ปัจจุบัน
เสียงกรี๊ดร้องด้วยความเจ็บใจและคับแค้นของคณิตายังคงก้องอยู่ในหัวยามที่เผลอคิดไปถึงสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นในวันนี้
ถ้าเปรียบเป็นละครเรื่องหนึ่งก็คงเป็นละครน้ำเน่าเรื่องยาวที่ยังไม่จบบริบูรณ์แต่ก็ต้องมีตัวละครใดตัวละครหนึ่งถูกขีดฆ่าออกไปจากเรื่อง เพื่อจบตอนเท่านั้น และเธอขอเป็นตัวละครที่ถูกนักเขียนขีดฆ่าออกจากเรื่องก็แล้วกัน
ละครเรื่องนี้จะยังคงดำเนินต่อไป ภานุกานต์ยังคงต้องวุ่นวายกับเรื่องของคณิตาอีกนานเพราะสาวเจ้าไม่น่าจะเป็นคนที่ยอมแพ้ง่าย ๆ
และนั่นก็คงเป็นผลของการนอกใจไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน
ละครชีวิตเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อก็แล้วแต่บุญนำกรรมแต่งของแต่ละคนก็แล้วกัน บทบาทของเธอมันจบแล้ว...จบกันที
ศศิรินทร์ยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้งและบอกเล่าให้คนรอฟังอยู่ได้รับรู้ “สุดท้ายเขาก็แต่งกับคนอื่นที่เขาและครอบครัวมองว่าเหมาะสมกว่ายัยนั่น”
“มันก็สะใจนะที่ยัยนั่นไม่สมหวัง แต่ก็ไม่สุด ใจนึงฉันคิดว่าฉันรักเขามากก็เลยเสียใจ แต่อีกใจมันก็ต่อต้านว่าฉันไม่ได้พูดเพื่อให้เขาง้อ แต่ต้องการจะตัดขาดจริง ๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยากได้เขา แต่ก็รู้สึกไม่ยินยอมที่เห็นเขายิ้มหน้าระรื่นควงคนอื่น...คุณว่าฉันผิดมั้ย” หญิงสาวบอกเล่าแล้วก็หันมาอย่างมีคำถามที่ก็รู้แก่ใจดีว่าคนนอกคงไม่สามารถให้คำตอบได้ดีเท่าเธอให้คำตอบตัวเอง
จริง ๆ แล้วความรู้สึกตอนที่เห็นเจ้าสาวคนใหม่มันเป็นอะไรที่ทำให้เธอสับสน การได้เห็นสิ่งที่คุณหญิงศิกานต์ทำกับคณิตาในวันนี้เธอควรจะโล่งใจ สบายใจที่ยัยเพื่อนทรยศไม่สมหวัง แต่เธอกลับรู้สึกน่าหงุดหงิด จะว่าเสียใจ เสียดาย หรือขัดใจดีก็ยังเรียกไม่ถูก...เหมือนมันรวม ๆ กันไปหมด
มันไม่คล้ายหวงก้าง แต่มันก็ไม่ใกล้เคียงกับคำว่ายินดี...เธอผิดหรือไม่ที่รู้สึกอย่างนั้นทั้งที่ปฏิเสธภานุกานต์ไปเอง
“ไม่ผิดหรอก”
คนทำหน้าที่รับฟังตอบก่อนจะยกมือสั่งเครื่องดื่มเพิ่มและหันกลับมาพูดต่อราวกับมองเห็นเข้าไปลึกถึงจิตใจข้างในของคนปรับทุกข์ “คุณเพียงแค่เจ็บใจที่เห็นเขาลอยหน้าลอยตายิ้มระรื่น คุณไม่แต่ง หนึ่งเพราะคุณทำใจไม่ได้ สองคุณอยากให้เขาขายหน้าให้สมกับที่ทรยศคุณ แต่เขาดันไม่ยกเลิก ซ้ำยังแต่งกันคนอื่นขายผ้าเอาหน้ารอดไปได้ คุณก็เลยเจ็บใจ...ลึก ๆ คุณก็แค่รู้สึกว่า ทำไมคนที่หักหลังคุณถึงไม่ได้รับผลอะไรทั้งที่คุณเจ็บปวด”
“เชื่อผมมั้ย คุณไม่ได้รักเขาหรอก คุณเพียงแค่ผูกพันแล้วคิดว่ามันคือความรักก็เลยอิน สมองมันเลยสั่งการว่าเนี่ยคือความเสียใจจากการเสียเขาไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันเป็นแค่การเสียใจที่ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ และเจ็บใจที่คนที่ทำกับคุณยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้”
“ทำไมคิดว่าฉันไม่ได้รักเขา” ถามไปแล้วหญิงสาวก็นิ่งคิดตาม ทำไมคำพูดของผู้ชายคนนี้มันถึงได้เหมือนกับแทงใจดำกันก็ไม่รู้สิ
หรือเธอไม่ได้รักภานุกานต์จริง ๆ
ชายหนุ่มแปลกหน้าที่รับฟังหญิงสาวปรับทุกข์มานานยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะตอบไปตามที่ตนคิด “ถ้าคุณรักเขา...คุณจะให้อภัยเขาได้แม้ว่าเขาจะทำผิดแค่ไหนก็ตาม”
“ถ้าคุณรักเขา ท่าทีของคุณต้องแย่มากกว่านี้ และคุณมีเวลาตั้งนานกว่าจะถึงวันแต่งงาน แต่คุณไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนใจ นั่นก็เพราะคุณไม่ได้รักเขาจนถึงขั้นขาดเขาไม่ได้...แต่ผมก็แค่คาดเดาเท่านั้น เราจะรู้จักว่าความรักจริง ๆ มันเป็นยังไง ก็ต่อเมื่อเราเจอคนที่เราพร้อมจะตายแทนเขาได้โน่นแหละ”
“ก็คงจะจริง” คนคิดตามพึมพำก่อนจะจมไปกับความคิดของตัวเองจนได้ข้อสรุปกับตัวเองจึงได้พูดต่อ “พอลองคิดเล่น ๆ ว่ามีคนเอาปืนมาจ่อหัวฉันกับเขา ให้ฉันเลือกว่าจะให้ใครรอด ฉันก็คงเลือกตัวเองอย่างไม่ลังเลเลย เฮ้อ...พอคิดได้แบบนี้ค่อยโล่งหน่อย”
“ใช่มั้ยละ คิดเสียว่าก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าไปคิดมากกว่านี้เลย”
“ใช่...ฉันเดินผ่านตรงนั้นมาแล้ว ฉันไม่ต้องไปคิดอะไรเกี่ยวกับจุดที่ผ่านมาแล้วอีก”
“ใช่ เขาพูดว่าอะไรนะ อืม...” เขาครุ่นคิดก่อนจะดีดนิ้วเมื่อคิดคำที่วัยรุ่นชอบพูดกันได้ “อ้อ มูฟออน มูฟออนได้แล้ว”
“อึก ใช่ ฉันต้องมูฟออนไปข้างหน้า จะรักไม่รักหรืออะไร ไม่ต้องไปสนใจ สนใจชีวิตตัวเองดีกว่า” คนคิดได้พูดแล้วก็ยกยิ้มอย่างคนตัดใจได้
จากนี้ไปก็แค่สนใจชีวิตตัวเองก็พอสินะ
คนเราคิดน่ะมันคิดง่าย แต่ทำนั้นมันยาก ศศิรินทณ์ถอนใจอีกครั้งกับความคิดที่วนเวียนมาก่อกวน “ฉันคิดว่ามูฟออนก็ดีนะ...แต่ก็ยังเจ็บใจ อยากแก้แค้นอยู่ดี...แต่ก็ไม่อยากเปลืองแรง”
รังสิมันตุ์มองใบหน้าที่ยิ่งมองก็ยิ่งแดงก่ำเพราะฤทธิ์น้ำเมาครู่นึง ก่อนจะพูดเสนอความคิดที่ตนคิดได้ในตอนนี้ “ผมมีวิธีแก้แค้นโดยไม่ต้องเปลืองแรงนะ อยากฟังมั้ย”
“ทำยังไง”
“ยิ้มให้มาก ๆ ให้เวลากับความสุขตัวเองให้เยอะ ๆ และรักตัวเองเข้าไว้ ไม่ต้องไปทำอะไรคนพวกนั้นหรอก”
“แล้วมันจะเป็นการแก้แค้นตรงไหน” รักตัวเองมันจะเป็นการแก้แค้นได้อย่างไรกัน เขาเมากว่าเธอแล้วหรือไงนะ
“สมัยนี้เขาไม่ได้วัดกันที่ชัยชนะ เขาวัดกันที่ความสุข ใครมีความสุขกว่าคนนั้นคือคนที่ชนะอย่างแท้จริง อดีตเพื่อนคนนั้นลึก ๆ เขาอิจฉาคุณ เขาเลยอยากแย่งคนของคุณและทำให้คุณทุกข์ใจ เขาเห็นคุณร้องไห้ก็คงจะมีความสุขและคิดว่าตัวเองชนะ แต่ถ้าคุณทำให้เห็นว่าเขาทำไม่สำเร็จ คุณยังมีความสุข แฮปปี้ในทุก ๆ วัน ความอิจฉาคงได้จุกอก”
พูดแค่นั้นชายหนุ่มก็ส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยกำลังใจมาให้พร้อมกับพูดต่อ “จำไว้นะ ยิ้มเข้าไว้ แล้วทุกอย่างจะดี”
สิ่งที่ผู้ชายแปลกหน้าพูดถูกใจศศิรินทร์เป็นที่สุด และทั้งที่ไฟมีเพียงแสงสลัวทำให้มองเห็นไม่ชัดแต่เธอกลับรู้ว่าเขากำลังยิ้มมาให้อย่างอบอุ่น มันทำให้หญิงสาวตาพร่าไปครู่ใหญ่แต่แล้วหญิงสาวก็พยายามดึงสติของตัวเองเอาไว้พร้อมกับเลื่อนแก้วที่ยังเหลือน้ำสีอำพันอยู่กว่าครึ่งไปชนแก้วทันที “อึก ฟังดูดี คุณแนะนำได้ดีมาก มา ๆ ชนแก้ว ๆ”
“มา ๆ ดื่มกัน” เธอพูดแล้วก็กรอกเหหล้าลงคอราวกับน้ำเปล่าก่อนจะหันไปสั่งบาร์เทนเดอร์
ชายหนุ่มถอนใจน้อย ๆ ทั้งที่บอกให้รักตัวเองแท้ ๆ แต่คนตรงหน้าก็เหมือนจะไม่รักตัวเองเอาซะเลย พักใหญ่ ๆ แล้วที่เธอสั่งแบบออน เดอะ ร็อคเหมือนเขามาดื่ม และมันก็ทำให้เธอเมาเร็วกว่าบลู กามิกาเซ่เป็นเท่าตัว และตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเมาจนการพูดจาไม่เหมือนเดิมแล้ว
จะไหวมั้ยเนี่ยแม่คุ๊ณ
งานเลี้ยงรุ่นจัดขึ้นที่ร้านอาหารของหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่นในอีกสามวันต่อมา ไม่มีอะไรที่ทำให้ศศิรินทร์หนักใจได้เท่ากับธีมของงานปีที่ค่อนข้างจะแตกต่างออกไปจากทุกปีธีมชุดนักเรียนเนี่ยนะ?“ซอโซ่ แต่งตัวเสร็จหรือยัง เราเข้าไปนะ” เสียงของรังสิมันตุ์ที่อยู่ด้านนอกเรียกให้คนกำลังแต่งตัวได้สติอีกครั้ง หญิงสาวรีบร้องห้ามทันทีแต่ก็ไม่ทันจึงทำได้เพียงยกมือปิดหน้าด้วยความอับอาย“หยุดนะ อย่า...”“น่ารักออก”“แต่มัน...” ไม่มั่นใจเลยสักนิด เธออายุเลขสามแล้วนะ มาใส่ชุดเหมือนเด็กสิบเจ็ดสิบแปดแบบนี้นี่มัน...เขินชะมัดเลย“ไม่ต้องเขินหรอก เราก็ใส่ เห็นมั้ย”“เธอใส่แล้วดูดี แต่เราใส่แล้วมัน...”“สวย...สวยจนทำให้นึกถึงครั
เพราะทุกอย่างราบรื่นเกินไปศศิรินทร์จึงรู้สึกแปลก ๆ ทว่ามันก็เป็นเรื่องที่แปลกจริง ๆ จะไม่มีเรื่องมันเป็นไปไม่ได้หรอกและศศิรินทร์ก็รู้ทันทีว่าไม่ง่ายก็ตอนที่พลอยขวัญเดินเข้ามาหาในตอนที่เธออยู่เพียงลำพัง เด็กสาวยังคงมีท่าทีเชิด ๆ อยากกับนางร้ายในละครก่อนจะเอ่ยออกมา “คิดว่าทุกอย่างราบรื่นแล้วเหรอ”“คิดผิดแล้ว เพราะจริง ๆ แล้วน่ะพี่ไม่ได้หัวใจพี่ซันหรอก”“หมายความว่ายังไง”“จะบอกให้เอาบุญก็แล้วกัน พี่ซันน่ะมีคนที่รักปักใจมาตั้งแต่มัธยมแล้ว พี่อะแค่ตัวแทนเท่านั้นล่ะ” พลอยขวัญพูดแล้วก็ยกยิ้มอย่างเป็นต่อ “ไม่เชื่อก็ลองเปิดดูในลิ้นชักโต๊ะพี่ซันซิ ในนั้นน่ะมีความในใจพี่ซันส่งถึงรักปักใจของเขาอยู่ เข้าใจไว้ซะว่าพี่ก็แค่ตัวแทน ไม่ใช่คนในใจ”พูดแค่นั้นพลอยขวัญก็จากไป ศศิรินทร์พยายามไม่คิดอะไรแต่สุดท้ายก็เก็บเ
บ้านของรังสิมันตุ์อยู่กับอย่างเรียบง่าย พ่อของเขายังไม่เกษียณจึงยังไปทำงานพร้อมกับน้องสาวฝาแฝดของเขาอยู่ ส่วนแม่นอกจากจะไปงานต่าง ๆ ตามที่ถูกเชิญแล้วก็ยังเป็นชาวนาสวนผสม ก่อนจะไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารแม่แสงดาวก็พาเธอแวะไปดูข้าวในนาของท่านที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งท้อง“แต่กี้แม่โตกับแม่แล่นเล่นกันอยู่แถวนี่ล่ะ ยามหน้านากะดำนานำกัน ยามเกี่ยวข้าวกะเกี่ยวซ้อยกัน(เมื่อก่อนแม่เรากับแม่วิ่งเล่นกันอยู่แถวนี้แหละ ถึงฤดูทำนาก็ดำนาด้วยกัน ถึงเวลาเกี่ยวก็เกี่ยวช่วยกัน)” การพูดคุยกับแม่ของคนรักหญิงสาวคิดว่าคงจะไม่พ้นเรื่องวัยเด็กของเขา ทว่าเรื่องเล่าครั้งแรกของคุณนายแสงดาวไม่ใช่เรื่องของรังสิมันตุ์เหมือนที่ศศิรินทร์คิดแต่เป็นเรื่องของแม่ ๆ ที่ท่านดูจะคิดถึงเป็นอย่างมาก“ตอนน้อย ๆ แม่โตติดแม่คัก ไปไสกะไปนำกัน บางมื้อกะพากันไปป่วนผู้ใหญ่จนถืกไล่ตีนำกัน(ตอนเล็ก ๆ แม่เราติดแม่มาก ไปไหนก็ไปด้วยกัน บางวันก็พากันไปป่วนผู้ใหญ่จนถูกไล
“ฉันว่าแล้วว่าสุดท้ายแกก็ต้องใจอ่อน” เสียงเจือยแจ้วของภาสกรที่ดังอยู่ไม่ได้มีท่าทีอ่อนอกอ่อนใจ หรือขัดใจกับการตัดสินใจของคนเป็นเพื่อน กลับกันภาสกรกลับยิ้มภูมิใจกับความเป็นศศิรินทร์ที่ใจดีกับคนที่ควรใจดี ถ้าศศิรินทร์ให้อภัยและช่วยเหลือคนอย่างคณิตา อันนั้นเขาคงเคือง แต่กับสุนิสา หลังจากได้ฟังถึงเหตุและผลที่ทำให้เธอคนนั้นทำเรื่องต่าง ๆ ไปแล้วก็เห็นใจอยู่เหมือนกัน คนที่ผิดโดยไม่ได้ตั้งใจก็ควรได้โอกาส ถูกมั้ยล่ะแต่คนที่หลอกใช้และยุยงนั่นสิที่ไม่สมควรให้อภัย“แต่กับนังตัวยุแยง แกห้ามใจอ่อนเชียวนะโซ่ ฟ้องมันให้หนักเลย” ไม่วายโยงไปถึงคณิตาที่มีส่วนยุแยงสุนิสา กับสุนิสาเพื่อนจะให้อภัยเขาไม่ว่า แต่กับนทีที่คิดจะเลื่อนขาเก้าอี้รวมไปถึงคนอย่างคณิตา...ปล่อยไว้ไม่ได้“คราวนี้ฉันไม่อยู่เฉย ๆ แน่นอน ฉันจะฟ้องนทีให้ถึงที่สุด ส่วนคณิตา...ในเมื่อสาวเจ้ายุแยง เป่าหูคนอยู่ลับหลัง ฉันก็จะค่อย ๆ ตัดท่อน้
ตาคู่คมจดจ้องมองเรือนกายเล็กที่หลับไหลไร้สติมีสายระระโยงระยางรอบกายอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวดพลางกุมมือเล็กเอาไว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ“ตื่นขึ้นมาได้มั้ยโซ่ เราคิดถึงเธอเหลือเกิน”“อึก” เสียงสะอื้นจากกฤติกาและพิชญาดาไม่ได้เข้าหูของรังสิมันตุ์แม้แต่น้อย เขาแนบหน้าลงกับนิ้วเรียวสวยที่ไร้ความเคลื่อนไหวปากก็พึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่ยอมหยุดจนคนที่ลอบสังเกตการอยู่อดสงสารไม่ได้ ก็น่าสงสารอยู่หรอกนะที่หญิงคนรักมีสภาพเจ้าหญิงนิทราแบบนี้ แต่ก็สมควรแล้ว...ตาย ๆไปซะเลยก็ดีท่ามกลางความโศกเศร้ากระแสข่าวใหญ่ บิ๊กบอสแห่งเดอะชายน์ เอนเตอเทนเมนต์ประสบอุบัติเหตุใหญ่จนอยู่ในอาการโคม่าก็แพร่ว่อนโลกโซเชียล ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั้งทางดีและไม่ดี มีทั้งข่าวว่าอาการไม่ได้หนักอย่างที่เป็นข่าวและข่าวว่าบิ๊กบอสของชายน์ได้จากไปแล้วข่าวที่ออกมาทำให้ทั้งบริษัทปั่นป
ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะเร็วเกินไปเหมือนจะค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นหลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริงจัง พอนึกย้อนกลับและถามตัวเองว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกรังสิมันตุ์มาเป็นคู่ชีวิตที่จะจับมือกันไปตลอด ในตอนนี้ไม่มีความลังเลอีกแล้วและคำตอบของเธอก็คือ...เธอคิดไม่ผิดเลยที่เลือกเขาเผลอแป๊บเดียวก็เดินด้วยกันมาได้กว่าสองเดือนแล้ว แต่การเดินทางด้วยกันตลอดระยะเวลาสองเดือนกลับไม่เคยมีการทะเลาะหรือความคิดเห็นไม่ตรงกันร้ายแรงเกิดขึ้น รังสิมันตุ์ในเวลาทำงานเขานิ่งสุขุม และค่อนข้างจะดุสมกับที่เป็นพี่รองของทีมซึ่งมีภาวะผู้นำรองลงมาจากคนเป็นพี่ใหญ่ ส่วนเวลาอยู่ด้วยกันเขากลับทำตัวเป็นเหมือนเด็กชายที่อยู่ในโอวาทบ้าง เกเรบ้าง แต่ก็ไม่เคยขัดใจจริงจังเวลามีเรื่องอะไรเขามักจะให้เธอเป็นคนตัดสินใจและออกความเห็นบ้าง แต่ก็ไม่เคยขัดใจหรือมีท่าทีต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ออกจะยอมให้เธอหลายส่วนทำเอาเพื่อนร่วมงานเขาแทบจะหาว่าพี่รองกลัวเมียไ