จู่ๆ ซีอีโอสาวกลายเป็นภรรยาตัวร้ายผู้บัญชาการหนุ่มที่มีลูกชายวัยน่ารัก ในอดีตชอบหึงหวงเขา การครัวไม่แตะ เรื่องบนเตียงไม่เอา แต่ทำไมตอนนี้คนสวยถึงระบมทั้งตัว เฮ้อ การรับใช้สองหนุ่มต่างวัยเปลืองแรงเสียจริง
ดูเพิ่มเติม“ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณก่อนหน้านี้ ผมจะจับใส่ตะกร้าล้างน้ำให้สะอาด อย่าลืมว่าคุณเป็นหลานสาวของท่านนายพลอัน เป็นแก้วตาดวงใจเขา และผมก็รับปากแล้วว่าจะดูแลให้ดีที่สุด”
อันหว่านถิงอยากพูดโต้แย้งเขา แต่เป็นตอนนั้นที่หล่อนอึ้งจัด และตั้งตัวไม่ทัน มือใหญ่จับท้ายทอยหล่อน ออกแรงบีบแล้วตรึงไม่ให้ขยับหนีไปไหน
อึดใจเดียวกันกลีบปากบางสีสดชื้นๆ และอุ่นจัดของเฉินซือหยางก็บดเบียดริมฝีปากที่เผยอขึ้นของหล่อน แน่นอนเขาไม่ได้เติมลมหายใจให้หญิงสาว หากกำลังตักตวงความหวานฉ่ำ ราวกับโหยหาความรสชาติเล่านี้มานาน
“อ๊ะ... อื้อ... อะ ไอ้...”
ตัวละคร
อันหว่านถิง นางร้ายในนิยาย นิสัยเหวี่ยงวีน เอาแต่ใจ
ชอบใช้ชีวิตในแวดวงสังคมชั้นสูง เมื่อต้องแต่งงานกับผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง จึงมักหาทาทางปั่นหัวสามีไม่หยุดหย่อน ทั้งตามหึงหวงสามีเสมอ
แอลลี่ ซีอีโอสาวจากโลกปัจจุบัน ถูกคู่หมั้นผลักตกจาก
หน้าผาเพราะต้องการปกปิดความสัมพันธ์ของตน
กับแม่เลี้ยงเอลลี่
เผิงน้อย เฉินรุ่ยเผิง อายุ 3 ย่าง 4 ขวบลูกชายอันหว่านถิง
เฉินซือหยาง ผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง
(ผู้ว่า-ฝ่ายปกครอง เทียบเท่านายพล)
อันเกาหาน นายพลอัน ปู่ของอันหว่านถิง
หลี่ซิงม่าย ม่ายม่าย คนรักเฉินซือหยาง (อดีตคู่หมั้น)
ลู่เพ่ยเพ่ย สาวใช้บ้านหลี่
อาเค่อ คนสวนบ้านหลี่ (เลวแต่กลับใจ)
ซ่งซู มารดาหลี่ชิงม่าย
หลี่เจ๋อฟู ลูกชายคนโตซ่งซู (หนุ่มเสเพล)
กั๋วซี จ่ากั๋ว คนขับรถเฉินซือหยาง
หวังเฮ่อ ทหารประจำบ้านพัก
อิงซิน แม่บ้านสกุลอัน (ติดตามอันหว่านถิงมาด้วย)
โธมัส คู่หมั้นในโลกคู่ขนานของ แอลลี่
หวังฉีเสียน แม่เลี้ยงแอลลี่
ถังปิน ลูกน้องในแก๊งเสือดำ
จางเซิน รองหัวหน้าแก๊งเสือดำ (พระเอกอีกคน)
“อุ๊ย...ฮึก อื้อ...หะ เหล่ากง คะ!”
อันหว่านถิงไม่เคยถูกบุรุษใดเล้าโลมถึงเพียงนี้ และเขาเป็นผู้ชายที่กำลังปลุกเร้าให้หล่อนเสพติดการเล่นสนุกระหว่างชายหญิง
นิ้วยาวๆ เขี่ยเกรสที่ฉ่ำน้ำหวานล้ำ ก่อนบีบบี้มันเล็กน้อย บีบบี้ จนหญิงสาวสั่นระริก และปรารถนาสิ่งที่เร่าร้อนกว่านี้ ให้ถลำลึกสู้พื้นที่ภายใน
“หยางเกอ... คุณทรมานฉันทำไม”
“ผัวสิ เรียกผัวให้ชื้นใจหน่อยได้ไหม”
หล่อนกระดากอาย แต่ในใจคลั่งไคล้เขาหนัก และอยากใช้คำหยาบๆ เหลือเกิน แต่หล่อนก็ได้เพียงคิดในใจ ก่อนบอกเขาว่า
“ฉัน... เอ่อ เมีย จะไม่ไหว อื้อๆ ๆ ฉันหายใจไม่ทัน!”
นางร้ายหนีตาย
ต้นศตวรรษที่ 20
เมืองฝูเจียง เขตปกครองตนเอง เมืองติดชายทะเล
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแอลลี่ซีอีโอสาวบริษัทผลิตอาหารชั้นนำของประเทศในตอนนี้ ไม่ทำให้หล่อนเสียสติก็นับว่าสวรรค์เมตตาอย่างที่สุด การฟื้นสติกลับมามีลมหายใจอีกครั้งในร่างผู้อื่นในยุคสมัยที่ต่างกันหลายสิบปี คือสิ่งเหนือความคาดมาย หล่อนต้องรีบประเมินสถานการณ์รอบตัว ภาพที่เห็นไม่ใช่ความฝัน หากเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่โชคชะตาทำให้หล่อนรอดเพื่อใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง หลังจากถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง
เหตุการณ์ของยุคปัจจุบันที่ถูกคนใจร้าย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นหลอกลวงไปเที่ยว แล้วผลักจนตกจากหน้าผาเพื่อปิดปาก ไม่ให้เปิดโปงความน่าสมเพชของเขากับแม่เลี้ยงหล่อน คือเรื่องสุดสะเทือนใจ
ยามนี้แอลลี่อยู่ในโลกที่แตกต่างและต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่จะถาโถมเข้าใส่
ส่วนเรื่องในโลกคู่ขนาน ก็ชวนให้ปวดหัวไม่แพ้กัน เจ้าของร่างมีนามว่า อันหว่านอี้ เป็นนางร้ายที่เล่นได้สมบทบาทเสมอ หล่อนกระโดดลงน้ำจากเรือลำเล็กที่จอดอยู่ ซึ่งรอการมุ่งหน้าไปขึ้นเรือรำใหญ่กว่า เพื่อออกจากเมืองฝูเจียงสู่ผืนแผ่นดินใหญ่ และนั่นคงทำให้หญิงสาวหายสาบสูญตลอดกาล สมความตั้งใจของผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร อีกทั้งเจ้าของร่างได้รับยากล่อมประสาทไปก่อนหน้านี้ หล่อนจึงคล้ายสูญเสียความทรงจำบางส่วนไปชั่วขณะ
เมื่ออยู่บนเรือลำเล็ก หล่อนก็ขอร้องเด็กหนุ่มที่คุมตัวไว้ ให้แก้มัดเชือกที่ผูกข้อมือออก ซึ่งพอลงจากเรือได้ หล่อนได้ยินเสียงร้องเจ็บปวด โอ้ ยามนั้นจึงรู้ว่า หล่อนไม่ใช่แค่หนีไปให้ไกล หากต้องมีชีวิตอยู่เพื่อทำตามคำขอร้องเขาให้สำเร็จ หาไม่แล้วบาปกรรมคงตามหลอกหลอนไม่เลิก
“คุณนาย ต้องช่วยอั๊วนะ ทำอย่างไรก็ได้ ให้แม่กับน้องพ้นจากขุมนรก อั๊วไม่อยากให้พวกเขามีชะตากรรมเลวร้ายอย่างที่แล้วมา พะ พ่อเลี้ยงอั๊วเป็นคนชั่ว ขายอั๊วให้กับแก๊งเสือดำ งานสกปรกแบบนี้ อั๊วกลัว มะ ไม่อยากทำแล้ว”
“เอ่อ นายจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม อีกอย่างใครเป็นคนจับตัวฉันมา”
“อั๊วมีชีวิตเดียว ห่วงแต่แม่กับน้อง ถ้าพี่สาวรับปากว่าพวกเขาจะปลอดภัย อั๊วยินดีสละทุกอย่าง ส่วนคนที่จับพี่สาว แก๊งเสือดำรับงานมาอีกที เรื่องนี้อั๊วไม่รู้จริงๆ พวกอั๊วแค่คนระดับล่าง”
“หมายความความว่ายังไง”
เด็กหนุ่มยิ้ม จู่ๆ ดวงตาเขาเลื่อนลอย อันหว่านอี้พอรู้ว่าแก๊งเสือดำมีการใช้สารเสพติด และยามนี้เขาคงเกิดภาพหลอน
เขาล้วงเข้าไปในเสื้อด้านใน ได้มีดสั้นปลายแหลมซึ่งชวนให้เสียวไส้ จากนั้นไม่ได้เอ่ยคำพูดใด ชั่วพริบตาเขาก็ทำให้หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลง ก่อนผลุนผลันออกจากใต้ท้องเรือ มุ่งสู่ด้านบน หล่อนมีอาการไม่สู้ดี ร่างโงนเงนไปมา เกือบสามวันไม่ได้กินสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แล้วยังถูกมีดกรีดต้นแขน แม้บาดแผลไม่ลึก หากทำให้เสียเลือด
เรื่องระยำเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เดิมเพียงน้อยใจสามี เลยคิดแกล้งเก็บกระเป๋าหอบผ้า หนีไปนอนพักโรงแรม และนัดแนะเพื่อนๆ ให้เดินทางมาจากเมืองหลวงเพื่อสนุกสนานด้วยกัน จากนั้นก็สร้างแผนให้สามีตามง้อ ซื้อของซื้อเครื่องประดับเอาอกเอาใจสักหน่อย ตั้งแต่อยู่ด้วยกัน อันหว่านถิงชอบแสดงนิสัยร้ายกาจ ทำตัวไร้เหตุผลกับเฉินซือหยางเช่นนี้ประจำ บางทีหล่อนยังเผลอตัว ตบตีเขาอย่างไม่ไว้หน้า สุดท้ายถูกเขาโยนขึ้นเตียง และร่วมรักกันอย่างดุเดือด เรื่องโง่เขลาเช่นนี้ หล่อนทำเป็นประจำ ราวกับเป็นละครฉากหนึ่งในชีวิต
ฝ่ายเฉินซือหยางย่อมพึงใจ เขาจึงเล่นเกมแมวไล่จับหนู่กับอันหว่านถิง ส่วนหล่อนเป็นโรคจิต เมื่อร้องไห้ฟูมฟายจบ ก็ขอให้เขาปลอบขวัญ พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักเพียงหล่อนตราบชั่วฟ้าดินสลาย
ทว่าหนนี้ทุกอย่างผิดพลาด หล่อนไม่ทันได้เข้าพักโรงแรม ด้วยถูกคนกลุ่มหนึ่งลักพาตัว แต่ความทรงจำส่วนนี้ขาดหาย ราวกับถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก
“ไป... รีบหนีให้ไกล”
เสียงเด็กหนุ่มดังมาจากใต้ท้องเรือ เป็นจังหวะเดียวกัน ที่หญิงสาวล้มคว่ำ ศีรษะฟาดเข้ากับขอบเรือ นานอยู่หลายวินาทีกว่าจะลุกขึ้นยืนสำเร็จ สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวคือ ต้องกระโดดลงน้ำ จุดหมายคือไปขึ้นฝั่งที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งสามารถมองเห็นด้วยสายตา และท่าน้ำแห่งนั้นอยู่ด้านหลังโรงแรมขนาดกลาง มีร้านอาหารชื่อดัง ถัดไปเป็นตรอกท่องเที่ยวชั้นนำยามค่ำคืนของเมืองเล็กๆ ฝูเจียงแห่งนี้
แอลลี่ ไม่ใช่สิ อันหว่านถิง นี่คือชื่อของเจ้าของร่างที่หล่อนมาอาศัย และต้องสวมบทหญิงสาวคนนี้อย่างสมบูรณ์ มิเช่นนั้นแอลลี่คงต้องตายอีกครั้งหากมีใครรู้ว่าหล่อนมาจากโลกอื่น แต่สิ่งที่ชวนให้สับสนต่อมาคือ หล่อนจะไปที่ไหน และใครไว้ใจได้บ้าง
เฮ้อ น่าสงสารเจ้าของร่างจริงๆ ทำตัวงี่เง่ามานาน พอต้องเอาตัวรอดก็มืดแปดด้าน กระนั้นการมีชีวิตอยู่สำคัญกว่าในตอนนี้เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน
อันหว่านถิงคนใหม่ ใช้แรงสุดกำลังเท่าที่มี พาตนเองขึ้นไปบนท่าน้ำ สองมือยึดกับขอบปูน รวบรวมพลังอยู่หลายหนกระทั่งสำเร็จ ขณะเดียวกันเมื่อมองไปด้านหลัง หล่อนเห็นว่ามีคนกำลังขึ้นฝั่งตามมา แน่นอนไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ชื่อถังปินผู้ช่วยแก้เชือกมัดหล่อน
โอ้ เห็นเช่นนี้อันหว่านถิงย่อมให้พวกเขาจับตัวหล่อนไปอีกรอบไม่ได้เด็ดขาด หญิงสาวหายใจแรง เหนื่อยหอบ รู้สึกได้ว่าหัวใจดวงน้อยอาจหลุดออกมานอกอก
หล่อนรีบประเมินสถานการณ์ คงต้องหาทางหลบคนร้ายให้พ้นด้วยสัญชาติญาณบอกว่าหนนี้ หล่อนคงไม่โชคดีเหมือนเดิม
อันหว่านถิงรู้สึกเจ็บที่แขน มันปวดจี๊ดๆ ตลอดเวลา เลือดก็ไหลจนชุ่มแขนเสื้อ
หล่อนเป็นคนเข้มแข็ง ถึงอย่างนั้นก็หน้ามืดจนได้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เดินกึ่งวิ่งเหยาะๆ ออกมาจากตรอกเล็กๆ ช่วงเวลาที่เซเสียหลักเกือบล้มฟุบกองลงบนพื้นถนน หูได้ยินเสียงบีบแตรรถ รถยนต์คันสีดำพุ่งมาด้วยความเร็ว โดยมีเป้าหมายก็คืออันหว่านถิง
หญิงสาวไม่ทันได้มองสิ่งใด รู้อีกทีหล่อนได้รับไออุ่นจัดจากผู้ชายคนหนึ่ง เขาเข้ามาประคองร่างหล่อนขึ้นจากพื้นถนน
“คุณ... ได้ยิมผมหรือเปล่า... อ้าว คุณ...”
เสียงทุ้มจัดติดความห่วงใยถึงหล่อน น่าแปลกใจเหลือเกินที่อันหว่านถิงสัมผัสได้ถึงเยื้อใยและแรงสิเน่หาจากเขา ราวกับนานมาแล้วที่เจ้าของร่างกับอันหว่านถิงได้ผูกด้ายแดงร้อยใจเอาไว้กับบุรุษที่สวมชุดทหารยศสูงผู้นี้
ถึงคุ้นเคย ทว่ากับมีม่านหมอกจางๆ ปิดกั้นสิ่งที่เกี่ยวกับเขา ไม่นะ... ตัวละครนี้ ความทรงจำในอดีตถูกควักหายไปจริงๆ หรือ
“คุณ...”
เฉินซือหยางถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยเสียงเข้มกว่าเดิม ถึงแม้โล่งใจที่สุดท้ายก็พบหล่อน แต่มีแผลบาดเจ็บ เสื้อผ้าเปียก ทว่าไม่มีส่วนใดบุบสลาย เขาจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตนออก และใช้มันห่อร่างทรงเสน่ห์เอาไว้
ตัวเมืองฝูเจียงในสายตาของอันหว่านถิงยามนี้ แตกต่างจากตอนที่หล่อนปีนขึ้นจากท่าน้ำเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศคึกคัก แบ่งพื้นที่เป็นสองด้านชัดเจน คือพื้นที่เช่าของต่างชาติ และตรอกการค้าทั้งเก่ากับใหม่ เรียกว่าสะอาดสะอ้านทันสมัย ผู้คนล้วนมีเงินทอง เป็นเขตปลอดสงครามโดยแท้จริง ทั้งมีทหารประจำการเป็นจุดๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนด้านหลังสุดมีสะพานข้ามเชื่อมต่อ แบ่งเขตด้วยประตูลวดหนาม คือเขตของชุมชนดั่งเดิม เป็นอาคารสูงตั้งแต่สองชั้นถึงห้าชั้นและสลัมที่ไม่น่าชมนัก ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดสักหน่อย มีอาชีพค้าขาย ใช้แรงงาน เรียกว่าหาเช้ากินค่ำก็ไม่ผิดไปจากนั้น อีกฝั่งหนึ่งของเมืองก็มีโรงงานต่างๆ เป็นพื้นที่นิคมเมืองฝูเจียง สูงขึ้นไปด้านเหนือ เป็นภูเขาไป๋ซาน เฉินซือหยางให้จ่ากั๋ว หรือ กั๋วซีขับรถไปรับอันหว่านถิงที่บ้านพัก และอันหว่านถิงมาพร้อมกับลูกชาย และอิงซิน เพื่อให้ช่วยดูแลเขาด้วย พร้อมหวังเฮ่อก็ถูกเรียกตัวเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ “ป้าอิง พาเผิงน้อยไปรอผู้บัญชาการที่ห้องรับรองโรงแรมดีกว่า บริเวณนี้เสียงดัง และดูวุ่นวายเกินไป ส่วนฉันอยากเดินเล่นสักนิดหน่อย”
อันหว่านถิงไม่อยากเชื่อหูตนเอง เมื่อก่อนหล่อนสนิทสนมกับหลี่เจ๋อฟู และไม่รู้จักรักษาเกียรติของตนถึงเพียงนั้นหรือ หญิงสาวมองไปทางอิงซินอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหล่อนหาทางออกสำหรับตัวเองไม่ได้ เพียงแต่สมองต้องการเวลาประเมินผลเรื่องราวแต่หนหลังสักหน่อย ขณะเดียวกันลูกชายหล่อนก็ให้หวังเฮ่อช่วยจอดรถจักรยาน จากนั้นก้าวตรงมายืนขวางหลี่เจ๋อฟู ไม่ให้เขาเข้าใกล้แม่ “ป่าป๊า หะ ให้ เผิงน้อยเฝ้าบ้าน หะ ห้าม คนบะ บ้านหลี่ มะ มา ยุ่ง ชิ้วๆ ๆ” ถึงคำพูดเด็กชายจะติดอ่างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตลูกเล็กๆ นั้นเอาเรื่องน่าดู อีกทั้งเขากำหมัดแน่น ซึ่งไม่ใช่ท่าทางแบบอันธพาล หากดูแล้วคล้ายบอดีการ์ดตัวจิ๋วมากกว่า “ตี๋น้อย... ลื้อเป็นเด็ก จะไปรู้อะไร อั๊วเอาของมาฝากแม่ลื้อ และถ้าอยากกินลูกอม เดี๋ยวแบ่งเศษของเหลือให้ไปแทะเล่น” หลี่เจ๋อฟูบอก พร้อมเตรียมผลักเฉินรุ่ยเผิงที่ขวางทางออกไป หากอันหว่านถิงไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนโพล่งเสียงดังทรงอำนาจ “คุณชายใหญ่หลี่ สามีฉันไม่อยู่ ตอนนี้ไม่สะดวกรับแขก อีกอย่างที่นี่บ้านพักผู้บัญชาการฯ ปกติเข้าออกต้องมีการตรวจอย่างเคร่งคร
บอดี้การ์ดของหม่าม้า หลายวันต่อมา ในช่วงที่อันหว่านถิงอยู่บ้านพักผู้บัญชาการ ทั้งหล่อนและลูกชาย ได้รับการตรวจสุขภาพกับหมอตีนเปล่า ซึ่งดูแลในพื้นที่ดังกล่าว แผลของหล่อนที่ถูกมีดกรีดบริเวณต้นแขนนั้นหายเกือบเป็นปกติ โชคดีไม่มีแผลเป็น ส่วนเฉินรุ่ยเผิงมีสิ่งเดียวที่น่าวิตก คือบางทีเขาหงุดหงิดง่าย และเริ่มมีพฤติกรรมส่งเสียงดัง ก้าวร้าวเกินควร ส่วนอาการติดอ่างก็คงต้องค่อยๆ แก้ไขต่อไป ฝ่ายเฉินซือหยางได้รับการเรียกตัวเข้าเมือง และให้หวังเฮ่อส่งข่าวว่า จะอยู่ที่นั้นจนกว่าภารกิจจะเรียบร้อย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมงาน รวมถึงวางแผนรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติ เพื่อหาทางรับมือไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งด้านการค้า การศึกษา รวมถึงเผยแพร่ศาสนา นอกเหนือจากนั้น คนขับรถเฉินซือหยางแจ้งว่า บ่ายนี้จึงถึงช่วงค่ำ เขามีเวลาว่างจึงอยากชวนหล่อนไปซื้อของด้วยกันที่ตลอดในเมืองฝูเจียง และดูหน่วยงานของรัฐบาลกับเอกชนที่กำลังจัดงานเปิดบ้านต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ฝ่ายหล่อนมีหน้าที่ดูแลเฉินรุ่ยเผิง รวมถึงความเรียบร้อยของบ้านทั่วไป ทว่าหลายวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มติดใจรสมือหล่
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่
เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง “หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า” เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา “หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ “เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบ
ความคิดเห็น