คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจส่งจดหมายก่อนที่คุณชายริคจะเดินทางมาถึง เพราะว่าเวลาไม่นานร่างสูงปีกสีดำขนาดใหญ่ก็บินมาถึงบ้านของเขาเสียแล้ว แสดงว่าร้อนใจจะไม่สามารถนั่งรถม้าหรือรถค้างคาวมารับได้เลยสินะ เด็กคนนี้ต้องมีดีอะไรพอสมควรเลย
ปึง!
"กระรอกน้อย! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม! ใครทำอะไรหรือเปล่า! " คียร้อนใจจนไม่สามารถบังคับตนเองได้แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจแล้วล่ะก็...คฤหาสน์หลังนี้พังไม่เป็นท่าแน่ๆ
"ทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วยพะยะค่ะ ใจเย็นลงก่อน" เทรเลอร์ตอบกลับอย่างใจเย็น ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอาการแบบนี้ออกมา ปกติเป็นคนสุขุม รอบคอบ ใจเย็น ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยซะแล้วสิ
"จะให้เย็นได้ยังไง ความต่างของเผ่าพันธ์มันเยอะขนาดนี้"
"แถมกลิ่นเลือดยังหอมหวานชวนให้ดื่มตลอดเวลา ข้าไม่ไหวใจเจ้า! สวิต เทรเลอร์"
"รัชทายาท ใจเย็นลงก่อนพะยะค่ะ" เมล์ห้ามปรามเจ้านายของตนทันที ไม่มีความจำเป็นต้องไปเดินตามเกมส์ของคนตระกูลสวิต
"ต่อให้ท่านจะฆ่าเขาเสียตรงนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณชายริคอยู่ที่ไหน" ท่าทีของคีย์โอนอ่อนลงทันที คนรับใช้ตระกูลโฟลช์ถูกขัดเกลามาให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ และห้ามปรามกษัตริย์มารุ่นต่อรุ่นรวมถึงครั้งนี้ก็ได้ผลเช่นกัน ไม่อยากจะยอมรับแต่ตระกูลนี้มีอำนาจเหนือทุกตระกูล มีอำนาจล้นเหลือจักรวรรดิแต่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
"ยังทำงานดีเหมือนเดิมเลยนะ คนของตระกูลโฟลช์" ชาร์ทีเริ่มทำสงครามน้ำลายต่อจากผู้เป็นนายทันที
"ไม่เหมือนคนตระกูลคอสหรอก รู้ทั้งรู้ว่าไม่สมควรสอดเรื่องเจ้านายก็ยังทำ"
"ท่าทางจะไม่ได้รับการอบรมที่มากพอ ทำยังไงก็ไม่มีทางขึ้นมารับใช้วรรณะกษัตริย์ได้หรอก"
"เมล์! เจ้า! " ชาร์ทีถึงกับเลือดขึ้นหน้าทันทีที่พูดถึงตระกูลของตนเอง ถึงจะไม่อยากยอมรับนักแต่อบรมสั่งสอนมันช่างแตกต่างกันจนน่าโมโห
"ก่อนจะกล่าวหาว่าร้ายผู้อื่น เจ้าไม่ลองมองย้อนดูตัวเองบ้างรึ"
แกร๊ก!
"ของว่างมาแล้ว ท่านพี่มาได้ยังไงครับ" ใบหน้าหวานมีสีหน้างงงวยพลางเกาหัวของตนเองไปด้วย เขาไปเข้าห้องน้ำแล้วดันเกิดหลงทางไปเจอห้องครัวของที่นี่เข้า ดันอยู่ทำของว่างจนเพลินว่าแต่ตอนนี้มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมบรรยากาศมาคุเช่นนี้แต่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศเมื่อกี้ไปจนหมดแล้ว
"เจ้าใช้ครัวของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ กล้าดียังไง" เทรเลอร์หาเรื่องคนอายุน้อยกว่าทันที ถึงแม้ว่าหน้าตาของมันจะน่ารับประทานมากทีเดียว ปกติแล้วผู้ชายมักจะทำอาหารไม่เป็นแต่มนุษย์ผู้นี้ทำเป็นที่ว่าน่าสนใจไม่น้อย
"ขอโทษครับพอดีมันพลั้งมือ เห็นห้องครัวแล้วมันเลยเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว" ท่าทางของริคสลดลงในทันที ความชื่นชอบในการทำขนม ของหวาน เค้กมันอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่เด็กจะให้เปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอก
มือหนาหยิบขนมดังกล่าวที่ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรเข้าปาก เพราะเขามั่นใจในรสชาติว่ามันต้องอร่อย และจะต้องเป็นวิชาที่เรียนมาจากอีกโลกหนึ่งอย่างแน่นอน สีหน้าของริคสดชื่นขึ้นเยอะที่เห็นว่ารัชทายาทมาช่วยตนเองไว้ มือหนาโอบไหล่ด้วยความหวงแหนพลางเอ่ยถ้อยคำที่คนทำอาหารหรือขนมอยากฟังมากที่สุดออกมา
"อร่อยมากเลยกระรอกน้อย ตอนกลับวังอย่าลืมให้ข้ากินด้วยนะ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชมเพื่อไม่ให้คนที่เขารักต้องมีท่าทีสลดแบบนี้ การที่พวกเขาทะเลาะกันไม่เกี่ยวกับเด็กคนนี้ เขาไม่ควรมารองรับอารมณ์อะไรทั้งนั้น
"จะกินได้เเน่เหรอ วางยาพิษหรือเปล่าก็ไม่รู้" เทรเลอร์ยังคงต่อว่าริคไม่ยอมหยุด
"คุณชายริคคือผู้ชายจำนวนน้อยที่สามารถทำของหวานได้น่ารับประทาน อีกทั้งรสชาติยังอร่อยจนท่านจักรพรรดิและท่านจักรพรรดินีก็ออกปากชม คุณชายสวิตไม่ควรพูดจาดูถูกทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้แม้แต่จะลิ้มลองรสชาติของมันเลยขอรับ ทำแบบนั้นมันงามสำหรับแวมไพร์ที่เป็นถึงคุณชายสูงส่งที่มีเชื้อพระวงศ์ด้วยรึ" เมล์เป็นฝ่ายตอกกลับบ้างในเมื่อมันเหมือนจะไม่จบง่ายๆ
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าหาคุณชายหัวรั้นอย่างเทรเลอร์โดยไม่เกรงกลัวอะไร หยิบขนมในจานใส่ปากอย่างเบามือ ในเมื่อไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไงก็ต้องชิมเสียก่อน ไม่ใช่มาตัดสินจากคนทำว่าเป็นเผ่าพันธ์ใด ชนชาติไหน มาจากตระกูลไหน
"ทุกคนไม่ต้องเถียงกันขอรับ ข้าว่าลองชิมก็สิ้นเรื่อง"
"แล้วค่อยมาพูดว่ากินได้หรือไม่ได้กันแน่ มาตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกจะได้อะไร"
"ทีนี้รู้หรือยังขอรับ ว่าอร่อยหรือไม่" เสียงหวานถามด้วยรอยยิ้มเหมือนโลกทั้งใบสดใสไปเสียทุกอย่าง เสียงขบเคี้ยวยังคงดังอยู่ในหัวของเทรเลอร์และรสชาติคือไม่หวานไม่ขมเกินไป ขนมที่เด็กคนนี้ทำอร่อยอย่างที่เมล์ชมจริงๆ
"อร่อยอย่างที่เจ้านั่นบอก" ถึงเทรเลอร์จะเอ่ยปากชมแต่ก็ไม่ได้มีสีหน้ายินดีอะไรมากมาย ส่วนหนึ่งอาจจะกลัวเสียหน้าที่ว่าร้ายไว้เยอะแต่เจ้าตัวดันทำอร่อยขึ้นมา
"ดีแล้วขอรับ ถ้างั้นพวกเรากลับกันเลยท่านพี่"
"ข้าว่าอาหารว่างที่ทำเผื่อไว้น่าจะพอกินรองท้องถึงวัง" ผมพยายามเร่งให้กลับวังเดิมดีกว่าต้องมาทนทำสงครามประสาทที่นี่ ไม่งั้นรอบนี้ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก
"คิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ เหรอ ช่วยทำอาหารให้ข้ากินหน่อยสิ" เทรเลอร์สั่งแกมบังคับเพราะเขาอยากรู้ว่ามนุษย์คนนี้ทำอาหารอย่างอื่นอร่อยเหมือนกันหรือไม่
"ขอโทษด้วยขอรับ ข้าทำเป็นแต่ของว่าง ขนม ขนมเค้ก อาหารหลักทำไม่เป็น" ปล่อยให้กลับเถอะ ไม่อยากจะอยู่กับพวกนี้นานไปมากกว่านี้แล้ว
"งั้นกระรอกน้อยก็ทำเมนูแบบที่เคยทำให้ข้ากินกับมาร์แชลดีไหม หรือมีเมนูอื่นที่ทำได้" คีย์นึกขึ้นได้ว่ามีบางเมนูที่คนอายุน้อยกว่าพอทำได้
"มันก็ยังไม่ใช่อาหารจานหลักพะยะค่ะ เอาเป็นว่าจะทำชิฟฟอนเค้กรสช็อกโกแลตชิฟ แล้วทางท่านก็ทำอาหารจานหลักเหมือนเดิม แบบนี้ดีไหมครับ" ริคตัดสินใจใช้ข้อสรุปในที่สุดแล้วเดินตรงไปยังห้องครัวทันที ทิ้งไว้ให้เหล่าแวมไพร์ทำสงครามกันต่อไป
"เจ้ามีแผนอะไรในใจ เทรเลอร์" คีย์ไม่รอช้าเปิดประเด็นทันที
"ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ข้าก็แค่เริ่มสนใจมนุษย์ผู้นั้นเท่านั้นเอง" เทรเลอร์โต้ตอบอย่างที่ตนเองต้องการทันที
"เจ้าเกลียดมนุษย์ขนาดนี้ แม้แต่ในส่วนที่เจ้าปกครองยังไม่เคยไปเยี่ยมประชาชนที่เป็นมนุษย์"
"แล้วจะมาสนใจมนุษย์อะไรตอนนี้"
"ความถือดีนั้นมันทำให้ข้าอยากครอบครองเขา" เทรเลอร์บอกพลางฉายแววตาสีแดงฉานของสัญชาติญาณดิบทันที ไม่เคยมีใครขัดขืนเขาแม้แต่วินาทีสุดท้ายของชีวิตนอกจากเด็กคนนี้ ไหนจะกลิ่นเลือดที่หอมหวานชวนติดลิ้นอีก
"กระรอกน้อยเป็นของข้า เจ้าไม่มีสิทธิมาแตะต้อง"
"ข่าววงในบอกมาว่าคุณชายริคยังไม่ได้ตอบตกลงหมั้นกับใคร ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน"
"เจ้า! "
ผัวะ!
"โอ๊ย! นี่เจ้ามาตบหัวข้าทำไมเนี่ยเมล์" คีย์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ตกลงใครเป็นนายใครเป็นบ่าวกันแน่ บางทีเขาเองก็สับสนเหมือนกัน
"หม่อมฉันบอกแล้วว่ารัชทายาทจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ทำตัวขาดสติเวลาคุณชายริคไม่อยู่แบบนี้ แล้วต่อไปจะเป็นสามีที่ดีได้อย่างไรกัน"
"หึ! นี่สินะ สิ่งที่ตระกูลรับใช้อื่นไม่มี" เทรเลอร์บอกพลางยิ้มมุมปาก สิ่งที่ตระกูลโฟลช์มีแต่ตระกูลอื่นไม่มีก็คือความกล้าหาญที่จะตักเตือนผู้เป็นนายของตนเองโดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกลงโทษหากสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมของจักรวรรดิ
ห้องครัวของทุกตระกูลไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมายนัก ทั้งขนาดและอุปกรณ์ในการทำอาหารมีมากพอที่จะทำให้พ่อครัวเกินสิบคนทำแล้วไม่ต้องยืมอุปกรณ์กันเลยสักนิดเดียว ช่วงขาเรียวเดินหาวัตถุดิบต่างๆ ที่ต้องใช้ด้วยตนเองโดยไม่ได้ถามใครเลยสักคนจนชาร์ทีแปลกใจว่ามนุษย์ของจักรวรรดิไม่ได้รับอนุญาตให้อ่านภาษาของปีศาจแบบพวกเราแล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงอ่านออก
ไม่ได้อ่านออกธรรมดาดูเหมือนจะคล่องตัวมากกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก ทั้งท่วงท่าในการทำ วิธีการหยิบจับ มันเหมือนคนที่เคยทำมาตั้งแต่เด็กจนเคยชิน ไม่ใช่ฝีมือของพวกสมัครเล่นชัดๆ องค์รัชทายาทไปเจอเด็กคนนี้มาที่ไหนกันแน่ เรื่องราวมันชักจะน่าสงสัยเข้าไปทุกที่ ตอนที่ให้คนไปตามสืบมาก็ไปจบที่องค์จักรพรรดินี ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลตันไม่ได้อะไรเพิ่มเติม
ไม่มีใครกล้าเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยงเด็ดขาด หากเรื่องนี้องค์จักรพรรดินีมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้วล่ะก็...จะต้องเป็นคนที่ถูกใจไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว แต่มันก็แปลได้หลายความหมายทั้งในทางที่ดีที่อยากปกป้อง ในทางตรงกันข้ามคือเก็บไว้เล่นงานคนเดียวและจะไม่มีใครช่วยได้เลยแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ตาม
"ชิฟฟอนเค้กช็อกโกแลตชิฟมาแล้ว ข้าทำเผื่อทุกคนด้วย หยิบกินในครัวได้เลยนะ" เสียงหวานบอกพลางส่งยิ้มหวานให้กับทุกคนในห้องอาหาร ความเป็นกันเองนี้ทำให้ทุกคนตกหลุมรักโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“เรื่องอื่นเดี๋ยวไปพูดคุยกันที่เมืองหลวง หลังจากทำงานเสร็จวันนี้จะต้องเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาวันเกิดของไวท์”“พะยะค่ะ รัชทายาท”“แล้วข้าล่ะ รัชทายาท”“ท่านเป็นอาจารย์ของไวท์ ก็ไปเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงสิแต่กลับไปตระกูลของตนเองก่อนแล้วค่อยเข้าเมืองหลวงมาใหม่”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เขาเฝ้ามองเด็กคนนี้ตั้งแต่ได้รับหน้าที่ของนายหญิงที่ปกครองดินแดนแห่งนี้มา พบว่ามีความสามารถในการทำงานและการปรับตัวสูงมาก รวมถึงการฝึกซ้อมที่เห็นประจำในช่วงตื่นนอนขึ้นมานั้น เหมือนทำเป็นประจำมากกว่าจำใจทำเสียอีก“จะทะลุแล้วครับ มีอะไรหรือเปล่า” จ้องขนาดนี้เหมือนจะกินข้าวไม่ลงเลย มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า“ทำไมสวยขนาดนี้”“ว่ายังไงนะครับ” ใบหน้าหวานแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำชม รีบตักอาหารเข้าปากแถมไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วย
“แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกคือแม้แต่รัชทายาทเองก็โดนแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ถึงจะตามหายังไงมันก็จะเหมือนเดิมเพราะคนที่อยากเป็นใหญ่มีอยู่มาก จึงจะเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้นยังไงล่ะ ลูกศิษย์ของข้า” เอิรล์ฟาร์ดอนบอกพลางทำท่าครุ่นคิดเรื่องราวทั้งหมดไปด้วย“เล่ามาให้ละเอียดเลยดีกว่า เอิรล์ฟาร์ดอน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาขัดการซักถามและต้องการคำตอบที่ละเอียดกว่านี้เขาใช้พลังของตนเองในการบังคับให้อีกคนเปิดปากพูดออกมามากกว่าเดิม รังสีของแวมไพร์สูงศักดิ์ออกมาเป็นจำนวนมากทีเดียว แต่ว่าถ้านับตามอายุขัยกันแล้ว อายุขัยของเอิรล์ฟาร์ดอนนั้นมากกว่าจึงไม่ได้รู้สึกตกใจกับพลังแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังแหย่เด็กเล่นเสียมากกว่า“พะยะค่ะ รัชทายาท” รัชทายาทพยายามระงับอารมณ์เอาไว้เพราะขุนนางตรงหน้าไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย แถมยังทำท่าเหมือนสนุกอยู่ด้วย แบบนี้ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่“ระหว่างทางกลับมายังพระราชวัง เหมือนมีคนจงใจจะลอบสังหารลูกศิษย์ของข้า แล้วพวกข้ารับใช้สังเ
แต่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนของจักรวรรดิทางเชื้อพระวงศ์ให้เป็นเรื่องราวเพื่อเข้ารับการทดสอบเหมือนกับคนอื่นที่ผ่านมา มันเป็นบททดสอบที่ยากแต่ทุกคนก็จำเป็นต้องผ่านไปด้วยกันให้ได้“วันนี้ออกไปซื้ออุปกรณ์สำหรับการเรียนเพิ่มกันเถอะขอรับ” เอิรล์ฟาร์ดอนชวน“ไปสิ จะได้ดูหนังสือด้วยว่าจะซื้ออะไรดี”“ข้าจะไปเตรียมรถม้าให้ขอรับ” เฟลิกซ์บอกพลางเดินออกไปล่วงหน้าเขาเดินออกมาให้คำสั่งแก่คัสซัสให้เตรียมรถม้าและให้คลาวน์ออกเดินทางไปพร้อมกัน รวมถึงตัวของเขาเองก็จะไปด้วยเช่นกัน แต่ทว่า...“ไม่ให้คำสั่งแก่ข้างั้นหรือ เอิรล์ทอม” เอิรล์สตุฟเฟลถามด้วยความสงสัย“ข้าเห็นว่าเป็นเพียงการออกไปซื้อของเท่านั้น แล้วมีผู้ติดตามคนสนิทออกไปสองคนกับอัศวินประจำวังอีกสองสามคนน่าจะเพียงพอแล้ว เพราะทางฝั่งของเอิรล์ฟาร์ดอนน่าจะมีเช่นกัน”“แต่การไปหลายคน...”“ท่านไวท์สั่งให้พ
“วันเกิดของผมมันคือสัปดาห์หน้าแล้วนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางยิ้มหวานเพราะว่าเขาไม่ได้บอกวันเกิดของตนเองมาก่อน ยังไงก็น่าจะมีแต่คนตกใจกันแน่นอน“เจ้าว่ายังไงนะ! สัปดาห์หน้างั้นหรือ!” มือหนาทุบโต๊ะด้วยความตกใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ คิดว่าอีกสักสองสามเดือนจะถึงเสียอีก ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดทันทีหลังจากได้ยินคำตอบ“ผมส่งเอกสารแจ้งวันเกิดไปพร้อมกับการทำงานแล้ว น่าจะมีประกาศออกมาเร็ว ๆ นี้ครับ”“ทำไมเจ้าทำอะไรไม่ปรึกษาข้าก่อน” เสียงทุ้มต่ำถอนหายใจออกเบา ๆ พยายามระงับอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้“ยังไงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ จะช้าหรือเร็วพวกเขาจะต้องออกมาเคลื่อนไหวและหาทางกำจัดผมไปให้พ้นทางอย่างแน่นอน การประกาศวันเกิดออกมาครั้งนี้จะทำให้เริ่มคิดถึงจำนวนผู้ต้องสงสัยลดลงไปกว่าครึ่ง คนที่ให้ความสนใจกับวันเกิดจนเกินงามมีโอกาสสูงที่จะไม่หวังดี”“ข้าคิดว่าคนที่เงียบต่างหากที่ไม่อยากเปิดเผยตัว
“ข้าจะถามเพียงคำถามเดียว หากใดจึงได้เลือกที่จะรับใช้รัชทายาท เพราะเหตุใด แล้วหลังจากนี้ตั้งใจจะทำอันใดต่อไป” คำถามเดียวที่ยาวขนาดนี้ น่าจะเหมือนสามคำถามมากกว่า ทุกคนคิดในใจและพากันมองหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา“ข้ามาเพราะมีคำสั่งจากท่านไวท์ขอรับ หากได้รับการอนุญาตจะมาคอยรับใช้และดูแลรัชทายาทขอรับ”“ข้าเลือกมาด้วยตัวเอง เพราะอยากกลับมารับใช้องค์รัชทายาทครั้นเก่าก่อน และจะคอยรับใช้ตลอดอายุขัย”หลังจากคำตอบของทั้งสองแล้ว ใบหน้าหวานใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่นานจนทำให้ทุกคนในห้องต่างพากันลุ้นไปด้วยว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เพราะเป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยากทีเดียว“ทั้งสองคนจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาดูแลพวกเราที่บนตำหนักแต่จะมีเจ้านายคนละคนกัน เจ้าที่ตอบเพราะว่าข้าเป็นคนสั่งจงมาทำงานกับข้า ส่วนเจ้าอีกคนข้าจะให้มาคอยดูแลรับใช้รัชทายาท ส่วนเรื่องตำแหน่ง...ข้าจะตัดสินใจอีกครั้ง บอกชื่อมาสิ”“ทำไมกระรอกน้อยถึงให้ค
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา