ทั้งสามพูดคุยกันอีกเล็กน้อยจากนั้นเซียวอี้เซียนก็ไปเยี่ยมบิดาและท่านย่า ก่อนจะแวะโรงครัวขออาหารเพิ่ม นางบอกว่าเมื่อคืนนางออกแรงเยอะจึงหิว แม่ครัวจัดอาหารเพิ่มให้คุณหนูอีกชุด เซียวอี้เซียนกลับมายังห้องของตนก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องรับรองด้านหลังเรือนของนางแล้วเดินจากมา
หยางเทียนหลงเปิดประตูออกมาก็เจอตะกร้าวางตั้งไว้ เขาเปิดผ้าออกดูก็พบปิ่นโตไม้เถาหนึ่ง ในนั้นมีอาหารอย่างดี บุรุษหนุ่มยิ้มให้กับตนเองก่อนจะหันไปยังทิศที่คนตัวเล็กเดินกลับไป กลิ่นกายหอมกรุ่นของนางยังไม่จางไปเลย ชายหนุ่มหยิบตะกร้าอาหารเข้ามาในห้องก่อนจะเริ่มกิน อืม..ทำไมอาหารวันนี้ช่างหวานไปเสียทุกคำกันนะ
ยามซื่อมีคนจากในวังมาเยือน เซียวอี้เซียนประคองบิดาที่เพิ่งฟื้นออกมาจากห้อง ลู่กงกงเห็นหน้าดรุณีน้อยตรงหน้าก็เข้าใจทันทีเหตุใดท่านอ๋องถึงอยากแต่งกับนาง ช่างงดงามเหลือเกิน
"นายท่านเซียวมิทราบว่าที่ยืนอยู่ข้างท่านใช่บุตรสาวท่านคุณหนูเซียวอี้เซียนหรือไม่"
"เอ่อ แค่กๆๆ ขอรับใต้เท้า เอ่อ เซียนเอ๋อร์คารวะท่านกงกงเสียสิ เขาคือคนของฝ่าบาทน่ะ"
"ข้าน้อยเซียวอี้เซียนคารวะลู่กงกงเจ้าค่ะ"
"อืม..รูปงามนามไพเราะ กิริยามารยาทก็งดงาม เหมาะสมกันจริงๆ คุณหนูเซียวมีราชโองการมาถึงท่านคุกเข่าเถอะ"
ทั้งจวนคุกเข่าลงรับราชโองการ ลู่กงกงประกาศราชโองการชาวบ้านที่วันนี้ไม่รู้มาจากไหนยืนออกันเต็มหน้าจวนต่างก็คุกเข่าตาม
"คุณหนูเซียวอี้เซียน เนื่องด้วยเคยหมั้นหมายกับจ้าวเฉิงแห่งจวนอำมาตย์ซ้าย บัดนี้สกุลจ้าวได้กระทำผิดสัญญาหมั้นหมายเป็นฝ่ายไปแต่งสตรีอื่นมาเป็นภรรยา ตามที่ทางสกุลเซียวร้องขอข้าจึงออกราชโองการฉบับนี้ให้คุณหนูเซียวอี้เซียนเป็นฝ่ายถอนหมั้นจ้าวเฉิงแห่งสกุลจ้าว มิเกี่ยวข้องใดๆกันอีก ห้ามมิให้ในภายหน้าทางสกุลเซียวไปหาเรื่องหรือหึงหวง และห้ามมิให้จ้าวเฉิงมาหาเรื่องและหึงหวงเช่นกัน จบราชโองการ คุณหนูเซียวโปรดยื่นมือ"
เซียวอี้เซียนยื่นสองมือไปรับราชโองการจากขันทีเฒ่าก่อนจะเอ่ยขอบพระทัยฮ่องเต้
"หม่อมฉันเซียวอี้เซียน ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา"
"คุณหนูยังมีราชโองการถึงท่านอีกฉบับหนึ่งน่ะ"
ลู่กงกงกำลังจะประกาศ จ้าวอันป๋อก็มาถึงพอดี เขามาพร้อมเกี้ยวสีชมพูกับคนแบกเกี้ยวสี่คน ก่อนจะเอ่ยทักทาย
"ลู่กงกง..เหตุใดท่านจึงมาเยือนจวนเล็กๆแห่งนี้ได้ขอรับ"
"ข้ามาประกาศราชโองการฝ่าบาทน่ะท่านอำมาตย์ ว่าแต่ท่านเล่ามาที่จวนเล็กๆนี้ด้วยเหตุใดกัน"
จ้าวอันป๋อขมวดคิ้วแต่ก็ไม่สนใจ ชาวบ้านนับร้อยเป็นเขาจ้างมาให้มาดูความอัปยศของนังเด็กนี่ที่กล้าหาเรื่องสกุลจ้าว ตอนนี้มีลู่กงกงมาเป็นพยานด้วยนับว่าดี ก่อนจะเอ่ย
"ข้าน้อย มาเพื่อรับสาวใช้อุ่นเตียงให้หลานชาย เขายังคงหวานชื่นกับภรรยาเอก แต่ก็อยากให้เกียรติคุณหนูเซียวที่เคยเป็นคู่หมั้น จึงไปขอร้องข้าให้มารับนางสักหน่อย ว่าก็ว่านะเซียวอี้เซียนหลานชายข้าคนนี้นับว่ามีน้ำใจ เป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเขาก็นับว่าเจ้ามีวาสนาแล้ว คนอย่างจ้าวเฉิงมิได้หาง่ายนัก"
ลู่กงกงยิ้มในหน้า ดูท่าเขาคงออกมาก่อนที่หลานชายของตนจะนำราชโองการไปถึงสินะ แต่เสียงของดรุณีน้อยทำเอาเขาแทบสำลักอยากจะหัวเราะก็ต้องสำรวม
"เฮ้อ..ผู้อาวุโสจ้าวอย่างหลานชายท่านจ้าวเฉิงจะว่าหายากก็ไม่ยากจะว่าหาง่ายก็ไม่ง่ายนะเจ้าคะ"
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร"
"อย่างหลานชายท่าน หาได้ตามกองขยะหรือกองอาจมสิ่งปฏิกูลทั่วไป แค่ใช้เท้าเขี่ยก็เจอ แต่ที่ข้าบอกว่าจะว่ายากก็ยากเพราะน้อยคนที่จะยอมเอาเท้าไปเปื้อนอาจมหรือสิ่งปฏิกูลเหล่านั้น เพราะในเมืองหลวงรองเท้าดีๆคู่หนึ่งก็หลายร้อยอีแปะเจ้าค่ะ"
"นี่เจ้า.."
"ท่านอำมาตย์ ข้ามาประกาศราชโองการท่านยังจะถ่วงเวลาอีกนานไหม แล้วต่อหน้าราชโองการท่านกลับยืนหลังตรงจะให้ข้าทูลฝ่าบาทเช่นไรดีกัน"
จ้าวอันป๋อจำต้องคุกเข่าลง ลู่กงกงประกาศราชโองการอีกฉบับทันที
"ด้วยโองการแห่งฟ้า คุณหนูเซียวอี้เซียนบุตรีแห่งสกุลเซียวกิริยางดงาม อีกทั้งยังฉลาดเฉลียว ข้าจึงประกาศสมรสพระราชทานระหว่างหยางเทียนหลงแม่ทัพใหญ่แห่งต้าฉินกับคุณหนูเซียวอี้เซียนหลานสาวอดีตเจ้ากรมโยธาเซียวหาน พิธีมงคลสมรสจัดในอีกเจ็ดวันข้างหน้า จบราชโองการ คุณหนูเซียวรับราชโองการเถอะ"
เซียวอี้เซียนที่ตอนนี้กำลังตกใจได้ถอนหมั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในแผนการ แต่ว่าไม่ทันราชโองการจะเย็นก็ได้ผัวเฉยอะไรวะเนี่ย แถมว่าที่ผัวก็แบล็กใหญ่เสียด้วย เท่าที่รู้เขาเป็นหลานชายฮ่องเต้ หืม...กะจะเอานางไว้ใช้งานแรงงานทาสหรือไงวะ ไม่รับก็ไม่ได้ยุคนี้ฮ่องเต้ใหญ่ที่สุด อยากเห็นหน้าตาแก่นั่นจัง ได้ข่าวอายุเลยเลขสามแล้วยังไม่ยอมมีเมียบ่ายเบี่ยงจนมารดาอ่อนใจ หรือเป็นพวกนั้นแล้วแต่งนางไปเป็นไม้กันหมาวะ
"หม่อมฉันเซียวอี้เซียนน้อมรับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา"
จ้าวอันป๋อกำมือแน่น แต่งกับหนิงอ๋องหรือ นังเด็กนี่มีวาสนาเช่นนี้ได้อย่างไร เขาจึงเอ่ยขึ้น
"ลู่กงกง..นางเป็นคู่หมั้นเฉิงเอ๋อร์หลานชายของข้าแล้วจะแต่งกับหนิงอ๋องได้อย่างไรกัน เซียวหง...เจ้าทูลความเท็จอันใดต่อฝ่าบาทหรือ"
"ท่านอำมาตย์เข้าใจผิดแล้ว ดูเหมือนราชโองการที่ฝ่าบาทพระราชอนุญาตให้คุณหนูเซียวเป็นฝ่ายถอนหมั้นหลานชายท่านจะถึงจวนช้าไปหน่อยท่านจึงมาที่นี่เสียเที่ยวแล้ว นายท่านเซียวคุณหนูเซียวข้าน้อยขอตัวก่อน"
เซียวอี้เซียนลุกขึ้นก่อนจะเอาถุงเงินสอดในแขนเสื้อของลู่กงกง แล้วประคองเขาเดินไปที่รถม้า เอ่ยกับเขาบางอย่าง ลู่กงกงยิ้มให้นางก่อนจะขึ้นรถม้าแล้วกลับวังไปรายงาน จ้าวอันป๋อมองมายังสาวน้อยสายตาแทบจะฆ่านางให้ตาย เซียวอี้เซียนเดาะปากก่อนเอ่ย
"สุนัขแหงนมองจันทร์ สุดท้ายแม้แต่เงาในน้ำก็คว้าไม่ได้ ช่างน่าสงสาร อุ๊ยไม่ใช่สิน่าสมเพชยิ่งนัก ท่านพ่อเข้าเรือนเถอะเจ้าค่ะ ลูกมีเรื่องต้องจัดการกับพวกที่กินบนเรือนถ่ายบนหลังคา"
ป้าฝางกับสาวใช้ห้องซักล้างใจคอไม่ดีทันที หวังว่าคุณหนูจะไม่รู้อะไรนะ วิธีที่นางจัดการเสี่ยวลี่นับว่าเหี้ยมโหดนัก
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก