เวลาผ่านไปจนบ่ายโมงกว่า กองบินได้ไปเอากระเป๋าเดินทางของคำเอื้องมาไว้บนห้องพักตัวเองแล้ว ดีที่วันนี้เขาไม่ได้มีงานอะไร จึงได้อยู่กับเธอทั้งวัน แต่จนตอนนี้คำเอื้องก็ยังนอนไม่ตื่น เขาได้สั่งอาหารไว้รอหญิงสาวจนเย็นชืดไปหมดแล้วจนต้องเรียกพนักงานมานำไปเก็บแล้วสั่งมาใหม่ แต่เจ้าหล่อนก็ยังนอนหลับ ไม่ยอมตื่นสักที
“คนอะไรขี้เซาได้น่ารักจริงๆ” เขาพึมพำกับคนนอนหลับสนิทบนเตียงแล้วก้มโน้มหน้าลงไปหาหมายจะจุ๊บแก้มนุ่มนิ่ม แต่เจ้าของแก้มลืมตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน
กรี๊ด!
คำเอื้องตกใจร้องกรี๊ดผลักหน้าที่ก้มโน้มลงมาใกล้ตัวเองออกห่างพร้อมขยับตัวจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องสูดปากร้องครางเจ็บกลางหว่างขาจนต้องเปลี่ยนมากอดตัวเองและผ้าห่มไว้แน่นเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ
“คนสารเลว!” เธอด่าว่าชายแปลกหน้าที่ข่มเหงพรากพรหมจรรย์ของตนไปเมื่อคืน
“อะไรกัน เมื่อคืนเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่ ผมมีความสุข คุณเองก็มีความสุขนี่คนสวย สุขจนหลับคาอก”
“ไม่ต้องมาพูด คุณข่มขืนฉัน” เธอชี้หน้าของคนที่ขยับมานั่งปลายเตียงที่ตนนอนอยู่
“เฮ้! ข่มขืนยังไงกัน จริงอยู่ผมผิดที่ฉุดกระชากดึงลากคุณมาปล้ำในห้องของผม ผมก็ขอโทษแล้วไงเมื่อคืน แต่มองข้ามเรื่องนั้นไปได้ไหม เราต่างก็มีความสุขนี่”
“ความสุขของคุณคนเดียวน่ะสิ คนต่ำทราม!”
“โอว์...ด่าเก่งเป็นบ้า เก็บปากไว้ร้องครางตอนโดนผม ‘เอา’ ดีกว่าไหมเอื้อง”
“อย่ามาเรียกชื่อฉัน เราไม่ได้สนิทกัน”
“สนิทจนแยกไม่ออกเชียวล่ะเมื่อคืน” กองบินรู้สึกสนุกแล้วสิ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเจอเขาแล้วจะด่าและแสดงท่าทางเกลียดชังตนเหมือนเธอ เพราะพวกหล่อนต่างวิ่งเปลื้องผ้าเข้าหา แต่กับคำเอื้อง เธอหาได้มีสายตาเชิญชวนยั่วยวนเสนอตัวหาตัวเองไม่
“เลวที่สุด คุณก็เป็นคนไทยเหมือนกันทำไมทำกับฉันแบบนี้ แล้วตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“ไม่คิดว่าเป็นพรหมลิขิตของเรารึไง ขนาดมาฝรั่งเศสยังมาเจอกัน ตอนนี้บ่ายโมงเด็กน้อย”
“ฮะ! บ่ายโมง ป่านนี้เพื่อนๆ ของฉันคงตามหาฉันแย่แล้ว และวันนี้ฉันต้องเดินทางกลับไทยด้วย”
“ไม่ต้องห่วง เพื่อนของคุณกลับไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเช้าผมปลุกคุณแล้วนะ แต่คุณไม่ตื่นเอง ส่วนกระเป๋าเดินทางของคุณ ผมก็ไปเอามาให้แล้ว รอกลับพร้อมกับผมก็ได้ ผมจะอยู่ที่นี่อีกหลายวัน” กองบินมองไปทางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีเทาของหญิงสาว
“เพราะคุณคนเดียว ฉันจะกลับบ้าน” แล้วเธอก็กัดฟันลุกขึ้นจากเตียงกอดห่มผ้าห่มห่อตัวเองไว้แน่นด้วยรู้ตัวว่าตัวเองนั้นเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดกายสาว แต่พอลุกขึ้นยืนยังไม่ทันเต็มตัวก็เซล้มทับคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง
ตุ้บ!
“อ่า...อยาก ‘เอา’ กับผมอีกก็ไม่บอก ได้นะ ผมพร้อม ว่าแต่คุณไหวรึเปล่าเอื้อง”
“ทุเรศที่สุด!” เธอดันตัวเองลุกขึ้น แต่ถูกแขนแข็งแรงของบุรุษต่ำทรามโอบกอดรัดไว้แน่น
“ปล่อยฉันนะคุณ”
“เหม ผมชื่อเหม เมื่อคืนก็บอกคุณแล้วนี่เอื้อง”
“จะชื่ออะไรก็เรื่องของคุณ ปล่อยฉัน ฉันจะกลับบ้าน”
“คุณกลับไม่ได้หรอก พวกบัตรหนังสือเดินทางของคุณ ผมเก็บไว้แล้ว คุณจะกลับได้ก็ต่อเมื่อผมกลับเท่านั้น ระหว่างนี้ก็อยู่เป็นตุ๊กตาคลายเหงาให้ผมที่ฝรั่งเศสก็แล้วกันคนสวย” แล้วเขาก็กดหัวเธอก้มลงมาหาตัวเองแล้วเขาก็ยกหัวตัวเองจุ๊บปากจิ้มลิ้มต่อล้อต่อเถียงของหญิงสาว
“คนถ่อย!”
“ชูว์...ผมปฏิบัติกับคุณดีขนาดนี้ยังว่าผมถ่อย พักผ่อนเถอะ เป็นเด็กดี เชื่อฟังผมเข้าใจไหม หรือจะเรียกร้องเงินค่าเสียหายกับผมก็ได้นะ”
“ฉันไม่ได้ขายตัว!”
“ผมรู้ แต่ผมก็อยากให้”
“ฉันไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน” เธอตอบกลับทันควัน
หึหึ
กองบินไม่พูดตอบ เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แล้วตัวเองก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งยังโต๊ะรับประทานอาหารแล้วกวักมือเรียกคนตัวเล็กน่ารัก ผิวขาวอมชมพูที่ตามตัวมีแต่รอยขบเม้มของตัวเองไปนั่งทานมื้อเที่ยงในยามบ่ายโมงกับตน
“มาทานข้าวสิ ทานแล้วจะได้นอนพักผ่อนต่อ เพราะคืนนี้ผมยังต้องการร่างกายของคุณอยู่นะคนสวย”
“ไปตายซะ! ตุ้บ!” แล้วหมอนใบใหญ่ก็ถูกหยิบมาขว้างปาใส่คนที่นั่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ตนเอง
“ผมคงตายตั้งแต่เมื่อคืน เพราะเมื่อคืนผมได้ขึ้นสวรรค์กับสาวน้อยอย่างคุณ” กองบินตอบกลับพร้อมก้มลงหยิบหมอนมากอดจูบแล้วโยนกลับไปหาคนบนเตียงและนั่นยิ่งทำให้เธอโกรธเขา
“คนลามก!” คำเอื้องได้แต่ทุบมือตีหมอนที่ถูกโยนกลับมาหาตัวเองระบายความโกรธแล้วล้มตัวลงนอนเลิกผ้าห่มคลุมหัวหนีสายตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย
หึหึ
กองบินแค่นขำในลำคอเมื่อสาวเจ้าแสดงท่าทางโกรธชังตัวเองได้น่าเอ็นดู ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครแสดงท่าทางเคืองแค้นและโกรธตัวเองแบบนี้ แต่สาวน้อยที่เขาเพิ่งกระชากลากเข้าห้องมายังไม่ถึงวันกลับทำให้หัวใจที่ไร้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
กองบินมองคนตัวเล็กที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วหันมาสนใจอาหารที่ตนสั่งมาตรงหน้าตัวเองแล้วก็นึกย้อนไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมา เขายังคงจำความหวานหอมของร่างกายคำเอื้องได้ดีและตอนนี้ก็ปรารถนาในตัวหล่อน แต่อดใจไว้ก่อน คืนนี้ไม่พลาดแน่ และเรื่องเมื่อคืนนี้เขารู้แล้วว่าโดนยาปลุกเซ็กซ์ตอนไหน คงเป็นตอนที่เลขาของสตีฟ เพื่อนสนิทของตัวเองเดินผ่าน เพราะเจ้าหล่อนนั้นพยายามเชิญชวนตัวเองหลายรอบ แต่เขาไม่สนใจ เพราะเขาเป็นพวกไม่ชอบกินอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ และหล่อนคงคิดว่าเอายาปลุกเซ็กซ์มาป้ายที่เสื้อของเขาแล้วเขาจะเรียกหาตัวเอง แต่ผิดคาดเขารีบกลับมายังโรงแรมและก็เกิดเรื่องขึ้นอย่างตอนนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาประทับใจมาก ก็คำเอื้องช่างหอมหวานและบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
“ผมกินคนเดียวไม่หมดนะ” เขาร้องตะโกนถามคนที่นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
เงียบ!
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่ผ้าห่มขยับไปมาเพราะคนที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นเคลื่อนไหว
“อยู่เป็นเพื่อนผมไม่นานหรอก กลับถึงไทย ผมจะคืนทุกอย่างให้ แล้วอิสระจะเป็นของคุณเหมือนเดิมเบบี้” กองบินยังคงเอ่ย แต่ก็เหมือนเดิมไร้เสียงตอบสนองกลับมามีเพียงความเงียบ
“งั้นผมกินแล้วนะ กินหมดอย่าว่ากันนะ และผมไม่สั่งมาให้แล้วนะ” มันได้ผลเมื่อเธอลุกขึ้นนั่ง แต่ยังกอดผ้าห่มแน่นเหมือนเดิม
“ฉันจะกิน แต่คุณหันไปก่อน ฉันจะใส่เสื้อผ้า”
“ก็ใส่สิ จะอายอะไรผมล่ะเอื้อง ผมเห็นมาหมดและไม่ใช่แค่เห็นอย่างเดียว ได้จับ กอด จูบ ลูบ คลำ ขยุ้มขยำแล้วด้วย และยัง...”
“ไม่ต้องพูด! ฉันไม่อยากฟังคำพูดของคุณคนเลว!” เธอรีบพูดห้ามคนตัวโตเมื่อรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
หึหึ
“งั้นเดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าให้” แล้วกองบินก็ลุกจากเก้าอี้ที่เพิ่งนั่งก้นยังไม่ทันร้อนไปเดินเก็บเสื้อผ้าชุดเก่าของคำเอื้องที่ใส่เมื่อวานและเขาเองที่เป็นคนถอดมัน เดินเก็บเสื้อผ้าและชุดชั้นในสีชมพูหวานเข้าชุดกันไปให้เจ้าของที่นั่งอยู่บนเตียง
คำเอื้องมองมือใหญ่ที่กำชุดชั้นในสีชมพูหวานตัวเองในมือเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วก็เบือนหน้ามองไปด้านข้างด้วยรู้สึกเขินอาย สองแก้มนวลแดงปลั่ง
กองบินอมยิ้มน้อยๆ มองดูท่าทางของคนตัวเล็กน่ารักที่กำลังเขินตัวเอง และก็รู้ว่าคำเอื้องเขินตัวเองเพราะอะไร ก็ในมือของเขามีชุดชั้นในของเธออยู่
“เขินผมเหรอ แต่อยากบอกว่าชุดชั้นในเข้ากับเอื้องนะ มันน่ารักเหมือนคุณ” เขาพูดพร้อมกับยกมือที่กำชุดชั้นในขึ้นมาก้มหน้าลงดอมดมและจังหวะนั้นเองที่คำเอื้องหันมาเห็นพอดี
กรี๊ด!
“คนทะลึ่งลามก!” คำเอื้องร้องกรี๊ดแล้วยื่นมือไปแย่งชุดชั้นในตัวเองออกจากมือหนา แต่พอมือทั้งสองปล่อยผ้าห่มที่กอดห่มตัวเองไว้นั้นก็หลุดไปกองที่ตักเปิดเผยทรวงอกอวบอูมเปลือยเปล่าให้คนหื่นกามได้เห็น
“อยากเปิดอกคุยก็ไม่บอก” แล้วเขาก็โยนชุดชั้นในและเสื้อผ้าในมืออีกข้างที่ถือมาด้วยไปยังเตียงแล้วก็ก้มโน้มหน้าลงหาคนที่นั่งโชว์อกบนเตียง แต่เธอก็รีบคว้าดึงผ้าห่มมาห่มไว้เหมือนเดิม
“ไปให้พ้นคนเลว!”
“เดี๋ยวก็คนเลว เดี๋ยวก็คนถ่อย แล้วต่อไปจะเป็นอะไรอีกล่ะ พูดมาให้หมด ยังไงตอนนี้ผมก็เป็น ‘ผัว’ คนแรกของคุณเอื้อง” แล้วเขาก็ดึงผ้าห่มออกจากอกเธอแล้วก้มโน้มหน้าเข้าไปซบกลางหว่างอก ไม่สนใจมือน้อยทั้งสองที่ทุบตีหัวตัวเอง ถึงจะเจ็บแต่มันก็คุ้มที่ได้ซุกซบไซ้ดูดเลียอกของคำเอื้อง
“อะ...คนสารเลว!”
“ชูว์...พูดมาเถอะ ผมไม่โกรธ รู้ไหมตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้มีแค่เบบี้คนเดียวที่ด่าผมแบบนี้ และผมเองก็ชอบที่จะได้ยินมัน อื้ม...” เขาคว้าจับมือน้อยทั้งสองบังคับมากอดคล้องคอหนาตัวเองแล้วก็ดันร่างหญิงสาวล้มนอนไปกับเตียงโดยมีตัวเองคร่อมทับเหนือร่าง
“คะ...คุณจะทำอะไรคุณเหม”
“ในที่สุดก็เรียกชื่อผมแล้ว เป็นเด็กดีนะแล้วทุกอย่างจะดี เชื่อ ‘ผัว’ เด็กน้อย อะ...อื้อ” แล้วเขาก็กดบดจูบปากช่างเจรจาของสาวน้อยพร้อมดุนดันปลายลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากคำเอื้อง กอดเกี่ยวฟัดคลึงลิ้นเธอหนักหน่วงก่อนจะถอนจูบออกมาจุมพิตที่กลางหว่างคิ้วสวย
“เชื่อฟังผม แล้วผมจะตามใจคุณทุกอย่าง อยากได้อะไร ผมก็จะซื้อให้”
“ฉันไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน และฉันก็ไม่ต้องการเงินหรือของอะไรจากคนถ่อยอย่างคุณ ถุย!” พูดจบเธอก็ถุยน้ำลายใส่หน้าคนที่คร่อมทับตัวเอง
กรอด!
กองบินขบกรามแน่นด้วยความเดือดดาล เขาคงใจดีอ่อนโยนกับคำเอื้องเกินไป เธอถึงถุยน้ำลายใส่หน้าตนเองแบบนี้
“เมื่อผมดีด้วยแล้วคุณไม่ชอบงั้นก็ไม่ต้องกินข้าวและชดใช้สิ่งที่คุณทำมันเมื่อกี้ให้กับผมตอนนี้ อะ...อื้อ” แล้วปากหนาก็ก้มลงบดกระแทกจูบเต็มแรงโทสะ เขาให้เธอด่าว่าได้ แต่จะมาถุยน้ำลายใส่หน้าของเขาไม่ได้
“อะ...อื้อ” คำเอื้องรับรู้ได้ถึงความโกรธของอีกฝ่ายจากความดุดันจากรสจูบรอบนี้ เธอดิ้นต่อต้านขัดขืนพยายามจะผลักไสแต่ก็ไม่เป็นผล ผ้าห่มของเธอถูกมือใหญ่กระชากโยนทิ้งไปกองข้างเตียงพร้อมกับเขาเริ่มขบเม้มริมฝีปากของเธอแล้วดูดกลืนกินลิ้นน้อยของเธอด้วยความป่าเถื่อน
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดขยี้กันของทั้งสอง กองบินบดจูบเอาแต่ใจไม่ได้สนใจว่าคำเอื้องจะยินยอมและชอบความป่าเถื่อนของตัวเอง เพราะอยากสั่งสอนคนตัวเล็กว่าไม่ควรทำกับตนแบบเมื่อกี้ เขายอมให้ด่าว่าก็มากพอแล้ว แต่เรื่องอะไรมา ‘ถุย’ น้ำลายใส่หน้า เขายอมไม่ได้
“อือ...มะ...ไม่นะ ปล่อยฉันคนเลว!” พอปากเป็นอิสระก็รีบสั่งอีกฝ่ายให้ปล่อยตัวเองด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
“โอกาสไม่มีแล้วเด็กน้อย อ่า...” แล้วเขาก็จับมือน้อยทั้งสองของเธอขึงไว้เหนือหัวแล้วก็แสดงความป่าเถื่อนของตัวเอง ขบเม้มฝากฝังรอยเขี้ยวฟันไว้ตามไหล่เปราะบางจนเธอเจ็บ
“ฉันเจ็บ!”
“กัดให้เจ็บ” เขาบอกเสียงเข้มห้วนแล้วก็เริ่มขบเม้มเนินอกของคำเอื้องต่อและก็เหมือนเดิมเขาตั้งใจกัดให้เกิดรอยและให้เธอเจ็บ
“อะ...บอกว่าเจ็บไงเล่าคนถ่อย!”
“สมควรเจ็บ อ่า...อื้ม”
แล้วปากหนาก็ตวัดดูดกลืนกินยอดอกสีชมพูระเรื่อที่แข็งตึงของเจ้าหล่อน มือใหญ่จับข้อมือน้อยทั้งสองพาดไขว้เหนือหัวไว้แน่นจนเธอเจ็บข้อมือ และนั่นคือสิ่งที่กองบินต้องการอยากให้สาวน้อยเจ็บปวดและอยากให้เธอรู้ว่าไม่ควรท้าทายคนอย่างตนเอง
“อ่า...อื้ม” เมื่อคืนได้ดูดกลืนกินยอดอก แต่ไม่ได้เห็นว่ามันสวยงามแค่ไหนยามมันเต่งตึงชูชันตอบสนองตัวเอง ปากหนาดูดกลืนพร้อมขบเม้มและลากลิ้นไล้เลียยอดอกทั้งสองเต้าสลับกันไปมา อีกมือก็กอดเอวเล็กคอดยกรั้งขึ้นหาตัวเอง
“อ่า...ฉันผิดไปแล้ว อื้อ...ปล่อยฉันไปเถอะได้โปรด...” คำเอื้องขอร้องเสียงสั่นเครือ ตอนนี้เธอเจ็บทั้งข้อมือและยอดอกทั้งสองที่ถูกเขาดูดกัดเอาแต่ใจ
“มันสายไปแล้วเด็กน้อย เธอควรจะถนอมน้ำใจฉันก่อนหน้านี้ไม่ใช่ดูถูกมันด้วยการถ่มน้ำลายใส่หน้าฉัน อื้ม...” กองบินผละเงยหน้าจากอกอวบอูมมาพูดกับคนตัวเล็กที่ตอนนี้น้ำตาไหลอาบออกทางหางตา และนั่นมันก็ทำให้เขาเจ็บปวดไม่ต่างกันเมื่อได้เห็นเธอร้องไห้ แต่ก็แค่ความรู้สึกชั่วขณะเท่านั้นแล้วก็เปลี่ยนดวงตาที่อ่อนไหวตัวเองกลับมาแข็งกร้าวดังเดิม
“ฉันเกลียดคุณ!”
“แล้วฉันต้องแคร์เหรอ อื้ม...หอมเหลือเกิน เมื่อคืนเนี่ยฉันอ่อนโยนกับเธอเกินไป ตอนนี้ฉันจะทำตามใจของฉันเด็กน้อย อ่า...เสียว” ตอนนี้กองบินเสียวไปทั้งลำกายอวบใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกง และเขาก็ต้องการปรารถนาคนตัวเล็กแสนหวานใต้ร่างตอนนี้
เด็กชายคลื่น สุปรีย์ วัย 3 ขวบกำลังเดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา และข้างๆ ก็มีคุณปู่ คุณย่าเล็ก ย่าใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันกำลังมองมาทางหนูน้อย เกษม นารีที่บินกลับมาไทยมาหาหลานๆ ของตัวเองและบู่ คุณย่าใหญ่ ทุกคนมาที่ภูเก็ตมาเยี่ยมหลาน “ดูสิ ยิ่งนับวันน้องคลื่นก็ยิ่งเหมือนน้องเหมเมื่อตอนเด็กค่ะพี่บู่” นารีหันมาพูดกับพี่สาวของอดีตสามี “นั่นสิ ถอดแบบมาอย่างกับแกะ” บู่เองก็เห็นด้วย “มาหาตาเร็วครับน้องคลื่น”คำสิงห์อ้าแขนรับหลานชายที่เดินมาถึงตัวเอง แต่หนูน้อยก็ส่งยิ้มให้ตาแล้วเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนกางรอเช่นกัน ก็อยู่กับตาทุกวัน วันนี้คุณปู่มาก็ขอไปอ้อนเอามรดกปู่ก่อนก็แล้วกัน และการกระทำของหนูน้อยนั้นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดู คิกๆ “คงเบื่อตาแล้วใช่ไหมน้องคลื่นถึงไปหาคุณปู่”คำสิงห์แสร้งเอ่ยน้อยใจหลานชาย แล
กองบินมองจ้องใบหน้าอวบอิ่มและเรือนร่างอวบอิ่มแล้วมาหยุดที่ท้องกลมโตของคำเอื้องแล้วก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาพร้อมกับย่อตัวคุกเข่าตรงหน้าเธอและลูกน้อยในท้อง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดภาพตัวเองคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานและไม่เคยมีภาพตัวเองมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนนี้ภาพทุกอย่างมันเริ่มมีตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอที่ฝรั่งเศสแล้ว “ถ้าทำเพื่อจะรับผิดชอบลูกในท้องของฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอแต่งงานก็ได้ค่ะ” แม้ใจจะเจ็บปวด แต่คำเอื้องก็ยังคงแสร้งตีหน้านิ่งไม่สนใจการกระทำของคนถ่อยตรงหน้า “ไม่! ไม่ใช่เพราะต้องการรับผิดชอบที่เอื้องท้อง แต่มันคือสิ่งที่พี่เหมต้องการ พี่ต้องการเอื้อง พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอื้อง ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ไม่เคยคิดจะ‘รัก’ใคร และคิดจะ‘แต่งงาน’แต่ตั้งแต่กระชากฉุดเอื้องที่ฝรั่งเศสครั้งนั้น เอื้องก็ติดตรึงอยู่ตรงนี้พี่เหมตลอด” เขาพูดแล้วก็ทุบอกซ้ายตัวเองเพื่อบอกเธอว่าเธออยู่ในนี้มาตลอดตั้งแต่
กองบินมาถึงหน้าบ้านของคำเอื้องในตอนบ่ายสามโมงกว่า พอมาถึงก็กดออดหน้าบ้านจนสาวใช้ออกมาเปิดประตูให้ ในตอนแรกสาวใช้ไม่ยอมให้เข้ามานั่งรอในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายจะกลับมาตอนไหน แต่กองบินยืนยันว่าจะรอเธอจนกว่าจะกลับจึงได้เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ กองบินเดินดูรูปถ่ายที่ตั้งโชว์ เป็นรูปของคำเอื้องตอนเด็ก และข้างๆ ก็มีพ่อของหญิงสาว ไม่ว่าจะไปไหน อยู่ที่ไหน ข้างๆ คำเอื้องมักมีพ่อตลอด เขาพอรู้มาบ้างว่าเธออยู่กับพ่อ “น้องเอื้องติดป๊าคำสิงห์ค่ะ” สาวใช้ยกน้ำและขนมของว่างเข้ามาให้แขกเอ่ยบอกเมื่อเห็นแขกจับกรอบรูปที่ตั้งไว้ขึ้นมาดู “ขอบคุณครับ” กองบินยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วก็วางกรอบรูปในมือลงแล้วเดินไปนั่งยังโซฟาตัวนุ่มแล้วมองน้ำและขนมของว่างตรงหน้าตัวเองแล้วดันจานขนมออกห่างเมื่อรู้สึกพะอืดพะอมคลื่นไส้จะอาเจียน “ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหน” กองบินถามสาวใช้ที่กำลังจะเดินจากไปไกล
คำเอื้องมองตามสายตาพ่อแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าทำไมท่านถึงพูดแบบนี้ ก็เธอเข้าครัวทีไร ครัวเละเทะพังทุกทีจนเดือดร้อนสาวใช้ในบ้านต้องมาเก็บกวาดกัน เสียเวลาเป็นชั่วโมง“แหะๆ หนูว่าแบบนั้นแหละป๊าคำสิงห์ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ที่นี้ก็ให้พี่ๆ เขาทำกัน”“อาทิตย์หน้าป๊าจะไปหาหมอกับหนูเอื้องนะ”“ป๊าไม่ต้องไปด้วยก็ได้ค่ะ งานที่โรงงานของเราก็เยอะ ป๊าไปทำงานเถอะค่ะ”“ได้ไงหนูเอื้อง ป๊าเป็นคุณตานะ ป๊าก็ต้องไปจดบันทึกเรื่องของเจ้าคลื่นของป๊าสิ” คำสิงห์ตั้งชื่อหลานว่า ‘คลื่น’ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็จะให้ชื่อนี้“ขอบคุณนะคะป๊า” เธอขอบคุณพ่อ“มันคือหน้าที่ของป๊าอยู่แล้วที่ต้องดูแลหนูกับหลาน อีกอย่างไม่ต้องคิดแทนป๊าว่าป๊าจะอายที่หนูท้องไม่มีพ่อ ป๊าไม่สนใจปากของชาวบ้านหรอก อีกอย่างชีวิตนี้ไม่เคยมีใครไม่ผิดพลาดบ้าง...ว่าไหม” คำสิงห์ประคองลูกสาวมานั่งในห้องโฮมเธียเตอร์ดูหนังรอทานมื้อเย็นกัน“หนูโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกสาวป๊าคำสิงห์กับแม่ตวงใจ”“ป๊ากับแม่เราก็โชคดีที่มีหนูเอื้องเป็นลูก เอาล่ะ ดูหนังอะไรดีวันนี้”“ตา
สามพี่น้องรวมตัวกันเมื่อที่เหมืองมีปัญหา และพี่ชายก็ถูกยิงอาการสาหัสจนแม่ที่อยู่ต่างประเทศต้องบินกลับประเทศมาดูแล แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ตอนนี้กองพลหายดีกลับมาอยู่บ้านและตามหาใกล้รุ้ง ลูกสาวของคนงานในเหมือง สาวน้อยหนีไปพร้อมกับหัวใจของพี่ชาย คิดแล้วก็ตลกและน่าสมเพช! สิ้นดี เพราะไม่ใช่แค่กองพลเท่านั้น กองทัพเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนตัวเขาก็ให้คนเฝ้าบ้านของคำเอื้องที่ภูเก็ตและยังคงตามหาเธออยู่ตลอดจนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วก็ยังไร้วี่แววข่าวคราวของหญิงสาว “หนูไปอยู่ไหนเอื้อง เอื้องพาลูกของเราหนีพี่ไปไหน ป่านนี้แล้วท้องเอื้องคงจะโตแล้ว สองเดือนแล้วที่เอื้องหนีพี่ไป” เขาพึมพำกับรูปถ่ายที่แอบถ่ายตอนเธอนอนหลับแล้วก็ก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าจอโทรศัพท์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาต้องผละเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์วางลงที่เตียงนอนนุ่มแล้วลุกไปเปิดประตู แอค!
มันช่างทรมานเหลือเกินตอนนี้ ผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ไร้วี่แววของคำเอื้อง เขาให้นักสืบเอกชนตามหาก็เงียบ จนเขาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว นึกเป็นห่วงทั้งเธอและลูก คิดถึงก็คิดถึง ตอนนี้สภาพของกองบินแทบดูไม่ได้ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นจนทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดถึงคนที่หนีไปดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเสยผมที่ยาวปกปิดหน้า ใช่...ตอนนี้ผมและหนวดเคราของเขามันไม่ได้ถูกดูแลมาเป็นอาทิตย์ หากไม่มองดีๆ สังเกตดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นตน เพราะนับวันยิ่งเหมือนโจรป่าเข้าไปทุกที“เชิญ!” พอเสยผมที่ยาวปิดหน้าไปด้านหลังแล้วก็อนุญาตให้ผู้อยู่หน้าประตูห้องเข้ามาในห้องแอค!เป็นผู้ช่วยของเขานั่นเองที่เคาะประตูห้อง และพอเปิดประตูก็เดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือแล้วส่งยื่นให้เจ้านายหนุ่ม“คนที่บ้านโทรมาครับคุณกองบิน”อือ!เขาครางรับแล้วก็รับโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้ามาคุยพร้อมโบกมือให้ผู้ช่วยอย่างวัฒน์ออกไป“เหมพูดครับ” พอนำโทรศัพท์มาแนบหูก็บอกทันทีว่าเป็นตน