“พวกคุณ เอ่อ... พวกท่านเข้ามาในหอนอนของข้าได้ยังไง ข้ามิได้อนุญาตให้ใครเข้ามา” ชมชีวันจำได้ว่าทั้งสองเป็นนางรับใช้ของอชินีพารา ไม่เพียงแค่หน้าตาที่ไม่เป็นมิตร ทว่าสายตายังมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นที่เจอกันคราแรกก็ยังเหมือนเดิม
“ราชินีมีรับสั่งให้เจ้าหญิงเข้าเฝ้าในเพลานี้เจ้าค่ะ”
“มีเหตุอันใดฤา”
“มิทราบได้ พวกข้ามาเชิญเจ้าหญิงตามคำสั่งเท่านั้น จงไปกับพวกเราโดยดีเถิดเจ้าค่ะ”
“เอ่อ...อืม” ชมชีวันรีบเดินตามทั้งสองไปแต่โดยดี เสียงเอ่ยเชิญของนางรับใช้นั้นแข็งไร้หางเสียงปานการออกคำสั่ง หากเธอคิดขัดขืนมีหวังอาจจะถูกฝ่ามืออรหันต์ฟาดหลังหักได้ ทว่าเรื่องที่ทำให้เธอร้อนๆ หนาวๆ มากกว่าความโหดของสายตานางรับใช้ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ราชินีของเมืองนี้ให้ไปเข้าเฝ้า ไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไร ทว่าก็ภาวนาในใจว่าอย่าให้เป็นเรื่องที่สามนถูกจับได้ ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของเงือกสาวได้เลื่องลือเป็นที่เสียหายแน่
ชมชีวันเดินก้มหน้าก้มตาตามนางรับใช้ทั้งสองมาพักใหญ่ จนกระทั่งเข้ามาถึงตำหนักใหญ่ที่อชินีพาราประทับอยู่ ในโถงใหญ่แห่งนี้แม้จะไม่ได้ต่างจากที่ที่เธอพักอาศัยมากนัก ทว่าที่แห่งนี้มีผ้าไหมสีประดับเป็นม่านตัดกับสีของไม้สีน้ำตาลเข้มสวยงามเป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอไม่น้อย ไม่รู้ว่าพวกนกยักษ์เอาผ้าผืนงามพวกนี้มาจากไหน ทั้งที่ในตำหนักของเธอมีเพียงผ้าฝ้ายสีขาวตกแต่งที่อยู่เท่านั้น
ราชินีแห่งเมืองปักษิณพาราปรากฎตัวอยู่กลางโถงใหญ่ ทายาทพยัคฆาอาวุโสที่ยังดูสวยสดงดงาม มีเรือนผมสีแดงเข้มสีเดียวกับดวงตาหยิกยาวสยายดูน่าเกรงขามกำลังมองจ้องไปยังว่าที่สะใภ้ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยยินดีนัก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไม่คิดว่าธิดาของเงือกจะมีกิริยาปานไม่มีใครสั่งสอนมาขนาดนี้ เมื่อเห็นเธอยืนตรงหน้ายังไม่คิดแม้แต่จะย่อเข่าคำนับ หากไม่ใช่ว่าโอรสของเธอจะกลับมามองเห็นได้เพราะเงือกสาวตรงหน้า เธอไม่คิดที่จะให้ผู้ที่กิริยาหยาบคายเข้ามาเหยียบบ้านเมืองของเธอเป็นอันขาด
ชมชีวันเห็นดวงตาสีเหลืองทองอันทรงพลังของราชินีที่กำลังจับจ้องมายังเธอก็ต้องยืนแน่นิ่งก่อนจะอ้อมแอ้มถามอีกฝ่ายออกไปถึงธุระที่ให้นางรับใช้ไปตามเธอมาถึงที่นี่
“ท่านมีอันใจจักคุยกับข้าฤา” หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ภาวนาว่าอย่าให้เป็นเรื่องที่เธอแต่งตั้วสามนเป็นนากสายลับไปสอดแนมตำหนักของปักษิณสิงขรเลย
“ก่อนถึงวันอภิเษกสมรส ข้าจักต้องสอนให้เจ้ารู้จักระเบียบพิธีการ กิริยาเช่นเจ้า ข้ามิอาจละเลยการอบรมได้” ในฐานะที่กำลังจะเป็นแม่สามีและหลีกเลี่ยงการรับสะใภ้ตนนี้ไม่ได้ อชินีพาราจำเป็นต้องทำหน้าที่แม่เมืองเพื่อทำให้สมาชิกใหม่ในเผ่ารู้ขนบธรรมเนียมของสรรพสัตว์ที่นี่ให้ได้
ชมชีวันยืนถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่เธอกังวล “บอกข้ามาตอนนี้เลย ข้าจักจำให้ได้ทุกอย่าง”
“แค่บอกคงมิได้ เจ้าต้องมีผู้สั่งสอนแลให้เจ้าทำตาม มิเช่นนั้นข้าคงกังวลมากในงานพิธี”
“มิไว้ใจข้าฤา ข้าสามารถเข้าใจได้ทุกอย่างนะองค์ราชินี” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น จากนั้นก็ยกมือชี้หน้าตัวเอง เพราะคิดว่าแค่พูดให้ฟังถึงพิธีการเธอก็เข้าใจได้ ไม่เห็นจะต้องฝึกซ้อมให้เสียเวลา
อชินีพารานยกมือทาบอก สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความตกใจกับกิริยาวาจาของเงือกสาวไม่ได้ต่างจากคราที่เงือกสาวมาถึงที่นี่แม้แต่น้อย
“กิริยาเช่นนี้ให้ข้าไว้ใจได้เยี่ยงไร ชลามัจฉาแลมีนามัจฉาจักเป็นผู้สอนเจ้า กิริยาเช่นนี้ข้ามิเคยพบเคยเห็น ให้คนเผ่าของเจ้าสอนกันเองก็แล้วกัน” อชินีพาราหันหลังให้ว่าที่สะใภ้หลังจากเอ่ยธุระจบ จากนั้นร่างของเธอก็ค่อยๆ อันตรธานหายไปพร้อมกับนางรับใช้ทั้งสองที่แปลงกายเป็นนกตัวเล็กบินออกไปจากโถงใหญ่ ทิ้งให้เงือกสาวยืนหน้าฉงนอยู่ตนเดียว
“อ้าว ทิ้งกันเลยเหรอ”
“มนตรามัจฉา”
เสียงที่คุ้นหูเรียกให้ชมชีวันรีบหมุนตัวหันกลับไปตามเสียง เมื่อหญิงงามในชุดสีขาวเรือนผมสีทองปรากฎตรงหน้า ดวงตากลมโตก็เบิกโพลง ริมฝีปากบางอ้าค้าง รอยยิ้มหวานตรึงใจนั้นทำให้ขอบตาของชมชีวันเริ่มร้อนผ่าวก่อนจะมีไข่มุกเม็ดเล็กไหลกลิ้งลงมาที่พวงแก้มก่อนจะตกไปยังพื้น
“แม่...แม่จริงๆ ด้วย” ชมชีวันวิ่งเข้าไปโผกอดคนเป็นแม่อย่างไม่คิดลังเล ตั้งแต่แม่ของเธอจากไปเธอก็เฝ้าคิดถึงอ้อมกอดของแม่ทุกวัน ยิ่งวันไหนที่เธอทุกข์ใจเธอก็ยิ่งโหยหาอ้อมกอดนี้มากที่สุด แล้ววันนี้เธอก็ได้อ้อมกอดนั้นคืนมาแล้ว
“แม่รู้ไหมว่าชมพูคิดถึงแม่แค่ไหน”
“ท่านพี่ ท่านจำมิได้ฤาว่านี่ท่านแม่ข้า” มีนามัจฉามองญาติผู้พี่ด้วยแววตาฉงนหนัก ไม่รู้ว่ามนตรามัจฉาจำแม่ของเธอไม่ได้หรือมีอาการเช่นนี้เพราะคิดถึงท่านแม่ของตนกันแน่
“เจ้าคะนึงหาแม่เจ้าฤา ข้าเข้าใจ อยู่ที่แห่งนี้ ข้าจักเป็นแม่ให้เจ้า” ชลามัจฉากอดปลอบหลานรักที่เพิ่งจากบ้านจากเมืองด้วยความไม่เต็มใจ เธอรู้ดีว่าการจากเมืองเกิดก็ไม่ได้ต่างจากการเกิดใหม่และมีความกังวลสับสนเพียงใด ด้วยต้องเรียนรู้ขนบธรรมเนียมและการเป็นอยู่ทุกอย่างของที่ใหม่ทั้งหมด เธอในฐานะที่เป็นน้าก็จะดูแลหลานตนนี้ให้ดีเสมือนบุตรีของตน
ชมชีวันยังไม่ยอมผละออกจากอ้อมอกของชลามัจฉา แม้ตอนนี้จะรู้แล้วว่าที่เธอกำลังกอดไม่ใช่แม่ แต่เป็นชลามัจฉาน้องของบุหลันมัจฉาที่มาแต่งงานกับวารัตน์คีรี น้องชายของเจ้าเมืองแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว ทว่าการมาที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอได้คิดเอาไว้ แค่ได้อยู่ใกล้ผู้ที่มีหน้าตาเหมือนแม่ แค่นี้เธอก็มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อมากแล้ว
“ท่านพี่ ยังมีพิธีการอีกมากที่ท่านต้องเรียนรู้ เราไปที่ตำหนักท่านแม่ข้ากันเถิด” มีนามัจฉาดึงมือญาติผู้พี่ให้ออกไปจากโถงแห่งนี้ เพราะเธออยากให้มนตรามัจฉาได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมของที่นี่และการพิธีให้มากและเร็วที่สุด สัตว์หลายตนในเมืองจะได้เลิกติฉินนินทาถึงกิริยาและวาจาของญาติผู้พี่ของเธอเสียที แม้เธอจะเป็นครึ่งนกยักษ์ครึ่งเงือก ทว่าก็ไม่อยากให้ใครมาว่าเผ่าพันธุ์ของแม่เธอเสียๆ หายๆ
เสร็จจากการสวดอภิธรรมศพคืนที่สองของสมาน มนตรามัจฉาก็รีบบอกให้กรรณิกาได้รับรู้เรื่องที่เธอได้ติดต่อกับนายแบบชื่อดังให้เข้ามาช่วยโปรโมทร้านของเธอ“คุณโรมบอกว่าจะมาที่ร้านกระถินอาทิตย์หน้า เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ แล้วได้คนมาช่วยหรือยัง”“ค่ะ ได้ป้าเดือนกับลูกสาวมาคอยช่วยค่ะ วันนี้คนจากโรงพยาบาลมาซื้อข้าวร้านฉันหลายคนเลย ไหนจะต้องรีบทำอาหารมาส่งที่งานนี่อีก ดีนะคะที่พี่ชมพูเตือนว่าให้หาคนมาช่วยก่อน ไม่งั้นวันนี้รับลูกค้าไม่ทันแน่”“พี่ว่าอีกหน่อยจะเยอะกว่านี้หลายเท่า เตรียมตัวล่ะ”“ค่ะ”“พี่กลับก่อนนะ” คุยธุระเสร็จเรียบร้อยมนตรามัจฉาก็รีบเดินขึ้นรถที่มีชื่นชีวาคอยอยู่เรียบร้อยแล้ว“วีล่ะคะ” เธอหันไปถามพี่สาวมที่กำลังขับรถออกจากลานจอดทั้งที่โชติรวียังไม่มาขึ้นรถ“ให้เพื่อนมารับกลับไปแล้ว”“ทำไมวีไม่กลับกับเราคะ” คิ้วเรียวสวยเริ่มมุ่นเข้ากัน คราแรกที่มาก็ยังมาพร้อมกันแต่ดันไม่กลับด้วยกันเสียอย่างนั้น“ก็ตั้งแต่รู้ว่าชมพูคุยกับนางไม้ได้จริงๆ ก็กลัวน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะเลิกตาขาวเมื่อไร ทีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นไม่เห็นจะกลัว อ่อ...แล้วชมพูจะกลับไปทำงานกับพี่ป้องไหม”“ยังค่ะ”“ทำไมเหรอ หรือว่าจะไม่ไปทำง
“ทำไมฉันไม่เห็นคุณล่ะคะคุณอัคคี”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ทำไมผมถึงออกไปหาคุณไม่ได้ แต่ผมรับรู้ได้ถึงความเย็นในใจ วันนี้คุณไปทำบุญให้ผมอีกแล้วใช่ไหมครับ”“ฉันช่วยเหลือคนน่ะค่ะ อันที่จริงพูดว่าเป็นผู้ช่วยนางไม้เพื่อช่วยคนมากกว่า”“ยังไงเหรอครับ ผมอยากฟัง”“เรื่องมันยาวนะคะ เราจะคุยกันนานได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”“ผมรู้สึกว่าวันนี้ผมจะคุยกับคุณได้นานนะครับ ลองเล่าให้ผมฟังเถอะ”“ก่อนหน้านี้ป้าน้อยที่ขายอาหารตามสั่งอยู่ที่หอแกกำลังเจอปัญหาหนักค่ะ นางไม้เลยสื่อสารกับฉันให้ไปบอกหวยป้าน้อยค่ะ ปรากฏว่าแกถูกรางวัลใหญ่เลยนะคะ”“โชคดีจังเลยนะครับ”“ใช่ค่ะ คงเป็นเพราะบุญของแกด้วยค่ะ แต่หลังจากข่าวเรื่องที่ฉันสื่อสารกับนางไม้ทำให้คนถูกหวยลือไปทั่ว มันก็ทำให้ฉันต้องช่วยคนมากขึ้น แต่ก็ดีค่ะ ฉันจะได้ได้บุญเยอะๆ เอาไว้แผ่ให้คุณแล้วก็ตัวเองด้วยค่ะ”“แบบนี้คุณก็ต้องเหนื่อยแย่สิครับ”“ไม่หรอกค่ะ คนที่ฉันจะต้องช่วย นางไม้จะเป็นคนเลือกมาให้เอง”“แล้วคนที่คุณช่วยวันนี้เขามีปัญหาอะไรเหรอครับ”“เธอเป็นผู้หญิงอายุสิบแปดย่างสิบเก้าค่ะ เธออยากมีเงินเรียนต่อ แต่แม่ก็ดันมาป่วย พี่ชายก็ติดการพนันจนเอาเงินที่เธอเก็บ
มนตรามัจฉาและกรรณิกาเดินมานั่งคุยกันที่ศาลาริมคลองหน้าวัด เธอจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีเด็กสาวอยู่กับกลุ่มคนที่เข้ามาในรั้วหอพักยามวิกาล ทว่าทำไมนางไม้ถึงได้เลือกที่จะช่วยหญิงสาวคนนี้ได้“แต่พี่จำได้ว่าไม่เห็นกระถินเมื่อคืนนี้” มนตรามัจฉาเริ่มเกริ่นถามคนที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม“ฉันไม่ได้เข้าไปในรั้วค่ะ ได้แต่ยืนไหว้ต้นไม้อยู่ข้างนอก”“กระถินอายุเท่าไรเหรอ”“ฉันอายุสิบแปดย่างสิบเก้าค่ะ ฉันอยากเรียนต่อก็เลยมาขอให้นางไม้ช่วย ก่อนหน้านี้ฉันกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่แม่ดันมาป่วยพี่ชายก็เอาเงินที่ฉันเอาไว้จ่ายค่าเล่าเรียนไปเล่นพนันบอล ตอนนี้ฉันก็เลยต้องดรอปเรียนแล้วมาทำงานก่อนค่ะ”“คนที่เล่นการพนันไม่รู้จริงๆ เหรอว่าไม่มีทางรวยได้จริงๆ” มนตรามัจฉาว่าด้วยสีหน้าอ่อนใจ“คนคิดไม่ได้ก็คิดไม่ได้จริงๆ นั่นแหละค่ะ”“เดี๋ยวพี่ขอคุยกับท่านสาลิกาก่อนนะว่าจะช่วยกระถินยังไงได้บ้าง” เอ่ยจบก็เริ่มะละลึกถึงนางไม้รูปงามที่แสนใจดี“บอกนางให้เตรียมตัว เพราะต่อไปจะมีลูกค้าหลั่งไหลมาสั่งอาหารไม่ขาดสาย ให้นางหาลูกมือเอาไว้ นางจักเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่จักมีเงินรักษาแม่ ส่วนพี่ชายของนาง มินานจักกลับตัว
เช้าของวันใหม่ไม่ค่อยเป็นที่น่าสดใสนัก มนตรามัจฉาตื่นขึ้นมาก็มารับรู้เรื่องที่น่าเศร้าสลดขึ้น เพราะสมานได้จากโลกนี้ไปแล้ว เท่าที่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเป็นเพราะดื่มเหล้ามากเกินไปทำให้มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงจนทำให้หัวใจวายเสียชีวิตในค่ำคืนที่ผ่านมามนตรามัจฉาในชุดเสื้อเชิ้ตพร้อมกางเกงขายาวสีดำ เธอสะพายกระเป๋าเตรียมตัวที่จะไปช่วยงานป้าน้อยที่วัดในช่วงบ่าย ทว่าก่อนไปก็เดินเข้ามายืนที่หน้าต้นไม้ใหญ่ เพราะยังมีเรื่องที่ยังค้างคาใจที่จะต้องคุยกับนางไม้“ท่านบอกข้าว่าจักจัดการสามีของป้าน้อยเอง เหตุที่ทำให้ลุงหมานต้องตาย เป็นเพราะ...”“มิใช่ข้าที่ทำให้คนผู้นั้นตาย” สาลิกาปรากฎกายให้มนตรามัจฉาได้เห็นก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยคำถามจบ “คนผู้นั้นถึงคราวตายแล้วต่างหาก ถึงเพลาที่คนผู้นั้นจักต้องกลับไปชดใช้กรรมของตัวเองแล้ว ข้ามิมีสิทธิ์ทำให้ใครอยู่หรือใครตายหรอกหนา”“ข้าขออภัยที่คิดเช่นนั้น”“ข้าเข้าใจเจ้า เจ้าจักเดินทางไปที่วัดใช่ฤาไม่”“เจ้าค่ะ ข้าอยากไปช่วยป้าน้อย”“จักมีหญิงสาวนามว่ากระถินมาหาเจ้า หากเจ้าอยากรู้สิ่งใดให้นึกถึงข้าในใจ ถึงข้าจักไปหาเจ้ามิได้ แต่ก็พอจักสื่อสารกับเจ้าได้”“เป็นคนที่ข้า
ชื่นชีวาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ทั้งกลิ่นธูปควันเทียนก็เริ่มขโมง เธอจึงต้องรีบพุ่งตัวเข้าไปหยุดสถานการณ์ตรงหน้าก่อน“ทุกคนกำลังบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลอยู่นะคะ หยุดจุดธูปกันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”“แต่พวกเราอยากถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเหมือนนังน้อยบ้างนี่นา จะเก็บเงินพวกเราก็ได้ แต่ขอให้เราได้ขอหวยจากต้นไม้นี้ก่อนได้ไหม หรือไม่ถ้าไม่ให้ขอหนูชมพูก็บอกหวยพวกเรามาสิ ได้ข่าวว่าคุยกับนางไม้ได้ไม่ใช่เหรอ”“ใช่/ใช่” เมื่อหัวโจกเอ่ยนำ เหล่าคนพื้นที่ที่มารวมตัวกันก็ว่าตาม“ไปกันใหญ่แล้วค่ะ ชมพูจะไปสื่อสารกับนางไม้ได้ยังไง ถ้าพวกป้าๆ ลุงๆ อยากจะมาขอหวยที่นี่ฉันก็มีข้อแม้ค่ะ”“ยังไงว่ามาเลย”ชื่นชีวาหันมามองหน้าชมชีวันที่อยู่อยู่ไกลๆ เพราะเธอก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หากจะไล่ผู้คนเหล่านี้ออกไปเลยก็คงจะทำได้ยาก ทว่าจะให้มาจุดธูปจุดเทียนก็กลัวกลิ่นธูปควันเทียนจะรบกวนลูกหอ หากเลวร้ายกว่านั้นก็อาจจะเกิดอัคคีภัยได้ เพราะใต้ต้นไม้ใหญ่ค่อนข้างมีใบไม้แห้งเยอะพอสมควร“บอกผู้คนเหล่านี้ว่าจักสื่อสารกับข้ามิต้องใช้ธูปเทียน ใช้เพียงใจที่บริสุทธิ์ คนที่จักให้ข้าช่วยต้องเป็นคนที่มีบุญบารมี แลมิใช่ทุ
“คุณคะ”วินาทีที่ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ากลับมามองเธอ ทำเอามนตรามัจฉาตัวชาวาบ เพราะคนตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาไม่ได้ต่างจากเธอแม้แต่น้อย วินาทีนั้นมนตรามัจฉารู้ได้ทันทีว่าตรงหน้าคือร่างกายของเธอในขณะที่มีขาทั้งสองนั่นเอง“นั่นตัวของฉันนี่” ชมชีวันเห็นตัวเองก็ยืนอ้าปากค้างไม่ต่างจากมนตรามัจฉา“นั่นร่างของฉันเหมือนกัน”“คุณคือมนตรามัจฉาใช่ไหม”“คุณคือคุณชมพูเหรอคะ”“ใช่ ฉันเอง ฉันกับคุณสลับร่างกันจริงๆ ด้วย เรามาหาวิธีสลับร่างคืนกันดีไหม” ชมชีวันรีบปรี่เข้ามายืนตรงหน้ามนตรามัจฉาด้วยความหวัง คิดว่าอาจจะถึงเวลาแล้วที่เธอและเงือกสาวจะได้กลับไปอยู่ในที่ที่ตัวเองจากมาเสียที“แต่ว่า ฉันต้องขอกลับไปลาท่านน้าก่อน แล้วเราค่อยมาสลับร่างกัน”“มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้นหรอกหนา”ทั้งสองมองหาต้นเสียง ไม่นานนักเจ้าของเสียงที่เป็นชายสูงวัยร่างสูงใหญ่สวมโจงกระเบนสีขาวก็ปรากฎตัวขึ้น “คุณเป็นใคร แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” ชมชีวันมองชายวัยกลางคนที่มีเรือนผมหยิกยาว ทั้งยังกระเซิงจนเหมือนไม่ได้เจอหวีมาหลายชาติ“ข้านามว่าตรีทศ ข้าเป็นผู้สร้างห้วงฝันนี้ขึ้นมาเอง ให้พวกเจ้าทั้งสองได้พบเจอกันอย่างใดเล่า”“ตรีทศ ครุฑที่ขโมยหัวใ