Beranda / วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 6 เหม็นมากกว่ากลิ่นก็ขี้หน้านายนี่แหละ

Share

ตอนที่ 6 เหม็นมากกว่ากลิ่นก็ขี้หน้านายนี่แหละ

Penulis: Glita
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-13 00:02:30

          ดวงจันทร์เริ่มคล้อยตกอย่างอ่อนแรงราวกับคนที่ทำงานหนักมาทั้งคืน ขอบฟ้าเริ่มทอแสงส้มสว่างอยู่ไกลตา สัญญาณของวันใหม่ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

          พนักงานของอมอร์ก็เริ่มแยกย้ายกันจะเกือบหมด บางคนไม่ได้ลูกค้าก็หน้าตาเหี่ยวแห้งไป เพราะเงินเดือนที่นี่ไม่ได้มากนัก หากอยากอยู่รอดให้ได้ต้องอาศัยทิปจากลูกค้าเท่านั้น

          ส่วนพวกที่ได้ลูกค้ามีบ้างที่นอนเมาแอ๋กลับไปไหวอยู่ที่ห้องพัก บางคนก็แอบนัดแนะไปต่อกับลูกค้า แม้กฎของบริษัทจะระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตามว่า การค้าประเวณีเป็นเรื่องต้องห้าม พนักงานทุกคนควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

          แต่แน่นอนว่าพนักงานหนุ่มแน่นทุกคนของที่นี่รู้ดีว่าใต้กฎมักมีดอกจันที่มองไม่เห็นแอบซ่อนอยู่เสมอ 

          คืนนี้มิวโดนไปหลายดื่ม ชายหนุ่มจำเป็นต้องใช้ร่างกายเพื่อต่อรองกับเงินซึ่งเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประสบการณ์และการฉอเลาะเท่านั้นที่ทำให้เขาเอาตัวรอดได้คืนต่อคืน โดยไม่ภาพตัดไปเสียก่อน

          รถยนต์จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่มิวยังไม่คิดจะครอบครอง ด้วยอาชีพที่ต้องมึนเมาเป็นอาจิณ การซื้อยานพาหนะก็คงไม่ต่างซื้อเหล็กมาตั้งไว้ให้ผุพัง มิหนำซ้ำยังก่อเกิดรายจ่ายที่ไม่เป็นสำหรับตัวเขาอีกด้วย

          หากไม่ใช่บริการรถสาธารณะก็อาศัยติดรถกลับไปกับเพื่อนพนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยินดีจะเป็นสารถีให้กับมิว อาจเพราะตำแหน่งสูงสุดที่ติดอยู่ข้างหลังเขา ดึงดูดผู้คนเข้าหาโดยตั้งใจ

          ด้วยสติที่ยังพอเหลืออยู่มิวตั้งใจจะแวะไปหาอาร์เต้ รุ่นน้องร่วมกลุ่มทรินิตี้แองเจิ้ลที่ไม่เจอหน้ากันเกือบอาทิตย์เห็นจะได้

          บรรดาสามตัวท็อปของพนักงานทุกคนในอมอร์ อาร์เต้คือคนที่อายุน้อยที่สุด เขาเข้ามาทำงานจากการชักชวนเป็นเอกพนักงานของร้าน

          หลังจากเสร็จพิธีรับปริญญาสามวัน อาร์เต้ก็เดินเข้ามาสมัครงานที่ร้านทันที จากนั้นไม่นานเขาก็ไต่ระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจด้วยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก บวกกับความอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่ม เลยทำให้ต้องตาต้องใจเหล่าลูกค้ากระเป๋าหนัก

          เกือบปีต่อมาอาร์เต้ก็เข้าสู่กลุ่มทรินิตี้แองเจิ้ลได้ โดยคนก่อนหน้านี้ลาออกไปเนื่องด้วยอาการเจ็บป่วย พนักงานบางคนเมาท์มอยกันว่าเขาติดโรคจากลูกค้า บางคนก็บอกว่าเขาแค่เหนื่อยจากการทำงาน เพราะวันสุดท้ายที่มาลาออกสภาพดูอิดโรย ขอบตาลึกโบ๋ จนจำความสวยงามก่อนหน้านั้นแทบไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดอาร์เต้ก็กลายเป็นน้องที่ทั้งมิวและเจษเอ็นดู

          ระหว่างนั่งแท็กซี่มิวก็คอยส่งข้อความหาอาร์เต้อยู่เรื่อยๆ เขาได้แต่หวังว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้น

          หลังลงจากรถมิวก็บึ่งขึ้นห้องของอาร์เต้ในทันที โชคดีที่พวกเขาสนิทกันมากพอจะมีคีย์การ์ดของกันและกัน

          ไม่นานนักมิวก็หยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดออดเรียกเจ้าของห้อง

          ชั่วลมหายใจเพียงขณะหนึ่งบานประตูก็แง้มออก ข้างในนั้นสลัวเสียจนเหมือนหลุดออกมากหนังสยองขวัญ กลิ่นอับเจือจางพวกพุ่งออกมาพร้อมกับสายลมที่พยายามหลบหนี

          แสงไฟจากโถงทางเดินเป็นเพียงแสงสว่างเดียวที่ทอดยาวเข้าไปในห้อง มิวพยายามเพ่งสายตาสู้กับความมืด

          ชายผู้หลบเร้นกายอยู่ในเงานั้นร่างสูงใหญ่จนมิวมั่นใจได้อย่างชัดเจนว่านั่นไม่ใช่อาร์เต้แน่นอน เด็กหนุ่มคนนั้เตี้ยกว่ามิวที่สูง 178 เซนติเมตรเพียงเล็กน้อย แต่คนตรงหน้านั้นสูงใหญ่กว่าเขาไปมาก

          “อาร์เต้อยู่ไหม?” เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูด มิวเลยถือคติเปิดก่อนได้เปรียบ 

          “นอนอยู่” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

          ถึงจะรู้ว่าอาร์เต้เป็นเด็กหนุ่มรักสนุกหอบหิ้วทั้งสาวสวยและหนุ่มหล่อมากหน้าหลายตาขึ้นห้องนอนอยู่บ่อย แต่ครั้งนี้มิวกลับรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก

          “ผมขอเข้าไปดูน้องมันหน่อยได้ไหม?” 

          ชายในเงาสลัวพยักหน้าพลางอ้าบานประตูให้กว้างออกพอจะให้มิวแทรกตัวผ่านเข้าไปได้

          ชั่วขณะที่มิวแทรกตัวผ่านชายร่างสูงใหญ่ เขาเหลือบเห็นรอยช้ำที่บริเวณจมูกสูงโด่ง จู่ๆเขาก็นึกสงสัยถึงที่มาของรอยนั้น ท้ายทอยของเขาก็ปวดตุบขึ้นมา

          ทันทีที่ขาก้าวเข้าสู่ห้องกลิ่นแปลกประหลาดก็ลอยเตะจมูกของมิวเข้าอย่างจัง จะว่าหอมก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะว่าเหม็นก็เชิง มันคล้ายกลิ่นยางจากไม้เข้มข้น หรือสารหอมระเหยอะไรสักอย่างที่ฉุน

          “ฉันดันเต้” ชายร่างโตแนะนำชื่ออย่างเป็นมิตร

          “ฉันมิว”

          การแจ้งชื่อทำให้ความตึงเครียดลดลงและเพิ่มความเป็นมิตร ถึงมิวจะไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่นัก ด้วยคิดว่าอีกเดี๋ยวชายตรงหน้าก็คงหายไปจากชีวิตอยู่ดี

          “ให้ฉันไปปลุกเขาให้ไหม?”

          “ไม่เป็นไร! ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา เขาไม่ได้แวะไปทำงานหลายวันแล้ว ก็เลยอยากแวะมาดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า”

          “เขาแค่เพลีย ไม่นานก็คงไปทำงานได้”

          “นายเป็นหมอหรือยังไง?”

          “เปล่า? แต่ผมอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้” ดันเต้หัวเราะราวกับพอใจ “เขาไม่เป็นอะไรหรอก นายจะไปดูด้วยตาก็ได้”

          การต้องคอยฉอเลาะใส่ลูกค้าทำให้มิวต้องคอยพูดตาชวนทะลึ่งตึงตังอยู่บ่อยครั้ง แต่การโดนพูดสองแง่สองง่ามใส่ตัวเองนั้น กลับทำให้มิวหงุดหงิดเล็กน้อย อันที่จริงเขารู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าของชายที่ชื่อดันเต้สักเท่าไหร่ ถึงแม้จะม่ได้เห็นหน้าอย่างชัดเจนก็ตาม

          มิวย่างเท้าอย่างระมัดระวังในความมืดตรงไปยังห้องนอนของอาร์เต้ เงาตะคุ่มข้างหลังทำให้เขานึกถึงฝันประหลาด ทั่วทั้งสันหลังเย็นวูบวาบ

          ถึงจะไม่ได้หันไปดูแต่มิวก็รู้ว่าคนข้างหลังจ้องเขาไม่วางตา เขาได้แต่เดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆไม่กล้ากลับไปมอง

          “อาร์เต้” มิวร้องเรียกเด็กหนุ่มผิวซีดเผือด “ไอ้เต้โว้ย!”

          มือเนียนละเอียดตบเบาๆลงใบหน้าที่หลับพริ้ม พลางขานชื่อไม่หยุดหย่อน แก้มที่ยังอุ่นและผิวหนังที่ยังยืดหยุ่นเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าเจ้าของร่างยังมีชีวิต

          “หือ?”เด็กหนุ่มเปิดเปลือกตาครึ่งหนึ่ง น้ำเสียงหนักอึ้งเสียจนฟังเกือบไม่ได้ศัพท์ 

          “ทำไมไม่ไปทำงาน?”

          ใบหน้าในเงามืดนั้นพร่าเบลอ แต่อาร์เต้ก็จำเสียงนี้ได้ “ผมง่วงๆเพลียๆครับ ไปทำงานไม่ไหว”

          “ไม่สบายหรือเปล่า?” มิวถามพลางยื่นหลังมือแตะหน้าผากของเด็กหนุ่ม

          “ไม่ครับ แค่ง่วง”

          “แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร” เพื่อความแน่ใจมิวใช้หลังมือแตะเข้าซอกคอของเด็กหนุ่มอีกรอบ

          ผิวหนังขาวสว่างของอาร์เต้ขับรอยช้ำให้เด่นชัด มิวเพ่งสายตามองรอยเหล่านั้นตามเนื้อตัวของเด็กหนุ่ม เขาพอเข้าใจความหมายของร่องรอยที่ถูกทิ้งเอาไว้นี้ดี เลยไม่อยากซักไซ้อะไรให้มากความ

          “โอเค! งั้นนอนพักต่อก็แล้วกัน” มิวรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆของเด็กหนุ่ม “ถ้าไหวแล้วไปทำงานด้วยล่ะ พี่เป็นเอกรอเด็ดปีกอยู่ถ้าไม่ไปทำงาน”

          “ครับๆ ผมไปวันนี้นี่แหละ”

          พูดจบอาร์เต้ก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันใหม่เรียกตัวเขาไป

          ธุระเร่งด่วนของมิวจบลงในเวลาอันสั้น เขามองหน้าเด็กหนุ่มท่าทางเหนื่อยหนักอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องนอน

          ชายร่างสูงใหญ่ยังคงยืนคอยอยู่หน้าประตูไม่ขยับ ชั่วครู่เขารู้สึกว่าดวงตาดำขลับนั้นเรืองรองเป็นสีทองในเงามืด ทว่าเมื่อกะพริบตาอยู่สองหรือสามครั้ง แสงสว่างนั้นก็เลือนหายไป

          “ฝากดูแลอาร์เต้หน่อยนะ”

          จู่ๆมิวก็รู้สึกไม่ถูกชะตาดันเต้แทนที่ควรจะกลัว อาจเพราะท่าทางหยิ่งยโส ไม่ก็เพราะกลิ่นแปลกๆที่เหมือนจะลอยออกมาจากตัวของเขา

          “ฉันก็บอกนายแล้วว่าเขาแค่เหนื่อย

          ชายทั้งสองกันโดยไร้ซึ่งคำล่ำลา อาจเพราะไม่ได้รู้สึกสนิทกันและไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก การยกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กน้อยก็พอเพียงแล้ว

          คล้อยหลังมิวไม่ทันไรบานประตูก็กลับไปปิดแนบสนิทอีกครั้ง ชายร่างยักษ์เดินตรงเข้าห้องนอนด้วยท่าทางสบายใจ ดวงตาสีเข้มเรืองรองเป็นประกายในความมืดจับจ้องยังร่างเด็กหนุ่มที่นอนไม่ไหวติง

          “จริงๆฉันก็ชอบนายนะ” เสียนุ่มทุ้มดังก้องกังวาน “แต่ฉันว่าฉันคงชอบเพื่อนของนายมากกว่า”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status