ออกจากลิฟท์มาได้พัดพารัชชารีบวิ่งมายังเคาท์เตอร์ที่มีพนักงานสาวสวยแล้วแจ้งชื่อเสียงเรียงนามของเธอทันที
“ฉันพัดพารัชชา พรรณอัคราค่ะ คุณดัสตินนัดสัมภาษณ์วันนี้ค่ะ”
“คุณดัสตินรอคุณอยู่แล้ว คุณสามารถคุยกับคุณดัสตินเป็นภาษาไทยได้เลยนะคะ เชิญด้านในค่ะ” พนักงานสาวสวยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะลุกยืนและเปิดประตูให้เธอเข้าไปยังห้องของผู้บริหาร
“ขอบคุณค่ะ” พัดพารัชชาส่งยิ้มพร้อมคำขอบคุณให้พนักงานสาวที่เปิดประตูให้ จากนั้นเธอก็เดินร้อนๆ หนาวๆ เพราะไม่รู้ว่าจะถูกตำหนิหรือไม่เรื่องที่เธอมาสาย อีกเรื่องที่กลัวก็คือทางบริษัทจะไม่พิจารณารับเธอเข้าทำงานเพราะรู้ว่าคนเยอรมันให้ความสำคัญการตรงต่อเวลาแค่ไหน
“สวัสดีค่ะคุณดัสติน ขอโทษที่ดิฉันมาสายนะคะ” เธอเอ่ยสวัสดีกับชายหนุ่มสวมสูทสีเทาที่กำลังยืนกอดอกหันหลังให้
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาผมสีบลอนด์นัยน์ตาสีฟ้าหันมายิ้มให้หญิงสาว
“เชิญนั่งสิครับ”
คนที่หันมายิ้มให้พัดพารัชชาพร้อมกับพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำหน้าตาคลับคล้ายคลับคลากับคนที่เธอวิ่งชนเมื่อครู่ ทำให้หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาฉงนไม่น้อย ทว่าเธอก็ต้องรีบสลัดคววามคิดฟุ้งซ่านและเข้าไปนั่งเก้าอี้ตามคำเชิญของชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ นี่เอกสารฉันค่ะ” มือเรียวรีบเปิดกระเป๋าเอกสารและวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของดัสตินในทันที
“ครับ คุณพร้อมเริ่มงานกับเราได้เลยไหมครับ”
“คะ?” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เดี๋ยวนี้เขาไม่สัมภาษณ์กันก่อนให้เริ่มงานหรือ แล้วงานที่เขาจะให้เธอทำ มันคืองานอะไรกัน
“ผมต้องการให้คุณมาเป็นเลขาเจ้านายของผม หลังจากคุณตกลงว่าจะทำงานกับเรา คุณต้องไปอยู่ที่เยอรมันหกเดือนเพื่อเรียนรู้งานจากบริษัทแม่ กินอยู่ฟรีทุกอย่าง แล้วคุณก็จะได้เงินเดือน เดือนละห้าพันยูโร ตกลงไหมครับ”
“เอ่อ... ให้ฉันเป็นเลขาเลยเหรอคะ” เรื่องที่ไม่ได้ถูกสัมภาษณ์เธอยิ่งตกใจแล้ว แต่เรื่องที่ให้เด็กจบใหม่อย่างเธอทำงานเป็นเลขาในฐานเงินเดือนสูงลิ่วยิ่งทำให้ตกใจยิ่งกว่า สาวเจ้ายังคงนั่งอึ้ง บริษัทนี้ไม่ได้ขายฝันเธอใช่ไหมเนี่ย
“จากผลการเรียนของคุณ ผมคิดว่าคุณน่าจะมีความสามารถที่จะเป็นเลขาให้เจ้านายผมได้ครับ”
“เอ่อ...ฉันตกลงค่ะ” ในเมื่ออีกฝ่ายเอาเงินมาล่อตาล่อใจ อีกอย่างก็ทำให้เธอได้ออกจากบ้านหลังที่เธอเรียกว่านรกบนดินเร็วขึ้น มีหรือเธอจะยอมปล่อยโอกาสดีๆ นี้ให้หลุดมือไป
“เซ็นสัญญาเลยครับ”
พัดพารัชชารับเอกสารปึกใหญ่จากดัสตินได้เธอก็อ่านเอกสารคร่าวๆ เมื่อเห็นว่ามันมีกฎระเบียบและข้อตกลงทั่วไปของการจ้างงานเธอก็รีบเซ็นเอกสารในทันที นี่แหละอิสระที่เธออยากจะได้ นึกแล้วก็ขอบคุณความพยายามของตัวเองที่อดทนอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วตั้งใจเรียนจนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เพราะมันเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้เธอไม่ต้องไปหาสมัครงานเอง และได้บริษัทใหญ่ๆ ดึงตัวมาร่วมงานด้วยเงินเดือนสูงลิ่ว
กลับมาถึงบ้านพัดพารัชชาก็ไม่ลืมที่จะแจ้งให้แขวิไลและพิมพิรายาทราบว่าเธอจะต้องเดินทางไปทำงานภายในอาทิตย์หน้า ทว่าคนที่ดูจะมีอาการไม่พอใจที่สุดเห็นจะเป็นพิมพิรายา
“อะไรนะ แกจะไปได้ยังไงแล้วทำไมไม่มาถามกับฉันก่อน” พิมพิรายาแผดเสียงดังลั่น หากน้องสาวต่างแม่ของเธอหายหัวไปเธอก็ไม่มีใครให้ใช้งาน และไม่มีใครให้ระบายอารมณ์เวลาคันไม้คันมือน่ะสิ
ทว่าคนที่คิดต่างจากพิมพิรายาก็คือแขวิไล ถ้าพัดพารัชชาออกไปจากบ้านได้เธอก็จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าคนที่เป็นเหมือนหนามยอกอกอีกต่อไป
“ให้มันไปเถอะลูก เรียนจบแล้วนี่ ปีกกล้าขาแข็งแล้วก็ดี จะได้ไม่เปลืองข้าวที่บ้านหลังนี้ ห้องที่แกอยู่ฉันจะได้เอาไว้เก็บของ อ่อ...ของแม่แกก็เก็บไปให้หมดล่ะ อย่าเก็บไว้เป็นเสนียด เพราะถ้าแกไม่เก็บไปฉันจะเอาไปทิ้งในถังขยะ แล้วถ้าออกไปวันนี้ได้ก็ออกไปเลยนะ ฉันเบื่อหน้าแกเต็มทนแล้ว”
“ค่ะ พลอยขอบคุณนะคะที่กรุณาส่งพลอยเรียนจนจบ จากนี้พลอยจะไม่มารบกวนอะไรคนที่นี่อีกแล้วค่ะ” พัดพารัชชาแจ้งให้เจ้าของบ้านรับรู้เรียบร้อยแล้วก็เดินกลับไปเตรียมเก็บของ เพราะทางบริษัทได้มีที่พักให้เธอในขณะที่รอการเดินทางไปเยอรมัน คำพูดจิกกัดต่างๆ นานาของแขวิไล วันนี้พัดพารัชชาไม่ได้คิดเอามาใส่ใจแม้แต่น้อย เพราะเธอดีใจที่จะได้เดินออกไปจากบ้านหลังนี้อย่างง่ายดาย หลังจากนี้หากไม่จำเป็นเธอจะไม่กลับมาเหยียบนรกบนดินแห่งนี้อีกแน่
“พลอยจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วนะแม่” เธอพึมพำเสียงเบาขณะเก็บชุดของคนเป็นแม่ที่หลงเหลือเอาไว้ให้เธอดู แม้จะไม่เคยเห็นหน้าแม่แม้แต่รูปภาพ เธอก็ไม่เคยนึกเกลียดหรือโกรธที่แม่ไม่อยู่ด้วย เพราะเชื่อว่าหากแม่ของเธอยังอยู่ในบ้านหลังนี้คนใจร้ายที่นี่คงทำร้ายแม่ของเธอไม่ได้ต่างจากทำกับเธอแน่นอน
พัดพารัชชาเก็บของเรียบร้อยเธอก็ใช้แอพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่เข้ามาขนของ หลังจากนั้นก็ตรงไปยังบ้านของอทิตยา เพราะต้องการเอาของแม่ไปฝากไว้กับเพื่อนเสียก่อนที่จะเดินทางไปยังห้องพักในโรงแรมที่บริษัทจองห้องเอาไว้ให้
“เก็บของจากบ้านนั้นมาหมดแล้วใช่ไหม” อทิตยาเอากล่องเสื้อผ้าของแม่พัดพารัชชาเข้ามาเก็บไว้หลังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง แอบแปลกใจเพราะคิดว่าของที่พัดพารัชชาขอฝากเอาไว้จะเยอะกว่านี้เสียอีก
“อืม ของฉันมีไม่เยอะอยู่แล้ว ฉันฝากดูแลของของแม่ฉันด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะเก็บเอาไว้ให้อย่างดี ไปที่โน่นมีอะไรก็โทรหาพวกฉันได้ตลอดนะ”
“อืม ขอบใจพวกแกมากนะที่ห่วงฉันตลอดเลย”
“ชีวิตแกหลุดพ้นจากบ้านหลังนั้นได้ก็ดีแล้ว แล้วนี่ต้องบินไปโน่นเร็วๆ นี้เลยเหรอ”
“อืม ต้องไปฝึกทำงานที่โน่นครึ่งปี แล้วก็กลับมาทำงานที่ไทย ว่าไปฟ้าก็ให้พรฉันเร็วเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะหางานตำแหน่งดีๆ เงินเดือนสูงๆ ยากซะอีกเพราะเพิ่งจบใหม่”
“ทุกอย่างมันก็เพราะความสามารถของแกนั่นแหละ ต่อไปนี้ก็ทำงานให้เจ้านายเห็นเต็มที่ ขนาดเงินเดือนเริ่มต้นขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าแกผ่านโปรแล้วจะได้เงินเดือนเพิ่มขนาดไหน”
“อยากให้ถึงวันนั้นเหมือนกัน แล้วแกล่ะ ได้หางานหรือยัง”
“คนรู้จักของแม่ฉันให้ฉันไปสมัครเป็นครูที่โรงเรียนกวดวิชา เห็นว่าเงินดีด้วยฉันจะลองไปทำดู ถ้าอยู่กับเด็กๆ ได้จะได้อยู่ยาวๆ”
“ฉันว่าแกอยู่ได้แน่นอนถ้าไม่หิวจนกินหัวเด็กไปซะก่อน”
“แกกำลังจะบอกว่าฉันชอบโมโหหิวเหรอ”
“เออ...นี่เกิดมายี่สิบกว่าปียังไม่รู้ตัวเองอีกเหรอว่าชอบโมโหตอนหิว”
“ชิ...” อทิตยาไม่มีอะไรจะเถียงพัดพารัชชา จะว่าไปเวลาที่เธอหิวหากได้เจอเรื่องอะไรไม่สบอารมณ์ตอนนั้นก็มีอันต้องเจอเธออาละวาด
“เออ...แล้วจะบินเวลาไหนเมื่อไรบอกพวกฉันด้วยล่ะ ดาวมันย้ำมาว่ายังไงฉันกับมันต้องไปส่งแกให้ได้”
“ไม่ต้องลำบากก็ได้ ไม่กี่เดือนก็กลับมาเจอกันแล้ว”
“เผื่อแกเครื่องตกทำไง ทีนี้ก็ไม่เห็นหน้าแกแล้วน่ะสิ”
“ปากเหรอนั่นน่ะ” พัดพารัชชาอ้าปากค้างค้อนขวับให้กับคำพูดของอทิตยา ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินทางเพื่อนรักของเธอก็ให้พรที่ทำให้ใจไม่ดีเสียแล้ว
“ก็เหมือนที่แกกัดฉันเมื่อกี้แหละ อิ อิ”
พัดพารัชชาส่ายหัวน้อยๆ ทว่าริมฝีปากก็มีรอยยิ้ม เพราะการพูดหยอกกันไปมาเป็นปกติของพวกเธอ และมันก็จะมีแค่ช่วงเวลาที่พวกเธอมีความสุขด้วย หากมีเรื่องซีเรียสเรื่องการหยอกเล่นกันไม่ได้มีหลุดออกมาจากปากใครคนใดคนหนึ่งแน่
และแล้วมื้อกลางวันของทุกคนก็เริ่มขึ้น แฮร์ริคนั่งข้างๆ กับเอริญญาที่อยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารของเด็ก ส่วนพัดพารัชชาก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสองพ่อลูก บนโต๊ะอาหารตอนนี้ มีแตงกวาผัดใส่กุ้งจานใหญ่ รวมไปถึงต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ปลาทับทิมนึ่งและขาหมูพะโล้ที่ตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย ส่วนอาหารของเจ้าตัวกลมก็มีกุ้งต้มตัวใหญ่สองตัวที่คนเป็นแม่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้พร้อมกับแตงกวา แครอทและเส้นมักกะโรนีต้มตลอดเวลาของมื้ออาหารไม่มีเวลาไหนที่แฮร์ริคจะไม่มีรอยยิ้ม เขาเก็บภาพทุกอย่างไว้ในความทรงจำอย่างดีในเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับพัดพารัชชาและลูก และเขาก็ยิ่งปลื้มใจมากเป็นพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้พัดพารัชชาเลือกที่จะทำอาหารให้เขาได้รับประทาน ไม่เหมือนก่อนหน้าที่เขาต้องสั่งมาเอง“อร่อยไหมครับ” เขาหันไปมองลูกสาวที่กำลังใช้ส้อมสีชมพูสวยจิ้มไปที่กุ้งต้มเข้าปากไม่เว้นระยะจนแก้มทั้งสองเต็มไปด้วยอาหารเจ้าก้อนกลมพยายามเคี้ยวอาหารให้หมดปากโดยเร็วตามที่คนเป็นแม่เคยสอน จากนั้นก็ค่อยเปิดปากตอบพ่อของเธอ “หย่อย”“อร่อยค่ะ” พัดพารัชชาต้องคอยสอนทุกครั้งให้ลูก
พัดพารัชชายกนิ้วชี้ป้องปากก่อนจะหันไปยังเปลสีชมพู“ผมขอดูหน้าลูกก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มกระซิบกระซาบด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะตอนนี้เขาอยากจะเห็นหน้าลูกสาวด้วยตาเนื้อและอยากจะสัมผัสลูกใจจะขาด พอๆ กับอยากจะสัมผัสแม่ของลูกเขาเดินเข้าไปมองลูกสาวตัวกลมที่อยู่นอนกอดหมอนข้างปะแป้งจนมีกลิ่นหอมชวนให้น่าฟัด ทว่าแฮร์ริคก็ทำได้แต่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อนุ่มนิ่มของพวงแก้มย้วยเบามือและไล่สายตามองสำรวจลูกน้อยเงียบๆ จากนั้นเขาก็เริ่มน้ำตาคลอไหลลงมาอาบแก้ม หากเขารู้ว่ามีเจ้าตัวกลมอยู่บนโลกใบนี้ให้เร็วกว่านี้คงจะดีมากๆแฮร์ริคเชยชมผลงานของตัวเองได้ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าปาดน้ำตาและหันกลับมามองพัดพารัชชา ตอนนี้เขาพร้อมจะคุยกับเธอแล้วพัดพารัชชามองหน้าคนตัวโตที่ดูแปลกไปจากเดิมมากจนจำแทบไม่ได้ เดาไม่ผิดก็คงไม่พ้นความทุกข์ใจที่มันกัดกินเขาเป็นเวลาร่วมสองปี ถึงได้มีสภาพแบบนี้“เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ” พัดพารัชชาเดินนำหน้าแฮร์ริคออกห่างจากเปลนอนของเอริญญามาที่ม้านั่งใต้หลังคาชานหน้าบ้านเมื่อนั่งตรงข้ามกันเรียบร้อยแฮร์ริคก็รีบพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับพัดพารัชชาใ
“ใช่ ผมน่าจะเป็นผู้เป็นคนให้เร็วกว่านี้ ถ้าผมนึกตามหาพลอยให้ไวกว่านี้ก็คงได้ดูแลเธอตั้งแต่เธอท้องแล้ว ที่ผมมาหาคุณก็เพราะอยากให้คุณช่วย ผมรักพลอยจริงๆ อยากดูแลเธอ คุณช่วยให้ผมคืนดีกับเธอได้ไหม ผมขอร้องล่ะ” แฮร์ริคไม่คิดสนศักดิ์ศรี เขายอมก้มลงคุกเข่าต่อหน้าอทิตยา เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือการได้รับผิดชอบลูกและภรรยาเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผ่านมา“นี่... คุณแฮร์ริค”“เชื่อที่ผมพูดเถอะ”“ลุกขึ้นเถอะ”“ไม่ครับ จนกว่าคุณจะรับปากว่าจะช่วยให้ผมได้คืนดีกับพลอย”“โอ้ย...” อทิตยานั่งกุมขมับหนึบ คำพูดของเขาที่ว่ารู้สึกผิดมันก็น่าเชื่อถืออยู่หรอก ทว่าเธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พัดพารัชชาจะต้องการแฮร์ริคหรือเปล่าน่ะสิ ไม่ได้ เรื่องนี้เธอจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ คิดได้ดังนั้นก็รีบต่อสายหาดาวลดาในทันทีและแล้วทุกคนก็ต้องขึ้นเครื่องบินกันมาที่เชียงใหม่เพื่อตรงมายังบ้านของดาวลดา เพราะอทิตยาไม่สามารถตัดสินใจเองคนเดียวได้จริงๆ เรื่องที่จะพาแฮร์ริคไปหาพัดพารัชชาทั้งสี่คนนั่งสุมหัวคุยกันอยู่ที่ใต้ถุนบ้านเรือนไทยของดาวลดา แฮร์ริคพยายามพูดความรู้ส
“อยากให้แกสืบจากทางคนที่แกตามจีบให้หน่อยว่าตอนนี้คุณพลอยเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นโว้ย แค่ตอนที่คุณอ้อนรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับเอส แล้วก็หลอกคุณพลอยไปงานนั้นก็โกรธฉันมาจนถึงทุกวันนี้ รู้ไหมฉันส่งดอกไม้พร้อมของแพงๆ ไปง้อแทบทุกวัน เธอก็เอาทิ้งทุกวัน จนเหมือนฉันซื้อของแพงไปให้แม่บ้านในโรงเรียนสอนพิเศษ มัดปมเองก็ต้องแก้ปมเองโว้ย จะสืบก็ไปหาสืบทางอื่น อย่ามายุ่งกับคุณอ้อนของฉัน” ที่เขาอารมณ์ไม่ดีอยู่ตอนนี้ก็เพราะยังตามง้ออทิตยาไม่ได้ง่ายๆ นี่แหละ เอลมาพูดเรื่องนี้ขึ้นก็พาลทำให้เขานึกย้อนไปถึงตอนที่ช่วยแฮร์ริคจนถูกหญิงเมิน“ได้ ถึงแกไม่ช่วย ฉันว่านักสืบของฉันก็มีความสามารถอยู่แล้ว” เอลมาแค่อยากได้คำตอบว่าเฟรดช่วยได้หรือไม่ได้เท่านั้น ทว่าอีกฝ่ายก็ตอบเสียยาว ดูท่าแล้วเฟรดคงยังเคืองแฮร์ริคไม่หายจนถึงทุกวันนี้แน่“แกยังโกรธฉันอยู่เหรอวะเฟรด” แฮร์ริคถามเพื่อนรักไปตามตรง“ไม่ได้โกรธแก คิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้ก็ไม่อยากช่วยแกเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคุณอ้อนจะใจแข็งขนาดนี้”“เพราะเห็นพวกแกแพ้ผู้หญิงใจแข็งแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากคบใครเป็นตัวเป็นตน” เอลมาเห็นเพื่อน
แฮร์ริคยื่นมือหมายจะประคองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทว่าสาวเจ้าก็ถอยหลังหนีไม่ยอมให้เขาได้ถูกเนื้อต้องตัว“แผนแก้แค้นของคุณสำเร็จแล้วจะมายุ่งอะไรกับฉันอีก”“การแก้แค้นจบไปแล้ว ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องของพลอยกับผม ความรู้สึกที่ผมมีให้พลอย วันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง ผมรักพลอยจริงๆ นะ”พัดพารัชชายกมีดพกในมือของเธอจี้คอของตัวเอง ทำเอาสองหนุ่มที่มองมายังเธอหน้าตาตื่นไม่ต่างกัน“เลิกยุ่งกับฉันซะที คุณจะรักฉันจริงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันเกลียดคุณ เกลียดยิ่งกว่าอะไร ฉันได้ออกมาจากชีวิตสองแม่ลูกนั่น คิดว่าฉันจะได้อิสระที่ฉันอยากได้ แต่คุณก็พาฉันเข้ามาเป็นหมากในเกมการแก้แค้น ชีวิตฉันหลังจากนี้ไม่รู้ว่าสองคนแม่ลูกนั่นจะจ้องล้างจองผลาญฉันอีกรึเปล่า คุณมันเห็นแก่ตัว มายุ่งกับฉันทำไม ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความแค้นคุณสักนิด”“พลอย” แฮร์ริคพยายามจะเข้าไปหาพัดพารัชชา ทว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้ปลายมีที่อยู่ในมือของหญิงสาวก็เริ่มกินเนื้อของเธอจนเห็นมีเลือดแดงฉานไหลออกมา“อย่าทำแบบนี้พลอย”“อย่ายุ่งกับเธอ” อนนท์เข้ามา
“อีพลอย!” พิมพิรายาได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนมือไม้สั่น จากนั้นก็ปรี่เข้าไปจะทำร้ายพัดพารัชชา ทว่าแฮร์ริคก็มาขวางเอาไว้“ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงฮะ! แกต้องการอะไร” ปึก ปึก พิมพิรายาลงมือกับพัดพารัชชาไม่ได้เธอก็ฟาดกำปั้นไปที่อกของแฮร์ริคแขวิไลยืนกำหมัดแน่นดูสถานการณ์อย่างเจ็บปวดหัวใจ ไม่น่าเลย เธอควรจะเตือนลูกสาวของเธอก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับแฮร์ริค เชื่อได้เลยว่ามันสองคนผัวเมียจะต้องรวมหัวกันทำให้ลูกของเธอเสียใจแน่“คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหมคะคุณเฟรด”เฟรดก้มหน้างุดเมื่อหญิงสาวที่ยืนข้างๆ กำลังมองค้อนเขาด้วยสายตาโกรธเคือง “ผมขอโทษครับ ผมเป็นเพื่อนกับแฮร์ริค”“พลอย” อนนท์แทรกทุกคนเข้ามาหาพัดพารัชชา เพราะรู้ว่าตอนนี้เธอต้องการคนที่อยู่เคียงข้าง“พี่นนท์”“ถ้าพลอยอยากไปจากที่นี่ พี่จะพาไป”“ค่ะ” พัดพารัชชารีบจับมือของอนนท์เอาไว้ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอไม่พร้อมรับรู้อะไรตรงนี้ต่อไปแล้ว“มึงจะไปไหนอีพลอย อีลูกเมียน้อย” พิมพิรายาตวาดลั่นตามหลังพัดพารัชชาที่กำลังเดินหนีไปพร้อมอนนท์ เธออยากจะฉีกเนื้อพัดพารัชชาเป็นชิ้นๆ ที่ทำให้เธอ