Share

บทที่ 8  

Author: ลิ่วเยว่
หลงจ่านเหยียนสบสายตาอันคมกริบของนาง “ฮูหยินผู้เฒ่าไหว้พระสวดมนต์มานานหลายปี ไม่ทราบว่าได้เรียนรู้อะไรมาจากพระพุทธองค์บ้าง? ความใจดำอำมหิตไร้ซึ่งความเมตตา? ความไร้น้ำใจไร้ความชอบธรรม? หรือความโหดเหี้ยมทารุณ? หรือว่า จะเป็นการส่งหลานสาวแท้ ๆ ของตนเองไปตายเพื่อแลกกับเกียรติยศและความมั่งคั่งมาสู่ตระกูล?”

“หือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยิ้ม “เจ้าคิดจะพูดอะไร? พูดออกมาให้หมดเถิด!”

อ้อ? แบบนี้ก็ไม่โมโหหรือ ดูเหมือนที่ศึกษาคำสอนพระพุทธองค์มาจะมีประโยชน์อยู่หน่อย ๆ

หลงฮูหยินตะโกนห้ามหลงจ่านเหยียนทันที “ไร้มารยาท รีบขอขมาท่านย่าซะ!”

หลงจ่านเหยียนไม่สนใจหลงฮูหยิน เอ่ย “ข้ายอมตกปากรับคำว่าเข้าวังก็ได้ เพียงแต่ ฮูหยินผู้เฒ่าท่านต้องยอมรับเงื่อนไขหนึ่งข้อของข้าเสียก่อน!”

ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบา ๆ ขนคิ้วที่ยาวและมีสีขาวเลิกขึ้นเล็กน้อย แฝงความโกรธกรุ่นไว้อย่างเลือนราง “เจ้ามีสิทธิ์จะมาตั้งเงื่อนไขต่อรองกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

“เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็สวดภาวนาอ้อนต่อเบื้องหน้าองค์พระพุทธไปเสียเถิด อธิษฐานให้ฝ่าบาทสวรรคตทันทีหลังข้าเข้าวังไปแล้วกัน มิเช่นนั้น ต่อให้ข้าได้เป็นฮองเฮาแม้เพียงวันเดียว ก็อย่าได้หวังเลยว่านับจากนี้จวนแม่ทัพจะได้อยู่อย่างสุขสงบ”

หลงฮูหยินขึงตาจ้องนาง รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหายไปในพริบตา คิ้วขมวดลงอย่างดุดัน ดวงตาขุ่นมัวคู่หนึ่งสะท้อนประกายอำมหิตสว่างวาบออกมา

หลงจ่านเหยียนกลับไม่รู้สึกกลัวนาง เพียงแต่ยกดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นสบตากับนางตรง ๆ คิดจะอวดอำนาจอะไรต่อหน้าผู้เฒ่าที่มีชีวิตอยู่มานานหลายร้อยปีอย่างนางงั้นหรือ?

คิดจะอวดเบ่งด้วยความอาวุโสใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ก็ควรดูอีกฝ่ายด้วย นางหลงจ่านเหยียนผู้คุมกฎของสามโลกจนถึงบัดนี้ มีอายุสามร้อยกว่าปี ไม่ว่าภูตผีวิญญาณปีศาจร้ายที่บำเพ็ญเพียรมาแล้วหลายพันปีสักกี่ตนเมื่ออยู่ต่อหน้านาง ก็มีแต่ตกใจกลัวตัวสั่นสะท้านทั้งสิ้น ไหนเลยจะกล้าท้าทายอำนาจซึ่งหน้าเช่นนี้? ชัดเจนว่ายายแก่คนนี้ขาดการอบรมสั่งสอน!

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มออกมา แววตายังคงเยือกเย็นเหมือนเก่า แต่กลับเอ่ยปากว่า “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ดูเหมือนยายแก่อย่างข้าจะสูงวัยแล้วจริง ๆ ถึงได้มีตาหามีแววไม่ มองไม่ออกว่าแม่หนูเหยียนของพวกข้าเก็บซ่อนความสามารถได้ลุ่มลึกเพียงนี้มาตลอด ว่ามาเถิด เจ้ามีเงื่อนไขอะไร!”

หลงจ่านเหยียนเอ่ย “เงื่อนไขของข้าง่ายแสนง่าย ข้าต้องการให้มารดาผู้ให้กำเนิดข้ามีฐานะเป็นฮูหยินเอกของตระกูลหลง เข้าสู่ศาลบรรพชนตระกูลหลง ขึ้นโต๊ะบูชาเทพ ได้รับการจุดธูปสักการะและการบูชาจากตระกูลหลง!”

“ไม่ได้ เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสีย!” ไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลงส่งเสียง หลงฮูหยินก็แผดเสียงร้องคัดค้านขึ้นมาทันควัน ดวงตารูปสามเหลี่ยมหงายขึ้นคู่นั้นของนางเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ จ้องหลงจ่านเหยียนด้วยไฟโทสะที่เดือดระอุ ผิดไปจากความอ่อนโยนและความนิ่งสงบของเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

ฮูหยินผู้เฒ่าหลงมองนางอย่างเฉยชา “เจ้าจะเดือดเนื้อร้อนใจไปไย? คนตายไปแล้ว เจ้ายังคิดเล็กคิดน้อยเพียงนี้อีกหรือ?”

หลงฮูหยินฟังจากน้ำเสียงของนาง ก็รู้ทันทีว่านางมีเจตนาพร้อมยินยอมแล้ว จึงรีบเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “มารดาของนางเป็นเพียงสาวใช้ต้นห้องข้างหนึ่งเท่านั้น จะให้ขึ้นแท่นบูชาเทพเจ้าด้วยชื่อฮูหยินเอกได้อย่างไรเจ้าคะ? เช่นนั้นไม่เท่ากับนางใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มข้าหรือเจ้าคะ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าหลงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “คำพูดนี้ เก็บไว้พูดกับข้าอีกครั้งตอนเจ้าตายไปแล้วเถิด ถึงอย่างไรนางก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวที่จะได้เข้าวังไปเป็นฮองเฮา ก็ถือว่าได้ทำคุณงามความดีเพื่อตระกูลหลงแล้ว เจ้าจะใจกว้างกว่านี้สักนิดไม่ได้เชียวหรือ? ไม่เช่นนั้น เจ้าก็ส่งลูกสาวของตนเองไปเข้าวังแทนสิ?”

หลงฮูหยินอึ้งไป บุตรีของนาง จะให้ส่งไปตายในวังได้อย่างไร? แต่ขณะเดียวกัน นางหรือจะยอมให้นางบ่าวรับใช้ชั้นต่ำคนนั้นขึ้นโต๊ะบูชาเทพได้รับการจุดธูปสักการะจากตระกูลหลง?

นางใช้สายตาที่แฝงด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมองไปทางหลงฉางเทียน ทว่าหลงฉางเทียนกลับกลัวความยุ่งยาก ไม่อยากจะคิดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “ทั้งหมดนี้ ให้ท่านแม่เป็นผู้ตัดสินขอรับ!”

ฮูหยินผู้เฒ่าหลงรับคำในลำคอ “เช่นนั้นก็ทำตามนี้เถิด!”

พูดจบ นางก็มองหลงจ่านเหยียนด้วยสายเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยว่า “แม่หนูเหยียน สิ่งที่เจ้าขอเป็นไปดังปรารถนาแล้ว เรื่องต่อจากนี้ จัดการเองตามความเหมาะสมเถิด ยายแก่อย่างข้าไม่สนใจเรื่องในจวนนานแล้ว ถึงวันออกเรือน ก็ไม่ต้องมาโขกศีรษะกล่าวลาด้วย!”

หลงจ่านเหยียนผุดยิ้มออกมาบาง ๆ ย่อมไม่จำเป็นอยู่แล้ว ถึงวันออกเรือน นางคือฮองเฮา ส่วนนางก็แค่ฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสอง อยู่ในสายตาของคนในวัง ขุนนางเก้ามิ่งขั้นสองอย่างนางครั้นถึงคราวส่งหลานสาวออกเรือน ก็จำเป็นต้องคุกเข่าลงน้อมส่งเสด็จตามพิธีการของกษัตริย์และราษฎร คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนาง มีหรือจะยอมทำเช่นนี้? ทว่า คนอย่างหลงจ่านเหยียนมีหรือจะยอมให้เป็นไปอย่างที่นางต้องการ?

บ่าวรับใช้ประคองนางเดินออกไป ครั้นเดินมาถึงระเบียงทางเดิน หมัวมัวข้างกายก็เอ่ยถามขึ้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านจะให้มารดาของแม่หนูเหยียนขึ้นบนโต๊ะบูชาเทพจริงหรือเจ้าคะ? ตั้งแต่โบราณมาถึงวันนี้ ไม่เคยมีสาวใช้ต้นห้องคนใดได้รับการจุดธูปสักการะในฐานะฮูหยินใหญ่มาก่อน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะไม่กลายเป็นที่ขบขันของผู้อื่นหรือเจ้าคะ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างรังเกียจ “สำหรับคนใกล้ตาย ทุกคำสัญญาล้วนเป็นคำพูดลวงได้ทั้งสิ้น !” 
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 400

    “อ๊า...” นางส่งเสียงร้องอนาถออกมา ลมข้างหูราวกับกรอกเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ในใบหน้าเต็มไปด้วยลม นางแทบจะไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ความรู้สึกเสียน้ำหนักทำให้ลมหายใจของนางถูกดักไป ทรวงอกมีความรู้สึกเหมือนจะระเบิดนางยังร่วงลงไปไม่หยุด ก็ขณะที่นางนึกว่าตัวเองต้องร่างแหลกเหลวขาดอากาศตายนั้น ก็ราวกับถูกใครฉุดไหล่ขึ้น จากนั้นก็พุ่งพรวดขึ้นมา ในตอนที่นางคืนสติก็ยืนอยู่บนผิวพื้นแล้วหมอกควันตรงหน้าสลายไปฉับพลัน ทิวทัศน์เบื้องหน้าค่อย ๆ แจ่มชัด นางยังไม่ทันมอง ได้แต่หายใจกระหืดกระหอบ“ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”นางหอบหายใจชะงักงัน จึงเห็นจ่านเหยียนยืนอยู่ตรงหน้า“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” อาเสอพบว่าตัวเองเนื้อตัวเปียกปอน มีหยดน้ำไหลติ๋ง ๆ จากเส้นผม“เจ้าเกือบจมน้ำตายแล้ว” จ่านเหยียนกล่าวเรียบอาเสอตกตะลึง เมื่อหันไปมอง นางเห็นเพียงทะเลสาบที่คนขุดอันกว้างขวาง ทะเลสาบมีใบบัวเป็นแถบ ๆ บดบังน้ำใสในทะเลสาบ“เมื่อครู่ข้าอยู่กลางอากาศชัด ๆ” อาเสอไม่รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้นานมากแล้ว“เจ้าเข้าค่ายกลลวงวิญญาณ” จ่านเหยียนลากแขนของนาง ครั้นกระโดดขึ้นเบา ๆ ปลายเท้าของจ่านเหยียนแตะอยู่บนต้นดอกท้อทีหนึ่งก็ตกอยู่หน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 399

    พระราชครูพาถงจื่อซั่งกลับอารามซานชิงที่เขาพำนักอยู่อารามซานชิงตั้งอยู่ในวังหลวง อยู่ทางตะวันตกของวังหลวง ห่างจากตำหนักเย็นเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้นอาเสอตามเขาติด ๆ เขาก็เหมือนจะพบอาเสอแล้วเหมือนกัน ผ่อนความเร็วฝีเท้าเล็กน้อย หันกลับมามองเป็นระยะ ฉีกริมฝีปากยิ้มจาง ๆอาเสอตามไปติด ๆ แต่ขณะอยู่ในป่าดอกท้อกลับไม่เห็นร่องรอยของเขาอาเสอวนไปวนมา แต่ก็ออกจากป่าดอกท้อไม่ได้ ดอกท้อโรยราหมดแล้ว กิ่งไม้งอกใบเขียวอ่อนรับกับสายลมเริงระบำอาเสอวนอยู่ในป่าดอกท้อหลายรอบ วกไปวนมา สุดท้ายกลับหยุดอยู่สถานที่เดิม ๆอาเสอรู้ว่าตัวเองเข้าม่านอาคมที่พระราชครูวางไว้แล้ว นางจึงยืนนิ่งแล้วหลับตาฟังเสียงลมแยกแยะตำแหน่งจากนั้นก็เดินไปตามทางลม แต่... หลังจากที่นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ลมก็นิ่งไป ในอากาศราวกับมีกลิ่นหอมจาง ๆ อย่างหนึ่งลอยมา นางพูดในใจว่าแย่แล้ว แต่นางสูดกลิ่นหอมเข้าไปแล้ว หัวสมองมึนงงทันใดป่าดอกท้อตรงหน้าหายไปฉับพลัน หมอกควันมวลหนึ่งพวยพุ่งตรงหน้า ท่ามกลางความขมุกขมัว นางเห็นแผ่นหินทางเดินทอดยาวออกไป นางลังเลขณะหนึ่ง ก่อนจะเหยียบแผ่นหิน สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางหมอกควันหนาทึบขึ้นเรื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 398

    ช่างลำบากใจเขามากจริง ๆ เพื่อความสุขของหลงอู่ เขาเป็นทุกข์เป็นร้อนเหลือเกินนายท่านเฉินมองคุณหนูเฉิน “เซียงเอ๋อร์ เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”คุณหนูเฉินใช้พัดกลมปิดบังใบหน้า เอ่ยด้วยความขวยเขินเล็กน้อย “ทุกอย่างสุดแต่ท่านพ่อจะตัดสินใจเจ้าค่ะ”หวังติ่งทังได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็รู้ว่าสำเร็จแล้ว จึงอมยิ้มเอ่ย “นายท่านเฉิน หลงอู่ผู้นี้ถือว่าเป็นน้องชายบุญธรรมของข้า ตอนนี้น้องสาวของข้าหมั้นกับคุณชายบ้านท่าน น้องชายบุญธรรมของข้ายังแต่งกับบุตรสาวของท่าน คิดดูแล้วเราสองครอบครัวช่างเป็นญาติที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นจริง ๆ”นายท่านเฉินก็ดูดีใจมากเช่นนั้น ถอนหายใจเอ่ย “ไอ้หยา หลานหวัง วันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่งนัก เจ้าไม่รู้เรื่องข้าคิดหนักเรื่องแต่งงานของเซียงเอ๋อร์มานานเท่าใดแล้ว หากเป็นครอบครัวทั่วไป ย่อมตัดใจให้นางไปตกระกำลำบากไม่ได้ หากเป็นตระกูลใหญ่...”นายท่านเฉินพูดถึงตรงนี้ก็ไม่พูดต่อ หวังติ่งทังไม่เข้าใจความหมาย เพียงพูดด้วยความยินดี “ตอนนี้เรื่องมงคลสองครอบครัวได้กำหนดแล้ว เช่นนั้นคุณหนูเฉินออกเรือนก่อน จากนั้นก็คุณชายแต่งงาน ดูว่าวันใดจะเป็นฤกษ์ยามมงคล จะเลือกวันจัดเสียทีเดียว ขอเพียงคุณหนูเฉินออก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 397

    ราชครูถงอยู่ในตำหนักฉือหนิงกับจงเสี้ยน วางร่างของถงจื่อซั่งไว้ที่ตำหนักหลัก จงเสี้ยนสั่งให้คนในตำหนักออกไปพร้อมเชิญพระราชครูมา“พระราชครู? เขายังอยู่ในวังหรือ?” ราชครูถงถามด้วยความประหลาดใจพระราชครูคือคนของเขา รับผิดชอบยุแยงตะแคงรั่วกับอดีตฮ่องเต้ แต่หลังจากอดีตฮ่องเต้สวรรคต เขาเคยบอกว่าจะลากลับภูเขา ไม่นึกว่าตอนนี้ยังไม่ไป“เขาไปแล้ว แต่กลับมาเมื่อช่วงก่อน วิชาพรตของเขาล้ำเลิศกว่าแต่ก่อนมาก ดูสิว่าเขาจะช่วยชีวิตจื่อซั่งได้หรือไม่” จงเสี้ยนเอ่ย“จื่อซั่งหมดลมไปแล้ว ต่อให้เขามีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศแล้วจะทำอะไรได้?” ราชครูถงเอ่ย“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านยังไม่เชื่อว่าโลกนี้มีหลาย ๆ เรื่องที่เราไม่สามารถอธิบายได้หรือ? ท่านคิดว่าหลงจ่านเหยียนก็คือลูกสาวของหลงฉางเทียนจริงหรือ? ท่านพี่ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย แม้เราจะหาคนมา แต่เบื้องหลังจะมีคนสับเปลี่ยนตัวหรือไม่ก็ไม่รู้” จงเสี้ยนเอ่ยจากใจ“เจ้าคิดว่าหลงฉางเทียนกล้าสับเปลี่ยนตัวหรือ? ต่อให้เขามีพันหัวเขาก็ไม่กล้าหรอก” ราชครูถงหัวเราะเสียงเย็น“หลงฉางเทียนไม่กล้า แต่ท่านกล้าพูดว่ามู่หรงหล่างเทียนไม่กล้าหรือ? ตอนนั้นทุกคนคิดว่าเขาหมดสติ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 396

    จ่านเหยียนหัวเสียเล็กน้อย “สบายใจได้ ข้าต้องคืนชุดให้ท่านแน่”“เช่นนั้นก็ดี!” มู่หรงฉิงเทียนกล่าวจบก็เดินอาด ๆ ไปจ่านเหยียนคับอกคับใจกับเงาหลังของเขานานระยะหนึ่งจึงหมุนตัวกลับตำหนักบรรทมอย่างกรุ่นโกรธอาเสอกลับมาเห็นจ่านเหยียนหงุดหงิดอยู่คนเดียวในห้องจึงถาม “เป็นอะไรไปหรือ? ใครทำให้ท่านโกรธ?”“เปล่า!” จ่านเหยียนถือเข็มกับด้ายอยู่ในมือ เย็บเป็นเส้นตะขาบ แล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “เจ้าว่าเขาหมายความว่าอย่างไร?”“ใครหมายความว่ายังไง?” อาเสอถามด้วยความสับสนจ่านเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่มีอะไรแล้ว”“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ใครทำให้ท่านโมโห? มู่หรงฉิงเทียนหรือ?” อาเสอถาม“เขาทำให้ข้าโกรธได้หรือ? เขาเป็นอะไรกับข้า?” จ่านเหยียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์อาเสอมองนางด้วยความอยากรู้ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่นะ น้ำเสียงการพูดของท่านมันมีปัญหา เขาไม่เป็นอะไรกับท่านจริง ๆ นั่นแหละ เขาจะทำอะไรย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน แล้วท่านมาผายลมอยู่นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงเป็นคนหยาบคายอย่างนี้?” จ่านเหยียนอารมณ์ขึ้น คว้ารองเท้าปักลายบนโต๊ะแล้วไล่ฟาดนาง “เจ้ายังมีคำพูดอะไรที่ทุเรศกว่านี้อีกไหม? พูดก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 395

    อาเสอจึงได้แต่ส่งเหมย หลาน จู่และจวี๋ออกจากวัง ที่ทำก็เพราะกลัวว่าพวกเขาจะถูกฆ่าปิดปาก นางจ้างรถม้าส่งออกนอกเมืองในคืนนั้น แล้วล้วงเงินให้พวกเขาจำนวนหนึ่งต้าเหมยรับเงินมาแล้วดึงแขนเสื้อของอาเสอ ถาม “โปรดบอกคุณหนูใหญ่ บุญคุณครั้งนี้ ชาตินี้ต้าเหมยไม่มีวันลืม หากมีโอกาสต้องตอบแทนแน่”อาเสอเอ่ย “ไม่หวังให้พวกเจ้าตอบแทน ถึงเวลาอย่าถูกคนหลอกใช้ก็พอ หนีเอาตัวรอดเถอะ ราชครูถงไม่ปล่อยพวกเจ้าไปหรอก”ทั้งสี่ขึ้นนั่งรถม้าหนีเอาตัวรอดหลังจากที่อาเสอไป ต้าเหมยก็ให้สารถีหยุดรถ “ข้าจะกลับเมืองหลวง”อาจู๋ดึงเขาไว้ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ราชครูถงไม่ปล่อยเราหรอก”ต้าเหมยกระโดดลงรถม้าแล้วมองทั้งสามคน “คุณหนูใหญ่ไม่เคยเอาเปรียบเรา กระทั่งเวลานี้ก็ยังเป็นห่วงชีวิตของเรา ข้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะกลับไป”“เจ้ากลับไปแล้วจะทำอะไรได้?” อาจู๋ถามต้าเหมยนิ่งเงียบพักหนึ่ง “ไม่รู้ แต่กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วพูดอีก “ชาตินี้เราอยู่ใต้น้ำลายคนอื่น ไม่เคยได้รับความเคารพจากใคร แต่คุณหนูใหญ่เห็นพวกเราเป็นคนจริง ๆ ข้าอยากเป็นคนอย่างแท้จริง ข้าไม่อยากเร่ร่อนเหมือนสุนัขไร้บ้าน”กล่าวจบเข

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status