เมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง พวกเราจะสั่งสอนเจ้าเดวี่ให้ แล้วเราจะส่งคืนตัวเขากลับมาให้ถึงมือเธอเลยนะ”
เธอรู้ว่าพวกเขาพยายามจะให้กำลังใจ แต่อเล็กซิสก็อดรู้สึกอายไม่ได้ที่พวกเขาพูดเหมือนกับว่าทั้งสองจะกลับมาคบกันได้อีก
ขณะเดียวกัน เมื่อเธอเจอกับเพื่อนคนอื่น ๆ อเล็กซิสพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเดวี่ไม่มา เอโลดี้น่าจะประกาศเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนในเมืองรู้กันถ้วนหน้า เพราะเมื่อเธอเจอกับทีมนักบาสของตัวเอง สาว ๆ พร้อมใจกันพูดด่าเดวี่ “หมอนั่นมันไอ้งั่งชัด ๆ อเล็กซ์ เธอจะหาแฟนที่ดีกว่านี้ได้แน่นอน”
ยังมีทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่ทุกคนเปรียบเสมือนกับลูกน้องของเอโลดี้ ตะโกนด่าจูนให้เธอฟังอย่างออกรส “อย่าสนใจยัยสารเลวนั่นเลย! ถ้าเราเจอยัยนั่น เราจะจัดการให้เธอเอง”
ปกติแล้ว เวลาผู้หญิงอารมณ์เดือดดาลก็มักจะน่ากลัวกว่าเวลาปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเธอพร้อมใจกันเกลียดคนคนเดียวกัน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็ไม่ต่างไปจากไฟป่าที่ลุกโหม
อเล็กซิสรู้ว่าชื่อเสียงของจูนมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ จูนมีลักษณะของผู้หญิงที่ผู้ชายชอบ แต่ผู้หญิงหมั่นไส้ เธอแทบไม่เคยเหยียบย่างเท้าในงานปาร์ตี้ของคนอื่นนอกจากของตัวเอง และจูนยังไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยนอกจากอเล็กซิส หรือแม้แต่พวกเด็กผู้ชายที่ชื่นชอบเธอ จูนก็มองเห็นพวกเขาเป็นเพียงแค่ ‘แฟนคลับ’ เท่านั้น พอได้ยินเพื่อน ๆ พูดไม่ดีกับจูน ความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจอเล็กซิสอยู่ลึก ๆ ถ้อยคำที่จูนกล่าวโทษเธอติดอยู่ในหัว ว่าเธอทิ้งเพื่อนเพื่อไปคบหาแต่กับเอโลดี้ อเล็กซิสรู้ว่าคนอื่นพูดถึงจูนอย่างไร เธอคิดเพียงแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอต้องยื่นมือเข้าไปขัด เพราะอเล็กซิสคิดว่าตัวเองรู้ดีว่าจูนไม่ใช่แบบนั้นและคนอื่นก็คือเพื่อนของเธอเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงวางตัวเฉย แต่จูนคงไม่คิดเช่นนั้น แล้วยิ่งอเล็กซิสคบหากับเอโลดี้อีก จูนคงหวังว่า
อเล็กซิสจะออกโรงปกป้องตัวเองมากกว่าอยู่นิ่ง อเล็กซิสไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งจูน แต่ถึงกระนั้น ความเพิกเฉยของเธอก็ทำร้ายจูนอยู่ดี และมันก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ว่าฉันจะตั้งใจหรือไม่ เธอก็ไม่สิทธิมานอนกับเขาอยู่ดี อเล็กซิสเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ
อเล็กซิสพยายามสลัดความคิดเหล่านั้นให้ออกไปจากหัว มันเป็นเรื่องเก่าแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาเรียนปีสุดท้ายแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง หลายคนต้องไปเรียนที่ไกล ๆ เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างอเล็กซิสคงไม่จำเป็นสำหรับจูนอีกแล้ว เมื่อเธอสามารถสร้างกลุ่มเพื่อนใหม่ได้เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย
ตั้งแต่ชั่วโมงแรก หลายคนต่างเข้ามาถามถึงเหตุการณ์ที่ดังกล่าว บางคนอยากรู้มากจนถึงกับลืมมารยาทขอให้เธอเล่าทุกรายละเอียดเพื่อเอาไปเม้าท์ต่อ บางคนเข้ามาคุยเพราะเห็นใจและอยากให้กำลังใจจริง ๆ จนกระทั่ง เวดชวนเธอให้กระโดดลงสระว่ายน้ำ ไม่ต้องเดาเลย เธอตอบว่า “ไม่” แต่เขาก็พยายามลากเธอลงไปให้ได้ ระหว่างยื้อยุดฉุดกระชาก อเล็กซิสเลยเผลอเตะก้นเจ้าของงาน เขาตกลงไปในสระน้ำเสียงดังตูมใหญ่
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง เวดขึ้นจากน้ำ ตาจ้องอเล็กซิสเขม็ง โชคดีที่เพื่อนของเวดดึงความสนใจด้วยการกระโดดลงมาจากหลังคา คนอื่นเลยอยากลองกระโดดจากตรงนั้นลงมาบ้าง
“โทษที ก็นายจะลากฉันลงไปนี่นา”
เขาพยักหน้าหงึก ๆ แล้วสะบัดน้ำบนหัวใส่เธอ ก่อนจะบอกว่า “ฉันกับเอดี้อยากให้เธอสนุกไปกับงานนะ พวกเราอยากเห็นอเล็กซ์คนเก่าที่ยิ้มแย้ม หัวเราะ ทำตัวบ้าบอ อะไรแบบนั้น”
ลมหายใจของเวดมีกลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้ง หรืออาจจะกลิ่นสารเสพติดสักอย่างปนมาด้วย เวดอาจจะดูสูงใหญ่แต่เขาไม่ใช่พวกหนุ่มกล้ามโตไร้สมอง พอแอลกอฮอล์คงออกฤทธิ์ เขาลืมตัวสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด
“คืองี้นะ ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่เอดี้แกล้งไม่มา มันเป็นแผนของเอดี้ที่จะช่วยฉันเอง เดฟทำตัวของเขาเองใช่ไหมล่ะ ใช่ พวกเราเป็นเพื่อนกัน แต่เขาจะห้ามฉันไม่ให้ทำในสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ไม่ได้หรอก ฉันอยากให้เธอมีความสุขกับคนใหม่ที่ดีกว่า และคนคนนั้นควรเป็นฉัน”
อเล็กซิสรู้ทันเพื่อนตัวเองตั้งแต่ทีแรกที่รู้ว่าเอโลดี้จงใจทิ้งเธอให้มาในงานคนเดียวแล้ว เอโลดี้ต้องการให้เธอกับเวดหันมาคบกัน อเล็กซิสเหมือนได้ยินเสียงความคิดของเพื่อนดังมาแต่ไกล “หนุ่มฮอต แถมยังเป็นกัปตันทีม เดวี่จะได้เรียนรู้ไว้ซะ ว่าเขาสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดไปแล้ว!”อเล็กซิสรู้ว่าเวดชอบเธอก่อนที่เธอกับเดวี่จะคบกันเสียอีก เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สังคมเมืองซานโบซ่านั้นเล็กจะตาย ถ้าเกิดคุณเผลอเผยความลับให้กับใครสักคน คนอื่นก็จะรู้ด้วยเหมือนกัน
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอเอดี้ ผู้ชายคนใหม่ไม่ได้สามารถเยียวยาอาการอกหักได้ทุกคนหรอกนะ ฉันคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องนี้ดีเสียอีก
เวดหน้าแดงและเพราะเขากำลังเมา อเล็กซิสจึงทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ เพราะพอเดี๋ยวเขาสร่างเมา เขาก็ลืมอยู่ดี เธอจึงตัดสินใจผละออกไปจากตรงนั้นดีกว่า
“อ้าว เธอจะไปไหน ฉันพูดอยู่นะ”
“เข้าห้องน้ำ นายอยู่นี่แหละ ฉันไปคนเดียวได้” เธอตะโกนกลับมา
อเล็กซิสเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์ ปะเข้ากับคู่รักบางคู่ที่กำลังแลกลิ้นกันในทุก ๆ ที่ที่เธอเดินผ่าน แขกบางคนอาศัยจังหวะนี้หลบออกมาจากผู้คนเพื่อหามุมส่วนตัวสำหรับกิจกรรมถึงเนื้อถึงตัว พวกเขาจะสิงอยู่ในห้องครัว ห้องน้ำ ริมระเบียง ใต้บันได หลังตู้เคาน์เตอร์ และที่อื่น ๆ อเล็กซิสจำต้องรีบออกมาจากห้องน้ำทันทีเมื่อเปิดเข้าไปพบกับคู่รักอีกคู่ที่กำลังจับจองพื้นที่ไว้สำหรับกิจกรรมเข้าจังหวะ
พ่อแม่ของนายคงขังตัวเองไว้ในห้องนอนแน่ ๆ เวด อเล็กซิสคิดเมื่อไม่พบเงาของคุณและคุณนายมิลเลอร์เลย และคงเป็นเพราะว่า คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่พอที่จะช่วยให้พวกผู้ใหญ่มีพื้นที่ส่วนตัว หลบหลีกความวุ่นวายต่าง ๆ ระหว่างที่ลูกชายกำลังจัดงานรื่นเริงก็เป็นได้
อเล็กซิสจึงเดินออกมาอยู่ในสวนตามลำพัง เสียงเพลงรอบตัวบ้านดังราวกับมีมินิคอนเสิร์ตจัดอยู่ภายใน ทว่าท่ามกลางคู่รักและเสียงอึกทึกครึกโครม อเล็กซิสต้องการความสงบเพื่อทบทวนตัวเอง ปกติเธอไม่ใช่คนเก็บตัว เธอเคยสนุกกับงานปาร์ตี้ เต้นรำ แล้วก็ทำตัวเฮฮาครื้นเครงเหมือนคนอื่น แต่ตอนนั้นเธอยังไม่ได้อกหักยับเยินแบบนี้ ที่สำคัญ เมื่อสองเดือนก่อน ในสวนคฤหาสน์
มิลเลอร์ อเล็กซิสกับเดวี่ก็ไม่ต่างจากคู่รักที่เธอพบเห็นเมื่อครู่เลย ทั้งสองเลือกหาที่เงียบ ๆ กันสองคน เพราะไอ้ดวงตาสีฮาเซลของเขาแท้ ๆ มันมีอำนาจดึงดูดให้อเล็กซิสมองแต่เขาคนเดียว แล้วจากนั้นริมฝีปากของเขาก็ประทับลงริมฝีปากของเธอ อเล็กซิสรับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ สัมผัสที่แสนอ่อนโยน รวมทั้งกลิ่นโคโลญของเดวี่ เธอไม่สามารถหยุดคิดถึงเวลาดังกล่าวได้ และทุกครั้งที่เธอคิดถึงเขา ใบหน้างดงามของจูนจะโผล่ขึ้นมา หัวใจของเธอจะเริ่มบีบตัวอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ยังคงเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายใน เธอเกลียดที่เธอไม่มีทางลืมมันได้ ทั้งจูบและเรื่องที่พวกเขาทำกับเธอ ทุกช่วงเวลาที่พวกเขาสร้างมันมาด้วยกันยังชัดเจนอยู่ในหัวราวกับเธอกำลังนั่งมองอยู่อเล็กซิสสงสัยว่าเธอทำอะไรผิดมากหรือ เพียงแค่อยากมีความรักแบบที่พ่อแม่ของเธอมีให้กันและกันบ้าง
จากนั้นใครคนหนึ่งชนเธอเข้าอย่างจัง
“ตอนเรียน ฉันกับเพื่อนก็เถียงกันนะว่ามันอยู่ในสสารไหน พลาสม่าหรือก๊าซ แต่ที่แน่ ๆ ในเมื่อนายสร้างมันเองได้ เป็นไปได้ว่าพลังของนายอาจไม่ใช่ควบคุมไฟหรือความร้อน อาจจะมากกว่านั้น” เร็กกี้ตั้งข้อสังเกต อเล็กซิสชอบเวลาเขาพูด ริมฝีปากของเร็กกี้อวบอิ่มดูเซ็กซี่ ยิ่งผิวสีแทนเข้มไหล่หนา...จะว่าไป เธอเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนิยาย เพราะผู้คนรอบข้างหน้าตาดีกันทั้งนั้น“นี่”ไมเคิลปลุกสติแล้วลากเธอให้มานั่งในห้องครัวพร้อมกับเรมี อาคุสะ และเร็กกี้ ทีแรกเขาปรึกษาเพื่อนสองคนที่ดูจะมีหัวสมองทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด แต่ทั้งสองกลับแนะนำเร็กกี้ และก็ไม่ผิดหวัง ไมเคิลฟังหนุ่มผิวแทนพูดแล้วก็แบมืออีกครั้ง ไฟปรากฏขึ้นแล้วดับไป อาคุสะเห็นดังนั้นจึงลุกไปรินน้ำใส่แก้ว แล้ววางลงบนโต๊ะ เมื่อไมเคิลอังมือใกล้ ๆ น้ำเดือดจนมีไอขึ้นมา“ทีแรกฉันเข้าใจว่าเป็น...เอ่อ เกี่ยวกับความร้อน คือ...ฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้ดีเท่าไรนะ แค่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรได้ มันเป็นสัญชาตญาณน่ะ ดังนั้นขอใช้ภาษาชาวบ้านเลยละกัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันควบคุมความร้อน ตอนสู้กับไซบอร์กในทอยซิตี้ นายจำได้
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ