พระราชวังหลวงของต้าหมิงนับได้ว่าใหญ่โตมากนัก
มีตำหนักขององค์จักรพรรดิที่งดงามใหญ่โตกินพื้นที่กว้างขวาง ประกอบได้ด้วยตำหนักน้อยใหญ่และเรือนอีกมากมายล้อมรอบ
ทว่าที่ห่างออกมาจากพระราชวังชั้นในส่วนพระองค์ก็ใหญ่โตและกว้างขวางไม่แพ้กันก็คือทิศบูรพาของพระราชวัง
ภายในตำหนักบูรพา ลึกเข้าไปยังเรือนหลักของตำหนัก หมิงเสียงกง หนึ่งในสถานที่ส่วนพระองค์ของรัชทายาทหมิงเฉิง
บนที่นั่งอันโออ่าลวดลายประณีตสีทองอร่าม มีเรือนร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีดำสนิทแผ่บารมีของผู้สูงศักดิ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เขาเพียงนั่งนิ่งๆ ไร้การเคลื่อนไหว ทว่าท่าทางทรงพลังน่าเกรงขามกลับแผ่กลิ่นอายสังหารเป็นวงกว้างอยู่รอบด้าน สร้างความหวาดหวั่นสั่นสะพรึงให้เหล่าบริวารเกินพรรณนา
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยไรหนวดเขียวครึ้ม เสริมให้เกิดความดำทะมึนหนาวเหน็บปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ดวงตาเรียวดำลึกล้ำทอประกายเฉียบคมตลอดเวลา ยามมองกราดเพียงแวบเดียวก็แผ่รังสีชั่วร้ายออกมา บ่งบอกได้ถึงอันตรายไร้ขีดจำกัด ทำเอาบ่าวไพร่พากันขนลุกเสียวสันหลังวาบ
หมิงเฉิงโบกมือเบาๆ เพื่อไล่ขันทีออกไปอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากฟังคำรายงานเกี่ยวกับการส่งอนุหลายนางเข้าวังมา ในยามที่เขามิได้อยู่ประจำตำหนักบูรพา อีกทั้งยังมีราชโองการแต่งชายาเอกในอีกสามเดือนข้างหน้า
ชายหนุ่มได้ฟังก็ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อันใดออกมาเลยแม้แต่น้อย
สตรีที่ถูกส่งเข้ามาให้เขาล้วนแล้วแต่เป็นเบี้ยทางการเมือง หาได้มีค่าอันใดทั้งสิ้น ไม่ต่างอันใดจากตัวประกันเพื่อคุมเชิงมิให้หลายสกุลใหญ่กล้าเหิมเกริมก็เท่านั้น
แค่มดปลวก จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ไม่นับเป็นอะไร!
เมื่อขันทีและเหล่านางกำนัลออกไปแล้ว พลันมีหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งย่างกรายนวยนาดเข้ามาด้วยกิริยาแช่มช้อย
นางสวมอาภรณ์บางพลิ้วชวนวาบหวามหวิวใจไม่เบา เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของรัชทายาทหนุ่ม แล้วยอบกายระหงลงต่ำเผยเนินเนื้ออวบอิ่มที่โผล่พ้นสาบเสื้อกว้างอย่างจงใจล่อลวง พลางเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำ
“หม่อมฉันเซียงเซียง พร้อมปรนนิบัติพระองค์เพคะ”
เจ้าของร่างงามสง่าเพียงปรายหางตามองนางนิ่งๆ
เซียงเซียงช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน ดวงตาของนางหยาดเยิ้มชวนหลงใหล ริมฝีปากแต้มชาดบนใบหน้าราวเทพธิดาคลี่ยิ้มได้งดงามจับตาละมุนละไม นางกล่าวอย่างออดอ้อนอีกคราว่า “ขอพระองค์ทรงเกษมสำราญเพคะ”
จบคำก็ขยับกายหอมกรุ่นเดินอ้อมมาหยุดอยู่เบื้องหลังร่างแกร่งแล้วเอื้อมมือเรียวเสลานุ่มนิ่มราวไร้กระดูกขึ้นมาตรงไหล่กว้างที่มีเนื้อตึงแน่น แล้วนวดคลึงเบาๆ อย่างยั่วเย้ายวนใจ ริมฝีปากนิ่มชื้นก็กระซิบเสียงหวานเจือกระเส่าที่ข้างหูรัชทายาทหนุ่มว่า
“ทรงถอดเสื้อออกดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะได้...อ๊ะ!”
เอ่ยยังไม่ทันหมดประโยค ร่างอ้อนแอ้นก็ถูกวงแขนล่ำสันข้างหนึ่งโอบเอวบาง ฝ่ามือหนาอีกข้างก็จับกระชับตรงหน้าอกอวบตึงหยุ่นนุ่มล้นทะลักเอาไว้มั่น จากนั้นอาภรณ์บางเบาก็ถูกฉีกดังแควก เปิดเปลือยเนื้อนวลขาวเนียนจนสิ้น
เซียงเซียงผุดรอยยิ้มสมใจแล้วกัดเม้มริมฝีปากทำตาปรือหมายยั่วยวนอย่างลึกซึ้ง
ทว่าเสี้ยวเวลานั้น ร่างของนางกลับลอยละลิ่วเพราะแรงเหวี่ยงอย่างไร้ปรานีไปที่หน้าประตูห้อง กระทั่งบั้นท้ายงามงอนตกกระแทกพื้นเสียงดังตุบ กลิ้งขลุกขลักอีกสองตลบ หมดสภาพสาวงาม
“กรี๊ด!” หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง ตกใจอย่างมาก ผิดคาดไปหมด
ทันใดนั้น ทหารก็พุ่งพรวดเข้ามา “รัชทายาท!”
“ลากนางออกไป!” หมิงเฉิงคำรามเสียงต่ำ สายตาคมดำสาดประกายคมกริบราวกับจะปลิดชีพผู้คนได้
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารก้มหัวรับคำแล้วรีบลากร่างเกือบเปลือยของเซียงเซียงไปในสภาพอนาถยากขายได้ต่อ
“ไม่นะเพคะ ...ไม่!” เซียงเซียงดิ้นรนขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด “หม่อมฉันถูกส่งตัวมาจากขุนนางสกุลมู่นะเพคะ”
ร่างสูงยืนตระหง่านไม่ไหวติง ดวงตาสงบนิ่ง หาได้สนใจ
แน่นอนว่าสกุลมู่เป็นตระกูลใหญ่ แต่ตำหนักบูรพาก็มีสาวงามจากสกุลมู่แล้วหนึ่งคนมิใช่หรือไร?
ส่งมาเพื่อการใดอีก!
ล่วงเข้ายามดึก...
เปลวเพลิงบนเชิงเทียนหลายเล่มเริ่มมอดดับ ภายในห้องกว้างขวางที่เงียบสงัดจนวังเวง จึงมืดสลัวจนน่ากลัวเกินพรรณนา
เรือนร่างใหญ่โตของหมิงเฉิงยังคงนั่งนิ่งคล้ายแท่นศิลาหินดำทะมึนไม่ไหวติง ฝ่ามือหนายกจอกเหล้าขึ้นมาเพื่อดื่มน้ำเมาเข้าปากอึกใหญ่ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะแล้วปัดออกห่างอย่างไร้เยื่อใยอีกต่อไป
ร่างสูงค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปยังทิศทางหนึ่ง ก่อนจะผ่านม่านลูกปัดมุกเข้าห้องอาบน้ำ ที่สร้างบ่อน้ำพุร้อนเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ มีควันกรุ่นร้อนลอยวนตลอดเวลา
ที่หลังฉากกั้นลายพยัคฆ์ หมิงเฉิงถอดเสื้อคลุมออกไปให้พ้นตัว เผยสัดส่วนอันงดงามน่าเกรงขาม ไหล่หนา แขนล่ำ เส้นสายลายกล้ามแลดูเย้ายวนระคนน่ากลัว
รูปร่างเช่นนี้พาให้สตรีใจเต้นระรัวรุนแรง ทั้งยังเต้นระส่ำระส่ายแทบทะลุอกออกมา นักต่อนัก
ชายหนุ่มพาเรือนร่างสมส่วนชวนครั่นคร้ามไปหย่อนกายกำยำลงในสระน้ำอุ่น
ยามอาบน้ำ หมิงเฉิงมิใคร่นิยมให้นางกำนัลมาปรนนิบัติรับใช้ หรือแม้แต่สาวงามคนใด อนุนางใดก็ไม่เคยได้ปรนนิบัติชิดใกล้ให้รำคาญใจในห้องแห่งนี้
หากเขาต้องการปลดปล่อยก็จะให้สิทธิ์พวกนางเพียงรองรับอารมณ์ยามกระสันบนเตียงนอกห้องเท่านั้น
ทุกนางล้วนไร้ซึ่งพันธะหรือพันธนาการหัวใจ เสน่ห์หานางใดล้วนไม่อาจสะกดเขาให้ลืมตนจนปลดความระแวดระวังได้
โดยเฉพาะในยามนี้ ยามที่เป็นเวลาส่วนตัวที่สุดของเขา ให้เขาได้ทอดอารมณ์บางประการจนพอใจ
สายตาคมดำของเขาเหลือบมองสิ่งของบางอย่างตรงแผงอกหนาแน่นอันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากคมดาบและเขี้ยวหมาป่า สิ่งนั้นที่ห้อยคอแกร่งของเขามาเนิ่นนาน
ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นจับที่เขี้ยวแหลมคมสีขาวขึ้นพินิจใกล้ๆ ประกายเฉียบคมในแววตาจ้องมองสิ่งนี้อย่างลึกล้ำครู่ใหญ่
เกือบสิบปีแล้วที่เขายังคงระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นไม่เสื่อมคลาย
จนสุดท้ายเฉินหย่งจื้อจึงใช้วิธีต่ำช้า แผนนารีพิฆาตที่มีมาสมัยบรรพบุรุษถูกเลือกใช้อย่างเลือดเย็นเยวี่ยเหรินมีใบหน้างดงามพิลาศล้ำปานล่มบ้านล่มเมืองนางมีกิริยาอ่อนโยน นิสัยอ่อนหวาน กิริยาวาจาล้วนสมเกียรติสูงส่ง ใบหน้าพิสุทธิ์ซื่อสัตย์ มีดวงเนตรงามดั่งวารีทั้งใสกระจ่าง ทั้งเปี่ยมเสน่ห์แห่งสตรีเพศมากล้นนางคือคุณหนูในห้องหอที่เพียบพร้อมทุกสิ่ง คือสตรีของเฉินหย่งจื้อที่ยังไม่ถูกเรียกตัวเข้าวัง มีเดิมพันเป็นตำแหน่งฮองเฮาและคนทั้งตระกูลเยวี่ยเหรินเข้าหาเฉินเหอไท่ที่ยามนั้นเขายังพำนักอยู่ที่วังเจี้ยนอ๋องไม่ไกลจากวังหลวงของเฉินหย่งจื้อเวลาเนิ่นนานทีเดียวที่หญิงสาวใช้เสน่ห์มนต์มารทุกแขนงจนสำเร็จได้ด้วยดี กระทั่งกลายเป็นคนรักของเฉินเหอไท่ อย่างเต็มตัว รอเพียงแต่งงานอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ทว่าเมื่อสบโอกาสหลอกล่อเขาออกจากวังเจี้ยนอ๋องได้สำเร็จ เยวี่ยเหรินไม่อาจปล่อยผ่านรอให้เนิ่นนานจนตำแหน่งฮองเฮาหลุดมือใจกลางหุบเขาไค่กู่จึงเหมาะสมที่จะกลายเป็นสุสานของเฉินเหอไท่ ที่นั่นมีทหารนับพันพร้อมอาวุธครบมือซุ่มรออยู่ ในขณะที่เฉินเหอไท่เดินทางพร้อมราชองครักษ์ไม่มากทุกสิ่งล้วนเกินคาดการณ์ตามแผนสังหารที่
บ่าวรับใช้ทั้งชายและหญิงที่หน้าประตูห้องต่างพากันลอบมองสบตากันไปมา ก่อนจะแอบชำเลืองไปทางเฉินเหอไท่ด้วยความระมัดระวัง สายตาของพวกเขาล้วนแสดงความยำเกรงต่อเขา บางคนถึงกับตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุมได้ชายผู้นี้นับว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา หรือต่อให้ไม่ฆ่าใครก็ยังมีวิธีสยบได้อย่างน่าสะพรึงเป็นที่สุดดูอย่างสตรีที่ถูกส่งตัวไปเมื่อครู่นี่ปะไรร่วมรักจนหนำใจ ยังทิ้งคราบหลังเสร็จกิจเอาไว้ แล้วส่งให้คนรักของนางได้ดูชมไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่า ชายคนรักของนางจะมีสีหน้าอย่างไรและข่าวนั้นก็ไวปานไฟไหม้บนหญ้าฟางเมื่อเยวี่ยเหรินถูกส่งตัวไปปรากฏต่อหน้าพระพักตร์ของเฉินหย่งจื้อฮ่องเต้ พระองค์ทรงกริ้วจนเลือดขึ้นตา คว้ากระบี่สังหารเยวี่ยเหรินต่อธารกำนัลในทันทีทุกคนที่ได้เห็นและได้รับรู้ข่าวนี้ ล้วนรู้สึกพรั่นพรึงหวาดผวาต่อการกระทำของบุรุษทั้งสองคนที่ฝ่ายหนึ่งคือชายคนรักและอีกฝ่ายคือชายชู้ และสมเพชเวทนาต่อสตรีนามว่าเยวี่ยเหรินเหลือจะกล่าวข่าวนั้นถูกส่งให้เฉินเหอไท่ด้วยความรวดเร็วเช่นกันชายหนุ่มเพียงแสยะยิ้มสาแก่ใจ ความโหดเหี้ยมเลือดเย็นของเขาฉาบทับบนใบหน้าหล่อเหลาที่แสนจะเย็นชา สายตามีเพีย
คฤหาสน์แห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นดินอันเป็นชายแดนที่แสนจะทุรกันดารของแคว้นต้าซ่งภายในห้องนอนกว้างขวาง บนเตียงบุนวมขนาดใหญ่ กำลังมีกิจกรรมเคาะจังหวะผสานเสียงหอบครางดังระงมชายหนุ่มร่างใหญ่กำลังคร่อมหญิงสาวร่างเล็กตามอารมณ์กระสัน สองมือหนากอบกุมเอวบางเพื่อสอดใส่กลางลำตัวนาง แล้วกระแทกกระทั้นอย่างแรง ปราศจากความปรานีฝ่ายบุรุษคือเฉินเหอไท่ เจ้าของเรือนกายกร้าวแกร่งทรงพลังเปี่ยมเสน่ห์มากล้น กระทั่งตรึงโสตประสาทของฝ่ายสตรีเอาไว้อย่างหมดจด ทำเอานางสมองขาวโพลนไปหมด ฝ่ามือน้อยๆ กำปิ่นปักผมเอาไว้แน่น หาทางแทงอีกฝ่ายมิได้เสียทีสตรีใต้ร่างของเฉินเหอไท่มีนามว่าเยวี่ยเหริน ในมือนางมีมีดสั้นลักษณะพิเศษทำเลียนแบบปิ่นปักผมได้อย่างแนบเนียนเฉินเหอไท่หาได้สนใจปิ่นปักผมที่มีลักษณะปลายแบนบางเฉียบสาดประกายคมกริบในมือนาง เขายังคงควบจังหวะบนร่างนางอย่างโหดร้าย แววตาคมปลาบเผยเพียงความร้อนแรงแห่งเพลิงอารมณ์อึดใจเยวี่ยเหรินพลันสบโอกาสแทงปิ่นในมือปักฉึกที่หน้าอกด้านซ้ายของเฉินเหอไท่ ลึกเข้าไปยังตำแหน่งหัวใจที่กำลังเต้นแรง เลือดลมกำลังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง ชั่วพริบตานั้นชายหนุ่มจึงได้สติกลับคืน แววตาคมกริบ
เสียงเหล่านี้ดังมากจนกลบเสียงฮึกเหิมของเหล่าทหารหลายร้อย กลบกระทั่งเสียงอาวุธกระทบกันและเสียงเกือกม้าย่ำพื้นดินเพื่อรุมระห่ำมาทางเฉินเหอไท่ทุกผู้คนรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนที่ปลายเท้า ลำตัวของพวกเขาล้วนสั่นไหว ต่อมายังสั่นเทิ้มจนไม่อาจควบคุมได้ทหารทุกคนพากันชะงักนิ่งตะลึงลาน ทันใดนั้นแผ่นดินรอบด้านของพวกมันพลันปริแตกแล้วแยกออกจากกัน“อะ...อะไร?” ทหารหลายคนเริ่มส่งเสียงเซ็งแซ่“อ๊าก!” เริ่มมีเสียงร้องโหยหวนชวนผวา เมื่อจู่ๆ พื้นธรณีใต้ฝ่าเท้าของพวกมันเคลื่อนที่แยกตัวออกจนเป็นวงกว้าง แล้วดูดกลืนทั้งม้าทั้งร่างของทหารทุกคนให้ตกลงไป ไม่ใช่แค่ทีละคน แต่พวกมันตกลงไปทีเดียวทั้งหมด ซากศพกองเท่าภูเขาขนาดย่อมล้วนตกตามกันไปราวกับห้วงมหาสมุทรดูดกลืนทุกสรรพสิ่งไม่ต่างจากวังน้ำวน“ย๊า!”พวกทหารแหกปากผสานเสียงกันทันตาจนดังระงมกึกก้องไปทั่วน่านฟ้า เมื่อจู่ๆ พวกมันก็ถูกพื้นพสุธาทั้งผืนกลืนกินจนร่วงหล่นลงไปยังใต้พิภพพื้นดินแยกตัวออกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ดำลึกกว้างขวางกินพื้นที่ไกลมาก ทหารหลายร้อยคนก็คล้ายถูกสูบลงไปในนั้นจนสิ้นพวกมันทำได้เพียงร่ำร้องโหยหวนไม่เป็นภาษา สองมือแหวกว่ายอากาศอย่างน่าเวทนา นรกกำ
“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย เบื้องหน้าเราคือกบฏเฉินเหอไท่! จงจับตายสถานเดียว นำหัวของมันไปเสียบประจานหน้าประตูเมืองต้าซ่งถวายแด่องค์จักรพรรดิเฉิน!”ฉับพลันนั้นฟ้าสลัวรางที่มีแสงจันทรานวลเนียนสาดส่องลงมา ราวกับมีเมฆดำทะมึนของห่าฝนกระหน่ำโครมดั่งฟ้ารั่วครอบคลุมเหนือศีรษะของเฉินเหอไท่ เมื่อเหล่าอาชาไนยต่างพากันควบตะบึงยกดาบขึ้นเหนือหัวพุ่งตัวชายหนุ่มแค่นเสียงในลำคอคราหนึ่ง ถ่มโลหิตในปากออกไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง รอรับการปะทะอย่างยินดี ไร้ท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อยบนกองศพหลายร้อยประหนึ่งภูเขาลูกเล็ก กีบม้าศึกหลายร้อยตัวเริ่มขยับเมื่อถูกเจ้าของรองเท้าหนังหนาหนักตะปบสีข้างเหล่าทหารบนหลังม้ากระชับอาวุธในมือพร้อมพุ่งทะยานไปทางเจี้ยนอ๋อง หมายเผด็จศึกอันน่าพรั่นพรึงที่กินเวลาข้ามวันข้ามคืนนี้ให้จงได้ไม่มีการต่อสู้แบบยุติธรรมหนึ่งต่อหนึ่ง หากแต่เป็นการสังหารโหดแบบต่ำช้าที่เรียกว่าหมาหมู่รุมกินโต๊ะเสียงครืนครืนของม้าศึกที่ควบตะบึงอย่างพร้อมเพรียง ผสานเสียงกับการขู่คำรามของทหารหลายร้อยดังกึกก้องไปทั่วธรณี ยังมีเสียงโลหะกระทบกันหมายข่มขวัญยามประจัญบานทว่าการณ์กลับพลิกผัน หมาหมู่พ
พื้นพิภพที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับนรก อันเป็นที่อยู่อาศัยของภพมนุษย์พวกเขาบูชาเทพทุกองค์ สักการะฟ้าดินมาอย่างยาวนาน แม้จะมีจิตใจยึดเหนี่ยวในสิ่งเดียวกัน ปฏิบัติตามจารีตประเพณีแบบเดียวกันเสมอมา แต่ทว่ากลับชอบแข่งขันแย่งชิงกันเองอย่างโหดร้ายมาโดยตลอดรัชศกผู่เฮ่าปีที่เจ็ดเดือนสิบวันที่ห้าคืนเดือนเพ็ญภายในหุบเขาไค่กู่ ใจกลางมีพื้นที่ราบลุ่มอันกว้างใหญ่ไพศาล ลักษณะเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างสุดลูกหูลูกตาอันเป็นสมรภูมิรบที่กำลังปะทุดุเดือดร้อนระอุชวนเลือดลมพลุ่งพล่านในยามนี้ รอบด้านมีแต่ซากศพคนตาย รอบทิศเต็มไปด้วยเศษร่างที่กระจัดกระจายของเนื้อหนังมนุษย์นับร้อยอาณาบริเวณแปดทิศมียอดหญ้าที่ควรเขียวขจีชุ่มโชกไปด้วยธารโลหิตสีแดงฉานที่สาดกระเซ็นไหลเป็นทางจนเจิ่งนองพื้นดิน โชยกลิ่นคาวคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ชวนสะอิดสะเอียดเหลือจะกล่าวกลิ่นสาบสางชวนคลื่นเหียนเหล่านี้กำลังลอยวนในอากาศ อยู่รอบกายแกร่งทรงพลังของบุรุษผู้หนึ่ง เขาอยู่ในชุดเกราะสีดำสนิทเรือนกายหนาแน่นกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา เผยให้เห็นเลือดสีแดงสดไหลทะลัก ตามแนวชุดเกราะที่ปริแตก ตามรอยแยกนั้นมีบาดแผลฉกรรจ์มากมายหลายสายใบหน้าหล