลือด ก่อนจะถีบอีกฝ่ายที่ท้องน้อยแล้วยกขาแตะก้านคออีกฝ่ายจนสลบ แล้วหันตัวไปจับคอของคนที่เข้ามาหาไว้แน่นก่อนจะยกเข่าเพื่อตีเข้าที่ลิ้นปี่จนอีกฝ่ายกระอักน้ำดีออกมา แล้วใช้ปลายเท้าเสยปลายคางจนนอนหมอบไปอีกคน ทำเอาเปโดรเอ่ยด้วยเสียงยกยอไม่ได้ว่า “วู้! สมกับเป็นเด็กใหม่ไฟแรงจริงๆ เว้ย!” ก่อนที่ไม้เบสบอลในมือของตรงข้าม จะถูกเปโดรแย่งมาแล้วฟาดใส่ที่ที่หัวของอีกฝ่ายจนล้มลงกับพื้นอย่างสวยงาม
ฟาเบียนที่เห็นก็ยกนิ้วให้รุ่นพี่เปโดร ก่อนจะเริ่มจัดการกับคนที่เหลือ ก่อนที่ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมาบอดีการ์ดที่ติดตามนายท่านจะปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับร่างของนายท่านที่เดินถือไม้เท้าเข้ามา เปโดรตบไหล่ฟาเบียนให้มายืนหน้ากระดานด้านข้างซากคนที่กำลังร้องโอดครวญบนพื้นพร้อมกับคนอื่นๆ ก่อนที่ฟาเบียนจะก้มหน้าลง แล้วรอคำพูดจากนายท่านที่ยืนจ้องมองตนเองและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ “ไปรับเงินและทำแผลหลังกลับคฤหาสน์ได้ที่เจสซิก้านะ” เมื่อพูดจบนายท่านก็เดินขึ้นรถคันแรกที่มีริคกี้รออยู่แล้วขับออกไป ก่อนที่เปโดรจะตบอกตัวเองแล้วเอ่ยด้วยเสียงโล่งใจว่า
“ไอ้พวกสำรวจเส้นทางโดนอ่วมแน่” ใช่ นอกจากกลุ่มคนขับรถติดตามนายท่านแล้วยังมีฝ่ายสำรวจเส้นทางด้วย แต่ดูเหมือนฝ่ายสำรวจเส้นทางจะทำงานหละหลวมจนทำให้เกิดเรื่องที่มีคนบุกเข้ามาที่ท่าเรือได้ ฟาเบียนไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นแต่จัดการส่งคนที่เหลือให้ฝ่ายเก็บกวาด ก่อนจะขับรถพารุ่นพี่เปโดรกลับคฤหาสน์ไปรับเงินเพิ่มเติมจากปากบอส กับหัวหน้าแม่บ้านที่ชื่อเจสซิก้าอย่างสงบ
เมื่อมาถึงเจสซิก้าแม่บ้านวัย 40 ปีก็รออยู่แล้ว เธอยื่นซองเงินสีน้ำตาลให้บอดีการ์ดทีละคน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เดี๋ยวแม่บ้านจะมาช่วยทำแผล ใครที่มีแผลให้ไปรอได้ที่สวนด้านข้างได้เลยค่ะ” เมื่อได้ยินคนที่บาดเจ็บก็ไปทำแผล แม้แต่เปโดรก็ยังไปตีเนียนไปนั่งคุยกับแม่บ้านเบต้าสาวๆ ต่างจากฟาเบียนที่จับมุมปากตัวเองที่ช้ำแล้วส่ายหน้า ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาแล้วจุดบุหรี่สูบที่ข้างสระน้ำ แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีคนอยู่ที่นี่ด้วย
“ตรงนี้ห้ามสูบบุหรี่” เมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ โทนดุฟาเบียนก็คายบุหรี่ออกจากปากแทบไม่ทัน ก่อนจะยกเท้าขยี้ก้นบุหรี่แล้วยืดหลังตรง หันไปมองด้านหลัง แล้วต้องกลืนน้ำลายขนลุกซู่เมื่อเห็นว่าเจ้านายคนใหม่ของตนเองกำลังยืนกอดอกจ้องมองตนด้วยสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ ฟาเบียนโค้งตัวก้มลงพลางเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“ขอโทษครับนายท่าน ผมจะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองครับ!” ฟาเบียนคงไม่รู้ว่าเจ้านายคนใหม่ของตนเองอย่าง ‘แองเจโล อะเลสซิโอ’ กำลังจ้องมองตนเองด้วยสายตาแบบไหน แต่กลิ่นฟีโรโมนไวน์แดงจางๆ ที่ได้กลิ่นติดที่ปลายจมูกก็ทำให้ฟาเบียนเกร็งตัวไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายชัดเจนดังขึ้นเหนือศีรษะว่า
“อืม นาย ชื่ออะไรแล้วนะ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็แอบยืดตัวเงยหน้ามองเจ้านาย ก่อนจะก้มหน้าหลบตาเมื่อดวงตาสีน้ำทองกำลังจ้องมองตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่าไร้อารมณ์
“ฟาเบียนครับ ผมชื่อฟาเบียน พิมลรักษ์ครับ!” เมื่อได้ยินนัยน์ตาสีน้ำตาลทองก็ลดลงมองคนที่เอาแต่โค้งตัวก้มหน้าคำนับตัวเองตรงหน้าด้วยสายเย็นยะเยือก ก่อนจะหลุบตาลงจ้องมองซอกคอขาวที่ก้มลงตรงปกคอเสื้อ แล้วเอ่ยด้วยเสียงไร้อารมณ์ว่า
“เวลาคุยกันเขาทำกันแบบนี้หรือ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็รีบยืดตัวยืนตรง ตรงหน้าเจ้านายทันที ก่อนจะแอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นใบหน้าว่างเปล่าไร้อารมณ์ของเจ้านาย และไม่รู้ว่าฟาเบียนคิดไปเองหรือไม่ แต่ดวงตาข้างซ้ายของเจ้านายดูเหมือนจะไร้แววแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
“ผมชื่อฟาเบียน พิมลรักษ์ครับ” ฟาเบียนไม่กล้ามองเจ้านายตรงๆ ทำได้เพียงมองไปที่คางเท่านั้นเลยไม่ได้เห็นว่าดวงตาสีน้ำตาลทองของเจ้านายจับจ้องมองตนเองด้วยสายตาเช่นไร
“ชื่อเพราะดี แต่นามสกุลแปลกๆ เป็นลูกครึ่งอะไรหรือ?” ฟาเบียนเม้มปากก่อนจะคิดในใจว่า เจ้านายคงจำตัวเองไม่ได้แน่นอน นั่นสิอัลฟ่าธรรมดาๆ จากเอเชียจะไปเข้าตาหรือเป็นที่น่าจดจำของอีกฝ่ายได้อย่างไร
“พ่อเป็นคนอิตาลีครับ แม่เป็นคนไทย” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ได้ยินเสียงฮึมฮัมในลำคอของเจ้านาย ก่อนที่มือสีแทนสุขภาพดีที่สวมด้วยถุงมือสีขาวจะยกขึ้นแล้วตบบ่าฟาเบียนเบาๆ พลางเอ่ยด้วยเสียงไร้อารมณ์ว่า
“นั่นสิ นายคือคนที่ฉันชวนมาทำงานที่ไทยนี่เอง คิดว่าจะไม่ผ่านการอบรมเสียแล้ว” เมื่อได้ยินว่าเจ้านายจำตัวเองได้ ฟาเบียนก็แอบกระตุกมุมปากยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างจริงจังใสซื่อ (?) ว่า
“ครับ ขอบคุณนายท่านที่รับผมเข้าทำงานครับ” ฟาเบียนที่กำลังปลื้มใจที่เจ้านายจำตัวเองได้มีสีหน้าดีใจ ทำเอาคนมองมีดวงตาหดลงแปลกๆ ก่อนที่มือของแองเจโลจะแตะไหล่ของฟาเบียนเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไปว่า
“อืม” แค่นี้? ฟาเบียนจ้องมองแผ่นหลังที่สูงกว่าตัวเองหนึ่งฝ่ามือจากไปด้วยสายตาละห้อย คิดว่าเจ้านายจะดุ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ดุอย่างที่รุ่นพี่เปโดรมักบอก ก่อนจะอมยิ้มเมื่อคิดได้ว่าเจ้านายก็จำตัวเองได้ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ แล้วเอ่ยกับรุ่นพี่เปโดรด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า
“ที่รุ่นพี่บอกว่านายท่านเป็นคนดุ ผมไม่เห็นว่าเขาว่าจะดุอย่างที่ว่าเลยครับ” เมื่อได้ยินเปโดรก็มองฟาเบียนเหมือนเห็นผี ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดังว่า
“อะไรนะ?” ฟาเบียนยักไหล่ไม่ตอบไม่เล่าอะไร ก่อนจะขับรถกลับไปที่คอนโดฯ เพื่อพักผ่อนท่ามกลางเสียงไม่สบอารมณ์ของเปโดรที่ว่า “ไอ้เด็กใหม่ แกไม่เข้าใจอะไรเสียแล้ว นายท่านนะดุมากนะเว้ย ข้าจะบอกให้ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น?” แต่แน่นอนว่าฟาเบียนจะไม่เล่าให้เปโดรฟังอย่างแน่นอน เพราะอะไรนะหรือ? เพราะคิดเสียว่าเป็นการทักทายและทำความรู้จักกับเจ้านายอย่างเป็นทางการก็แล้วกัน
ใช่ เจ้านายคนใหม่ ที่มีชื่อเหมือนเทวดาคนนั้นนะ...
+++++
Lady Zombie
19/09/67
ใต้อาณัติครั้งสุดท้าย The grace of our Lord Jesus Christ be with you all. Amen. (Revelation 22:21)ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด เอเมน (วิวรณ์ 22:21)+++++“Sentino Alessio” เสียงของแองเจโลเอ่ยขึ้นในตอนที่รับลูกชายมาจากมือของพยาบาล ที่พาเข้ามาในห้องพักฟื้นหลังฟาเบียนตื่นแล้ว ใช่ ฟาเบียนคลอดโดยการผ่าคลอด ก่อนที่ฟาเบียนจะอมยิ้มจ้องมองลูกชายตัวแดงๆ ย่นๆ ในอ้อมกอดของแองเจโล ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงสงสัยว่า“เซนติโนแปลว่าอะไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“นักบุญตัวน้อย ชื่อน่ารักใช่ไหม?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มย่นๆ ของลูกชายก่อนที่คุณหมอมิลเลอร์จะเดินมาส่งผลใบตรวจเพศรองของลูกชายครั้งแรกเกิดให้แด๊ดดี้และป่าป๊าดู ฟาเบียนรับมาก่อนจะมองใบหน้าของแองเจโลที่กำลังกอดลูกด้วยท่าทางมีความสุข ก่อนที่แองเจโลจะเงยหน้ามองฟาเบียนแล้วเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร“ผลตรวจเซนติโนเป็นอีนิกม่าครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยกยิ้มกว้าง พลางกดจูบที่หน้าผากของลูกชาย“เก่งมากเจ้าลูกชาย” ฟาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 19 And Adam knew Eve his wife; and she conceived, and bare Cain, and said, I have gotten a man from the LORD. (Genesis 4:1)และอาดัมได้ร่วมกับเอวาภรรยาของเขา และนางได้ตั้งครรภ์ และคลอดคาอิน และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์” (ปฐมกาล 4:1)+++++วันนี้แองเจโลกลับบ้านมาไวกว่าทุกครั้ง แม้งานจะกองท่วมหัว แต่รู้ดีว่าฟาเบียนคงมีเรื่องอยากคุยกับตัวเองต่อแน่ๆ ในระหว่างที่เดินขึ้นชั้นบนก็เอ่ยกับเรโมไปด้วยว่า “วันนี้ฉันจะไม่เข้ากาสิโน กับไปที่คลับ นายจัดการดูแลไปก่อนเลย”“ครับ” แล้วเรโมก็หยุดตามแล้วหมุนตัวเดินไปทางอื่น ในขณะที่แองเจโลยกมือขึ้นดึงเนกไทลง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสามโดยมีริคกี้ตามมาเฝ้าที่ทางขึ้นบันไดเช่นเดิม และเมื่อเข้าไปในห้องแองเจโลก็นิ่งไปเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนเปิดรออยู่ เลยเดินผ่านห้องนั่งเล่นในห้องนอน เข้าไปในห้องแล้วต้องพรูลมหายใจออกอย่างอึดอัดเมื่อกลิ่นฟีโรโมนกลิ่นกาแฟใส่นมภายในห้องมันคลุ้งไปหมด จนทำเอาเจ้าลูกชายเกือบตื่น ก่อนจะจ้องมองก้อนผ้าห่มบนเตียงด้วยสายตาอ่อนลง แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปในห้องเสียงเย็นยะเยือกของคนในผ้าห่มก็ดังขึ้นเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 18 So God created man in his own image, in the image of God created he him; male and female created he them. (Genesis 1:27)ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ในแบบพระฉายของพระองค์เอง ในแบบพระฉายของพระเจ้าพระองค์ได้ทรงสร้างเขา พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง (ปฐมกาล 1:27)+++++เรโมจ้องมองภาพที่ลูกน้องตัวเองเดินขยี้ตาออกมาจากสนามบินพร้อมเจ้านายตัวเองที่กำลังโอบเอวอีกฝ่ายเดินออกมาอย่างรักใคร่ด้วยสายตาปลาตาย ก่อนจะก้มหัวลงเพื่อทำความเคารพเจ้านายที่หนีหายหน้าไปเดือนกว่าโดยไม่บอกใครสักคนนอกจากเลขาจอง ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่ฟาเบียนจะขืนตัวแล้วเอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “เดี๋ยวผมไปนั่งคันหลัง”“ไม่ต้อง มานั่งกับฉันนี่แหละ” แล้วฟาเบียนก็โดนเจ้านายตัวเองลากไปขึ้นเบาะหลังอย่างงงๆ โดยมีเรโมปิดประตูโบกมือไล่บอดีการ์ดคนอื่นๆ ให้รีบๆ แยกย้ายเตรียมตัวเดินทางกลับคฤหาสน์อะเลสซิโอ โดยที่เรโมขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับอย่างริคกี้ที่กำลังเหลือบมองตัวเองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก เพราะภาพจากเบาะหลังคือ เจ้านายตัวเองกำลังพูดเสียงสองกับฟาเบียนที่กำลังบ่นว่าตัวเองง่วงแค่ไหนด้วยสายตาเ
ใต้อาณัติครั้งที่ 17 He hath led me, and brought me into darkness, but not into light. (Lamentations 3:2)พระองค์ได้ทรงนำข้าพเจ้า และพาข้าพเจ้าเข้ามาในความมืด แต่ไม่เข้าในความสว่าง (เพลงคร่ำครวญ 3:2)+++++“คุณอยากให้ผมใส่เจ้านี่ตลอดเลยใช่ไหมครับ?” ฟาเบียนเอ่ยถามพลางชี้ไปที่ปลอกคอและสายโซ่ที่แองเจโลถืออยู่ในมือ แองเจโลเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“แล้วได้ไหมล่ะ?” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็ดึงสายโซ่มาจากมืออีกฝ่าย ก่อนจะเป็นฝ่ายใส่สายโซ่กับปลอกคอตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงใจเย็นว่า“แล้วผมจะออกไปเดตกับคุณข้างนอกได้อย่างไรครับ?” เมื่อได้ยินแองเจโลก็มองใบหน้าของฟาเบียนก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า“ก็ไม่ต้องออกไป ฉันจะดูแลนายทั้งหมดเอง” เมื่อได้ยินฟาเบียนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอนศีรษะพิงไหล่แองเจโล ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า“แต่ผมอยากออกไปเดตกับคุณ มีหลายที่เลยที่ผมอยากไปกับคุณ ผมอยากสร้างความทรงจำมากมายกับคุณ มากกว่าการอยู่ในห้องกันสองคนแบบนี้” ใช่ สัญชาตญาณของอัลฟ่าที่อยากกักขังคู่เอาไว้ใต้ปีกทำไมฟาเบียนจะไม่เข้าใจ ตนเองก็เคยมีความคิดนี้ แต่เพราะฟาเบียนไม่ได้ทำไม่ได้หมายความ
ใต้อาณัติครั้งที่ 16 And when the thousand years are expired, Satan shall be loosed out of his prison, (Revelation 20:7)และเมื่อเวลาหนึ่งพันปีนั้นล่วงไปแล้ว ซาตานจะได้รับการปลดปล่อยออกจากคุกของมัน (วิวรณ์ 20:7)+++++แองเจโลจับลำคอของฟ้าที่กำลังฮีตด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่ได้สนใจเลยว่ากลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายจะยั่วยวนมากแค่ไหน เพราะสำหรับอีนิกม่าอย่างแองเจโลแล้วนั้น ฟีโรโมนของโอเมก้าก็เหมือนน้ำหอมที่หวานเลี่ยนจนน่าพะอืดพะอมจนอยากอ้วกเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นแองเจโลจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับฟีโรโมนโอเมก้าที่กำลังฮีต นอกจากความกรุ่นโกรธที่เห็นเมียตัวเองกำลังไปจูบกับคนอื่น ก่อนจะปรายตามองฟาเบียนที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ และฟีโรโมนที่กำลังผันผวนอย่างรุนแรง “แองเจโล?” เสียงพึมพำของอีกฝ่ายทำให้แองเจโลจิปาก ก่อนจะลากคอโอเมก้าที่กำลังฮีตออกจากห้องด้วยการคว้าหลังคอ แล้วเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้นหน้าห้องนอน จนอีกฝ่ายกลิ้งกระเด็นกับพื้นอย่างหมดสภาพ“ฮึก ฮื่อ” อีกฝ่ายร้องไห้โฮเพราะกลิ่นฟีโรโมนของแองเจโลที่ฉุนจมูกจนน่าขนลุก และไหนจะโดนอีกฝ่ายเหวี่ยงกระเด็นล้มกับพื้นจนเจ็บไปทั้งตัวอีก
ใต้อาณัติครั้งที่ 15 And God shall wipe away all tears from their eyes; and there shall be no more death, neither sorrow, nor crying, neither shall there be any more pain: for the former things are passed away. (Revelation 21:4)และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของพวกเขา และจะไม่มีความตายอีกต่อไป หรือความโศกเศร้า หรือการร้องไห้ และจะไม่มีการเจ็บปวดใด ๆ อีกต่อไป เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ในกาลก่อนนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)+++++“มีอะไรหรือฟา?” แองเจโลเอ่ยพลางจับแขนของฟาเบียนแน่น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเหลือบตามองโอเมก้าที่ตัวเล็กกว่าตัวเองด้วยสายตาอันตรายทำเอาอีกฝ่าย ก้มหน้าหลบตาไม่กล้าสบตากับแองเจโล แต่สีหน้าของฟาเบียนกลับเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบปกติว่า“ไม่มีอะไรครับ แองเจโลไปหยิบของที่อยากทานก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไปครับ” เมื่อได้ยินแองเจโลก็ยกยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ทำเอาฟาเบียนกลืนน้ำลาย ก่อนที่แรงบีบที่แขนจะแรงขึ้น แล้วหายไปเมื่อเจ้าตัวปลดมือออก แล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า“อย่านาน” แล้วแองเจโลก็จ้องเขม็งไปที่โอเมก้าร่างเล็กตรงหน้า แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพ