“โอ๊ะ ขอโทษนะ” เสียงแหบ ๆ นั้นปลุกเธอให้ตื่นจากความทรงจำเก่า ๆ เด็กหนุ่มผมแดงสวมเสื้อยืดเรียบ ๆ กับกางเกงยีนเก่า ๆ พยายามทรงตัว เขาถือเบียร์สองแก้ว “มันมืด...คือ”
“ไม่เป็นไร ๆ ไม่เจ็บหรอก” เธอบอก ปัดน้ำตาออกจากแก้ม
เขามองหน้าอเล็กซิสที่มีคราบน้ำตา แววตาบ่งบอกว่าเห็นใจ
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะนายชนหรอก อย่าคิดมาก” เธอบอก กะจะเดินออกจากสถานที่หลบภัยชั่วคราวแห่งนี้
“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ” เขาถามโดยไม่ยอมสบตา มันเป็นบุคลิกของเขาเอง ออสโล่ค่อนข้างขี้อาย
“ไม่เลย ทำไมนายมาคนเดียว คริสติน่าอยู่ไหนล่ะ” เธอถาม ออสโล่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิชาเลข และเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนเหมือนกัน
“ก็...ฉันมากับคริสติน่านั่นแหละ แต่คนที่เธอแอบชอบมาคุยกับเธอ ฉันก็เลย....” พวกเขายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ เขาจึงไม่ต้องอธิบายต่อ ออสโล่เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัด เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและใบหน้าตกกระ
“ฉันได้ยินมาว่าเธอสอบติดที่เดลฟี ยินดีด้วยนะ” เขาว่า
เพื่อนคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเดวี่และจูน ไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงมัน
“ขอบใจ แล้วนายล่ะ”
“ติดวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่อีสท์แลนด์”
“เจ๋งนะนั่นนะ” เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อนแต่ละคนต่างไล่ตามความฝัน ส่วนเธอหมกมุ่นอยู่กับปัญหาในใจตัวเอง หน้าของเดวี่ปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้งพอพวกเขาคุยกันเรื่องเรียนต่อ อเล็กซิสจำได้ว่าเดวี่เคยอยากเรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์หรือไม่ก็ธุรกิจ แต่เพราะถูกชวนให้ไปเล่นเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพกับสโมสรแห่งหนึ่งเสียก่อน เดวี่ดีใจมากและตัดสินใจเลือกสายนี้แทน อเล็กซิสยังจำภาพตัวเองกับจูนคอยเชียร์เขาตรงอัฒจันทร์ได้เป็นอย่างดี หลังจากจบการแข่งขันและโรงเรียนได้ถ้วยรางวัล เธอวิ่งลงสนามไปหาเขา แล้วพวกเขาก็จูบกันเพื่อฉลองให้กับชัยชนะเหมือนกับในหนัง
ยัยบ้า เลิกคิดถึงสองคนนั้นสักทีสิ!
เสียงดนตรีเงียบลงแต่เสียงคนยังดังอยู่ คงมีใครสักคนเล่นเกมท้าทายบางอย่างอยู่ข้างนอกแน่ ๆ
“พรุ่งนี้ ฉันคิดว่าคงเห็นชื่อเธอแน่ ๆ” ออสโล่เดา อเล็กซิสสั่นหัวอย่างถ่อมตัว แม้ลึก ๆ ยินดีกับคำพูดนั้นและดีใจที่เขาชวนคุยเรื่องนี้ต่อ หลังจากที่คุยกับเจสซี่เรื่องทุน ความมั่นใจในตัวดิ่งลงไปจนสุด แต่พอฟังออสโล่พูดแบบนี้ ความมั่นใจเลยกลับเพิ่มขึ้นมาอีก “ตอนที่สัมภาษณ์ฉันทำได้แย่มากเลย พวกเขาไม่สนใจฉันเลย” ออสโล่เล่า
“เหรอ แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ” เธอพยายามไม่พูดเรื่องตัวเองเพื่อให้เขารู้สึกแย่ เพราะตอนสัมภาษณ์ พวกกรรมการดูชอบเธอมาก บางที เธออาจจะยังมีโอกาส บางทีเจสซี่คิดผิด เธออาจจะได้ทุนก็ได้
“เออนี่ ฉันมาคนเดียวเหมือนกัน พวกเราเข้าไปในงานพร้อมกันไหม จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก” เธอชวนเพราะไม่อยากนั่งกับทีม เพราะพวกเธอจะต้องยกเรื่องเดวี่กับจูนมาพูดอีกแน่ ๆ อเล็กซิสตัดสินใจเลือกคุยแต่กับออสโล่ดีกว่า เพราะว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเหมือนกับคนอื่น และไม่ทำให้เธออึดอัด อเล็กซิสรู้ว่าเพื่อนทุกคนหวังดีกันทั้งนั้น แต่เธอแค่ไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับสองคนนั้นอีกแล้ว
“ดีสิ เอ้อ เอาเบียร์ไหม” เขายื่นแก้วเบียร์แก้วหนึ่งให้เธอ
“นายดื่มทีละสองแก้วตลอดเลยเหรอ”
“บ้าน่า ของคริสติน่า จนฉันเห็นเธอคุยกับ...”
“อ้อ เข้าใจแล้ว” อเล็กซิสรับไว้
พวกเขาเดินกลับไปยังสระว่ายน้ำ ทุกคนกำลังส่งเสียงเชียร์ปีเตอร์ เลย์ตัน ที่กำลังเดินบนน้ำอยู่ เวดนั่งอยู่บนเก้าอี้ไลฟ์การ์ดกำลังอัดวิดีโอ เห็นชัด ๆ ว่ามีแผ่นกระจกอยู่ใต้น้ำ
“เหมือนเขากำลังเดินอยู่บนน้ำจริง ๆ นะ” ใครสักคนว่า
“ใช่ไหมล่ะ พรุ่งนี้ทุกคนต้องฮือฮาแน่” เวดคาดการณ์ เขาดื่มจนหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้า
เห็นแผ่นกระจกชัดออกจะตาย พวกนายเมาหนักแล้วนะ
อเล็กซิสกับออสโล่ไม่ค่อยสนใจมายากลงี่เง่าเท่าไร
เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำ วินาทีนั้น อเล็กซิสตระหนักดีแล้วว่าเธอไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมงานปาร์ตี้ต่อไปจริง ๆ ในหัวของเธอมีแต่เรื่องเดวี่กับจูน เธอไม่ควรอยู่ในงานนี้ ทั้งที่ตัวเองยังไม่พร้อมจะทำอย่างอื่น มันเป็นเรื่องยากที่จะทำตัวเหมือนปกติ เธอต้องการเวลาในการสงบจิตใจ
“ขอโทษนะออสโล่ แต่ฉันคิดว่าฉันกลับดีกว่า” เธอบอกเพื่อน
“ได้ ให้ฉันไปส่งบ้านนะ” ดวงตาของเขาบ่งบอกว่าเข้าใจเป็นอย่างดี ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครพลาดข่าวเรื่องของเธอจริง ๆ
“นายใจดีมากเลยนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันเอาจักรยานมา ขอบคุณนะออสโล่ บายก่อนละกัน ตื่นเต้นจังเลย พรุ่งนี้จะประกาศผลแล้วนี่นา ภาวนาให้พวกเราได้นะ”
“อเล็กซ์ เธอดูไม่ตื่นเต้นเลย ฉันกำลังจะไปเหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกลับเป็นเพื่อน คริสติน่าไม่ต้องการฉันแล้วล่ะ” เขาพยักพเยิดไปทางเพื่อนสาว อเล็กซิสจึงเห็นว่าเธอกำลังหัวเราะร่วนอยู่กับคนที่แอบปิ๊ง เพียงแวบหนึ่งที่เธอจับสีหน้าของออสโล่ได้ทัน เขาค่อนข้างเจ็บปวดที่เห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ดวงตาสีน้ำตาลของเขาบ่งบอกว่าตัวเองคิดกับคริสติน่าเกินกว่าเพื่อน
ปัญหาเดียวกัน ปัญหาความรัก
ทั้งสองกำลังจะเดินออกจากงาน ทันใดนั้น เสียงไซเรนดังราวกับฟ้าผ่าทำลายความสนุกในงานปาร์ตี้ทันที ทุกคนหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง เวดเรียกคนรับใช้ทุกคนให้เอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดออกไป ออสโล่กับอเล็กซิสรีบวิ่งไปที่ประตูแต่สายไปเสียแล้ว พวกตำรวจล้อมคฤหาสน์ของเวดไว้หมดแล้ว ปฏิบัติการรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“แย่แน่ ๆ แม่เอาฉันตายแน่” ออสโล่รำพัน อเล็กซิสได้ยินเสียงเวดด่าใครก็ไม่รู้ที่บังอาจแจ้งตำรวจ
“ชะตากรรมพวกเราไม่ต่างกัน ให้ตายเถอะ ฉันต้องฟังพ่อกับพี่ชายบ่นทั้งวันแน่”
อเล็กซิสคิดว่าเธอกลับบ้านดึกแน่ ๆ และพ่อกับเจสซี่คงต้องมารับเธอที่สถานีตำรวจ เพราะพวกเขาต้องตรวจหาสารเสพติดก่อน เด็กสาวหามือถือของพ่อ แต่พบว่าตัวเองดันลืมเอามา
เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศผ่านโทรโข่งเสียงดังว่า “ขณะนี้พวกเธออยู่ภายใต้การจับกุม พวกเราจะพาพวกเธอไปที่สถานีตำรวจ อย่าขัดขืน”
อเล็กซิสเห็นเวดรีบรุดเข้าไปหาพวกเขา แม้หน้าจะยังแดง แต่สติยังคงดีอยู่ “ขอโทษนะครับ ให้ผมอธิบายหน่อยเถอะ พวกเราอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด เดี๋ยวคุยกับพ่อผมนะครับ”
เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสเห็นพ่อของเวดตัวจริง คุณมิลเลอร์เหมือนกับลูกชายราวกับแกะ แค่เป็นเวดที่ดูมีอายุมากขึ้น ผมสีบลอนด์ ตัวสูง และหล่อเหลา เขาวิ่งตรงไปยังนายตำรวจทั้งที่อยู่ในชุดนอน พยายามจะเจรจาแทนลูกชาย
“ไม่มีข้อโต้แย้งครับผม เด็กทุกคนต้องไปกับพวกเรา งานเลี้ยงเลิกราแล้ว เรามีหมายจับพิเศษ” เจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินกรมท่าทำหน้าตาย ประกาศว่าพวกเขามีสิทธิคุมตัววัยรุ่นทั้งหมดในที่นี้ “หมายจับภายใต้อำนาจกฎหมายรัฐบัญญัติ 2966 ครับ”
“อะไรนะ!” นายมิลเลอร์อึ้งจนพูดไม่ออก
ทุกคนยกมือขึ้นปิดปาก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกกฎหมายชิ้นนี้เล่นงานเข้า อย่างน้อยอาจเป็นเพื่อนบ้านรำคาญเสียงดังแล้วแจ้งตำรวจไม่ใช่หรือ
“หูฉันมีปัญหาหรือเปล่า ฉันได้ยินว่าพวกเขาพูดถึงรัฐบัญญัติ 2966” ออสโล่ถามย้ำ
อเล็กซิสพยักหน้า “หูของนายปกติดี”
แม้จะเป็นวันหนึ่งในฤดูร้อน แต่ลมในยามค่ำคืนนั้นเย็น อเล็กซิสถอนหายใจ นี่มันไม่เกี่ยวกับการตรวจหาสารเสพติดเสียแล้ว
เปล่า ไมเคิลแน่ใจว่าอเล็กซ์ไม่ได้รู้สึกแบบเขา อีกฝ่ายเข้าใจไปอีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะพูดกับอเล็กซิสเดี๋ยวนี้ บางที...มันอาจเป็นพลังของเธอ แต่ทำไมอเล็กซ์ไม่รู้สึก หรือเพราะเขายังไม่ได้สู้ เขายังไม่ได้ใช้พลัง แล้วพลังของอเล็กซิสเป็นแบบไหนกันแน่ เพิ่มพลังให้คนอื่นงั้นหรือ หรือปลดล็อกให้อีกฝ่ายรู้จักใช้พลังของตัวเอง“บรรยากาศไม่ดี” อาคุสะพูดขึ้น“กลับไปดูพวกเทสซ่าก่อนกันเถอะ” อเล็กซิสตบไหล่แฟนหนุ่มสองสามทีเพื่อให้เขาออกไปจากตัว “ถ้าพวกมันแห่ไปที่นั่น ทุกคนแย่แน่” ทั้งหมดพยักหน้า เด็กสาวกำลังจะขยับเท้าก็หันมาไมเคิล “ไว้อธิบายว่าเมื่อกี้นายทำอะไร” เธอยกมือตีหน้าผากตัวเองแต่ก่อนจะไปไหนได้ ทั้งหมดได้ยินเสียงกรีดร้อง...*****เทสซ่าไม่เคยยินดีเท่านี้มาก่อนที่ได้เจอพวกบลูในเวลานี้ เธอผล็อยหลับไปเมื่อไรไม่รู้ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที ก็มีมนุษย์รูปร่างคล้ายหุ่นยนต์สองตนตรงเข้ามา ทีแรกเธอคิดว่าพวกเขาต้องการจะสังหารฝ่ายต่อต้าน แต่ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขามาเพื่อลักพาตัวโคดี้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยังนอน
“หาเองสิวะ” เขาตะโกน ทว่าไม่ทันระวังเพราะมันดาปาอาวุธกลับมา เมื่อหันหน้ากลับไปก็เห็นรอยเท้าเต็มหน้ากระแทกเข้าที่หน้า ร่างของเขากระเด็นกระแทกกำแพงตึก ไมเคิลส่ายหัว มึนไปมันหมด อเล็กซิสวิ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวขึ้น“พวกมันไม่บอก อย่าเสียเวลา” เขาได้ยินดังนั้นคิ้วขมวดกันทันที เดี๋ยว... กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งหมดจำต้องรั้งพวกมันให้สู้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเทสซ่าแย่แน่ เขาไม่รู้ว่ามีกลุ่มอื่นตามหาโคดี้อีกหรือไม่ และถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกมันไป พอเห็นเขายืนได้ อเล็กซิสตัดสินใจค่อย ๆ เดินตรงไป มือยังยิงปืนไม่หยุด “เก็บไฟแช็ก” เธอสั่งเขา “ห้ามทำมันหายเด็ดขาด”“อย่าไป” เขาร้อง แต่เธอไม่ฟัง อเล็กซิสหยิบดาบของไมเคิลขึ้นมาอีกข้างแล้วโถมตัวใส่มันแล้วไมเคิลเห็นดังนั้นรีบตะครุบไฟแช็กแล้วจุดมันขึ้น“อเล็กซิส” เขาร้องเมื่อเห็นเธอบ้าบิ่นจะสู้กับมันตัวต่อตัว พลันร่างเธอก็กระเด็นล้มไปทางเรมีที่กำลังรับมือกับอีกตัวคู่กับอาคุสะ อเล็กซ์สบถอะไรบางอย่าง แล้วจัด
เฒ่าทรอยนอนฟุบลงกับพื้นจนหน้าคลุกไปกับหิมะสกปรกบนพื้น ไม่มีใครคิดช่วยให้เขาลุกขึ้นมา และถ้าใครทำแบบนั้น ไมเคิลจะเป็นคนกระชากคอออกมาเอง เด็กหนุ่มยืนพักหอบหายใจ กว่าจะพาทรอยออกมาได้ยากลำบาก หุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมให้กำจัดใครก็ตามที่อยู่ในสถานะเจ้าพนักงานของทอยซิตี้ ก่อนหน้านี้ เขาขอให้ฟีบี้รีเซตพวกมันใหม่เป็นหน่วยทหารแทน แต่เพราะเธอยืมพลังมาจากโคดี้ ประสิทธิภาพของมันไม่แน่ไม่นอน เมื่อเซตได้ตัวหนึ่งก็ต้องเซตตัวอื่น เธอไม่สามารถทำได้ทีเดียว พอทำงานซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวก็เริ่มหมดความอดทน ฟีบี้บอกว่าเธอไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อสานงานของโคดี้และเพื่อปกป้องพวกเราทุกคนต่างหาก ศูนย์กลางของทอยซิตี้คือ เดอะ วาล และถ้าหากเจาะเข้าไปยังศูนย์บัญชาการได้ พวกทหารจะแพ้ราบคาบ นั่นคือสิ่งที่เธอบอก แต่ไมเคิลเข้าใจว่ามันคือการคาดเดามากกว่า และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่มันมาจากลูไมเคิลเดินตรงไปแล้วดึงคอเสื้อทรอยขึ้นมาอีก คราวนี้เขาลากเข้าไปในตึกของเมลิสซ่า ที่พักเก่าของตนกับเรมี ตอนนี้แทบไม่มีใครอยู่ในตึกแล้ว ประชากรในเดอะ วาลบางส่วนที่ไม่อยากต่อสู้ก็อพยพไปยังเขตอื่น เนื่อง
ขณะนั้นริงโก้ตัดสินใจอุ้มเอมอนขึ้นมาคนเดียว เพียซจึงอุ้มเดสซิเรตามมา เบลินดาเห็นพวกเขาเดินตรงมาก็ลุกขึ้น เธอส่งขวดน้ำดื่มให้อย่างรู้งาน ระหว่างนั้นเพียซก็เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากประตูเปิด พวกเขาก็บุกเข้าไปข้างในเพื่อหาตัวเอมอนกับเดสซิเร ทั้งสองถูกจับสวมกุญแจมือ อาวุธโดนยึดหมด แต่เดสซิเรและเอมอนก็ทำให้กำลังพลภายในนั้นปั่นป่วนไปมาก พวกเขาเจอศพทหารหลายราย คงเป็นฝีมือของทั้งสอง ตอนไปถึง หญิงสาวยังพอมีสติจึงเล่าว่า ทั้งคู่พยายามหาห้องควบคุม แต่ภายในมีระบบเชื่อมต่อกับชุดสูทที่เอมอนสวม เพียงย่างก้าวไปในส่วนที่เป็นสำนักงาน หน้ากากจึงถูกปลดออกอัตโนมัติ ทั้งสองจึงต้องสู้และพยายามจะออกมา ทว่าก็สู้จำนวนคนและอาวุธไม่ได้ จากนั้นจึงถูกจับทรมาน อาจเป็นโชคดีในโชคร้ายของเดสซิเรที่ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้ว บวกกับพลังพิเศษที่ทำให้พวกนั้นไม่อาจสัมผัสหรือเข้าใกล้ได้มากนัก ส่วนเอมอนนั้นแย่หน่อยเพราะพอรู้แผนของลูคร่าว ๆ แต่ไม่ได้ปริปากออกไปเลย ดังนั้นเขาจึงโดนซ้อมหนักที่สุด“แล้ว...ทำไมพวกเธอมานั่งอยู่ตรงนี้” โอลิแวนถาม “พวกอเล็กซิสล่ะ ฉันได้ยินกว่าทั้งกลุ่มเข้าไปในเขตเธอไม่ใช่หร
ไมเคิลสบตากับเรมี อีกครั้งที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเธอวางแผนอะไรกัน“ฉันต้องการคำอธิบาย ตั้งแต่เช้า พวกเราวุ่นจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังไม่นับเรื่องที่พวกเธอทำโดยไม่บอกก่อน”ฟีบี้กลอกตา เธอไม่ได้มีท่าทีสำนึกหรืออ่อนข้อลงแบบเทสซ่า แต่กลับยักไหล่ไม่สนใจ แม้บุคลิกหญิงสาวจะเป็นแบบนี้ และปกติก็ไม่มีใครถือสา (ยกเว้นเทสซ่า) แต่เวลานี้ เขาอดฉุนไม่ได้“ทำไมฉันต้องบอกพวกนายด้วย โต ๆ กันแล้ว อีกอย่างก็ใช่ว่าฉันจะรู้ก่อนหน้าอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพราะโคดี้ ฉันก็อาจจะนั่งทำหน้าโง่เหมือนพวกนายนี่แหละ” อาคุสะทำเสียงจุ๊ ๆ แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามเรื่องคำพูด เธอยักคอไปมาอย่างกวนประสาท “เฮ้อ เอาเป็นว่าตอนนี้โคดี้ต้องพัก ส่วนฉันก็ยืมพลังเขามาใช้ จะพยายามเปิดไอ้ประตูยักษ์นั่น” พูดจบก็ถูมือ“ฟีบี้...” อเล็กซิสพูดขึ้น “ฉันเดินผ่านศูนย์อนามัย...เห็นศพพยาบาลเต็มไปหมด ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ไม่ใช่ทหารอีก...”หญิงสาวเงียบไปเมื่อเจอคำถามนี้ เทสซ่าก็เม้มปากแน่น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้า
11:45 PM หน้าประตูเขตเครสเตอร์ - เดอะ วาลกระแสไฟฟ้าแผ่กระจายเป็นวงกว้าง มันส่งแรงต้านผลักก้อนคอนกรีตชิ้นโตหล่นกลับลงมบนพื้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไมเคิลทึ่งที่โคดี้สามารถป้อนชุดคำสั่งพิลึกพิลั่นให้กับหุ่นพิฆาต หรืออันที่จริงคือ ใครจะคิดว่าเขาจะป้อนคำสั่งแบบนั้นในเวลารีบเร่งเช่นนี้ ทุกครึ่งชั่วโมงจะมีหุ่นสองสามตัวเดินกลับมาปาก้อนหินหนักขึ้นไป กำแพงกั้นเขตแน่นหนาจนแม้แต่พวกมันข้ามไปไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้เช็กดูว่าระบบรักษาความปลอดภัยของทอยซิตี้สั่นคลอนแล้วหรือยัง จะว่าเป็นเพราะระบบถูกออกแบบมาดีก็ว่าได้ ถ้าหากไม่ใช้เพราะโคดี้มีพลังพิเศษ ไมเคิลไม่เห็นหนทางเลยว่าพวกเขาจะออกไปได้ ต่อให้เครสเตอร์และนอร์ธพังทลายเพียงใด มันก็ยังไม่ลามไปถึงอีกฝั่งที่ถือว่าเป็นศูนย์กลาง และเมื่อนั้น ถ้าหากพวกเขาจะล้างศัตรู ก็อาจปล่อยระเบิดลงมาลูกเดียว แบบที่เคยเกือบล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปเมื่อหลายพันปีก่อนยุคก่อนหายนะ...พี่สาวฝาแฝดเคยเล่าให้เขาฟังเข้าเที่ยงคืนกว่าแล้วหรือ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น อเล็กซิสจะกินอะไรแล้วหรือยัง เขานั่งนับวันแล้วเหงื่อตก พวกเขาทำปฏิทินเช็กความถี่ว่าอะวีซีจะออกฤ