ตำหนักจ้าวฮวงโหว
จ้าวจิ้งเทียนคิดไตร่ตรองเรื่องของเจินเซียงมาสักพักก่อนจะเข้าไปขอพบกับจ้าวฮวงโหวเสด็จแม่ของเขา
"ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ลุกขึ้นเถิด มานั่งข้างแม่เร็วเข้า จิ้นหมิง"
จ้าวจิ้งเทียนลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว เขามองพระพักตร์ของเสด็จแม่ตนเองอย่างลำบากใจ
เรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าเขาจะแก้ไขเองจริงๆ
"ว่าอย่างไรจิ้นหมิง"
"ที่ลูกมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่วันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญสองเรื่องอยากกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ"
"ไหนเจ้าว่ามาสิ"
จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองเหล่านางกำนัลเป็นเชิงให้ออกไปให้หมด ก่อนจะยกมือขึ้นไปปลดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนของเขา รอยแผลบนใบหน้าจางหายไปจนหมดสิ้นแทบไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้ ราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลน่ารังเกียจนั่นอยู่บนใบหน้าของเขามาก่อน
"จิ้นหมิง!!! ลูกแม่ นี่เจ้า หมอเทวดารักษาเจ้าจนหายดีแล้วหรือ สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก!!!"
จ้าวฮวงโหวยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของจ้าวจิ้งเทียนอย่างดีใจปนตกใจ น้ำตาของนางเอ่อคลออย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จ้าวจิ้งเทียนกุมมือของพระมารดาเอาไว้ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะยิ้มให้จ้าวฮวงโหวด้วยสายตาอ่อนโยน
"ไม่ใช่หมอเทวดาที่ไหนหรอกพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นบุตรสาวฝาแฝดของท่านเสนาบดีหลิวเทียนเฉิงพ่ะย่ะค่ะ"
"บุตรสาวของเสนาบดีหลิว?"
"พ่ะย่ะค่ะ นางชื่อหลิวลี่เซียน"
จ้าวจิ้งเทียนเล่าเรื่องราวย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เขาได้พบกับหลิวลี่เซียนให้จ้าวฮวงโหวรับฟัง
"เจ้ารีบตามนางเข้าวังหลวงมาพบแม่เร็วเข้า"
"พ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองชุนหลางองครักษ์คนสนิทของเขา ชุนหลางโค้งกายทำความเคารพก่อนจะก้าวออกไปจากตำหนัก ก่อนจะใช้ผ้าปิดหน้าของเขาเอาไว้เช่นเดิม
"เรื่องใบหน้าของลูกขอให้เสด็จแม่เก็บไว้เป็นความลับก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมเล่า เจ้าจะได้ลบคำนินทากล่าวหาที่เหล่าขุนนางหาเรื่องปลดเจ้าไม่เว้นแต่ละวันเสียที"
"เชื่อลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"
จ้าวฮวงโหวพยักหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อาจขัดใจพระโอรสของพระนางได้
"ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ"
"รีบเล่ามาเร็วเข้า"
"เรื่องของเจินเซียง"
"เจินเซียงทำไมหรือ"
จ้าวจิ้งเทียนก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจเข้าก่อนจะมองพระพักตร์ของจ้าวฮวงโหว
เขาตัดสินใจเล่าเรื่องที่เจินเซียงมีคนรักและพลาดท่าเสียทียินยอมให้ชายหนุ่มผู้นั้น รวมถึงเรื่องที่เหมยไป๋อวี้ข่มขู่เขาที่หอเสี่ยวเอ้อวันนั้น
"เสด็จแม่!!!"
เมื่อจ้าวฮวงโหวได้ยินเช่นนั้น นางพลันล้มทั้งยืนจนจ้าวจิ้งเทียนต้องรีบประคองพระมารดาเอาไว้ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนคนไร้สิ้นความหวังของจ้าวฮวงโหว ทำให้เขาเจ็บปวดใจยิ่งนัก
จ้าวฮวงโหวรู้ดีว่าจวนโหวตระกูลเหมยของพระมเหสีรองเหมยนั้น ต้องการทำลายตระกูลเจินของนาง และต้องการปกครองวังหลังแทนนาง นางมั่นใจมาตลอดว่าตระกูลเหมยไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้สำเร็จ
แต่เจินเซียง!!! หลานสาวของนาง ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า
หรือว่าคราวนี้จะถึงจุดจบที่นางต้องพ่ายแพ้แก่พระมเหสีรองเหมยแล้วจริงๆ งั้นรึ
"ไปตามเจินเซียงมาพบข้า!!!"
หลิวลี่เซียนที่เพิ่งกลับถึงจวนตระกูลหลิว และกำลังจะรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวพลันต้องหยุดชะงัก เมื่อขันทีประจำวังหลวงเดินทางมาประกาศพระราชโองการให้นางเข้าพบจ้าวฮวงโหวอย่างเร่งด่วน หลิวลี่เซียนทั้งตกใจและแปลกใจไม่น้อย จ้าวฮวงโหวต้องการพบนางด้วยเหตุใดกัน
หลังจากที่จัดการเปลี่ยนชุดเรียบร้อย นางก็ตามขันทีเข้าวังหลวงไปท่ามกลางสายตาที่สงสัยใคร่รู้ของหลิวลี่ซือ
ฝ่ายเจินเซียงนั้นนางก็เพิ่งกลับถึงจวนตระกูลเจินได้ไม่นานก็ต้องเดินทางเข้าวังหลวงตามรับสั่งของจ้าวฮวงโหว เมื่อมาถึงวังหลวงเจินเซียงก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลิวลี่เซียนกำลังเดินลงมาจากรถม้าเช่นกัน
"ลี่เซียน เจ้าเข้าวังมาอีกทำไม ไม่ใช่ว่าเจ้ากลับจวนไปแล้วหรือ?"
"ข้ากลับไปถึงจวนแล้ว แต่มีรับสั่งจากจ้าวฮวงโหวให้ข้าเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วน"
"เจ้าถูกท่านน้ารับสั่งให้เข้าเฝ้าหรือ?"
"เจ้าก็ด้วยเหรอ"
เจินเซียงพยักหน้า ก่อนจะหันไปสบตากับหลิวลี่เซียน ต้องมีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลแน่นอน ไม่เช่นนั้นจ้าวฮวงโหวคงไม่รับสั่งให้นางทั้งสองเข้าวังพร้อมกันเช่นนี้
ตำหนักจ้าวฮวงโหว
จ้าวฮวงโหวมีรับสั่งให้ขันทีนางกำนัลออกไปให้หมดเหลือเพียงคนที่สนิทและไว้ใจได้เท่านั้น ตอนนี้นางกำลังเอนกายอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หลิวลี่เซียนและเจินเซียงที่มาถึงรีบคำนับถวายพระพร จ้าวฮวงโหวโบกมือก่อนจะค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้น
"เจ้าคงเป็นธิดาของเสนาบดีหลิวนามว่าหลิวลี่เซียนใช่หรือไม่"
"เพคะจ้าวฮวงโหว"
หลิวลี่เซียนที่ก้มหน้าอยู่เอ่ยตอบคำถามที่จ้าวฮวงโหวถามมาโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น นางก้มหน้ามาตลอดตั้งแต่เดินเข้ามาในตำหนักจนถึงตอนนี้
"เงยหน้าขึ้นให้ข้าดูได้หรือไม่?"
หลิวลี่เซียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองจ้าวฮวงโหวผู้ที่มีใบหน้าเหมือนคุณแม่ของนางในโลกปัจจุบันด้วยความประหม่า
แต่ที่ทำให้นางตกใจยิ่งไปกว่านั้น คือบุคคลที่นั่งอยู่ข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว คอยประคองพระนางไว้ตลอดเวลา
จิ้นหมิง!!!
จ้าวจิ้งเทียนรู้สึกประหม่าไม่น้อย ความจริงเขาตั้งใจจะบอกนางด้วยตนเอง ไม่อยากให้นางรู้ความจริงเร็วเช่นนี้ แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติเขาจึงจำใจต้องเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนเอง
สายตาของหลิวลี่เซียนมองมาที่เขาด้วยความสับสนปนเปไปกับความไม่เข้าใจ รอให้จัดการปัญหาตรงนี้เรียบร้อยเขาจะต้องหาทางอธิบายให้นางฟัง
"บุตรสาวฝาแฝดของท่านเสนาบดีหลิวช่างงดงามนัก"
"ขอบพระทัยเพคะ"
"ก่อนอื่นข้าต้องขอโทษเจ้าแทนจิ้นหมิงด้วย ที่เขาไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรกว่าเขาคือองค์รัชทายาท"
หลิวลี่เซียนเพียงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ถึงแม้ในใจของนางจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ยังคงไม่แสดงสีหน้าอะไรออกไป
"ขอบใจเจ้ามากที่รักษาบาดแผลบนใบหน้าของจิ้นหมิง ครั้งนี้เป็นความดีความชอบของเจ้า ข้าจะให้คนส่งของขวัญไปที่จวนของเจ้าแล้วกัน"
"ทูลจ้าวฮวงโหว หม่อมฉันไม่ต้องการสิ่งของตอบแทนเพคะ"
จ้าวฮวงโหวที่เริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย มองหลิวลี่เซียนด้วยความสนใจปนเอ็นดู ทำไมกันนะ นางถึงรู้สึกถูกชะตาต้องใจกับสาวน้อยนางนี้อย่างอธิบายไม่ถูก
กูกู คนสนิทของจ้าวฮวงโหวกำลังจะเอ่ยปากเตือนหลิวลี่เซียน แต่ถูกจ้าวฮวงโหวยกมือห้ามเอาไว้ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หลิวลี่เซียน
"เหตุใดเจ้าถึงไม่ต้องการ"
หลิวลี่เซียนเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะก้มศีรษะลง
"ตอนนั้นหม่อมฉันไม่ทราบว่าจิ้นหมิง เอ่อ องค์ชายคือองค์รัชทายาท หม่อมฉันขอประทานอภัยที่ทำการล่วงเกินพระองค์เพคะ"
หลิวลี่เซียนหันไปโค้งกายคำนับจ้าวจิ้งเทียนทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ชิงชิง เจ้าทำความเคารพข้าวันนี้เพื่อเชือดข้าในวันหน้าใช่รึไม่
"หม่อมฉันคิดเพียงว่าได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เพียงเท่านั้น ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนเพคะ"
จ้าวฮวงโหวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางรับรู้ได้ถึงความจริงใจจากหลิวลี่เซียน
"หากเจ้าไม่รับ ข้าคงไม่บังคับเจ้า"
หลิวลี่เซียนยิ้มน้อยๆ นางไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทนมากไปกว่าการได้ช่วยเหลือคน แต่ที่เหนือความคาดหมายคือ จิ้นหมิง เขาเป็นถึงองค์รัชทายาท
จ้าวฮวงโหวละสายตาจากหลิวลี่เซียนมองไปที่เจินเซียง เจินเซียงที่กำลังปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยความสับสนพลันรู้สึกเย็นวาบเมื่อได้สบตากับจ้าวฮวงโหว
กูกู คนสนิทคนเดิมก้มลงกระซิบที่ข้างกายจ้าวฮวงโหวว่าจะให้คนพาหลิวลี่เซียนออกไปก่อนหรือไม่ นางส่ายหน้าไปมาช้าๆ เรื่องนี้จิ้นหมิงเล่าให้นางฟังแล้ว เด็กสาวผู้นี้ช่างเป็นคนจิตใจดียิ่งนัก ไม่คิดแก่งแย่งและทรยศสหายของตนเอง
"เจินเซียง"
"เพคะ"
"เจ้ามีอะไรจะสารภาพกับข้าหรือไม่"
ประโยคนี้ทำให้เจินเซียงหน้าซีดเผือด นางมองไปที่หลิวลี่เซียนสลับกับจ้าวจิ้งเทียนด้วยความลนลาน
"จนป่านนี้แล้วเจ้ายังคิดจะโกหกข้าหรือ!!!"
"เสด็จแม่ ทรงเย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวฮวงโหวพยายามสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด ก่อนจะหันไปมองเจินเซียงอีกครั้ง
"เจ้าลักลอบมีสัมพันธ์กับชายอื่นที่ไม่ใช่จิ้นหมิง!!! เจ้าเป็นว่าที่พระชายา ทำไมถึงได้ทำตัวหมิ่นเกียรติตนเองเช่นนี้!!!"
เจินเซียงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากจ้าวฮวงโหวนางพลันทรุดตัวล้มลงร้องไห้จนขาดสติ หลิวลี่เซียนที่เห็นดังนั้นรีบนั่งลงไปพยุงเจินเซียงเอาไว้
"หม่อมฉันไม่ได้รักเสด็จพี่ ฮือออ หม่อมฉันมีคนรักอยู่แล้ว หม่อมฉันไม่อยากเป็นพระชายา ไม่อยากเป็นเพคะ ฮือออ"
คำพูดเหล่านั้นพรั่งพรูออกจากปากของเจินเซียงก่อนที่นางจะหมดสติไป หลิวลี่เซียนรีบจับชีพจรของเจินเซียงอย่างร้อนใจ ก่อนจะเงยหน้าไปมองจ้าวจิ้งเทียนเพื่อบอกเป็นนัยให้เขาพาเจินเซียงไปพัก
ด้านจ้าวฮวงโหวที่ตอนนี้โมโหอย่างสุดขีดพลันหายใจไม่ทั่วท้องจนรู้สึกหน้ามืดตาลาย หลิวลี่เซียนที่เห็นดังนั้นนางรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปประคองจ้าวฮวงโหว
กว่านางจะรู้ตัวก็เมื่อถูกกูกูคนสนิทของจ้าวฮวงโหวชักสีหน้าใส่ด้วยความไม่พอใจ แต่นางไม่ถือสาอะไร ในใจนางตอนนี้เป็นห่วงจ้าวฮวงโหวที่เหมือนกับคุณแม่ของนางยิ่งนัก
"ถอยไป เจ้าอย่าบังอาจถูกพระวรกายของจ้าวฮวงโหว!!"
"ไม่เป็นไร"
จ้าวฮวงโหวรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยหลังจากที่หลิวลี่เซียนพยายามนวดเบาๆ เมื่อเข้าใกล้นางจ้าวฮวงโหวพลันรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมบางอย่าง เป็นกลิ่นหอมที่ชวนให้สบายกายสบายใจยิ่ง
"ถุงหอมของเจ้าช่างหอมนัก เจ้าได้มาจากที่ใดหรือ ข้าได้กลิ่นแล้วรู้สึกดียิ่ง"
หลิวลี่เซียนยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดถุงหอมที่เอวมาวางไว้ใกล้ๆ หมอนของจ้าวฮวงโหว
"ถุงหอมนี้หม่อมฉันทำขึ้นมาเองเพคะ มีส่วนผสมของดอกไม้รากไม้สมุนไพรจีนเล็กน้อย ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนหน้ามืดยามต้องออกมาทำธุระนอกจวนเป็นเวลานานเพคะ"
จ้าวฮวงโหวพยักหน้าเล็กน้อย แววตายิ่งเพิ่มความเอ็นดูมากขึ้นไปอีกไม่น้อย
"ตำหนักของพระองค์มีพุทราหรือไม่เพคะ?"
"พุทราหรือ"
"เพคะ พุทราช่วยบรรเทาอาการเย็นตามพระวรกาย มีฤทธิ์อุ่นร้อนจะทำให้พระองค์รู้สึกดีขึ้นนะเพคะ"
ความรู้นี้นางได้มาจากคุณพ่อของนางเมื่อชาติที่แล้ว พ่อของนางชอบศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพรโบราณ นางที่ชอบติดตามไปด้วยจึงได้ความรู้ติดตัวมาไม่น้อย
จ้าวฮวงโหวรู้สึกชื่นชมหลิวลี่เซียนในใจไม่น้อย ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของจ้าวจิ้งเทียน เขาลอบยิ้มในใจ ชิงชิง เจ้าช่างเป็นหญิงงามที่น่าค้นหายิ่งนัก
หลังจากที่ส่งหลิวลี่เซียนกลับจวนไปแล้ว จ้าวฮวงโหวได้ให้คนไปตามหมอหลวงมาดูอาการของเจินเซียงก่อนจะส่งนางกลับจวน
"จะทำเช่นไรต่อไปดีพ่ะย่ะค่ะ"
"ตระกูลเหมยต้องการให้บุตรสาวคนรองขึ้นมาเป็นพระชายาเอกของเจ้า เรื่องนั้นข้าไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น ส่วนเจินเซียงคงต้องทูลต่อฝ่าบาทว่านางล้มป่วยหนัก การอภิเษกให้เลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด"
"พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"
"ยังมีอีกเรื่องจิ้นหมิง"
"เรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"บุตรสาวเสนาบดีหลิวนางนั้นแม่รู้สึกถูกชะตายิ่ง แม่อยากได้นางเป็นบุตรสาวบุญธรรม"
"อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ?"
"แม่จะให้นางเลื่อนขั้นเป็นกงจู่ องค์หญิงลำดับที่สองต่อจากจ้าวเฟยหยาง เจ้าเห็นเป็นเช่นไร"
จ้าวจิ้งเทียนรู้สึกงุนงงอย่างยิ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าเสด็จแม่จะโปรดปรานหลิวลี่เซียนถึงขนาดนี้
"จะทูลเสด็จพ่อว่าเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องใบหน้าของเจ้าเปิดเผยเถอะ แม่จะนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลเสด็จพ่อถึงความดีความชอบของนาง หากวันหน้าเจ้าอยากแต่งนางเป็นชายารอง แม่ก็ไม่ขัดเจ้า"
หลิวลี่เซียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ร่างกายของนางอย่างตั้งรับเอาไว้แทบไม่ทัน"ดื่มน้ำก่อนนะคะ คุณหนู"หลิวลี่เซียนหันไปมองก่อนจะพบเข้ากับเลขาหวัง เลขาประจำตัวของนางที่เพิ่งจ้างเข้ามาทำงานให้เมื่อห้าปีก่อนเดี๋ยวนะ!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?หลิวลี่เซียนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะมองสังเกตไปโดยรอบ ก็พบว่าตอนนี้ตนเองกำลังใส่ชุดของโรงพยาบาลอยู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางย้อนกลับมาร่างเดิมเช่นนั้นหรือ?หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นบีบหว่างคิ้วที่ปวดหนึบขึ้นมาเสียดื้อๆ ความคิดมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของนางอย่างไม่จบไม่สิ้น"คุณหนูชิงชิงคะ อีกเดี๋ยวคุณหมอคงจะมาแล้วค่ะ""เลขาหวัง""คะคุณหนู?""ข้า เอ่อ ฉันหลับไปนานเท่าไร แล้วที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"เลขาหวังขมวดคิ้วมอง 'จ้าวชิงชิง' ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ยอมเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังทุกเรื่องเลขาหวังเล่าว่า คุณพ่อของจ้าวชิงชิงโทรมาหาเลขาหวังกลางดึกให้รีบพาตำรวจมาที่บ้านโดยด่วนที่สุด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรท่านประธานจึงให้เรียกตำรวจเข้าไปในเวลาดึกดื่นเช่นนี้แต่เมื่อเธอไปถึงก็พบว่าหลี่เย่สามีของจ้าว
ภายในคุกหลวงที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่าง ปรากฏร่างของเหมยฮวาชิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นที่มีหนูตัวน้อยใหญ่ไต่ยั้วเยี้ยไปมาอย่างน่าขนลุก"ได้เวลาดื่มยาพิษแล้ว"เสียงผู้คุมคุกหลวงที่นางได้ยิน ราวกับเสียงแห่งขุมนรกกำลังเรียกร้องหานาง นางไม่อาจจะยอมรับได้เลยว่า สุดท้ายแล้วนางต้องมาตกตายด้วยยาพิษที่ตนเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของนางเองหลังจากเหมยฮองเฮาตายจากไปแล้ว ก็มีคำสั่งให้ประหารคนตระกูลเหมยจนสิ้นซาก ไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว บ่าวไพร่ถูกโบยจนตกตายไปตามกัน ป้ายคำสั่งทหารนับแสนนายที่เคยอยู่ในมือของท่านพ่อก็ถูกยึดคืนสู่ราชสำนักไปหมด จ้าวจิ้งเทียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก เขาถอนรากถอนโคนตระกูลเหมยจนสิ้นซากไร้การได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งจวนตระกูลเหมยถูกยึดเป็นสมบัติคลังหลวง ตระกูลเหมยที่เคยโอ่อ่าใหญ่โต อำนาจบารมีล้นฟ้า ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย สุดท้ายแล้วกลับหายสาบสูญตายจากไปอย่างไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเหมยฮวาชิงถูกกรอกยาพิษทุกวัน วันละสามมื้อ หลิวลี่เซียนช่างจิตใจอำมหิตจนน่าหวาดกลัวเหมยฮวาชิงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเบิกโพลงกระอักเลือดออกมาคำโต ช่วงชีวิตสุดท้ายของนางนั้น นางนึกหวนย้อนไปถึง
รัชศกจิ้งเทียนปีที่หนึ่งหลิวลี่เซียนกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองดูตนเองถูกเหล่านางกำนัลจัดแต่งอาภรณ์ให้ด้วยความใส่ใจ นางยกยิ้มมุมปากมองดูสตรีที่สูงส่งตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ นี่ใช่นางจริงหรือ? ราวกับฝันไปเสียจริงๆ"ได้เวลาแล้วเพคะฮองเฮา"หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะมองไป๋หลางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ไป๋หลางนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นนางกำนัลคนสนิทของหลิวลี่เซียนคอยรับใช้อยู่ข้างกายนางหลิวลี่เซียนนั่งอยู่บนเกี้ยว มองดูเหล่าขันทีนางกำนัลหมอบกราบทำความเคารพนางด้วยสายตาอ่อนโยนมีเมตตา เสียงดนตรีบรรเลงขับขาน ช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกตื้นตันในใจเหลือคณานางกับจ้าวจิ้งเทียนอภิเษกสมรสกันเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไท่ซังหวงทรงสละราชสมบัติ จ้าวจิ้งเทียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาหลิวฮองเฮาสวมชุดสีแดงปักลายหงส์คู่มังกร แถบเซี๊ยะเพ่ยปักลายหงส์พิลาสคู่ มงกุฎหงส์เป็นรูปแบบดั้งเดิมของราชวงศ์ต้าโจว มีหงส์รำแพนคู่หนึ่งตัว ด้านข้างคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ประดับด้วยทับทิมและอัญมณี ส่งเสริมให้พระนางดูงามสง่าและน่าเกรงขามยิ่งนัก ใบหน้าที่งดงามดูทรงอำนาจชวนมอง ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้ฮ่องเต้จ้
หลิวลี่ซือจ้องมองร่างอันไร้ซึ่งลมหายใจของเหมยฮองเฮาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากคุกหลวงโดยไร้ซึ่งพิรุธใดๆ นางเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ชื่นชมบรรยากาศภายในวังหลวงยามค่ำคืนอย่างสงบเยือกเย็นคืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามเหลือเกิน ท่านแม่เจ้าคะ ป่านนี้ท่านคงกำลังชื่นชมข้ากับท่านพี่ลี่เซียนอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่หรือไม่?รุ่งเช้าข่าวการตายอย่างปริศนาของเหมยฮองเฮาก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งวังหลวง สภาพศพช่างน่าเวทนาและน่าขยะแขยงไปในคราเดียวกัน อดีตฮองเฮาพระองค์นี้ช่างอายุสั้นยิ่งนัก เพิ่งจะได้เสวยความสุขอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดได้ไม่นาน ก็ร่วงตกลงมาสู่ความตายเบื้องล่างอย่างน่าอนาถในที่เกิดเหตุพบผ้าคลุมผืนหนึ่งปักตัวอักษรฮวาชิงเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของฆาตกรที่ใช้ฆ่าอดีตฮองเฮา ผู้คุมคุกหลวงถูกสอบสวนอย่างหนัก เขาให้การว่ามีนางกำนัลของตำหนักพระชายารององค์รัชทายาทมาขอพบกับอดีตฮองเฮา บอกว่าพระชายารองให้นำสิ่งของมามอบให้อดีตฮองเฮา หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นเดินออกมา อดีตฮองเฮาก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว กว่าจะทราบว่านางตายก็เกือบจะรุ่งสางของอีกวันเหมยฮวาชิงถูกควบคุมตัวมา
จ้าวเฟยหรงมองเหมยฮองเฮาด้วยแววตาเย็นเยียบ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขารักยิ่ง นางถึงกับกล้ามาวางยาพิษเชียวหรือ ช่างบังอาจเทียมฟ้ายิ่งนัก!!!"นังคนสารเลว!!!""หึ!! ไม่ใช่แค่บุตรชายของเจ้านะ แม้แต่แม่ของเจ้าก็ถูกข้าวางยาพิษมานานเสียจนร่างกายอ่อนแอ อีกไม่นานนางคงจะไปสู่ปรโลกอย่างเป็นสุขพร้อมกับบุตรชายของเจ้า ฮ่าาๆๆๆ""นังคนสารเลว สุดท้ายเจ้าก็หลุดปากออกมาทั้งหมดว่าเจ้าเป็นคนทำ!!!""แล้วอย่างไรเล่า!! ข้าเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง คนในตระกูลข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"จ้าวจิ้งเทียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ ใครเชื่อนางก็บ้าเต็มทนแล้ว เขามองนางด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะเอ่ยปากกับนาง"คนในตระกูลของเจ้าจะมีส่วนรู้เห็นในความเลวของเจ้าหรือไม่นั้น ข้าจะเป็นคนสืบหาเอง!!!"จางอิงอิงมองเหมยฮองเฮาก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก นางค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังของเหมยฮองเฮาด้วยฝีเท้าที่เบาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะใช้เข็มเงินอาบยาพิษแทงเข้าไปที่ต้นคอของเหมยฮองเฮาฉึก!!!"อ๊าาาา"หลิวลี่เซียนอาศัยช่วงเวลาชุลมุนนี้ กระทุ้งศอกไปที่ปลายคางของเหมยฮองเฮาอย่างแรงจนนางมึนงง เซถลาใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน"จับนางไว้!!!"เหล่าทหารจับ
หลิวลี่เซียนยื่นมือไปทุบประตู หวังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่ามันร้อนเสียจนนางต้องรีบชักมือกลับ ควันสีขาวภายในห้องยิ่งพวยพุ่งมากขึ้นจนนางรู้สึกจุกแน่นที่จมูกและเริ่มหายใจไม่ออก นางถอยหลังออกมาทรุดตัวลงนั่ง สติเริ่มรางเลือนลงไปทุกขณะ"ชิงชิง"หลิวลี่เซียนพยายามประคองสติและเงยหน้าไปมอง ร่างของนางถูกจ้าวจิ้งเทียนช้อนตัวอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ก่อนที่เขาพานางพุ่งทะยานออกมาจากเรือนที่ไฟกำลังไหม้ลุกโหม"แค่ก แค่ก""เป็นอย่างไรบ้าง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าน้อยๆ นางเองรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่ได้ออกมาจากควันสีขาวที่ลอยคลุ้งเช่นนั้น"ท่านมาได้อย่างไร""ข้ารู้สังหรณ์ในใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเจ้าก่อนถึงวันแต่งงานของเรา ข้าคาดเดาไว้ไม่ผิดเลย พวกมันลงมือรวดเร็วยิ่งนัก""ลี่เซียน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ""ท่านพี่ ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ซินฮวาเล่า""นางสำลักควันจนหมดสติ หมอหลวงกำลังดูอาการอยู่""เหตุใดไฟจึงไหม้ได้เจ้าคะ""คาดว่าเหมยฮองเฮาคงจะลงมือแล้ว สายสืบภายในของข้าที่แฝงอยู่ในตำหนักนางถูกนางสังหารจนสิ้นไปเสียแล้ว"หลิวลี่เซียนใจหล่นวูบ นางมองจ้าวฝูหมิงด้วยสายตาเป็นกังวล จ้าวฝูหมิงรับรู้ในความกังวลของน