เมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง พวกเราจะสั่งสอนเจ้าเดวี่ให้ แล้วเราจะส่งคืนตัวเขากลับมาให้ถึงมือเธอเลยนะ”
เธอรู้ว่าพวกเขาพยายามจะให้กำลังใจ แต่อเล็กซิสก็อดรู้สึกอายไม่ได้ที่พวกเขาพูดเหมือนกับว่าทั้งสองจะกลับมาคบกันได้อีก
ขณะเดียวกัน เมื่อเธอเจอกับเพื่อนคนอื่น ๆ อเล็กซิสพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเดวี่ไม่มา เอโลดี้น่าจะประกาศเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนในเมืองรู้กันถ้วนหน้า เพราะเมื่อเธอเจอกับทีมนักบาสของตัวเอง สาว ๆ พร้อมใจกันพูดด่าเดวี่ “หมอนั่นมันไอ้งั่งชัด ๆ อเล็กซ์ เธอจะหาแฟนที่ดีกว่านี้ได้แน่นอน”
ยังมีทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่ทุกคนเปรียบเสมือนกับลูกน้องของเอโลดี้ ตะโกนด่าจูนให้เธอฟังอย่างออกรส “อย่าสนใจยัยสารเลวนั่นเลย! ถ้าเราเจอยัยนั่น เราจะจัดการให้เธอเอง”
ปกติแล้ว เวลาผู้หญิงอารมณ์เดือดดาลก็มักจะน่ากลัวกว่าเวลาปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเธอพร้อมใจกันเกลียดคนคนเดียวกัน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็ไม่ต่างไปจากไฟป่าที่ลุกโหม
อเล็กซิสรู้ว่าชื่อเสียงของจูนมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ จูนมีลักษณะของผู้หญิงที่ผู้ชายชอบ แต่ผู้หญิงหมั่นไส้ เธอแทบไม่เคยเหยียบย่างเท้าในงานปาร์ตี้ของคนอื่นนอกจากของตัวเอง และจูนยังไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยนอกจากอเล็กซิส หรือแม้แต่พวกเด็กผู้ชายที่ชื่นชอบเธอ จูนก็มองเห็นพวกเขาเป็นเพียงแค่ ‘แฟนคลับ’ เท่านั้น พอได้ยินเพื่อน ๆ พูดไม่ดีกับจูน ความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจอเล็กซิสอยู่ลึก ๆ ถ้อยคำที่จูนกล่าวโทษเธอติดอยู่ในหัว ว่าเธอทิ้งเพื่อนเพื่อไปคบหาแต่กับเอโลดี้ อเล็กซิสรู้ว่าคนอื่นพูดถึงจูนอย่างไร เธอคิดเพียงแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอต้องยื่นมือเข้าไปขัด เพราะอเล็กซิสคิดว่าตัวเองรู้ดีว่าจูนไม่ใช่แบบนั้นและคนอื่นก็คือเพื่อนของเธอเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงวางตัวเฉย แต่จูนคงไม่คิดเช่นนั้น แล้วยิ่งอเล็กซิสคบหากับเอโลดี้อีก จูนคงหวังว่า
อเล็กซิสจะออกโรงปกป้องตัวเองมากกว่าอยู่นิ่ง อเล็กซิสไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งจูน แต่ถึงกระนั้น ความเพิกเฉยของเธอก็ทำร้ายจูนอยู่ดี และมันก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ว่าฉันจะตั้งใจหรือไม่ เธอก็ไม่สิทธิมานอนกับเขาอยู่ดี อเล็กซิสเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ
อเล็กซิสพยายามสลัดความคิดเหล่านั้นให้ออกไปจากหัว มันเป็นเรื่องเก่าแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาเรียนปีสุดท้ายแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง หลายคนต้องไปเรียนที่ไกล ๆ เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างอเล็กซิสคงไม่จำเป็นสำหรับจูนอีกแล้ว เมื่อเธอสามารถสร้างกลุ่มเพื่อนใหม่ได้เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย
ตั้งแต่ชั่วโมงแรก หลายคนต่างเข้ามาถามถึงเหตุการณ์ที่ดังกล่าว บางคนอยากรู้มากจนถึงกับลืมมารยาทขอให้เธอเล่าทุกรายละเอียดเพื่อเอาไปเม้าท์ต่อ บางคนเข้ามาคุยเพราะเห็นใจและอยากให้กำลังใจจริง ๆ จนกระทั่ง เวดชวนเธอให้กระโดดลงสระว่ายน้ำ ไม่ต้องเดาเลย เธอตอบว่า “ไม่” แต่เขาก็พยายามลากเธอลงไปให้ได้ ระหว่างยื้อยุดฉุดกระชาก อเล็กซิสเลยเผลอเตะก้นเจ้าของงาน เขาตกลงไปในสระน้ำเสียงดังตูมใหญ่
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง เวดขึ้นจากน้ำ ตาจ้องอเล็กซิสเขม็ง โชคดีที่เพื่อนของเวดดึงความสนใจด้วยการกระโดดลงมาจากหลังคา คนอื่นเลยอยากลองกระโดดจากตรงนั้นลงมาบ้าง
“โทษที ก็นายจะลากฉันลงไปนี่นา”
เขาพยักหน้าหงึก ๆ แล้วสะบัดน้ำบนหัวใส่เธอ ก่อนจะบอกว่า “ฉันกับเอดี้อยากให้เธอสนุกไปกับงานนะ พวกเราอยากเห็นอเล็กซ์คนเก่าที่ยิ้มแย้ม หัวเราะ ทำตัวบ้าบอ อะไรแบบนั้น”
ลมหายใจของเวดมีกลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้ง หรืออาจจะกลิ่นสารเสพติดสักอย่างปนมาด้วย เวดอาจจะดูสูงใหญ่แต่เขาไม่ใช่พวกหนุ่มกล้ามโตไร้สมอง พอแอลกอฮอล์คงออกฤทธิ์ เขาลืมตัวสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด
“คืองี้นะ ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่เอดี้แกล้งไม่มา มันเป็นแผนของเอดี้ที่จะช่วยฉันเอง เดฟทำตัวของเขาเองใช่ไหมล่ะ ใช่ พวกเราเป็นเพื่อนกัน แต่เขาจะห้ามฉันไม่ให้ทำในสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ไม่ได้หรอก ฉันอยากให้เธอมีความสุขกับคนใหม่ที่ดีกว่า และคนคนนั้นควรเป็นฉัน”
อเล็กซิสรู้ทันเพื่อนตัวเองตั้งแต่ทีแรกที่รู้ว่าเอโลดี้จงใจทิ้งเธอให้มาในงานคนเดียวแล้ว เอโลดี้ต้องการให้เธอกับเวดหันมาคบกัน อเล็กซิสเหมือนได้ยินเสียงความคิดของเพื่อนดังมาแต่ไกล “หนุ่มฮอต แถมยังเป็นกัปตันทีม เดวี่จะได้เรียนรู้ไว้ซะ ว่าเขาสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดไปแล้ว!”อเล็กซิสรู้ว่าเวดชอบเธอก่อนที่เธอกับเดวี่จะคบกันเสียอีก เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สังคมเมืองซานโบซ่านั้นเล็กจะตาย ถ้าเกิดคุณเผลอเผยความลับให้กับใครสักคน คนอื่นก็จะรู้ด้วยเหมือนกัน
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอเอดี้ ผู้ชายคนใหม่ไม่ได้สามารถเยียวยาอาการอกหักได้ทุกคนหรอกนะ ฉันคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องนี้ดีเสียอีก
เวดหน้าแดงและเพราะเขากำลังเมา อเล็กซิสจึงทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ เพราะพอเดี๋ยวเขาสร่างเมา เขาก็ลืมอยู่ดี เธอจึงตัดสินใจผละออกไปจากตรงนั้นดีกว่า
“อ้าว เธอจะไปไหน ฉันพูดอยู่นะ”
“เข้าห้องน้ำ นายอยู่นี่แหละ ฉันไปคนเดียวได้” เธอตะโกนกลับมา
อเล็กซิสเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์ ปะเข้ากับคู่รักบางคู่ที่กำลังแลกลิ้นกันในทุก ๆ ที่ที่เธอเดินผ่าน แขกบางคนอาศัยจังหวะนี้หลบออกมาจากผู้คนเพื่อหามุมส่วนตัวสำหรับกิจกรรมถึงเนื้อถึงตัว พวกเขาจะสิงอยู่ในห้องครัว ห้องน้ำ ริมระเบียง ใต้บันได หลังตู้เคาน์เตอร์ และที่อื่น ๆ อเล็กซิสจำต้องรีบออกมาจากห้องน้ำทันทีเมื่อเปิดเข้าไปพบกับคู่รักอีกคู่ที่กำลังจับจองพื้นที่ไว้สำหรับกิจกรรมเข้าจังหวะ
พ่อแม่ของนายคงขังตัวเองไว้ในห้องนอนแน่ ๆ เวด อเล็กซิสคิดเมื่อไม่พบเงาของคุณและคุณนายมิลเลอร์เลย และคงเป็นเพราะว่า คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่พอที่จะช่วยให้พวกผู้ใหญ่มีพื้นที่ส่วนตัว หลบหลีกความวุ่นวายต่าง ๆ ระหว่างที่ลูกชายกำลังจัดงานรื่นเริงก็เป็นได้
อเล็กซิสจึงเดินออกมาอยู่ในสวนตามลำพัง เสียงเพลงรอบตัวบ้านดังราวกับมีมินิคอนเสิร์ตจัดอยู่ภายใน ทว่าท่ามกลางคู่รักและเสียงอึกทึกครึกโครม อเล็กซิสต้องการความสงบเพื่อทบทวนตัวเอง ปกติเธอไม่ใช่คนเก็บตัว เธอเคยสนุกกับงานปาร์ตี้ เต้นรำ แล้วก็ทำตัวเฮฮาครื้นเครงเหมือนคนอื่น แต่ตอนนั้นเธอยังไม่ได้อกหักยับเยินแบบนี้ ที่สำคัญ เมื่อสองเดือนก่อน ในสวนคฤหาสน์
มิลเลอร์ อเล็กซิสกับเดวี่ก็ไม่ต่างจากคู่รักที่เธอพบเห็นเมื่อครู่เลย ทั้งสองเลือกหาที่เงียบ ๆ กันสองคน เพราะไอ้ดวงตาสีฮาเซลของเขาแท้ ๆ มันมีอำนาจดึงดูดให้อเล็กซิสมองแต่เขาคนเดียว แล้วจากนั้นริมฝีปากของเขาก็ประทับลงริมฝีปากของเธอ อเล็กซิสรับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ สัมผัสที่แสนอ่อนโยน รวมทั้งกลิ่นโคโลญของเดวี่ เธอไม่สามารถหยุดคิดถึงเวลาดังกล่าวได้ และทุกครั้งที่เธอคิดถึงเขา ใบหน้างดงามของจูนจะโผล่ขึ้นมา หัวใจของเธอจะเริ่มบีบตัวอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ยังคงเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายใน เธอเกลียดที่เธอไม่มีทางลืมมันได้ ทั้งจูบและเรื่องที่พวกเขาทำกับเธอ ทุกช่วงเวลาที่พวกเขาสร้างมันมาด้วยกันยังชัดเจนอยู่ในหัวราวกับเธอกำลังนั่งมองอยู่อเล็กซิสสงสัยว่าเธอทำอะไรผิดมากหรือ เพียงแค่อยากมีความรักแบบที่พ่อแม่ของเธอมีให้กันและกันบ้าง
จากนั้นใครคนหนึ่งชนเธอเข้าอย่างจัง
“โอ๊ะ ขอโทษนะ” เสียงแหบ ๆ นั้นปลุกเธอให้ตื่นจากความทรงจำเก่า ๆ เด็กหนุ่มผมแดงสวมเสื้อยืดเรียบ ๆ กับกางเกงยีนเก่า ๆ พยายามทรงตัว เขาถือเบียร์สองแก้ว “มันมืด...คือ”“ไม่เป็นไร ๆ ไม่เจ็บหรอก” เธอบอก ปัดน้ำตาออกจากแก้มเขามองหน้าอเล็กซิสที่มีคราบน้ำตา แววตาบ่งบอกว่าเห็นใจ“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะนายชนหรอก อย่าคิดมาก” เธอบอก กะจะเดินออกจากสถานที่หลบภัยชั่วคราวแห่งนี้“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ” เขาถามโดยไม่ยอมสบตา มันเป็นบุคลิกของเขาเอง ออสโล่ค่อนข้างขี้อาย“ไม่เลย ทำไมนายมาคนเดียว คริสติน่าอยู่ไหนล่ะ” เธอถาม ออสโล่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิชาเลข และเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนเหมือนกัน“ก็...ฉันมากับคริสติน่านั่นแหละ แต่คนที่เธอแอบชอบมาคุยกับเธอ ฉันก็เลย....” พวกเขายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ เขาจึงไม่ต้องอธิบายต่อ ออสโล่เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัด เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและใบหน้าตกกระ“ฉันได้ยินมาว่าเธอสอบติดที่เดลฟี ยินดีด้วยนะ” เขาว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเดวี่และจูน ไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงมัน“ขอบใจ แล้วนายล่ะ”“ติดวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่อีสท์แลนด์”“เจ๋งนะนั่นนะ” เธอมอ
เวลาตีสอง คาเลบและเบียนน่าไม่อาจข่มตานอนหลับได้สนิท เพราะลูกคนที่สามยังไม่กลับบ้าน พวกเขาพยายามโทรหาเอโลดี้อยู่หลายรอบ แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติดสักที เพราะสายโทรศัพท์ที่บ้านเอโลดี้มีคนถือสายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเพื่อนของลูกสาวก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ทั้งสองเริ่มวิตกกังวลและกลัวไปต่าง ๆ นานา จินตนาการว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับอเล็กซิสก็เป็นไปได้ ทำไมโทรศัพท์ไม่ว่างเลยสักที เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเรื่องที่บ้านมิลเลอร์แน่นอน เขาลองโทรเข้าบ้านมิลเลอร์เพื่อเช็กว่ายังมีงานปาร์ตี้จัดอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าติดสายเหมือนกับบ้านเอโลดี้ คาเลบจึงคิดอยากขับรถไปคฤหาสน์หลังนั้นให้รู้แล้วรู้รอด“ทำไมพ่อกับแม่ไม่นอนกันอีกคะ” ไบรซ์เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เธอคงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่นอน และคงได้ยินเสียงคนในห้องรับแขกเจสซี่ก็เดินลงมาจากห้องตัวเองเหมือนกัน “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมยังไม่นอนกัน”“น้องสาวของพวกเธอยังไม่กลับมาเลย” เบียนน่าบอก “พวกเราโทรหาเพื่อน ๆ อเล็กซิสไม่ได้เลย สายยุ่งอยู่ตลอดเวลา”คาเลบที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเบอร์มือถือของคุณมิลเลอร์บ่นออกมา “ไม่มี ผมไม่มีเบอร์เขา ไปบ้านเขาเลยดีกว่า ให้ตายเถอะ
คาเลบสาบานได้เลยว่าเห็นเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกล้ำกลืนคำพูดและโทสะที่สาดเข้ามาราวกับห่ากระสุนลงไปเฮือกใหญ่ เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะคงสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดตาม หญิงสาวที่ตะโกนอยู่นั้นชื่อ แมรี่ คาร์เตอร์ เป็นแม่ของเบลินดา คาร์เตอร์ ประธานสภานักเรียนและหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนรัฐบาล ลูกสาวของเธอสอบติดวิทยาลัยเดียวกับอเล็กซิส และตอนนี้ คุณนายคาร์เตอร์กำลังเบี่ยงประเด็น ไม่ว่าลูกสาวของเธอจะเคยอยู่ที่นั่นหรือไม่ ความจริงก็คือ หากลูกสาวของเธอเป็นแขกในงานนั้นก็เป็นเหตุผลที่ตำรวจจับเด็กสาวเอาไว้ แต่ก็นะ ทุกคนก็อยากจะช่วยลูกตัวเองกันทั้งนั้น“เราคุมตัวลูกสาวของคุณเพื่อสืบสวนค่ะ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณรายงานพวกเราว่า มีการกระทำที่บ่งบอกว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามรัฐบัญญัติปี 2966 พวกเราภูมิใจที่เธอทำหน้าที่พลเมืองที่ดี แต่ตามกฎหมาย เรายังต้องสอบสวนเธอเพื่อขอข้อมูลและสืบหาความจริงอีก โปรดเข้าใจพวกเราด้วยค่ะ ขอให้คุณใจเย็น ๆ แล้วนั่งรอนะคะ”คาเลบและเจสซี่มองหน้ากันทันที พวกเขาบังเอิญทราบตัวการของเรื่องยุ่ง ๆ นี้แล้วสิ“แล้วทำไมถึงจับลูกฉันไว้ในคุก!”ผู
อเล็กซิสหยุดพูดครู่หนึ่ง ทำหน้าเจ็บปวดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “แล้วก็เรื่องทุน...ได้ยินว่าคนที่เข้าชิงทุนทุกคนถูกคัดชื่อออกหมดแล้ว” เด็กสาวดูเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าข้อหาที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เมื่อเธอเห็นว่าคาเลบและเจสซี่ทำหน้าสงสัยว่าเธอทราบได้อย่างไร อเล็กซิสจึงอธิบายต่อ “ไรอันเป็นคนบอกพวกเราค่ะ พ่อของเขาทำงานที่ซานโบซ่า โพสต์ และก็เป็นผู้ปกครองคนแรกที่มาถึงสถานีตำรวจด้วย ไรอันบอกว่า หนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้ ไม่สิ ที่จะออกวันนี้จะลงข่าวว่า พวกเราถูกจับด้วยข้อหาใช้ยาเสพติด และในกลุ่มคนที่ถูกจับ มีเด็กที่เข้าชิงทุนรัฐบาลด้วย ซึ่งชื่อของพวกเขาจะถูกคัดออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิทันที”คาเลบไม่สนใจเรื่องทุนการศึกษาแล้ว เขาเอาแต่ภาวนาให้ลูกได้รับอิสรภาพมากกว่าสิ่งอื่นใด เพียงแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าอเล็กซิสเศร้าใจ เขาเข้าใจดีว่าลูกคงผิดหวังที่ตัวเองถูกถอนชื่อออกด้วยข้อหาเท็จ“ฉันอยากได้ทุนนะพี่ แล้วจะไม่คิดมากถ้าไม่ได้รับทุน แต่ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลนี้...”“เบลินดา คาร์เตอร์เป็นคนรายงานตำรวจ” เจสซี่เผย “หวังว่าจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นนะ ถ้าพวกกรรมการ...เอาเป็นว่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชื่
พอเจสซี่บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ อเล็กซิสคลายใจลง สุดท้ายเธอสามารถข่มตานอนหลับได้สนิท แม้ต้องนอนบนพื้นที่ทั้งแข็งและเย็นก็ตาม เธอหลับไปไม่นานมากนักและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความมั่นใจว่าจะถูกปล่อยตัวในวันนี้ อเล็กซิสเห็นว่ายังมีเพื่อนบางคนที่ยังหลับไม่ลง แม้ทุกคนทราบแล้วว่าเบลินดา คาร์เตอร์ เป็นคนแจ้งความกับตำรวจว่ามีกลุ่มเสี่ยงปะปนอยู่ในงานปาร์ตี้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะนิ่งนอนใจว่าขั้นตอนการตัดสินจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว บางคนรู้สึกเฉย ๆ บางคนยังลุกลี้ลุกลน อาจเป็นเพราะกฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับเคสเอชโอวันโดยตรง ทางการจึงมองกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต้องสงสัยเป็นตัวอันตรายต่อสหพันธรัฐ ดังนั้น ถึงแม้ยังไม่มีคำตัดสิน คนที่ถูกจับก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ที่มองพวกเขาอย่างจับผิด ทว่าในทางกลับกัน เพราะพวกอเล็กซิสถูกจับกุมตัวอันเนื่องจากมีการแจ้งความเท็จ ถ้าหากกฎหมายเข้มงวดแต่คงไว้ซึ่งหลักยุติธรรม ทางการจะไม่ปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับอาชญากรแน่นอน อเล็กซิสเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมของกฎหมายและเจสซี่ พี่ชายของตัวเองต้องขอบคุณโชคหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ช่วยให้เธอไม่ต้องอยู่
เวดสั่นหัว “ไม่มีทาง หยุดพูดแบบนั้นได้แล้วออสซี่”“ออสโล่ ชื่อออสโล่โว้ย” หนุ่มผมแดงตะคอก “เบล ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ” เขาหันไปหาเบลินดาแทน เวดไม่จุดชนวนทะเลาะแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เขาปิดปากเงียบ คงอยากรู้สาเหตุเหมือนกันเบลินดากอดอกตัวเองแน่น แล้วเขยิบถอยไปที่มุมห้อง ตอบกลับสั้น ๆ ว่า “ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นย่ะ”เวดหัวเราะอย่างดูถูก “ยัยนี่ ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วโว้ยว่าเธอพยายามจะกำจัดพวกเราออกจากลิสต์ เธออาจหลอกตัวเองได้นะ คิดตามที่เธอพอใจเลย...ยัยบ้าเอ๊ย” เขาเขยิบถอยห่างจากเด็กสาวราวกับเธอเป็นแมลงที่น่ารังเกียจที่สุดจนเขาทนไม่ได้แม้แต่จะอยู่ใกล้ ขณะเดียวกัน อเล็กซิสกับออสโล่ได้แต่ถอนหายใจอเล็กซิสเข้าใจเวดดีที่เขาฉุนเฉียวง่าย แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเค้นเอาความจริงจากคนที่ไม่แม้แต่จะรู้สึกผิดเลยสักเศษเสี้ยวหนึ่ง สถานการณ์ในตอนนี้ต่างหากที่เธอพะวงมากกว่า และมากกว่ามานั่งโทษเบลินดาด้วย เพราะมันเกี่ยวกับอนาคตของเธอฉันจะยังเชื่อพี่ได้อยู่หรือเปล่า ฉันยังเชื่อพี่ได้
อเล็กซิสคิดว่าบทลงโทษรุนแรงเกินไป แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ข้อกล่าวหาเท็จสามารถทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย ตัวอย่างแรก ทั้งเวด อเล็กซิส และออสโล่หมดสิทธิ์ในการเข้าชิงทุนทันที นี่คือตัวอย่างที่เบาที่สุดแล้ว บางทีบทลงโทษที่ว่าก็ฟังดูไม่เยอะเกินไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่าคนที่เหลือบริสุทธิ์ บทลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับเบลินดาก็อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเด็กสาวที่กำลังมีอนาคตเด็กสาวอ้อนวอนขอให้ลดโทษ แต่อเล็กซิสจับคำพูดเธอไม่ออกเท่าไร เพราะเบลินดาทั้งอ้อนวอนทั้งร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง“คุณคาร์เตอร์ คุณทำใจให้สงบก่อน (ใครจะสงบได้ อเล็กซิสคิด) ถ้าการกระทำของคุณทำให้เราจับกุมกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงได้ แม้คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือจะเพราะโชคช่วยก็ตาม เราจะลดหย่อนบทลงโทษที่ว่าให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเลิกการลงโทษทั้งหมด เพียงแต่จะเป็นวิธีอื่นแทน” หญิงสาวพลิกกระดาษบนตักไปมา ไม่ยี่หระต่อคนตรงหน้า “อีกเรื่องที่น่ายินดี นั่นคือเราไม่พบหลักฐานที่ว่าคุณเข้าข่ายกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินของเพื่อน ๆ ก่อน เราจะกลั
เจ้าหน้าที่สอบสวนหันไปปรึกษากัน อเล็กซิสมองสำรวจไปรอบห้อง เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายทำหน้านิ่งราวกับรูปปั้นหินอ่อน อเล็กซิสพยายามมองหาชื่อของตำรวจสาวเหมือนที่เคยทำกับเจ้าหน้าที่คนอื่น แต่ผมเปียหางปลาของหญิงสาวบังป้ายชื่อเธอเอาไว้ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่สาวกลับมาสอบสวนอเล็กซิสต่อ“คุณเดวิส โปรดมองที่หน้าจอนี้นะ” อเล็กซิสเงยหน้า จ้องแผนผังภายในสถานีตำรวจบนจอภาพแบนขนาดประมาณหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง เธอไม่เคยเห็นเทคโนโลยีล้ำสมัยเช่นนี้มาก่อน เพราะว่าเพียงแค่เจ้าหน้าที่สัมผัสหน้าจอ ทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นเองราวกับมีเวทมนตร์ เพียงแค่สัมผัสก็ควบคุมแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ผ่านหน้าจอเท่านั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนหญิงนับหนึ่งถึงสิบแล้วส่งสัญญาณให้นายตำรวจโจเซฟปลดล็อกข้อมือข้างขวาของเธอ “ช่วยวาดแผนผังเมื่อครู่ให้ทีนะจ๊ะ” เธอสั่งแล้วคว่ำหน้าจอลง“ข้างซ้ายค่ะ” อเล็กซิสบอกกับนายตำรวจ เขาพยักหน้าแล้วเปลี่ยนมาปลดล็อกมือข้างซ้ายแทนพวกเขาให้กระดาษใสกับปากกาสีดำมาอย่างละหนึ่ง อเล็กซิสเริ่มวาดแผนผังตามความจำของเธอ ซึ่งใช้เวลาประมาณห้านาทีเท่านั้
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ